CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    หวานมันส์ .... ชำแหละหนัง: ตำนานสมเด็จนเรศวรมหาราช ภาคองค์ประกันหงสา, นี่เป็นแค่ปฐมบทเท่านั้น

      10 - 9.5 / 10 (8 คน)
      9 - 8.5 / 10 (15 คน)
      8 - 7.5 / 10 (15 คน)
      7 - 6.5 / 10 (6 คน)
      6 - 5.5 / 10 (1 คน)
      5 - 4.5 / 10 (1 คน)
      4 - 3.5 / 10 (0 คน)
      3 - 2.5 / 10 (0 คน)
      2 - 1.5 / 10 (0 คน)
      1 - 0 / 10 (1 คน)

    จำนวนผู้ร่วมโหวตทั้งหมด 47 คน

     17.02%
     31.91%
     31.91%
     12.77%
     2.13%
     2.13%
     0.00%
     0.00%
     0.00%
     2.13%


    .... สำหรับหนังเรื่องตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราชแล้ว เป็นหนังเรื่องนึงที่ผมเชื่อว่าคนไทยควรจะได้ดูกันตั้งแต่หนังยังไม่ฉายแล้ว เพราะนี่คือหนังที่พูดถึงของการปลดปล่อยเป็นอิสรภาพอย่างเต็มที่ และเป็นหนังที่จะตรงไปตรงมาแบบไม่มีสดุด ที่ใช้การถ่ายทำไม่แพ้เท่ากับตอน สุริโยไทย ที่ยิ่งใหญ่ตามแบบเรื่องราวสยาม

    ผมเองต้องบอกก่อนที่จะดู ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ว่า พอใจที่หนังมีให้ดูกันถึง 3 ภาค ถึงแม้ผมไม่ได้เรียกร้องอะไรมาก หรือ คาดหวังอะไรก็ตาม ก็คิดว่านี่น่าจะสมกับการเป็นหนังไทยมหากาพย์ไตรภาค อย่างสมศักดิ์ศรี ถึงแม้ว่า ตอนสุริโยไทย อาจจะสร้างคนกลุ่มนึงผิดหวังพอสมควรเหมือนกัน

    ตอน สุริโยไทย สำหรับผม เป็นหนังไทยดีๆเรื่องนึงที่ได้ดูช่วงนั้น เป็นหนังไทยที่ดำเนินเรื่องได้ลื้นไหลดีมากๆ แต่หนังมีปัญหาตรงวิธีการเล่าเรื่องที่ข้ามไปข้ามมา จนบางครั้งหนังไม่อาจเป็นหนังเรื่องเดียวการได้ หนังค่อนข้างได้รับเวลาที่ค่อนข้างจำกัด จึงเมื่อพอตอนที่ตัดต่อหนังก็มีปัญหาในที่สุด จึงต้องจำใจต้องเรื่องราวบางส่วน แล้วก็เรียบเรียงแบบที่คนดูควรจะเห็น ซึ่งถ้าใครไม่ได้เรียนเรื่องประวัติศาสตร์ไทยมาดีๆ ก็คงหลงเรื่องราวแน่ๆ ว่าแต่ละช่วงไปถึงไหน แต่ก็ภูมิใจครับ ที่บ้านเราเองทำหนังยิ่งใหญ่ได้ขนาดนี้ ที่สำคัญถึงแม้การเล่าเรื่องอาจมีปัญหา แต่ผมก็ไม่รู้สึกเบื่อขณะที่ดูเรื่องนี้

    แน่นอนเมื่อเรื่องราวในสุริโยไทยจบลง ก็จำเป็นจะต้องต่อเรื่องราวใน ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ต่อทันที เพราะเรื่องราวยังไม่จบสมบูรณ์ หลายๆคนอยากจะให้ เรื่องราวของ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทำเป็นหนังมากกว่า สุริโยไทย และอยากจะรู้ว่าเมื่อเรื่องราวถูกถ่ายทอดโลดแล่นมาเป็นหนังแล้ว ผลลัพท์จะออกมาเป็นอย่างไร ที่ยังดีที่ท่านมุ้ยเลือกที่จะสร้าง หนังเรื่องนี้ต่อจากสุริโยไทย (ถึงแม้อาจจะมี ความรักครั้งสุดท้าย ขั้นเวลาก็ตาม) ที่สำคัญหนังถูกประกาศสร้าง 3 ภาคต่อกันอย่างต่อเนื่อง แบบให้ดูกันไปเลยตลอดในปี ค.ศ. 2007 หรือ ปีพ.ศ. 2550 อย่างเต็มที่เลย

    ในหนัง ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาคองค์ประกันหงสา หรือในช่วงพระองค์ดำตอนปฐมวัยนั้น คือเรื่องราวที่ปูให้เห็นถึงวัยเด็กของ สมเด็จนเรศวรมหาราช ก่อนที่เราจะได้ไปเห็นของจริงกันในภาคประกาศอิสรภาพ นี่คือเรื่องราวการเชื่อมเรื่องระหว่าง หนัง 2 เรื่อง นั่นก็คือ สุริโยไทย และ พระนเรศวร ว่าเหตุการณ์มันจะต่อเนื่องกันอย่างไง และแต่ละตัวละคร มีลักษณะทัศนคติต่อเหตุการณ์ครั้งนี้อย่างไร ก่อนที่เราจะได้เห็นพระองค์โตเป็นหนุ่มในภาคต่อไป

    หนังภาคนี้ อาจจะยังไม่มี Action อะไรมากมายเหมือนกับตอน สุริโยไทย หรือ อาจจะยังไม่ได้มีอะไรที่ดูวื๋อว๋ามากมาย แต่หนังเป็นหนัง Drama คุณภาพดีอีกเรื่องนึง ที่จะได้ดูกัน หนังภาคนี้คือการปูเรื่องราวของพระนเรศวรในวัย ว่าท่านรู้ถึงความสำคัญของการปลดปล่อยอิสระภาพอย่างไร ก่อนที่เราจะฟังคำพูดที่คมในภาคต่อไป และได้วีรกรรมที่ท่ายได้ทำไป ซึ่งหนังก็จะอยู่กับวัยเด็กของท่านตลอด ไม่ใช่แค่ว่าเล่าเรื่องราวของท่านด้วยเท่านั้น แต่ยังเรื่องราวให้กับตัวละครอื่นๆด้วย ไม่ว่าจะเป็น พระเจ้าหงสาวดีบุเรงนอง, สมเด็จพระมหาธรรมราชา, สมเด็จพระมหาจักรพรรดิ (ที่ต่อจากเรื่องราวในสุริโยไทยโดยตรง) และ พระสุพรรณกัลยา ว่าตัวละครเหล่านี้จะต้องมีบทบาทให้กับหนังในช่วงระหว่าง สุริโยไทย และ ภาคประกาศอิสรภาพ ที่ต้องต่อเนื่องด้วยกันได้ดีอย่างสมดุล ซึ่งในหนังภาคองค์ประกันหงสา เป็นการปูให้คนดูเข้าใจก่อนว่า เรื่องราวทั้งหมดนั้นมันจะดูน่าสนใจแค่ไหน เมื่อหนังภาคต่อไปได้เริ่มต้น

    สำหรับตัวละครในหนังภาคนี้ ผมพอได้กับ ช่วงปฐมวัย ของ สมเด็จพระนเรศวร ได้ยังถือว่าเป็นปู่เกริ่มๆให้คนดูได้เห็นกันเท่านั้น ว่าบทบาทท่านจะไปมีความสำคัญอย่างไร รวมถึง บุญท้ง กับ มนีจันทร์ ในวัยเด็ก ที่เรื่องราวของพวกเขา ก็ไม่ค่อยต่างกับหนังเด็กๆทั่วไป แต่ควรจะรับรู้ไว้หน่อย เพราะเรื่องราววัยเด็กของพวกเขา เมื่อถึงภาคต่อไป ตัวละครเหล่านี้จะมีส่วนที่สำคัญกับหนังมากๆ ถึงแม้นักแสดงเด็กเหล่านี้อาจจะทำได้ไม่ถึงอารมณ์คนดู หรือวิธีการพูดของพวกเขา อาจจะคล้ายๆกับการท่องหนังสือ แต่ผมเองก็คงไม่ถือสาพวกเขา เพราะพวกเขายังเป็นนักแสดงที่อายุยังน้อยอยู่ แต่ภาคนี้ผมกลับประทับใจ 2 ตัวละครที่บทบาทต่อหนังภาคนี้มากๆ นั่นคือ พระมหาเถรคันฉ่อง ที่รับบทโดย สรพงษ์ ชาตรี ผมรู้สึกว่านักแสดงคนนี้เมื่อได้มาเป็นนักแสดงคู่บุญของท่านมุ้ยทุกๆเรื่องล้วนแล้วไม่ทำให้ผิดหวังเลยจริงๆ ผมคิดว่าในภาคนี้ตัวละครกลับกลายเป็นตัวละครที่มีบทบาทต่อหนังที่สุดโดยตรงเลยทีเดียว เพราะตัวละครนี้ทำให้พระองค์ได้เข้าใจอะไรอีกหลายๆอย่าง ท่านจะต้องเรียนรู้เองจนกระทั่งเมื่อท่านได้โตขึ้น ท่านต้องเป็นผู้ประเทศชาติให้คืนสู่ แห่งเสรีภาพอีกซักครั้งให้ได้ ผมว่าตัวละครนี้ทำให้คนดูรู้สึกเข้าถึงมากเลยทีเดียว แถมอิทธิพลมากมายต่อพระองค์ดำในวัยเด็ก และตัวละครนี้เองยังได้มีการปูเรื่องราวในตอนต่อไปเกี่ยวกับ อาวุธที่พระองค์จะใช้สู้เมื่อถึงเวลาท่านตอนที่โตแล้ว เรียกได้ว่าสรพงษ์ ชาตรี ยังเข้ากุมหัวใจคนดูได้ดีอยู่อย่างแท้จริง

    อีกตัวละครที่ผมชอบมากๆ ก็คงหนีไม่พ้น พระเจ้าหงสาวดีบุเรงนอง ที่รับบทโดย สมภพ เบญจาธิกุล ผมรู้สึกนักแสดงคนนี้ แสดงได้ถึงใจแทบทุกๆเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นหนังอย่าง คืนบาปพรหมพิราม ที่ผมคิดว่าเขาแสดงบทบาทของเขาได้สุดฤทธิ์มากๆในหนังเรื่องนั้น เมื่อถึงหนังนี้เขาก็ยังแสดงได้ดีอยู่ แต่ผมกลับชื่นชมตัวละครเขาที่ดูแล้วเหมือนเป็นตัวละครที่น่าจะร้าย พอจริงๆเป็นตัวละครมีหัวใจที่ดีเหมือนกัน ปกติตัวละครที่เกี่ยวกับพวกพม่าในหนัง มักจะสร้างให้เป็นจอมวายร้าย แต่สำหรับตัวละคร ผมรู้สึกเลยว่า เกลียดไม่ลงจริงๆ เพราะตัวละครเขาเหมือนเป็นวายร้ายในรูปแบบที่เข้าใจของหลักคุณธรรม เพราะเมื่อรู้ว่าที่คนมาทรยศเพื่อตัวเอง ก็ยังไม่คิดที่จะเก็บผู้ทรยศคนนั้นอยู่ได้ ซึ่งนานๆทีจะไดเห็นตัวละครแบบนี้ในแบบนี้ ผมค่อนข้างชอบตัวละครนี้ ไม่ใช่แค่ว่าจะมีคุณธรรมอย่างเดียว แต่ตัวละครกลับมีมิติที่คนดูน่าจะเข้าถึงได้ ไม่ใช่แค่ว่าจะต้องดูจริงจังตลิดเวลา ซึ่งตัวละครนี้เอง บางทีอาจจะสร้างเสียงหัวเราะให้กับคนดูก็ยังได้เลย ซึ่งผมรู้สึกว่าในหนังภาคนี้ นักแสดงที่โชว์ฟอร์มดีสุดๆก็คงเป็น สมภพ เบญจาธิกุล และ สรพงษ์ ชาตรี เนี๊ยแหละครับ

    สำหรับผมเองอาจจะรู้สึกเฉยๆกับหนังเรื่องนี้มากๆอยู่ แต่ยอมรับว่าหนังเป็นงาน Drama ที่ใช้ได้อีกเรื่องนึง และคนไทยน่าจะไปดูกัน หนังอาจจะมีบางสิ่งที่ไม่ถูกใจอยู่บ้าง อย่างเช่นช่วงเวลาที่จะจริงจัง หนังกลับดันทำได้ไม่ถึงที่สุด หรือบางช่วงของหนังอาจจะรู้สึกเอื่อยๆบางก็ตาม รู้เข้าถึงตัวละครได้ไม่สุดเท่าไหร่ แต่ยอมรับว่าหนังภาคนี้ เป็นหนังที่ปูความน่าสนใจให้อย่างมาก ต่อหนังในภาคต่อไป

    (มีต่อ)

    จากคุณ : billy bob - [ 29 ม.ค. 50 10:18:04 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | PanTown.com | BlogGang.com