| ชอบมาก ห้ามพลาด (4 คน) |
| ชอบ (5 คน) |
| เฉยๆ (0 คน) |
| ไม่ชอบ (1 คน) |
| ไม่ชอบมาก เสียดายตังค์ (0 คน) |
| จำนวนผู้ร่วมโหวตทั้งหมด 10 คน |
เลือกอ่านบทความนี้พร้อมรูป อ่านความเห็นอื่นๆและ เชิญชวนเพื่อนๆมาแสดงความเห็นเพิ่มเติมที่ http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=aorta&month=03-2007&date=13&group=1&gblog=220
...Volver อาจจะเป็นหนังของ ป้า ที่ใครๆเขาเรียกกัน แต่ สำหรับผมหนังเรื่องนี้ ป๋า มาก
จากหนังตัวอย่าง หรือ อ่านแค่เรื่องย่อ หนังดูเหมือนจะหนัก หนังดูเหมือนจะยาก แต่ คนที่มีความสามารถอย่างเปโดร อัลโมโดวาร์ พิสูจน์ให้เห็นอีกครั้งว่า คนเก่งจริงคือคนที่ทำของยากให้ออกมาดูง่ายๆ คนที่เล่าเรื่องซีเครียดแต่ก็ยังสอดแทรกอารมณ์ขัน เปรี้ยวจี๊ดเข็ดมัน ผสมผสานในหนังได้อย่างกลมกล่อม เขาสามารถทำสิ่งที่เข้าใจยาก ทำความอาร์ตอย่างที่คนทั่วไปเขาเรียกกัน ให้ออกมาเป็น อาหารย่อยง่ายเข้าถึงได้ทุกกลุ่มคนดู
... บางสิ่งในหนังของเขาทำให้ผมคิดถึง เฮียมาโนช M. Night Shyamalan
ทั้งสองคนนี้ มีสารหรือเนื้อความที่อยากจะบอกผ่านหนัง แต่ไม่ขอเล่าแบบตรงไปตรงมา อาจจะกลัวว่า ถ้าเล่าตรงๆจะดู บ้านๆ ซ้ำซากจำเจ
M. Night Shyamalan จึงเลือกที่จะ สอดไส้เนื้อความปรัชญา ผ่าน หนังผี หนังสัตว์ประหลาด หนังซูเปอร์ฮีโร่ หรือ มนุษย์ต่างดาว เช่น อยากจะบอกถึงเรื่อง ความศรัทธา ก็ดันเอามนุษย์ต่างดาวโผล่มาให้คนดูอึ้ง อยากจะเล่าเรื่องปรัชญาความดีความชั่ว ก็ส่งตัวประหลาดขนดกมาวิ่งเล่นในหมู่บ้านให้คนตกใจเล่น ส่วน เปโดร อัลโมโดวาร์ เลือกที่จะเล่าเนื้อหาธรรมดาปัญหาในสังคม ผ่านลูกเล่นลีลาที่จัดจ้าน บวกเทคนิคในการนำเสนอกับตัวบทที่แพรวพราว
... Volver (ผมหลงอ่าน โวลเว่อร์ ซะตั้งนาน จนไปเจอว่า ต้องอ่าน วอลแวร์ และก็ แหะๆ ยังผิดอยู่ดี คุณ absent-minded มาบอกการอ่านที่ถูกต้องแล้วครับว่าต้องอ่าน "โบล-เบร์" ครับ (ตัว r กระดกลิ้นเล็กน้อย) ) ก็เช่นกัน หน้าหนังหลอกให้ตายใจคิดไปว่า มันก็แค่ หนังความสัมพันธ์แม่ลูก แต่ กลับเป็นว่า ผู้กำกับของเราไม่ได้มีสารที่อยากจะสื่อแค่นั้น
หนังเล่าเรื่องราวคู่ขนานสองเหตุการณ์
เรื่องที่หนึ่ง... เริ่มต้นจาก ภาวะเศรษฐกิจฝืดเคืองในครอบครัวของไรมุนด้า นางเอกของเรื่อง แถมหัวหน้าครอบครัวอย่าง ปาโก้ สามีของ ไรมุนด้า ก็ดันมาตกงาน ความเลวร้ายที่ตามมาอย่างไม่คาดฝัน คือ การฆาตกรรมภายในครัว เมื่อ ปาโก้ หวังจะเคลมลูกสาววัยรุ่นของไรมุนด้า ลูกสาวเธอจึงป้องกันตัวด้วยการแทงซวบเข้าที่พุง แม่อย่าง ไรมุนด้า พยายามที่จะกลบเกลื่อนหลักฐาน และ หาทางหาเงินมาเจือจุนครอบครัวด้วยการเปิดร้านอาหาร พร้อมกับอำพรางศพไว้ในตู้แช่ซึ่งพร้อมจะมีคนมาเปิดได้ทุกขณะจิต
ความตาย นำมาซึ่ง ความลับ ที่ถูกปิดเงียบมาเนิ่นนาน เมื่อลูกสาวของไรมุนด้า ถามว่า ทำไมพ่อถึงทำแบบนี้กับเธอ แล้วไรมุนด้าตอบว่า ชายคนนี้ไม่ใช่พ่อที่แท้จริง
ความลับที่ในเรื่องที่หนึ่ง มีความเชื่อมโยง กับ เหตุการณ์ในเรื่องที่สอง
เรื่องที่สอง... เริ่มต้นจาก น้องสาวของไรมุนด้า พบเหตุการณ์เหลือเชื่อ เมื่อ ผีแม่ที่ตายไปตอนสี่ปีที่แล้ว โผล่มาให้เห็นตัวเป็นๆจับต้องได้ และ เหตุการณ์โอละแม่ เมื่อ วิญญาณแม่เข้ามาอาศัยในร้านปลอมตัวเป็นลูกจ้างชาวรัสเซีย เรียกเสียงยิ้มขำขันจากคนดู ภาระของตัวน้องสาว คือ ต้องคอยแอบซ่อนไม่ให้ ไรมุนด้า รู้ว่า แม่กลับมาแล้ว
... จุดเชื่อมโยงของทั้งสองเหตุการณ์นี้อยู่ตรงที่ ความไม่เข้าใจกัน ของ แม่และไรมุนด้า สะท้อนผ่านประโยคที่ดีที่สุดของหนังเรื่องนี้ว่า สิ่งที่เจ็บปวดที่สุดในชีวิตของคนเป็นแม่ คือ การที่ลูกสาวไม่รักตัวเอง
น่าเศร้าที่ช่วงเวลาสิบปีของสองแม่ลูก ต้องเก็บความทุกข์ความเจ็บปวด เพียงเพราะ มีที่มาจาก ความลับ ที่ถูกเก็บงำ
ปัญหาที่เราเห็นจากสองเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็น การฆาตกรรม หรือวิญญาณแม่ที่กลับมา ล้วน เป็นผลลัพธ์ของการถูกกระทำ ซึ่งหนังไม่ลังเลใจที่จะบอกว่า ต้นเหตุของทั้งสองเหตุการณ์ล้วนมาจาก ความบัดซบเสื่อมโทรมในสังคม โดย ฝีมือผู้ชาย
เปโดร สร้างภาพ ผู้ชาย ในเรื่องนี้ไว้ให้เป็นผู้ร้ายอย่างชัดเจน เพราะ ในหนังเรื่องนี้ มีผู้ชายสำคัญอยู่สองคน และทั้งสองคนก็ราวกับเดินออกมาจากหนังสือ ผู้ชายเลวกว่าหมา ของกาละแมร์
ผู้ชายสองคน เป็น ต้นตอของเรื่องเลวร้ายของสองเหตุการณ์ ทั้งในอดีต และ ปัจจุบัน
... เมื่อปริศนาถูกไขออกมา เราก็จะไม่แปลกใจว่า ทำไมไรมุนด้าจึงทำใจยอมรับได้เร็วปานนั้นเมื่อเห็นสามีตาย
คำตอบคือ เพราะ เหตุการณ์นี้ทำให้เธอได้ย้อนกลับ(flashback)ไปพบกับอดีตอันเจ็บปวด ไม่น่าจดจำ เมื่อภาพคนสองคนมาซ้อนทับกันให้เห็นเป็น
สามี = พ่อ = ผู้ชายเลวๆ
ลูกสาวของเธอเกือบจะต้องตกในสภาพเดียวกับเธอ และ หากลูกสาวเธอไม่ป้องกันตัวด้วยการแทงซวบ ไม่แน่ว่า สุดท้ายแล้ว ความขัดแย้งไม่เข้าใจ ก็อาจจะต้องสืบทอดต่อจากรุ่นเธอมายังรุ่นลูก และ ไรมุนด้าเองก็อาจต้องเปลี่ยนบทบาทจาก ลูกสาวที่แม่ไม่เคยเอะใจ มารับบท แม่ที่ไม่เคยรู้ความจริงเสียเอง
... สภาพครอบครัวในหนังเรื่องนี้ ชวนให้ผมคิดถึง Curse of the Golden Flower ที่เพิ่งฉายบ้านเราไปไม่นาน ซึ่งตอกย้ำให้ได้เห็นว่า ปัญหาความเน่าหนอนฟอนเฟะภายในครอบครัว ชนิดที่เราคิดว่ามีแต่ในนิยายนั้น เกิดขึ้นและมีอยู่จริงไม่เว้นว่าจะเป็นชนชาติใดไทย จีน ฝรั่ง สเปน ฯลฯ ปัญหาเหล่านี้ยังมีกระจัดกระจายทุกแห่งหน
... นอกจาก ปัญหาสังคมที่หนังสอดไส้เข้ามา หนังยังสะท้อน ปัญหาความสัมพันธ์ของ แม่ลูก ซึ่งเป็นสภาวะของคนสองคนยังรักกัน แต่ กลับทอดระยะห่างและโกรธขึ้งต่อกัน เพราะ การมองแต่ละฝ่ายเพียงแค่ ภาพภายนอก ผ่าน สายตาและความคิดของตัวเอง
เพราะไม่ได้เปิดใจพูดคุย ทั้งไรมุนด้า กับ แม่ จึงมองเห็นอีกฝ่าย แค่ พฤติกรรม และ ความรู้สึก
จากมุมของไรมุนด้า
...ไรมุนด้า ตัดสิน แม่ จาก พฤติกรรม(behaviour)ที่ไม่เอะใจในความเป็นไปและการเปลี่ยนแปลงของเธอ
ไรมุนด้า โกรธและผิดหวังแม่ตลอดเวลา เธอมีภาพ(perception)ว่า แม่คือคนที่ไม่เคยเข้าใจ สิ่งที่เธอต้องการ(yearning)จากแม่คือ ความรักและเข้าอกเข้าใจ เข้ามาช่วยเหลือเธอ
เธอเองไม่ทันได้รับรู้ว่า แม่เองก็ต้องการ ความรักความเข้าใจ จากเธอเช่นเดียวกัน
จากมุมของแม่
...แม่ไม่เข้าใจ สิ่งที่ ไรมุนด้าคิด สิ่งที่เธอ มองเห็น ไรมุนด้า มีแต่ อารมณ์โกรธ(feeling) และ พฤติกรรม(behaviour)ทำตัวเหินห่าง
เธอจึงยิ่งโกรธลูก ยิ่งเจ็บปวด และยิ่งไม่เข้าใจว่า ทำไมลูกสาวถึงทิ้งห่างทำตัวเสมือนไม่รักแม่
ต่างฝ่ายก็ต่างผิดหวัง เพราะ ความคาดหวังที่มีต่ออีกคน ต่างเจ็บปวด เพราะ ต่างฝ่ายก็แปลความจากสิ่งที่รับรู้ในมุมของตัวเอง
...หากเปิดใจ พูดคุยกัน ทั้ง ไรมุนด้าและแม่ก็จะพบว่า สิ่งที่ทั้งสองฝ่ายต่างต้องการเพื่อมาเยียวยาแผลในใจ คือ ความรักความห่วงใยจากอีกคน แต่เพราะ การไม่เปิดใจ เวลาแห่งความโกรธจึงทอดระยะไปแสนเนิ่นนาน
... Volver แปลว่า การหวนคืนกลับมา ในตอนแรกนั่นอาจหมายถึง ตัวแม่ที่เสียชีวิตไป และ ในท้ายที่สุดน่าจะหมายถึง ความรัก ที่เคยสูญเสียไปของแม่ลูกคู่นี้นั่นเอง
...ทั้งสองคนยังโชคดี ที่บทหนังเขียนให้แม่ลูกกลับมาพบกัน ปมที่ผูกไว้อย่างแน่นเหนียวก็ได้มาคลี่คลาย ภารกิจที่คั่งค้างอยู่ก็ได้มาจัดการให้จบลง
แต่ในโลกความจริง บทชีวิตไม่ได้เขียนเช่นนั้น หลายคู่ ต้องทะเลาะต้องจากกันไปตลอดกาล โดยไม่มีโอกาสพูดหรือแม้แต่จะแก้ตัว เพียงเพราะทิฐิ หรือ เพียงแค่ ความไม่เข้าใจ ทำให้ ภารกิจที่ติดค้างในใจ (unfinished business) ของคนสองคน คนหนึ่งต้องแบกมันไปปรโลก ส่วนอีกคนหนึ่งก็ต้องแบกอย่างทุกข์ทรมานตราบที่ยังมีชีวิต
คุณเองเป็นหนึ่งในนั้นด้วยหรือเปล่า ?
(มีต่อ)
แก้ไขเมื่อ 13 มี.ค. 50 22:02:52
แก้ไขเมื่อ 13 มี.ค. 50 09:47:48
แก้ไขเมื่อ 13 มี.ค. 50 09:46:48
จากคุณ :
"ผมอยู่ข้างหลังคุณ"
- [
13 มี.ค. 50 09:42:32
]