พอดีไปเปิดเจอกระทู้นี้เข้าครับ ยังอ่านไม่จบ แต่เอามาลงให้เพื่อนๆได้อ่านกันครับ อย่างน้อยก้อในฐานะคนที่เคยเห็นลุงเสรี (แค่ 2 ครั้ง) อีกอย่างเป็นคนบ้านโป่งเองด้วยครับ
=================================
จาก คนบ้านโป่ง ถึง (อ้าย) พี่ทิด
หลวงตาบุญธรรม เกตุแก้ว วัดปลักแรต
ที่ตั้งอยู่ตรงเชิงสะพานค่ายหลวงกลางเมืองบ้านโป่ง ถือเป็นวัดแรกๆ ที่เสรี หรือพี่ทิดของชาวบ้าน เอาแรงกายแรงใจช่วยงานมาอย่างสม่ำเสมอ เรียกใช้สอยมันได้ มีอะไรขาดเหลือก็เรียกหา มันไม่เคยปฏิเสธ หลวงตาบุญธรรม เกตุแก้ว ภิกษุชราวัยกว่า 80 ปีผู้มีศักดิ์เป็นอาแท้ๆ ของเสรี กล่าวถึงภูมิหลังของหลานชายว่า เป็นคนโผงผาง ตรงไปตรงมา พูดจาหมาไม่แดกมาตั้งแต่เล็กแต่น้อยแล้ว ตั้งแต่จำความได้ พฤติกรรมมันเป็นอย่างนี้มาแต่ไหนแต่ไร พูดจาไม่เกรงใจหมา กูๆ มรึงๆ กับทุกคน ไม่เว้นกับพระกับเจ้า แต่ไม่มีใครถือสามันหรอก อย่างไรก็ตาม ความดีความงามในจิตใจของเสรีเป็นที่ประจักษ์ตั้งแต่วัยรุ่น เข้าวัดเข้าวาคอยวิ่งบริการรับใช้พระทุกอย่าง มีงานบุญที่ไหน เสรีจะเป็นคนแรกๆ ที่จะเข้ามาเสนอตัวเข้าช่วย ไม่เฉพาะวัดปลักแรตละแวกบ้านเท่านั้น ทุกวัดในอำเภอบ้านโป่งและจังหวัดใกล้เคียง เสรียังให้ความช่วยเหลือตามประสาอย่างทั่วถึง มันใจบุญ ช่วยเขาไปทั่ว ทุกวัดในบ้านโป่งมันเข้าออกเหมือนบ้าน ตั้งแต่เด็กวัดยันสมภารมันรู้จักเขาหมด หลวงตาเองก็ไม่แน่ใจนักว่า คนที่เคยบวชเรียนอย่างเสรีนั้น ยึดมั่นในธรรมหรือสวดมนต์ไหว้พระกับเขาหรือเปล่า เนิ่นนานหลายสิบปี ตั้งแต่คอยรับใช้พระ ทำความสะอาดวัด ล้างถ้วยล้างชามตามงานต่างๆ ไปจนถึงวิ่งเต้นหาข้าวของเข้าโรงครัว ทุกวันนี้ทางวัดขาดเหลืออะไร ก็จะเรียกหามัน ให้เงินมันติดมือไปบ้าง ไม่ให้บ้าง มันก็ไปหามาได้จนสำเร็จ ชาวบ้านชาวช่องในตลาดเห็นก็เชื่อใจมัน มันได้ของกลับมาเป็นคันๆ รถเข็น บางครั้งต้องเอารถกระบะของวัดไปถ่ายของมา ภาพอันเจนตาของชาวบ้าน ชายคนนี้ดูเหมือนคนไร้สติ ดิบเถื่อนถ่*** ใส่กางเกงเก่าๆ ตัวเดียว เสื้อแสงไม่ใส่ เดินตากแดดตัวดำมะเมื่อม แต่ทุกคนในวัดปลักแรตก็รู้แน่ชัดว่า โดยเนื้อแล้ว มันเป็นคนดี มีคนทั้งรักทั้งชังมัน แต่ไม่มีใครถึงขั้นอาฆาตจองเวรมันหรอก มันกระทำแสดงออกเพียงกิริยาเท่านั้น ทุกคนไม่ได้คิดว่ามันบ้า แต่คิดว่ามันเป็นคนพิเศษ เป็นคนสำคัญของบ้านโป่ง
เจ๊สั้น-ธนพร หอมขจร
ธนพร หอมขจร หรือ เจ๊สั้น หญิงร่างเล็กวัย 42 ปี แม่ค้าขายอาหารตามสั่งริมถนนเลียบริมน้ำแม่กลอง ยังจดจำได้ไม่มีวันลืมถึงความอารีที่เคยได้รับ เจ๊สั้นเป็นเด็กกำพร้า ยากจนแทบไม่มีจะกิน อาศัยข้าววัดประทังชีวิต ตอนเด็กเรียนโรงเรียนวัดปลักแรต ชั้น ป.1 ก็จำได้แล้วว่าเสรีเขาอยู่วัด ช่วยดูแลรับใช้พระ อายุเราห่างกับเขาประมาณ 17-18 ปี น้องชายเขาเป็นเพื่อนกับเราด้วย น้องชายคนที่ว่านี้ ภายหลังเสรีได้ส่งเสียจนเรียนจบ ปัจจุบันเป็นทนายความอยู่ในกรุงเทพฯ เด็กหญิงสั้นได้เงินไปโรงเรียนวันละ 1 สลึง น้องชายของเสรีซึ่งเป็นเพื่อนกับเธอ ได้เงินถึง 3 บาท เสรีเขารักน้องคนนี้มาก ไปรับไปส่งที่โรงเรียนทุกวัน หาขนมหาข้าวปลาให้น้องกิน แล้วพอมาเห็นเราตัวเล็กๆ บางๆ มอมแมม เสรีก็บอกน้องชายเขาว่า เฮ้ย มรึงเลี้ยงอีนี่บ้างนะ ซื้อให้มันแดกบ้าง ในยามที่วัดมีงานบุญ เด็กวัดเด็กบ้านที่หิวโหยวิ่งแจ้นมาหาของกิน เจ้าของงานหรือผู้ถือศีลเคร่งครัดกลัวว่า เด็กจะมารบกวน จึงออกปากไล่เหมือนหมูเหมือนหมา ทิดเสรีในขณะนั้นเห็นเหตุการณ์ก็เข้ามาปกป้องเด็กๆ อย่างไม่ไว้หน้าใคร แกไม่สนใจใคร เดินปรี่เข้ามากวักมือเรียก เฮ้ย พวกมรึงเข้ามา เขาก็ไปยกขนมถ้วย ขนมฝรั่ง มาเต็มถาด บอก มรึงนั่งแดกตรงนี้แหละ แดกซะ เดี๋ยวจะได้ไปเรียนหนังสือ เจ๊สั้นเล่าให้ฟัง ถึงเรื่องที่ไม่เคยลืม ในฐานะที่ร่วม นั่งแดก กับเขาด้วยในหนนั้น สำหรับเจ๊ บุญคุณคนตอนไม่มีจะกินมันลืมไม่ได้หรอก ทุกวันนี้เจ๊สั้นมีครอบครัวที่อบอุ่น หาเลี้ยงชีพอย่างสุจริต และไม่อดอยากแร้นแค้นเหมือนอดีต เธอยังพบปะกับเสรีทั้งในตลาด วัด และงานบุญต่างๆอยู่เสมอ พี่ทิดแกไม่อดอยากหรอก ไปช่วยงานไหนก็ได้กินฟรี ช่วยวัด พระก็เอาของให้กิน บางงานเขาให้เงินก็มาก เจ๊สั้นกระซิบว่า เสรีก็อยากจะมีเมียกับเขาเหมือนกัน แต่ก็หาไม่ได้ อยู่คนเดียวอย่างนี้มาตลอด ใครจะกล้าไปเอาแก เคยหยอกแกว่า จะหาเมียให้คนหนึ่งเอาไหม แกสวนมาเลย มรึงไม่ต้องมาเสือกกะกู อี hear จากนั้นมาเจ๊ก็เลิกพูดเรื่องเมียกับเขาอีก ส่วนในเรื่องของความหยาบคาย เจ๊สั้นหน้าเบ้ ได้แต่พึมพำว่า ชินเสียแล้ว แกหยาบอย่างนี้มาแต่ไหนแต่ไร ชาวบ้านเขารู้ดี ใครไม่ดีกับแก แกด่าหมด ไม่ว่าใหญ่โตมาจากไหน ถึงจะหยาบ แต่ภายในใจแกมีแต่จะให้ แกเอาเวลาไปดูแลตัวเองที่ไหน เอาเวลาไปช่วยคนอื่นเสียหมด ทั้งที่อยากจะตอบแทนบุญคุณใจแทบขาด ด้วยความเป็นห่วงเป็นใย เจ๊สั้นจึงทำได้แค่ชักชวนกินข้าวยามเสรีเดินผ่านหน้าร้าน แต่สุดท้ายก็ไม่เคยสมใจแม้สักครั้ง เห็นแกเดินมาเหงื่อแตกท่าทางเหนื่อย ก็เรียกแก ถาม เฮ้ย ตาทิด กินข้าวยัง แกตอบมาคำเดียว มรึงไม่ต้องมาเสือกห่วงกู อี hear เท่านี้เราก็เงียบ ตอนนี้สิ่งที่ทำได้ดีที่สุดคือ บอกลูกบอกหลานว่า อย่าไปถือสาแกนะ แกเป็นคนอย่างนี้ จำไว้ ถ้าใครไปรังแกหรือทำร้ายแก มรึงต้องช่วยแกนะ เจ๊สั้นกล่าวถึงคนมีบุญคุณคนนี้ด้วยความซาบซึ้ง
เจ๊เต็น- สมจิตต์ ฤกษ์ทวีสุข
เจ้าของร้านขายของชำกลางตลาดเทศบาลบ้านโป่ง รายนี้ทำบุญกับเสรีมาครบ 20 ปีเต็ม สมจิตต์ ฤกษ์ทวีสุข หรือ เจ๊เต็น เป็นหญิงร่างท้วม แต่คล่องแคล่ว ท่าทางใจดี ใบหน้ามีรอยยิ้มตลอดเวลา ตั้งแต่เปิดร้านขายของมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2530 เธอบอกว่า เสรีไม่เคยเปลี่ยน 20 ปีที่แล้วเสรีเป็นยังไง วันนี้เสรีก็ยังเป็นอย่างนั้น สภาพเหมือนเดิม ไม่เคยแก่เลย แข็งแรง พูดจาไม่เพราะสม่ำเสมอ และยังคงความใจบุญอยู่เหมือนเดิม ทุกเช้ามืด ไม่ว่าหน้าร้อนหรือหนาว เสรีถอดเสื้อ ใส่กางเกงตัวเดิม รองเท้าบู๊ตดำคู่เก่ง ลากรถเข็นมาเรียกให้พ่อค้าแม่ค้าทำบุญ วัดไหนขาดอะไร พระก็จะมาบอกเสรี วัดไหนมีงานก็จะมาให้เสรีหาของเข้าวัดทำบุญ ทุกครั้งมาก็จะตะโกนถาม เฮ้ย ใครมีอะไรเลี้ยงพระเลี้ยงเณรมั่งวะ วันไหนวัดไหนขาดอะไรก็จะบอก เฮ้ย วันนี้ขอหมู ผักสด พริก กระเทียม น้ำมันพืช ทุกอย่างที่ขาดเหลือ จากความเคยชิน เสรีจะรู้ว่าร้านไหนทำบุญ ไม่ทำบุญ ก็จะไปที่ร้านนั้น ซึ่งโดยส่วนใหญ่แทบทั้งหมดไม่มีใครไม่ทำบุญกับเขา บางคนไม่ทำแล้วเสือกพูดมาก แกก็ด่าเข้าให้เหมือนกัน อะไรที่มีแล้วครบแล้ว เสรีจะไม่ร้องขออีก บางทีกำเงินมาบ้างก็จะซื้อเอา แต่ได้ของกลับมามากกว่าราคาขายเสียอีก!! บางวันกำเงินมาพัน สองพัน แต่ได้ของกลับไปเต็มรถ ราคารวมเกือบหมื่น ในรถเข็น เสรีจะมีกระบุงใส่เงินแยกไว้เพื่อถวายวัด แกจะโยนซองให้ แล้วก็ไป แกบอก มรึงอยากทำบุญ มรึงไปให้ที่วัดเอง เพราะไม่ใช่หน้าที่แก พ่อค้าแม่ค้าทุกตลาด ชาวบ้านทั้งบ้านโป่ง เชื่อใจแกสนิทว่าทำบุญกับเสรีถึงวัดแน่นอน ของวัดก็คือของวัด ไม่มีเข้าเนื้อ ทุกคนเชื่อใจแกอยู่แล้ว บางทีไม่มีเงินแกยังไปเป็นหนี้เขาเลย มีเงินค่อยไปใช้ บางทีเจ้าของลืมก็มี เครดิตมันดี มันไม่หลอกใครหรอก ตาเสรีน่ะ แกใจบุญ แกทำอย่างนี้มานานแล้ว ช่วยวัดมาเป็นสิบๆ ปี คนบ้านโป่งถึงได้ไว้ใจแกทั้งอำเภอ
แก้ไขเมื่อ 14 มี.ค. 50 14:06:36
แก้ไขเมื่อ 14 มี.ค. 50 14:04:33