อ่านของคนอื่น ๆ มานาน เราเลยอยากแสดงความคิดเห็นบ้าง ไม่ผิดกติกานะ
1. ฉากรบ สงครามก่อนเสียกรุง ครั้งที่ 1 จนทำให้พระนเรศวร และพระราเมศวร ต้องทรงไปเป็นตัวประกันที่หงสา พร้อมกับ พระยาจักรี พระสุนทรสงคราม นั่นน่ะ ดูไม่ยิ่งใหญ่อลังการ และบีบคั้นอารมณ์ให้ผู้ดูรู้สึกถึงความสูญเสีย ความพ่ายแพ้ ถึงความหมดสิ้นของศักดิภูมิของชาติไทย ต้องกลับกลายไปเป็นเมืองขึ้นของพม่า
เราว่า ในฐานะของผู้ดูชาวไทยคนหนึ่งนะ ทำไมไมยืมฉากสงครามในสนามรบ จากเรื่อง สุริโยทัย มาใช้ในบางช่วงบางตอน ก็ไม่เห็นจะเสียหายอะไรเลย เพราะเราเห็นแต่มุมกล้องแคบ ทหารไทย ทหารพม่า มีไม่กี่ร้อยเอง
2. ในเรื่องที่บุเรงนอง ทรงให้ความยกย่อง ความสำคัญแก่พระนเรศวร เราว่า มากไปหน่อย ถึงแม้ พระองค์จะทรงเอ็นดูพระนเรศวรว่าทรงเก่งกาจสามารถ แต่ก็น่าจะอยู่ในฐานะเชลย จะดูโกรธเกรี้ยวแทนพระนเรศเหมือนเป็นเชื้อชาติพม่า ก็ไม่น่าใช่
แล้ว ลักไวทำมู จะทำเป็นแข็งขืนไม่พอพระทัยต่อหน้าบุเรงนอง ตอนที่พระองค์ทรงบังคับให้กราบขอพระราชทานอภัยพระนเรศวร นั้นไม่น่าเป็นไปได้ เพราะผู้ชนะสิบทิศอย่างบุเรงนอง นั้น ทรงมีทั้งพระราชอำนาจ พระบารมี และความเด็ดขาด ใครจะกล้ากระทำอะไรต่อหน้าบุเรงนอง มีหวังหัวขาดง่าย ๆ
3. เรื่อง ไก่สยาม เราว่านะ มาง่ายไปหน่อย อยู่ ๆ ก็บินมาอยู่ในวัด แถมยังเป็นพันธ์ดี สุดยอดเสียด้วย ดูไม่สมเหตุสมผลเลย เราว่า พระนเรศวร ไปได้มาจากโยเดีย หรือมีชาวไทยที่ถูกกวาดต้อนมาทูลเกล้าถวาย ยังน่าเชื่อกว่านี้อีก
4. ไม่เห็นมีการประลองทั้งทางบู๊ ทางบุ๋น ระหว่าง เจ้านายรุ่นเด็ก ๆ ประเทศราชของบุเรงนองและราชวงศ์พม่า (เพราะพระองค์ก็มีการนำเอาพระราชโอรสของเมืองที่ตีได้มาเป็นตัวประกันเช่นเดียวกับพระนเรศวรเช่นเดียวกัน) ต่อพระพักตร์บุเรงนองเลย เพราะ ถ้าคิดตามหลักความเป็นจริง แล้วคนอื่น ๆ จะรู้ถึงความเก่งกาจ จนน่าคร้ามเกรงของพระนเรศวรได้อย่างไร จนเป็นที่โปรดปรานของพระเจ้าบุเรงนอง จนทำให้เป็นที่อิจฉาริษยาของคนอื่นไปทั่ว
และเราว่า น้องที่เล่นเป็นพระนเรศวร จะอ้วนไปหน่อยนะ เลยไม่สามารถสื่อลักษณะแคล่วคล่องในการสู้รบแบบนักรบออกมาได้ (ฉากกระโดดเตะ 2 ข้างที่สะพาน เหมือนหนังจีนกำลังภายในไปหน่อย เลยดูตลกมากกว่าจะทึ่ง)
และท่าทางก็ยังไม่ลึกพอ ที่จะได้รับบทนี้
5. แม้ในฉากพระราชวังจะดูประณีต บรรจง แต่ความรู้สึกเราว่า ขาดความยิ่งใหญ่ไป เพราะ พระราชวัง ทั้งหงสาวดี และ กรุงศรีอยุธยา น่าจะยิ่งใหญ่กว่านั้น เราเทียบพระบรมมหาราชวัง กับพระนครศรีอยุธยา ว่าเหมือนกัน
คือไม่ได้ว่าต้องสร้างให้เหมือน แต่ใช้การเขียน (ที่ดีกว่าที่เห็นในภาค 1 เพราะเหมือนกับหนังจักร ๆ วงศ์ ๆ) และใช้การตัดต่อที่เนียนกว่านี้
6. เราไม่รู้ประวัติศาสตร์เท่าไหร่นักนะ แต่ก็รู้สึกแปลกใจที่พระนเรศวรบวช และได้เรียนทั้งบู๊และบุ๋นกับมหาเถรคันฉ่อง ที่เป็นทั้งพระอาจารย์ของบุเรงนองด้วย แต่บุเรงนองก็แก่กว่าพระอาจารย์อีก
7. เสียดายเรื่องอายุของตัวแสดง เหมือนผู้อื่น
8. ฉากตัดไปตัดมารวดเร็วเกินไป ไม่ทำให้เกิดการซาบซึ้งได้ คือเหมือนว่า คนดูควรรู้แล้ว เลยทำไปให้เต็ม มันทำให้ขาดความต่อเนื่อง
สรุปคือ ถ้าตัวหนัง 100% ควรจะแบ่งเป็น ฉากเสียกรุง 40% ฉากพระนเรศวรถูกนำเป็นองค์ประกัน และฉากเริ่มเรียน อายุ 9-10 ปี สัก 30% และฉากตอนวัยรุ่น ตอนที่ฝึกปรือจนฝีมือจัดจ้าน และทรงเป็นที่ริษยา รวมทั้งกลับกรุงศรีอยุธยา อีก 30%
แต่เราก็จะตามดูภาค 2 และภาค 3 ต่อไป และก็จะดูเพชรพระอุมาด้วย
เราไม่ได้เสียดสี หรือตั้งใจจะมีเจตนาไม่ดีต่อผู้สร้างนะ เพราะเราก็อยากให้มีหนังไทยดี ๆ และขายได้ทั่วโลก เพราะมันก็เป็นความภูมิใจของคนไทย ที่ได้แสดงประวัติศาสตร์ชาติไทยอันน่าภาคภูมิใจไปให้คนไทยและต่างชาติได้รับรู้
และก็อย่ามาบอกให้เราไปสร้างหนังแข่งกับท่านนะ ถ้าทำได้ดีกว่า เพราะเราอยากแสดง feed back ของคนดูคนหนึ่งให้ทราบเท่านั้น
จากคุณ :
ddd
- [
23 ม.ค. 50 12:41:45
A:203.188.32.209 X:
]
ขอแจมด้วยคน เรื่อง ไม่ค่อยประทับใจใน "ตำนานสมเด็จพระนเรศวร" ภาคแรก
