PANTIP.COM : A5202811 ...ค้นหา เครื่องพิมพ์ดีดของคุณหญิง... [เพชรพระอุมา]

ความคิดเห็นที่ 38

อืมมม ผมว่าคุณหญิงเรียนหนังสือเมืองไทยก่อนแล้วค่อยไปเรียนต่อป.เอกที่อเมริกาครับครับ

เพราะคุณหญิงเรียนแพทย์ ซึ่งในเมืองนอก แพทย์จะต้องเป็นผู้ที่เรียนจบปริญญาตรีมาแล้ว หนึ่งใบในสายวิทยาศาสตร์ (เหมือนนักกฎหมายที่ต้องเรียนจบอะไรมาก่อนสักใบ ก่อนมาเรียน JD) คุณหญิงไม่ได้บอกชัดเจนว่าไปเรียนที่ไหน แต่จับได้จากที่เล่าให้รพินทร์ฟังว่าที่นั่นมีชมรมอาบแดด ที่ทุกคนไม่อายกัน ตรงนี้เราน่าจะอนุมานได้ว่า คุณหญิงเรียนที่อเมริกา ดินแดนที่มีอิสระเสรี ไม่น่าจะเป็นดินแดนผู้ดีเก่าอย่างอังกฤษ

ดังนั้น ถ้าคุณหญิงจะเรียนแพทย์ ก็ควรเรียนในเมืองไทย เพราะถ้าไปเรียนเมืองนอกโอกาสที่จะได้เรียนทันทีที่จบม.6 หรือม.8 มีน้อยมาก ยิ่งสำหรับคนไทยแล้ว ยิ่งน้อยลงไปอีก ดังนั้น ผมขอสรุปว่าคุณหญิงเรียนแพทย์ 6 ปีในเมืองไทยครับ (จะจุฬาฯ หรือศิริราช ค่อยว่ากันทีหลัง)

และคุณหญิงยังเป็นอาจารย์สอนแพทย์ในเมืองไทยอีกด้วย

และ ยังเป็นนักเรียนปริญญาเอกทางมานุษยวิทยาอีกด้วย
ในอเมริกา มานุษยวิทยา แบ่งออกเป็นสี่สาขา คือ มานุษยวิทยาวัฒนธรรม มานุษยวิทยากายภาพ มานุษยวิทยาภาษาศาสตร์ และโบราณคดี

และคุณหญิงน่าจะเรียนเน้นหนักไปทางมานุษยวิทยากายภาพ ที่ว่าด้วยการศึกษาความแตกต่างทางกายภาพของมนุษย์ในพื้นที่ต่างๆบนโลกใบนี้ กระดูกมนุษย์ และวิวัฒนาการของมนุษย์ในอดีต เพราะคุณหญิงเป็นหมอ และการเรียนมานุษยวิทยากายภาพ มันจะช่วยเอื้อต่อวิชาชีพของคุณหญิงเป็นอย่างยิ่ง (แม้ว่าจะเป็นหมอผ่าตัดก็ตามทีเถิด)

แต่ว่า อีกสามสาขาที่เหลือ คุณหญิงก็ต้องพอรู้อยู่บ้าง ตามหลักการศึกษาวิชามานุษยวิทยาในมหาวิทยาลัยในสหรัฐอเมริกา ที่จะจัดให้เรียนจนครบสี่สาขา เป็นพื้นฐานแล้วค่อยไปสู่รายวิชาเฉพาะ

อย่างมีตอนที่แงซายขอให้คุณหญิงช่วยตรวจสอบตนเองให้หน่อย ว่าหน้าเหมือนชนเผ่าใดบ้าง แล้วคุณหญิงก็ตอบมานั่นแหละครับ

และ การทำป.เอกทางมานุษยวิทยานั้น มันก็แล้วแต่มหาวิทยาลัยแต่ละแห่งด้วย บางแห่งเป็นโทควบเอก บางแห่งจบโทก่อนแล้วค่อยต่อเอก เพื่อประหยัดเวลา (และในเพชรฯก็ไม่ได้บอกเอาไว้ว่าคุณหญิงเรียนโปรแกรมแบบไหน) จึงน่าจะเป็นว่า คุณหญิงเรียนป.เอกทางมานุษยวิทยาแบบโทควบเอก เพราะจะเป็นการประหยัดเวลาเรียนได้มากอยู่ และปริญญาแพทยศาสตรบัณฑิตของคุณหญิงเอง ก็เทียบเท่าปริญญาโทอยู่แล้ว (และคุณหญิงคงเรียนเก่งมาก จนมหาวิทยาลัยในอเมริกาเห็นผลการเรียนแล้วรีบตอบรับทันที)

ดังนั้น เราพอจะวาดภาพได้ว่า คุณหญิงเรียนจบแพทยศาสตรบัณฑิต เกียรตินิยมอันดับ 1 เหรียญทอง ตอนอายุสักประมาณ 23-24 ปี และได้รับการบรรจุเป็นอาจารย์ประจำคณะแพทย์ที่ตนเองศึกษาจบทันที สอนนักศึกษาแพทย์อยู่พักนึง ก่อนจะลาศึกษาต่อในวิชามานุษยวิทยากายภาพ ที่สหรัฐอเมริกา เพราะตอนคุณหญิงไปตามหาพี่ชายนั้น คุณหญิงอายุ 26-27 เท่านั้น น่าจะวาดภาพได้ว่า คุณหญิงเป็นอาจารย์ตอนอายุ 24 ปี สอนหนังสืออยู่ปีนึง ก็ไปเรียนต่อที่อเมริกา ในวิชามานุษยวิทยาตอนอายุ 25 พออายุ 26 ย่าง 27 ก็ออกตามหาพี่ชาย ถึงตอนนั้นก็หอบเอาวิทยานิพนธ์ไปทำด้วย ซึ่งช่วงที่ตามหาพี่ชายมันอาจเป็นช่วงที่อยู่ระหว่างการลาเรียนของคุณหญิงก็ได้

ส่วนเรื่องพิมพ์ดีด นี่ฟันธงได้เลยครับ ว่าเป็นภาษาอังกฤษ เพราะเมืองไทย ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ยังไม่สามารถเปิดการเรียนการสอนระดับปริญญาเอกทางมานุษยวิทยาได้เลย ไม่ว่าจะเป็นจุฬาฯ ธรรมศาสตร์ หรือศิลปากรครับ ดังนั้น เมื่อสี่สิบกว่าปีก่อน คุณหญิงต้องไปทำดร.ที่เมืองนอกแน่นอน และนั่นหมายความว่าคุณหญิงต้องเขียนวิทยานิพนธ์เป็นภาษาอังกฤษ

จากคุณ : code - [ 10 มี.ค. 50 19:03:21 A:58.9.48.241 X: TicketID:131360 ]