CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    +++ ดูแล้วมาคุยกัน ... The Pursuit of Happyness , ปัญหาชีวิตก็เหมือน รูบิค - ถ้าทำไม่ได้จะ สู้ต่อ หรือ โยนทิ้ง- +++

      ชอบมาก ห้ามพลาด (12 คน)
      ชอบ (7 คน)
      เฉยๆ (2 คน)
      ไม่ชอบ (1 คน)
      ไม่ชอบมาก เสียดายตังค์ (0 คน)

    จำนวนผู้ร่วมโหวตทั้งหมด 22 คน

     54.55%
     31.82%
     9.09%
     4.55%
     0.00%


    เลือกอ่านบทความนี้พร้อมรูป อ่านความเห็นอื่นๆและ เชิญชวนเพื่อนๆมาแสดงความเห็นเพิ่มเติมที่  http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=aorta&month=03-2007&date=14&group=1&gblog=221


    ...รูบิค เป็น นวัตกรรมที่เคยสร้างเสียงฮือฮาไปทั่วโลก กับ อุปกรณ์ของเล่นลับสมองชิ้นนี้ คนเล่นมีหน้าที่เรียงสีทั้งหกด้านของลูกบาศก์ให้เป็นสีเดียวกัน ความยากมหันต์ของมัน ทำให้หลายคนเขวี้ยงทิ้งหลังจากลองไปสิบหรือสิบห้านาที บางคนพกติดตัวเล่นเป็นวันๆมุ่งมั่นจะทำให้สำเร็จ แต่บางคนก็มีความสามารถในการทำมันสำเร็จภายในไม่กี่นาที


    รูบิค มาอยู่ในหนัง ทำให้เราได้เห็น มุมมองของ การใช้ชีวิต

    เพราะ ปัญหาชีวิต บางครั้งมันก็เหมือน ปริศนารูบิค เราท้อไม่อยากสู้ต่อเพราะคิดว่าไม่มีทางสำเร็จแล้วยกธงยอมแพ้ เราคิดว่าเราคงทำไม่ได้และเลิกต่อสู้ ทั้งที่จริงแล้ว ปัญหาที่อยู่ตรงหน้า เป้าหมายที่อยู่ข้างหน้า มันไม่ใช่สิ่งที่ทำไม่ได้ เพียงแค่ เรายังทำไม่ได้ เท่านั้นเอง

    รูบิค ไม่ได้ถูกสร้างมาให้ทำไม่ได้ เพียงแต่มันยากในการที่จะเอาชนะ สิ่งใดก็ตามที่ยาก และ ยังทำไม่ได้ มิได้แปลว่า สิ่งๆนั้นเราจะทำไม่ได้


    ...ชีวิตในวัยทำงานของ คริส การ์ดเนอร์ เริ่มต้นอย่างมีความหวัง เขาจับธุรกิจเครื่องสแกนกระดูกขายตามโรงพยาบาล เมื่อเริ่มต้นดี เขาก็ทุ่มซื้อเครื่องสแกนที่ว่านี้ไว้เต็มบ้าน แต่อะไรๆมันก็เกิดขึ้นได้ หากเราลงทุนหรือทำอะไรอย่างไม่บันยะบันยัง ทุ่มสุดตัวและไม่เข้าใจคำว่า พอเพียง หรือ แค่อินกับกระแสแต่ใช้ชีวิตตรงกันข้าม

    ผลลัพธ์ออกมาก็อาจจะเป็นอย่าง คริส หรือ นักลงทุนหลายคนตอนพิษต้มยำกุ้ง เมื่อทุนที่ลงไปแบบไม่เผื่อทางถอยก็กลายเป็นภาระหนี้มมหาศาล สำหรับคริส สินค้าในมือกลายเป็นอุปกรณ์ส่วนเกิน และ ต้องรีบหาทางระบายเพื่อหาเงินมาใช้จ่ายประทังชีวิตในแต่ละวัน

    หนี้ที่พัก หนี้ค่าไฟ หนี้อีกหลายใบ แถมยังมีภาษีมีหนี้ค้างชำระ เครื่องสแกนขายไม่ออก เครื่องสแกนโดนขโมย ฯลฯ ปัญหาทุกอย่างถาโถมเข้ามาในชีวิต ของ คริส ไม่หยุดหย่อน ซ้ำร้าย วิกฤติยิ่งกว่า คือ คนใกล้ตัวนั้นไม่เคยให้กำลังใจ การไม่สนับสนุนของภรรยา ทิ้งให้เขาเผชิญปัญหาเพียงลำพัง

    ความตกต่ำมาถึงขีดสุด เมื่อ เขาต้องโดนไล่ออกจากที่พัก ภรรยาทิ้งเขาไป และ เงินในกระเป๋าตังค์นับเท่าไหร่ก็ไม่พอค่าอาหารในแต่ละวัน





    ... สิ่งหนึ่งที่หนังทำให้เราเห็น เช่นเดียวกับที่หนัง Cinderalla man เคยแสดงให้เราได้ดูว่า แม้เศรษฐกิจหรือชีวิตจะตกต่ำเพียงใด สิ่งเดียวที่พระเอกจากหนังทั้งสองเรื่องยังมีอยู่และเป็นสิ่งที่คนหลายคนสูญเสียไป คือ การไม่ยอมแพ้ และ ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์

    คริส การ์ดเนอร์ แสดง ความเป็นคนสู้ชีวิต และ ยังเป็นตัวแทนของคนที่ไม่ปล่อยให้ศักดิ์ศรีต้องลดต่ำตามสถานภาพการเงิน


    เขาไม่เคยยอมแพ้ แต่จะค่อยๆเรียนรู้ เช่น การต่อโทรศัพท์อีกเบอร์เพื่อติดต่อลูกค้าโดยไม่วางหูจะเร็วขึ้น ทุกครั้งที่เขาล้มเขาจะไม่บ่นตัดพ้อโชคชะตา แต่อาศัย ความมุมานะไม่ท้อถอย เครื่องสแกนใช้ไม่ได้ก็กัดฟันซ่อมจนสำเร็จ ต้องวิ่งรอกทั้งเรียน ทั้งทำงาน ทั้งอ่านหนังสือ ทั้งรับส่งลูกหาที่อยู่ที่นอนแบบวันต่อวันและบางวันเขาจนตรอกถึงขั้นต้องขายเลือดเพื่อแลกเป็นเงินกลับมา

    เขาไม่เคยโมโหหรือแสดงอารมณ์พาลหงุดหงิดต่อลูกค้าที่ปฏิเสธ ไม่เคยอาละวาดหรือทำให้ลูกต้องเจ็บช้ำน้ำใจ เขายังคงความเป็นสุภาพบุรุษที่ เขายังคงเป็นพ่อที่พยายามจะหาสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูก

    และทำให้ผมต้องนึกถึงตอนที่ตัวเองยังเด็กที่พ่อก็ไม่ต่างจากในหนังเท่าไหร่นัก พ่อที่แทบจะไม่มีเงินติดตัวในกระเป๋าแต่ก็พยายามทำทุกอย่างให้ลูกมีความสุข ผมเคยสงสัยว่าทำไมตอนเด็กๆเวลาไปกินไอติมอย่าง สเวนเซ่นส์ พ่อถึงนั่งดูผมกินอยู่คนเดียว จนเมื่อโตขึ้น พ่อเล่าให้ฟังว่า อยากให้ลูกได้ลองกินของดีๆเหมือนคนอื่นเขาสักครั้ง


    แล้วเราละ ชีวิตที่คิดว่าสู้เต็มที่แล้วจนอยากยกธงยอมแพ้
    ชีวิตที่คิดว่าไม่มีอะไรหลงเหลืออีกแล้วอยู่ไปก็ไร้ค่า
    แน่ใจแล้วหรือว่า เราสู้เต็มที่แล้วจริงๆ แน่ใจแล้วหรือว่า การไม่มีเงินหรือมีหนี้สินมันคือการใช้ชีวิตอย่างไร้ค่า



    ... เพราะหากเรายึดติด คุณค่าของชีวิต โดยมีภาพฝันเป็นเหมือน ความฝันของอเมริกันชน(american's dream) กับ ภาพคนประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานบนตึกสูง ผูกไทด์ใส่สูท ขับรถเปิดประทุน อยู่ในบ้านย่านหรูและวันหยุดไปดูกีฬากับครอบครัว โดยไม่ทันคิดเลยว่า มันคือ กับดักสวยหรูที่รองาบเหยื่ออันโอชะ

    ...เพราะเมื่อใดที่เราไม่ทันประมาณตน ไม่รู้จักใช้ชีวิตเท่าที่มี มีสิบแต่จ่ายร้อย มีร้อยแต่ใช้พัน มีเงินเดือนหลักพันแต่ผ่อน mazda3 ด้วยหวังอยากมีหน้าตาทางสังคม เราย่อมมีโอกาสคิดสั้นหรือรู้สึกหมดหวังกับชีวิตที่เป็นอยู่ เมื่อไร้ทรัพย์สิน ไร้เงินทอง

    ...ผมเคยคุยกับคนบางคน ที่เคยคิดฆ่าตัวตายเพราะเป็นหนี้สิบกว่าล้าน ด้วยความคิดว่า “ต่อไปนี้คงมีชีวิตอยู่ไม่ได้แล้ว ไม่รู้จะอยู่อย่างไร ชีวิตนี้ไร้ค่า ไม่เหลืออะไรแล้ว”

    หนี้สิบกว่าล้าน เป็นตัวเลขมหาศาลจริง แต่มันทำให้ดำเนินชีวิตต่อไปไม่ได้จริงหรือ

    ทำไมคนในถิ่นทุรกันดารหรือเอธิโอเปียหรือแอฟริกาถึงอยู่ได้ พวกเขาเหล่านั้น ก็ไร้คุณค่าด้วยหรือ

    ...แล้วเราก็จะพบว่า ไม่ใช่อยู่ไม่ได้หรอก แต่ เราปรับตัวไม่ได้ กับ การต้องกินอยู่อย่างอดๆอยากๆ ต้องถูกทวงหนี้บ่อยๆ ต้องทำงานหนักกว่าเก่า ต้องเดินหรือขึ้นรถเมล์แทนรถคันโก้ ฯลฯ เราไม่คุ้นเคยกับการใช้ชีวิตที่ต่างออกไป เราคุ้นเคยกับชีวิตที่ดีกว่านี้

    และในตอนนั้น เราก็มองปัญหาตรงหน้า เหมือน รูบิก ที่ไม่มีทางทำสำเร็จ ทั้งที่ความจริงคือ เรายังทำไม่สำเร็จ มากกว่า แล้ว หลายคนก็เลือกที่จะโยนชีวิตเหมือนโยนรูบิกทิ้งไปอย่างน่าเสียดาย

    ...พวกเขาเหล่านั้น มักจะหลงลืมไปว่า คุณค่าของคนเรานั้น ไม่ได้ถูกผูกไว้กับ มูลค่าภายนอก แต่ มันอยู่ภายในตัวคน เช่น คริส การ์ดเนอร์ แม้จะไม่หลงเหลือเงินในกระเป๋าแต่เขา ยังมี คุณค่าในฐานะพ่อที่ยิ่งใหญ่ที่รักลูกมากยิ่งกว่าใคร เขายังมีจิตใจที่งดงาม และ ยังมีความพยายามที่ไม่ลดน้อยถอยลง สิ่งเหล่านี้ คือ คุณค่าที่ไม่มีวันลดลงตามเงินในกระเป๋าของคนเราทุกคน

    แม้จะสูญเสียความมั่นใจความเชื่อมั่นจากภรรยา แต่ การมีลูกที่เชื่อมั่นและภาคภูมิใจในตัวพ่อ มันก็เป็นกำลังใจส่งต่อให้เขาเดินหน้าต่อไปอย่างไม่เคยคิดถอยหลังแม้แต่ก้าวเดียว

    ลูกของคริส ในหนังเรื่องนี้ กับ ภรรยาของพระเอกใน Cinderalla man ช่วยบอกเราว่า ความศรัทธาและมั่นใจในตัวคนที่เรารัก บางครั้ง มันมีความหมายยิ่งใหญ่กว่า การได้เงินมาซักก้อนเพื่อช่วยเหลือในยามลำบาก ซึ่งอาจช่วยเราได้แค่ครั้งเดียว แต่ ความรักและศรัทธาจากคนที่รักนั้น เป็นเหมือน น้ำทิพย์ จะหล่อเลี้ยง หัวใจ ให้สู้ไปข้างหน้าได้อย่างไม่มีวันยอมแพ้ไม่ว่าจะเจออุปสรรครออยู่อีกกี่ด่านก็ตาม


    (มีต่อ)

    จากคุณ : "ผมอยู่ข้างหลังคุณ" - [ 14 มี.ค. 50 11:52:54 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | PanTown.com | BlogGang.com