ความคิดเห็นที่ 1 นเรศวร 3 ครับ คงจะ ต้องได้ ด้วยตัวภาพยนตร์หนะครับ จากคุณ : ถึงแม้จะยังไม่รู้ว่าจะเป็นไง (TauRuZ_PaSSeRBy) - [ 5 มี.ค. 50 18:48:45 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ผมว่า ตำนานสมเด็จพระนเรศวร 1-3 น่าจะได้รางวัลภาพยนตร์เกียรติยศครับ ส่วนภาพยนตร์ยอดเยี่ยมเป็นของโหมโรง จากคุณ : Fluorine - [ 5 มี.ค. 50 21:51:30 ]

ความคิดเห็นที่ 3 5555+ เหมือนกับเอา โบอา ไปเทียบกับ สตาร์วอร์ จากคุณ : I want to change the world - [ 5 มี.ค. 50 22:17:59 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ผมเพิ่งไปดูตำนาน สมเด็จพระนเรศวรตอน 2 แล้วบอกตรงๆครับไม่ค่อยประทับใจจ๊อดสักเท่าไร และมีข้อสงสัยในหนังเรื่องนี้อยู่หลายข้อดังต่อไปนี้คือ... 1...ขุนศึกของไทยเวลาออกรบเราใส่เกราะเหล็กขนาดนั้นเชียวรึ? แม้กระทั่งเกราะเหล็กที่คล้ายตาข่ายที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า " Mail Chain " จริงอยู่ครับตามประวัติศาสาตร์ไทยนั้น โปตุเกสเอาเกราะเหล็กมาขายเราในสมัยของพระไชยราชา แต่ก็เป็นเกราะขนาดเบา นี่ในหนังเห็นใส่เกราะกันเสียเต็มยศเลยเหมือนกับพวกนักรบ Crusader. 2....ในรัชสมัยของสมเด็จพระนเรศวรนั้น ชาวสยามเรานั้นถ้าเป็นชายจะไว้ผมทรง " กลาโหม " น๊ะครับแต่ผู้แสดงบางคนยังไว้ผมสมัยใหม่ บางคนก็ไว้ผมทรงกลาโหมดูแล้วไม่กลมกลืนกันเลย พวกท่านลองดูหนังจีน,ญี่ปุ่น หรือเกาหลีถ้าเป็นหนังย้อนยุค ไม่ว่าจะเป็นทรงผมการแต่งกายเขาจะพิถีพิถันมาก ดูอย่างหนังจีนสมัยแมนจูซินักแสดงเขายังยอมโกนหัวติดหางเปียกันเลย อันนี้ต่างคนต่างความคิดน๊ะครับ. จากคุณ : Good Critic (IDTHI .H) - [ 5 มี.ค. 50 22:27:49 ]

ความคิดเห็นที่ 5 chain mail ครับแก้นิดนึง :D จากคุณ : jiewee - [ 5 มี.ค. 50 22:45:35 ]

ความคิดเห็นที่ 7 โหมโรง ดีกว่าเห็นเห็น จากคุณ : + p r o s p e r + - [ 5 มี.ค. 50 23:10:50 ]

ความคิดเห็นที่ 8 คห.4 คะ ลองอ่านดูตามนี้ก่อนก็แล้วกันนะคะ  (จริง ๆ เยอะมากที่ท่านมุ้ยทรงประทานสัมภาษณ์กับนิตยสาร "แพรว" ค่ะ  แต่พิมพ์คร่าว ๆ มาแค่นี้ค่ะ....... ---------------------------- "ท่านมุ้ย" กับ "ตำนานพระนเรศวรมหาราช"   บทสัมภาษณ์ที่คัดย่อมาจากนิตยสาร เผื่อแม่ ๆ และท่านอื่น ๆ ที่ยังไม่มีโอกาสได้อ่านค่ะ ที่มา นิตยสาร "แพรว" ฉบับที่ 657 (เป็นบทสัมภาษณ์ที่คัดมาบางส่วนเพื่อเผยแพร่ ไม่ได้ทำเพื่อประโยชน์อื่นใด) ********************* "ความจริงเมื่อจบจากสุริโยไท ผมตั้งใจทำเรื่อง "เพชรพระอุมา" แต่สมเด็จพระนางเจ้าฯ เจ้านายผม ท่านมีพระราชเสาวนีย์ว่า อยากให้ทำเรื่องสมเด็จพระนเรศวรมหาราชก่อน พระองค์ท่านทรงเล็งเห็นว่าเดี๋ยวนี้คนไทยไม่ค่อยสนใจประวัติศาสตร์ วิชาภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ถูกรวมไปแทรกอยู่เล็ก ๆ ในวิชาอื่น "ขณะที่ชาติอื่นเขายังมีอยู่" เหมือนเราพยายามลืมว่าอดีตเราเป็นอย่างไร พระองค์จึงทรงมีพระราชดำริว่า เราควรเรียนรู้เรื่องราวของชาติตนเองบ้าง ซึ่งถ้าเป็นการเรียนแบบเอนเตอร์เทนด้วยคงดี .........ฯลฯ............... พอลงมือรีเสริ์ชข้อมูลก็รู้สึกชอบขึ้นมา และตั้งชื่อไว้แต่แรกเลยว่า "ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช" ที่บอกว่าเป็น "ตำนาน" เพราะเราไม่รู้ว่าความจริงในสมัยโน้นคืออะไร เรื่องราวในประวัติศาสตร์ส่วนใหญ่ที่เรารู้กันคือ "ตำนาน" หรือ "คำบอกเล่า" ทั้งสิ้น ไม่ใช่การบันทึกอย่างเป็นทางการ บางเรื่องที่เราเรียนกันมาอาจเป็นเรื่องจริงหรือไม่จริงก็ได้ ฉะนั้นผมจึงตั้งใจไว้ว่าจะให้คนดูใช้วิจารณญาณเอง ------ โดยเฉพาะบทสนทนา คำพูดทุกคำในหนังเป็นจินตนาการทั้งสิ้น และสำหรับคำถามที่ต้องมีมาว่า รู้ได้อย่างไรว่าท่านพูดอย่างนั้น ทำอย่างนี้ ผมตอบไว้ล่วงหน้าเลยว่า ไม่รู้หรอก ............ฯลฯ............. "ทุกเรื่องที่กล่าวถึงในหนัง เรารู้ว่าต้องมีการโต้แย้งจากนักประวัติศาสตร์ นักวิชาการ แต่ต้องอย่าลืมว่าผมเป็นแค่คนธรรมดาคนหนึ่งที่อ่านประวัติศาสตร์แล้วนำมาตีความ ซึ่งเป็นตำราเดียวกันนกับที่นักวิชาการอ่านนั่นแหละ ส่วนว่านักวิชาการตีความทางโน้น ผมตีทางนี้ ก็ว่ากันไป เช่น ผมตีความเรื่องแผ่นดินไหวที่พิษณุโลกในฐานะที่เป็นนักธรณีวิทยา หลักฐานด้านธรณีวิทยามีมากมาย ประมวลกับที่อ่านเจอในพงศาวดารต่าง ๆ พบว่ามีความเป็นไปได้หรือแนวโน้มค่อนข้างสูงทีเดียว เพราะมีรอยเคลื่อนตัวของแผ่นดินผ่านพิษณุโลก จนกระทั่งต้องบอกว่าความเป็นไปได้ที่จะไม่มีแผ่นดินไหวเกิดขึ้นต่ำมากต่างหาก แต่นักวิชาการจะแปลอิกอย่างก็ไม่เป็นไร ผมเข้าใจ เวลานักวิชาการพูดอะไรต้องหยั่งซ้ายหยั่งขวา ว่าชื่อเสียงที่สร้างมาหลายสิบปีจะเป็นอย่างไร จะพังพินาศเพราะคิดอะไรใหม่ ๆ หรือเปล่า จึงพูดกันแต่เรื่องเก่า ............ฯลฯ................. ถาม : เรื่องใดบ้างเพคะที่ทรงตีความขัดแย้งกับนักวิชาการอย่างชัดเจน ---- มหาศาลเลยครับ เช่น เส้นทางการเดินทัพ ผมรับรองได้ว่า 90 เปอร์เซ็นต์ของนักวิชาการไม่เคยเห็นแม่น้ำอัตรัน ลงมาถึง เกริงถ่อ หรือ แม่น้ำสะมิ เพราะอยู่ในเขตสู้รบของกระเหรี่ยง มอญ พม่า เมื่อไม่เคยเห็น จึงไม่มีใครพูดถึงเส้นทางเดินทัพทางนี้ ถ้าเคยเห็นแม่น้ำสะมิจะรู้ว่าใหญ่กว่าแควน้อย ส่วนแม่น้ำอัตรันใหญ่กว่าเจ้าพระยา เมื่อแม่น้ำใหญ่ขนาดนั้นจะขี่ช้างกันไปทำไมเมื่อมีเรือมีแพให้ใช้ ....ฯลฯ สรุปว่าไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่ปรากฏในตำนาน เรื่องเล่า หรือ พงศาวดาร ผมนำมาใส่ไว้ในหนังทั้งสิ้น แต่รายละเอิยดอาจแตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับว่าเราจะเชื่อพงศาวดารจริงหรือเป่า นี่คือถ้าเผื่อว่าเชื่อนะ พระแสงปืนต้นข้ามแม่น้ำสะโตงยาว 9 คืบ หรือเกือบ 3 เมตร สมเด็จพระนเรศวรจะทรงนำไปทำไมในการรบ มันแบกหามลำบาก ผมจึงตีความว่า อาจเป็นพระแสงปืนต้นที่พม่ายึดไปพร้อมกับศาสตราวุธอื่น ๆ แล้วสมเด็จพระนเรศวร ทรงนำกลับมา นี่เป็นอิกเรื่องที่ผมแต่งขึ้นร้อยเปอร์เซ็นต์ เพื่อสนับสนุนการใช้พระแสงปืนต้น 9 คืบ แต่ปืนขนาด 9 คืบมีอยู่จริงนะครับ ผมไปเจอเยอะในพิพิธภัณฑ์ที่อินเดีย เป็นปืนที่เขาใช้ยิงลงมาจากกำแพง ...........ฯลฯ............. ถาม : เมื่อต้องทรงจินตนาการเอง มีเรื่องที่ทรงตัดสินพระทัยลำบากไหมเพคะ ----- ถ้าพูดถึงความลังเลสงสัยคงมีทุกตน เช่น เรื่องสมเด็จพระนเรศวรประทับที่หงสาวดีจริงหรือไม่ พม่าบอกว่าท่านประทับที่นั่น แต่หลายคนไม่เชื่อว่าท่านไปเป็นตัวประกัน ซึ่งการที่เขาตีเมืองเราได้แล้วไม่มีการนำใครเป็นตัวประกันคงแทบเป็นไปไม่ได้ พอถึงจุดนี้เราก็ต้องคิดต่อว่า ท่านไปเป็นตัวประกันแล้วประทับอย่างไร ในฐานะอะไร ในพงศาวดารบอกว่ามีการปลูกพระตำหนักให้ ท่านไปตอนเป็นเด็กก็ต้องเรียนหนังสือ ทีนี้สมัยโน้นไม่มีโรงเรียน ไม่มีกรุงเทพคริสเตียน ไม่มีจุฬาฯ ธรรมศาสตร์ เขาเรียนกันในวัด เป็นไปได้ไหมที่ท่านจะบวชเณร ผมคิดว่าเป็นไปได้ .........ฯลฯ......... "ผมเคยคุยกับผู้ที่ผมนับถือท่านหนึ่ง ท่านบอกว่า ปัญหาของผมคือจินตนาการมากเกินไป ผมบอกปัญหาของท่านคือ ไม่จินตนาการเลย นี่คือสิ่งที่นักวิชาการส่วนใหญ่เป็น คือ หยุดอยู่ที่ตัวหนังสือไม่ยอมจินตนาการเพราะกลัวผิด กลัวพลาด กลัวเสียตำแหน่ง กลัวโดนเยาะเย้ย ..........ฯลฯ................... "แต่ผมไม่กลัว ไม่เคยคิดเรื่องจะเสียชื่อ เพราะผมไม่ใช่นักประวัติศาสตร์ ไม่ใช่นักวิชการที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้โดยตรง ผมเป็นนักสร้างภาพยนตร์ ถ้าพูดกันเรื่องหนัง ค่อยมาว่ากันอิกที ........ฯลฯ............... มีกี่คนที่เคยไปยืนตรงแม่น้ำสะโตงจุดเดียวกับที่พระนเรศวรทรงข้าม กี่คนที่เคยไปถึงแม่น้ำสะมิ แม่น้ำพม่าใหญ่กว่าของเราทั้งนั้น อย่างอิรวดีก็มองไม่เห็นฝั่ง เราไม่ได้ว่าอะไรนักวิชาการ แต่เราเป็นคนทำหนังก็ต้องทดลอง หรือที่พูดกันมานานเรื่องชนช้าง แต่มีกี่คนที่เคยขึ้นหลังช้างแล้วลองชนช้างดู หรือช้างชนกันทำไม เพื่ออะไร ช้างมีงาชนได้ไหม มีงากับไม่มีงาอะไรดีกว่ากัน ถ้าอ่านจากพงศาวดารหรือประวัติศาสตร์ แล้วคิดเอาเองก็ต้องเถียงไม่มีวันสิ้นสุด ต้องขึ้นช้างแล้วลองชนดูเลย ถาม : แล้วทรงได้คำตอบอย่างไรเพคะ สิ่งที่ทุกคนคิดเองคือ ช้างต้องมีงายาวโง้งจึงสวยงาม แต่ความจริง งาทำให้เสียเปรียบ ถ้าโดนช้างฝ่ายตรงข้ามรวบดึงงาเข้าไปก็เสร็จเลย ปัญหาใหญ่คือ ไม่ใช่ว่าสมเด็จพระนเรศวรขึ้นช้างไปแล้วบอกว่า เอาละ วันนี้กูจะไปทำยุทธหัตถี ท่านคงไม่ได้รับสั่งอย่างนั้น แต่มันเป็นเรื่องของการจวนตัว .........ฯลฯ............. "ผมทำเรื่องนี้เหมือนที่ทำทุกเรื่อง สำหรับหนัง เหมือนลูก ไม่มีคำว่ารักคนไหนมากกว่า รักเท่ากันหมด บางคนสวยเฟี้ยวมีคนจีบเยอะ บางคนอาจไม่สวย แล้วเราจะบอกว่าไม่รักคงไม่ใช่ พ่อเลี้ยงลูกอย่างดี พเข้าโรงฉายก็เหมือนแต่งงานมีสามี เปรียบได้กับคนดูหนัง สามีดีรักลูกเราก็ดีไป ถ้าสามีเลวซ้อมลูกเรากระทืบเช้าเย็น คนเป็นพ่อคงทำอะไรไม่ได้นอกจากเสียใจที่เขาไม่รักลูก ผมทำหนังมา 40 ปี ผมเลิกคาดหวังแล้ว แต่ถ้าใครมาคาดหวังกับผม อันนี้ไม่ทราบ ในสายตาพ่อ ลูกสวยทุกคน แม้แต่เรื่องที่คนเกลียดกันมากอย่าง "กล่อง" ผมคลอดมาแล้วผมก็ว่าสวยของผม .............. ผมตั้งไว้เลยว่าหนังเรื่งนี้ทำเพื่อให้คนไทยดูสนุก ไม่คิดเรื่องประกวด ไม่คิดเรื่องฉายต่างประเทศ ไม่ยุ่งวุ่นวายกับชาติอื่น ฟูลสต๊อป ฉะนั้นผมจึงฟรี ไม่ต้องทำเป็นอาร์ต หรือทำเพื่อให้ต่างชาติดูรู้เรื่อง ผมแคร์คนที่อยู่ในประเทศไทยเท่านั้น จากคุณ : ซามูไรไกวเปล - [ 6 มี.ค. 50 00:51:51 ]

ความคิดเห็นที่ 9 โหมโรงทำให้เด็กดนตรีไทยหลายคนไม่เป็นตัวประหลาด ล้าหลังอีกต่อไป จากคุณ : คนซอ (แมงกะพรุนสีรุ้ง) - [ 6 มี.ค. 50 01:17:04 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ยังไม่มีใครได้ดูตำนานสมเด็จพระนเรศวร ตอนที่ 3 ไม่น่าเอามาให้โหวตนะ จากคุณ : RyanUtd - [ 6 มี.ค. 50 02:18:38 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ดูทั้ง2แล้วครับ ผม ประทับใจโหมโรงมากครับ ซาบซ่าน นเรศวร ดูแล้วเฉยๆครับ แต่ก็ดี แต่ไม่ซาบทรวง จากคุณ : Alovera - [ 6 มี.ค. 50 11:43:47 ]

ความคิดเห็นที่ 12 เอ่อ ยังไม่ได้ดูตำนานสมเด็จพระนเรศวรภาค 3 ค่ะ บอกไม่ได้ จากคุณ : เด็กข้างบ้าน - [ 6 มี.ค. 50 23:27:32 A:203.113.55.197 X: ]

ความคิดเห็นที่ 13 ยังตัดสินไม่ได้เพราะยังไม่ได้ดูนเรศวร 3 แต่รางวัลผู้กำกับยอดเยี่ยม ต้องให้ท่านมุ้ยแน่นอน จากคุณ : Toddy&Hammy - [ 7 มี.ค. 50 09:29:06 ]