ความคิดเห็นที่ 1 ไม่แน่ใจว่านายอำพลแต่งงานมีลูกมีเมียแล้วหรือยัง  พอดีไม่มีหนังสืออยู่ในมือ และจำไม่ได้แล้ว รู้แต่ว่ามีหลานที่ชื่อแสงโสมแฟนเก่ารพินทร์  หรือที่โต๊ะโชว์ควรจะมีรูปของแสงโสม ดีหรือไม่ ใครมีหนังสือเล่ม 1 ภาคแรกและภาคหลังหรือจำได้ช่วยลงให้หน่อย  เพื่อเป็นข้อมูลประกอบ จากคุณ : โอจิ (Oji_yoyo) - [ 17 มี.ค. 50 17:25:08 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ก็พวกใบ cert จากสวนสัตว์ต่างๆ ในโลกที่ส่งไปขายให้ อาจจะเป็นรูปถ่ายกับฝรั่งๆ ด้วยละมั้ง พวกใบ cert ของสมาคมยิงปืนก็อาจจะดี จากคุณ : Lee_IT - [ 17 มี.ค. 50 19:46:54 ]

ความคิดเห็นที่ 3 พวกรูปถ่ายสัตว์ป่าที่หายากที่รพินทร์จับมาได้ หรือไม่ก็พวกรูปที่ถ่ายกับพวกฝรั่งคณะต่างๆที่เคยมาให้รพินทร์เป็นไกด์มั้งครับ จากคุณ : หย่งฉิน - [ 17 มี.ค. 50 20:36:12 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ใบอนุญาตทางราชการที่สัมปทานจับสัตว์และส่งสัตว์ออกต่างประเทศ...ล่ะครับในคามคิดน่าจะมี... จากคุณ : ฟองฟ้า ละอองเมฆ - [ 17 มี.ค. 50 21:39:50 ]

ความคิดเห็นที่ 5 คุณโอจิ ในมือมีแค่ภาค 1 เองค่ะ ซึ่งกล่าวถึงคุณแสงโสมที่เป็นหลานคนเดียวเท่านั้น ส่วนจากภาค 2 คิดว่าคุณอำพลไม่น่าจะมีภรรยาและลูก อาจจะแต่งแล้วเลิกแล้ว หรืออย่างไรก็ตาม เพราะคุณอำพลเสนอตัวจะไปกับรพินทร์ด้วยในภาค 2 แต่รพินทร์ห้ามไม่ให้ไปค่ะ สำหรับรูปถ่าย/สิ่งอื่นๆ ที่ควรจะมีในห้องคุณอำพล ซึ่งเป็นผู้อำนวยการบริษัทไทยไวด์ไลฟ์ น่าจะมีประมาณนี้ค่ะ - รูปถ่ายคุณอำพลอาจจะแต่งชุดเครื่องแบบซาฟารี หรือชุดอะไรที่ดูภูมิฐาน - รูปคนในตระกูลวราฤทธิ์ เพื่อแสดงถึงความนับถือของคุณอำพลที่มีต่อตระกูลนี้ - รูปคุณอำพลยืนแอ๊คท่าถือปืนกับสัตว์ที่ล่าได้ตัวเจ๋งๆ อาจเป็นเสือสักตัวก็ได้ (แต่คงไม่ใช่ไอ้กุด ที่คุณอำพลยิงพลาดไป อิอิ) - รูปคู่กับฝรั่งที่เคยมาขอให้พาเที่ยว (ลอก คคห.ข้างบนมา) - ประกาศนียบัตรทางด้านการยิงปืน ไม่น่ามีเพราะฝีมือการยิงตามที่กล่าวมา ก็เข้าใจว่าไม่ได้ดีมากถึงขี้นได้ certificate อ่ะ น่าจะมีประกาศนียบัตรทางด้านการส่งออก/ค้าขายสัตว์กับเมืองนอกดีกว่า อ้อ ลืมไป ควรจะมีโทรศัพท์ด้วยหรือเปล่าคะ จากคุณ : Wormy707 - [ 17 มี.ค. 50 21:58:29 ]

ความคิดเห็นที่ 6 คิดว่า โทรศัพท์ไม่น่าจะมีครับ เพราะเห็นภาคสอง แทนที่ดารินจะโทรหาคุณอำพลเลย กลับต้องไปโทรหาผู้ว่าฯ อาจจะเป็นเพราะโทรศัพท์ยังเข้าไม่ถึงหรือเปล่า?? (อันนี้ไม่แน่ใจนะครับ ใครมีหนังสือช่วยเช็คให้ที) ส่วนรูปตระกูลวราฤทธิ์ ถ้าเป็นเฉพาะคนในตระกูลเดี่ยวๆ ผมว่าไม่น่ามีครับ เพราะต่อให้มีบุญคุณยังไงคงไม่สำคัญขนาดต้องมีรูปอยู่ด้วย ...แต่ถ้าเป็นภาพที่คุณอำพลถ่ายร่วมกับตระกูลวราฤทธิ์ก็น่าจะมีครับ ว่าแต่สมัยนั้นมีปฏิทินแม่โขงหรือยังครับ?? จากคุณ : วยาสะ (วยาสะ) - [ 17 มี.ค. 50 22:25:51 ]

ความคิดเห็นที่ 7 โทรศัพท์น่าจะมีนะครับ เพราะภาค 2 ระบุไว้ประมาณว่า ดารินฝันร้าย รู้สึกจะฝันเห็นแงซายและในฝันแงซายบอกว่ารพินทร์หนีเข้าป่าไปอีกครั้งและเจอไอ้งาดำกำลังได้รับอันตราย(คืนเดียวกันกับที่รพินทร์เป็นไข้มาลาเรียกลางป่า) ดารินจึงได้ทราบข่าวจากนายอำพลทางโทรศัพท์ พอทราบว่าเป็นความจริงดารินจึงเป็นลมล้มพับไป  ถ้าจำไม่ผิดน่าจะประมาณนี้แหละ แต่โทรศัพท์จะตั้งในห้องรับแขกหรือว่าตั้งไว้ด้านนอก อันนี้ก็ค่อยถกกันต่อ... แก้ไขเมื่อ 17 มี.ค. 50 22:34:21 จากคุณ : โอจิ (Oji_yoyo) - [ 17 มี.ค. 50 22:32:35 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ยังงั้นหรือครับคุณ วยาสะ  จำ เหตุการณ์ ภาค 2 ไม่ค่อยได้เหมือนกัน   งั้นก็คงจะไม่มีโทรศัพท์อย่างที่คุณวยาสะบอกไว้ จากคุณ : โอจิ (Oji_yoyo) - [ 17 มี.ค. 50 22:37:04 ]

ความคิดเห็นที่ 9 อ้อ...ขอนอกเรื่องนิ๊ด   ในภาค 2 จำได้ว่านายอำพลมีพระเครื่องห้อยคอ สมเด็จวัดระฆังรุ่นแรกสุด มอบให้รพินทร์ก่อนออกเดินทาง  แต่รพินทร์ปฏิเสธเพราะไม่เหมาะกับอาชีพพราน ใครพอจะหารูปได้บ้างครับ... หรือจะแตกประเด็นไปอีกกระทู้ดี  เพราะคนอื่นก็น่าจะมีพระเครื่องคุ้มกันเหมือนกัน  เดี๋ยวจะลองไปเปิดหนังสือดู  หรือใครพอจำได้ว่ามีใครห้อยพระอะไรกันบ้าง...ถ้ามี  จะแตกไลน์ก็ได้นะ  เอาเฉพาะภาคหนึ่งก็พอนะ  เพราะภาค 2 รู้สึกว่าแต่ละคนห้อยพระกันเป็นพรวน จากคุณ : โอจิ (Oji_yoyo) - [ 17 มี.ค. 50 23:09:44 ]

ความคิดเห็นที่ 10 เอารูปที่คุณอำพลถ่ายกับรพินทร์ก็ได้ค่ะ แล้วก็รู้สึกว่า  ไม่อยากให้มีรูปแสงโสมเลยอะค่ะ เพราะคิดว่าคุณอำพลน่าจะรู้เรื่องที่รพินทร์เลิกกับแสงโสม ถ้ารพินทร์เข้ามาคุยเรื่องงานกับคุณอำพลเวลาใด แล้วเห็นรูปแสงโสมก็จะทำให้หงุดหงิดใจ ซึ่งแน่แหละว่า  คุณอำพลไม่อยากให้เป็นเช่นนั้น ดังนั้นในห้องจึงไม่ควรมีรูปแสงโสมค่ะ จากคุณ : Par&Par - [ 17 มี.ค. 50 23:19:27 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ผมก็ตั้งประเด็นเล่นไปยังงั้นเองแหละครับ  กลัวกระทู้นี้เงียบเหงา เพราะถ้ามีรูปแสงโสมอยู่ในห้อง ดารินต้องสังเกตเห็นบ้างแหละ  และน่าจะนึกออกแล้ว  ตอนที่ดารินคุยเปิดใจกับรพินทร์ก่อนที่ไอ้แหว่งจะถล่มจนเป็นเหตุให้เชษฐาถูกหินทับขา ตอนนั้นดารินยังคิดอยู่ในใจว่าแม่แสงโสมประโลมใจคนนี้จะสวยซักขนาดไหนนะ จึงทำให้ตาพรานไพรใจฉกาจคนนี้พาลเกลียดชังผู้หญิงไปทั้งโลก... จากคุณ : โอจิ (Oji_yoyo) - [ 17 มี.ค. 50 23:30:46 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ลอก คห. 2 ค่ะ ใบสมาชิกสมาคมยิงปืน หรือล่าสัตว์อะไรประมาณนั้นอ่ะค่ะ น่าจะเป็นกีฬาที่นิยมในสมัยนั้น เพราะดูแล้วคุณอำพลก้อ สะสมปืนเยอะใช่ป่ะคะ น่าจะคลั่งไคล้หลงใหลจนเข้าเป็น สมาชิกในสมาคมเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ ถึงแม้จะไม่เก่งแต่ ขอเอี่ยวด้วยคน...ทำนองนั้น....อิอิ >< ถ้าเป็นสมัยนี้ กีฬาคนรวยก้อคงจะไม่พ้นตีกอล์ฟ หล่ะมังคะ จากคุณ : บุ้งน้ำ (bungnam) - [ 17 มี.ค. 50 23:39:55 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ว้า เสียดายจังค่ะ ไม่มีหนังสือภาค 2 อยู่ในมือเลย จะได้ปิดเรื่องโทรศัพท์ไปเลย จากคุณ : Wormy707 - [ 17 มี.ค. 50 23:40:52 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ถ้ามีภาพ น่าจะเป็นภาพที่แสดงความนัยบางอย่างครับ อาจจะเป็นมุขตลก ความสัมพันธ์ของตระกูลวราฤทธิ์กับคุณอำพล ภาพแสดงความเป็นอภิสิทธิ์ชน อะไรทำนองนี้ เรื่องโทรศัพท์ ในแง่ของการโทรฯหาผู้ว่าฯ มันก็เป็นไปได้ว่า ที่บริษัทไม่มีโทรศัพท์ หรือ คุณอำพลหนีหน้าคุณหญิงก็ได้ แต่ในแง่ของสถานที่ตั้งก็น่าจะยากอยู่ น่าจะใช้โทรเลข/ จดหมาย มากกว่า จากคุณ : อุปนิกขิต - [ 18 มี.ค. 50 00:37:04 ]

ความคิดเห็นที่ 15 เห็นราคาแพงสุด น่าจะรุ่นแรก [คลิกเพื่อชมภาพขนาดจริง] จากคุณ : NO.41 (sammiep) - [ 18 มี.ค. 50 00:44:16 ]

ความคิดเห็นที่ 16 เพิ่มเติมครับ http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B9%87%E0%B8%88%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%86%E0%B8%B1%E0%B8%87 จากคุณ : NO.41 (sammiep) - [ 18 มี.ค. 50 00:51:17 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ---คิดว่าน่าจะเป็นรูปที่เกี่ยวข้องกับอาชีพของคุณอำพลมากกว่าครับ เช่น รูปถ่ายคณะดักสัตว์ โดยมีแบคกราวด์เป็นกรงสัตว์ที่ดักมาได้ เป็นต้น ---หรือไม่ก็เป็น trophy จะเหมาะไหมครับ เช่น สัตว์สต๊าฟต่างๆ จากคุณ : Macatre - [ 18 มี.ค. 50 01:09:05 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ในเล่มเเรกกล่าวไว้ว่า นายอำพลนั้นไปดักยิงไอกุดกับพรานหน้าเก้งแต่พลาดถูกนิ้วมันขาด ไม่ได้ตัว จึงมีความเห็นว่าน่าจะมีนิ้วไอกุดใส่กรอบแขวนไว้ในห้องครับ ขอนิ้วโตๆด้วยนะครับเพราะตัวไอกุดก็ใหญ่ใช่ย่อย จากคุณ : bassraider - [ 18 มี.ค. 50 01:09:35 ]

ความคิดเห็นที่ 19 จริงซิ! คุณอำพลเคยให้พระอะไรกับรพินทร์นะค่ะ  Parจำไม่ได้ น่าจะเอารูปพระองค์นั่นมีติดที่ฝาผนังห้องคุณอำพลนะค่ะ จากคุณ : Par&Par - [ 18 มี.ค. 50 01:12:11 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ผมว่ารูปพระนั้นไม่เข้ากับห้องที่มือปืน ซากสัตว์เขาสัตว์โชว์นะครับ มีรูปพระบรมฉายาลักษณ์ก็คงจะเพียงพอเเล้ว ถ้ายิ่งใส่รายละเอียดมากมันจะกลายเป็นรกห้องไปนะครับ จากคุณ : bassraider - [ 18 มี.ค. 50 01:15:27 ]

ความคิดเห็นที่ 23 เครื่องรางของขลัง รูปถ่ายคู่กับผู้มีอิทธิพลในสมัยนั้น เพราะเนื้อเรื่ิองบรรยายไว้ว่า "เป็นอภิสิทธิ์ชน" ดังนั้น บรัษัทนี้ดำเนินการอย่างค่อนข้างจะผิดกฎหมาย ดังนั้นไม่ควรมี "ใบอนุญาตทางราชการที่สัมปทานจับสัตว์และส่งสัตว์ออกต่างประเทศ" ครับ คุณ ฟองฟ้า ละอองเมฆ จากคุณ : MERRISS - [ 18 มี.ค. 50 02:05:00 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ในความคิดผม คำว่า "เป็นอภิสิทธิ์ชน" ไม่จำเป็นต้องทำผิดกฏหมายก็ได้นะครับ...อาจได้ใบอนุญาตเพราะครอบครัววราฤทธิ์เป็นที่นับน่าถือตาในวงสังคมในสมัยนั้น...และโดยนิสัยของครอบครัวนี้คงไม่สนับสนุนให้ทำผิดกฏหมาย...รพินทร์เองก็คงไม่ทำเรื่องผิดกฏหมายครับ...ผมจำไม่ได้ว่าในเรื่องกล่าวถึงอย่างไร...ถ้าไม่กล่าวถึงจะมีหรือไม่มีก็ได้ครับ จากคุณ : ฟองฟ้า ละอองเมฆ - [ 18 มี.ค. 50 08:17:33 ]

ความคิดเห็นที่ 25 งั้น ผมเอา พรบ.คุ้มครองสัตว์ป่ามากางดูดีกว่า  แล้วช่วยกันวิเคราะห์นะครับว่า บริษัทนี้ผิดกฎหมายหรือไม่ เป็น พรบ.ปี 2535 (ถ้า ปี 35 ถูกต้อง  ก็คงไม่ต้องย้อนกลับไปดูกฎหมายก่อนหน้านี้แล้วล่ะ)  จะยกเอาเฉพาะมาตราที่เกี่ยวข้องนะครับ พระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พุทธศักราช ๒๕๓๕   หมวด 3  การล่า การเพาะพันธุ์ การครอบครอง และการค้าซึ่งสัตว์ป่า ซากของสัตว์ป่า และผลิตภัณฑ์ที่ทำจากซากของสัตว์ป่า มาตรา 16 ห้ามมิให้ผู้ใดล่า หรือพยายามล่าสัตว์ป่าสงวน หรือสัตว์ป่าคุ้มครอง เว้นแต่เป็นการกระทำโดยทางราชการที่ได้รับการยกเว้นตามมาตรา 26 ไปอ่านที่มาตรา 26 หมวด 4  การนำเข้า ส่งออก นำผ่าน นำเคลื่อนที่ซึ่งสัตว์ป่า และด่านตรวจสัตว์ป่า มาตรา 23 ภายใต้บังคับมาตรา 24 ห้ามมิให้ผู้ใดนำเข้าหรือส่งออกซึ่งสัตว์ป่า หรือซากของสัตว์ป่าชนิดที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด หรือนำผ่านซึ่งสัตว์ป่าสงวน สัตว์ป่าคุ้มครอง หรือซากของสัตว์ป่าดังกล่าว เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากอธิบดี การนำเข้าหรือส่งออกซึ่งสัตว์ป่าสงวน สัตว์ป่าคุ้มครองหรือซากของสัตว์ป่าดังกล่าวจะกระทำมิได้ เว้นแต่เป็นการนำเข้าหรือส่งออก ซึ่งสัตว์ป่าคุ้มครองที่ได้มาจากการเพาะพันธุ์ตามมาตรา 18 (1) หรือซากของสัตว์ป่าคุ้มครองที่ได้มาจากการเพาะพันธุ์และโดยได้รับใบอนุญาตจากอธิบดี การขออนุญาตและการอนุญาตตามวรรคหนึ่งและวรรคสอง ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวง มาตรา 24 การนำเข้า ส่งออก หรือนำผ่านซึ่งสัตว์ป่าหรือซากของสัตว์ป่าชนิดที่ต้องมีใบอนุญาตหรือใบรับรองให้นำเข้า ส่งออก หรือนำผ่านตาม ความตกลงระหว่างประเทศว่าด้วยการค่าสัตว์ป่าและซากของสัตว์ป่า ต้องได้รับอนุญาตหรือใบรับรองจากอธิบดี การขอรับใบอนุญาตหรือใบรับรอง และการออกใบอนุญาตหรือใบรับรองให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวง มาตรา 25 การนำสัตว์คุ้มครองหรือซากของสัตซ์ป่าคุ้มครองเคลื่อนที่เพื่อการค้าของผู้รับใบอนุญาตตามมาตรา 20 ต้องได้รับอนุญาตจากอธิบดี   การขอรับใบอนุญาต และการออกใบอนุญาต ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวง มาตรา 26 บทบัญญัติมาตรา 16 มาตรา 28 มาตรา 19 มาตรา 21 และมาตรา 23 มิให้ใช้บังคับแก่การกระทำเพื่อประโยชน์ในการสำรวจ การศึกษาและวิจัยทางวิชาการ การคุ้มครองสัตว์ป่า การเพาะพันธุ์ หรือเพื่อกิจการสวนสัตว์สาธารณะซึ่งกระทำโดยทางราชการ และโดยได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากอธิบดี และต้องปฏิบัติตามระเบียบที่รัฐมนตรีกำหนด โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการ มาตรา 28 ผู้ใดนำสัตว์ป่าสงวน สัตว์ป่าคุ้มครอง หรือซากของสัตว์ป่าดังกล่าวเคลื่อนที่ผ่านด่านตรวจสัตว์ป่า ต้องแจ้งเป็นหนังสือตามแบบที่ อธิบดีกำหนดต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ประจำด่านตรวจสัตว์ป่า โดยแสดงใบอนุญาตให้นำเคลื่อนที่ เพื่อการค้า ให้นำเข้า ให้ส่งออก หรือให้นำผ่าน แล้วแต่กรณี เมื่อพนักงาน เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบและอนุญาตเป็นหนังสือแล้ว จึงให้นำเคลื่อนที่ต่อไปได้ แก้ไขเมื่อ 18 มี.ค. 50 09:49:30 แก้ไขเมื่อ 18 มี.ค. 50 09:45:08 จากคุณ : โอจิ (Oji_yoyo) - [ 18 มี.ค. 50 09:38:50 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ขอพูดต่อเรื่องรูปนะค่ะ  ว่าในห้องคุณอำพลก็ ไม่น่าจะมีรูปของราชวงศ์สามพี่น้องเหมือนกัน   เพราะว่าถามมีจริง  รพินทร์ก็คงจะต้องจำหน้าคุณชาย-คุณหญิงได้เมื่อแรกเจอ จากคุณ : Par&Par - [ 18 มี.ค. 50 09:59:15 ]

ความคิดเห็นที่ 27 คงพอจะสรุปได้ประมาณนี้ว่า - รพินทร์เป็นพรานก็จริง  แต่ก็เป็นพรานที่ได้รับสิทธิ์การคุ้มครองตามกฎหมายกำหนด(ตามมาตรา 16) - บริษัท ไทยไวลด์ไลฟ์ ทำผิดกฏหมายหรือไม่  ตามมาตรา 23 -28 แล้ว บริษัทใหญ่ขนาดนี้คงไม่เสี่ยงให้ตัวเองต้องเข้าใกล้ซังเตหรอก   เพราะฉะนั้นจะต้องทำใบประกอบการที่ถูกต้องตามที่กฎหมายกำหนดไว้  เพราะกฎหมายเปิดช่องโหว่ไว้เป็นรูเบ้อเริ่ม... -  แต่ถ้าถามว่าควรมี ใบอนุญาตทางราชการที่สัมปทานจับสัตว์และส่งสัตว์ออกต่างประเทศ  หรือไม่  บริษัทนี้จะต้องมีอย่างแน่นอนและถูกต้องตามกฎหมายตามขั้นตอนเป๊ะ แต่จะตั้งโชว์ไว้ในห้องรับแขกหรือไม่  อันนั้นต้องถามใจนายอำพลดู ว่าอยากติดเอาไว้โชว์หรือไม่... - ถ้าพูดในแง่ของการสร้างภาพยนตร์  ใบนี้น่าจะมีความสำคัญต่อการสร้างความเข้าใจให้กับคนดูได้พอสมควร   เพราะอาจเป็นการช่วยลดกระแสแอนตี้การฆ่าสัตว์ตามต้นเรื่องในภาคแรกได้ไม่มากก็น้อย... แก้ไขเมื่อ 18 มี.ค. 50 10:08:07 จากคุณ : โอจิ (Oji_yoyo) - [ 18 มี.ค. 50 10:04:21 ]

ความคิดเห็นที่ 28 เห็นด้วยค่ะ จากคุณ : Par&Par - [ 18 มี.ค. 50 10:06:11 ]

ความคิดเห็นที่ 29 เอาแบบ มุกตลกปนฮาหน่อยๆด้วยดีไม๊ครับเช่น 1.รูปถ่ายคุณอำพลกับท่านเซอร์.......ที่แต่ง King's Solomon mine 2.แผ่นปิดโฆษณาหนัง สือ "สมบัติพระศุลี" 3.รูปถ่ายพรานฝรั่ง ที่ใต้รูปมีชื่อ  Alan  Quatermann น่าจะ ดีเหมือนกัน...(มั๊ง) จากคุณ : No.36 (แด่น้อง) - [ 18 มี.ค. 50 11:09:15 ]

ความคิดเห็นที่ 30 อ่านจากกฎหมายที่ คุณโอจิ เอามาให้ดู สมควรที่จะต้องมีใบอนุญาตค่ะ และจะต้องตั้งโชว์ใบอนุญาตค่ะ หากได้รับใบอนุญาตใดๆ ให้ประกอบกิจการนั้นๆ จากส่วนราชการ จะต้องติดโชว์ให้เห็นโดยทั่วกันค่ะ แก้ไขเมื่อ 18 มี.ค. 50 11:10:55 จากคุณ : ภคิน - [ 18 มี.ค. 50 11:09:35 ]

ความคิดเห็นที่ 31 เห็นด้วยค่ะ ที่ต้องมีใบอนุญาตใส่กรอบและตั้งโชว์ให้เห็นในห้อง เอ.แต่ลักษณะใบอนุญาตนี้จะเป็นยังไงเอ่ย มีข้อความว่าอะไรบ้างน้า ลอง search ดูดีก่า จากคุณ : Wormy707 - [ 18 มี.ค. 50 14:15:46 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ขอเสริมคุณโอจิ โดยการนำกฎกระทรวงในการขอใบอนุญาตมาให้ทราบกันนะคะ กฎกระทรวง ฉบับที่ 2 (พ.ศ. 2537) ออกตามความในพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 .......................... อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 5 มาตรา 8 มาตรา 23 และมาตรา 24 แห่งพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการการสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่าแห่งชาติออกกฎกระทรวงไว้  ดังต่อไปนี้ ข้อ 1 การยื่นคำขอรับใบอนุญาตหรือดำเนินการดังต่อไปนี้ให้ใช้แบบ  สป.4 ท้ายกฎกระทรวงนี้                (1)  นำเข้าหรือส่งออกซึ่งสัตว์ป่าหรือซากของสัตว์ป่าชนิดที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด                (2)  นำผ่านซึ่งสัตว์ป่าสงวน  สัตว์ป่าคุ้มครอง  ซากของสัตว์ป่าสงวนหรือซากของสัตว์ป่าคุ้มครอง                (3)  นำเข้าหรือส่งออกซึ่งสัตว์ป่าคุ้มครองที่ได้มาจากกการเพาะพันธุ์ตามมาตรา 18 (1) หรือซากของสัตว์ป่าคุ้มครองที่ได้มาจากกการเพาะพันธ                (4) นำเข้า ส่งออกหรือนำผ่านซึ่งสัตว์ป่าหรือซากของสัตว์ป่าที่อนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดของสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้จะสูญพันธุ์(CITES) กำหนดให้ต้องมีใบอนุญาตหรือใบรับรองให้นำเข้า ส่งออก หรือนำผ่าน               ผู้ใดประสงค์จะยื่นคำขอรับใบอนุญาตเพื่อนดำเนินกิจการตามวรรคหนึ่งให้ยื่นคำของต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ณ สถานที่ใดสถานที่หนึ่ง ดังต่อไปนี้                 (1) กองการอนุญาต กรมป่าไม้                 (2) สำนักงานป่าไม้จังหวัด ที่ด่านตรวจสัตว์ป่าตั้งอยู่ในเขตจังหวัดนั้น                 (3) สำนักงานป่าไม้จังหวัดที่สัตว์ป่าอยู่ในเขตจังหวัดนั้น             ในกรณีที่เป็นการยื่นคำขอใบรับใบอนุญาตสำหรับสัตว์ป่าหรือซากของสัตว์ป่า ที่เป็นสัตว์น้ำ ให้ยื่นต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ณ สถานที่ใดสถานที่หนึ่ง ดังต่อไปนี้                 (1) กองอนุรักษ์ทรัพยากรประมง กรมประมง                 (2) สำนักงานประมงจังหวัดที่ด่านตรวจสัตว์ป่าตั้งอยู่ในเขตจังหวัดนั้น                 (3) สำนักงานประมงจังหวัดที่สัตว์น้ำอยู่ในเขตจังหวัดนั้น ข้อ 2 ในการยื่นคำขอใบอนุญาตนำเข้าสัตว์ป่าหรือซากของสัตว์ป่าตามข้อ 1 ผู้ยื่นคำขอต้องยื่นสำเนาใบรับรองสุภาพสัตว์  (HealthCertificate) สำหรับสัตว์ป่าหรือซากของสัตว์ป่านั้น ซึ่งออกโดยเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจตามตามกฎหมายของประเทศที่ส่งออกสัตว์ป่านั้น และสำเนาใบสั่งสินค้า (Order) หรือสำเนาใบกำกับสินค้า (Invoice)พร้อมกับคำขอด้วย เว้นแต่เป็นการยื่นขอรับใบอนุญาตนำเข้าที่มิใช่เพื่อการค้า ให้ยื่นเฉพาะสำเนาใบรับรองสุขภาพสัตว์                 ในการยื่นคำขอรับใบอนุญาตส่งออกสัตว์ป่าหรือซากของสัตว์ป่าตาม ข้อ1 ผู้ยื่นคำขอต้องยื่นหลักฐานการได้มาซึ่งสัตว์ป่าหรือซากของสัตว์ป่านั้น และสำเนาใบสั่งสินค้า (Order) หรือสำเนาใบกำกับสินค้า (Invoice) พร้อมกับคำขอด้วย เว้นแต่เป็นการยื่นขอรับใบอนุญาตส่งออกที่มิใช่เพื่อการค้าให้ยื่นเฉพาะหลักฐานการได้มาซึ่งสัตว์ป่าหรือซากของสัตว์ป่านั้น ข้อ 3 ในกรณีที่การยื่นคำของรับใบอนุญาตนำเข้า ส่งออกหรือนำผ่านตามข้อ 1 เป็นการขออนุญาตสำหรับสัตว์ป่าหรือซากของสัตว์ป่าซึ่งเป็นชนิดพันธุ์ (Species) เดียวกับที่กำหนดไว้ในบัญชีหมายเลข 1 ท้ายอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดของสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้จะสูญพันธุ์ (Cites) นอกจากจะต้องยื่นหลักฐานตาม ข้อ 2 แล้ว ผู้ขอรับใบอนุญาตต้องยื่นหลักฐานดังต่อไปนี้ต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ด้วย                 (1) ในกรณีที่เป็นการยื่นคำขอรับใบอนุญาตนำเข้าผู้ยื่นคำขอต้องแสดงหนังสือยินยอมให้ส่งออก ซึ่งออกโดยเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจออกใบอนุญาตตามอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดของสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้จะสูญพันธุ์ (Cites) ของประเทศที่จะส่งสัตว์ป่าหรือซากของสัตว์ผ่านั้นเข้ามาในราชอาณาจักร             (2) ในกรณีที่เป็นการยื่นคำขอรับใบอนุญาตส่งออกผู้ยื่นคำขอต้องแสดงใบอนุญาตนำเข้า (Import permit) ซึ่งออกโดยเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจออกใบอนุญาตตามอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดของสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้จะสูญพันธุ์ (CITES) ของประเทศที่จะส่งสัตว์ป่าหรือซากของสัตว์ป่าไปยังประเทศนั้น             (3) ในกรณีที่เป็นการยื่นคำขอรับใบอนุญาตนำผ่าน  ผู้ยื่นคำขอต้องแสดงใบอนุญาตส่งออก (Export Permit) ของประเทศที่อนุญาตให้ส่งออกสัตว์ป่าหรือซากของสัตว์ป่านั้น และใบอนุญาตนำเข้า (Import Permit) ของประเทศที่อนุญาตให้นำเข้าสัตว์ป่าหรือซากของสัตว์ป่านั้น              (4) ในกรณีที่เป็นการยื่นคำขอรับใบอนุญาตนำมาในราชอาณาจักรชั่วคราวเพื่อส่งออก สำหรับการนำเข้าผู้ยื่นคำของต้องแสดงหลักฐานตาม(1)สำหรับการส่งออกผู้ยื่นคำของต้องแสดงหลักฐานตาม (2) พร้อมกับใบอนุญาตส่งออก (Export Permit) ของประเทศที่เป็นถิ่นกำเนิดของสัตว์ป่าหรือซากของสัตว์ป่านั้น และใบอนุญาตให้นำสัตว์ป่าหรือซากของสัตว์ป่านั้นเข้ามาในราชอาณาจักร เว้นแต่เป็นการส่งออกไปยังประเทศที่เป็นถิ่นกำเนิดไม่ต้องแสดงหลักฐานตาม (2) ในการนี้ให้ถือว่าใบอนุญาตให้นำสัตว์ป่าหรือซากบองสัตว์ป่านั้นเข้ามาในราชอาณาจักรเป็นหลักฐานการได้มาซึ่งสัตว์ป่าหรือซากของสัตว์ป่าตามข้อ 2 วรรคสอง      ในกรณีที่เป็นการยื่นคำของรับใบอนุญาตนำเข้าหรือนำผ่านซึ่งสัตว์ป่าหรือซากของสัตว์ป่าตามบัญชีหมายเลข 2 บัญชีหมายเลข 3 หรือชนิดพันธุ์ (Species) ตามบัญชีหมายเลข 1 ที่ได้มาจากการเพาะพันธุ์เพื่อการค้า นอกจากจะต้องยื่นหลักฐานตามข้อ 2 แล้ว ผู้ยื่นคำขอต้องแสดงใบอนุญาตส่งออก (Export Permit) ของประเทศที่อนุญาตให้ส่งออกสัตว์ป่าหรือซากของสัตว์ป่านั้นต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ด้วย          ข้อ 4 การพิจารณาอนุญาตคำขอตามข้อ 1 ให้คำนึงถึงหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้                   (1 ) ในการอนุญาตให้นำเข้าให้พิจารณาชนิดพันธ์และจำนวนสัตว์ที่มีอยู่ในประเทศเพื่อป้องกันการแพร่พันธุ์มากเกินสมควร วิธีการสืบพันธุ์ ความปลอดภัยของสัตว์ในประเทศและอันตรายที่อาจเกิดจากสัตว์นั้น รวมทั้งความอยู่รอดของสัตว์นั้น หรือผลกระทบต่อความสมดุลของระบบนิเวศน์ทางธรรมชาติ                 ( 2 ) ในการอนุญาตให้ส่งออกให้พิจารณาชนิดพันธุ์และจำนวนของสัตว์ที่มีอยู่ในประเทศเพื่อป้องกันมิให้เกิดการสูญพันธุ์ รวมทั้งผลกระทบต่อความสมดุลของระบบนิเวศน์ทางธรรมชาติ                 ( 3 ) ในการอนุญาตให้นำผ่าน ให้พิจารณาชนิดพันธุ์และจำนวนสัตว์ให้ตรงกับที่ขออนุญาต  และตรวจสอบหลักฐานที่เกี่ยวข้องให้เป็นไปโดยถูกต้อง  รวมทั้งความปลอดภัยของสัตว์ในประเทศและอันตรายที่อาจเกิดจากสัตว์นั้น                ( 4 ) ถ้าเป็นการนำเข้า ส่งออกหรือนำผ่าน ซึ่งสัตว์ป่าหรือซากของสัตว์ซึ่งเป็นชนิดพันธุ์ ( Species)เดียวกับที่กำหนดไว้ในใบอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดของสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้จะสูญพันธุ์ ( CITES ) ให้พิจารณาตามหลักเกณฑ์ของอนุสัญญาดังกล่าวด้วย          ข้อ 5 ใบอนุญาตให้นำเข้าหรือให้ส่งออกซึ่งสัตว์ป่าคุ้มครองที่ได้จากการเพาะพันธุ์ตามมาตรา 18 (1) หรือซากของสัตว์ป่าคุ้มครองที่ได้จากการเพาะพันธุ์และใบอนุญาตให้นำเข้า ให้ส่งออก หรือให้นำผ่านซึ่งสัตว์ป่าหรือซากสัตว์ป่าและพืชป่าชนิดพันธุ์ ( Species ) เดียวกับที่ได้กำหนดไว้ ในอนุสัญญาว่าด้วยการการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดของสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้จะสูญพันธุ์( CITES ) ให้ใช้ แบบ  สป.5  ท้ายกฎกระทรวงนี้       ใบอนุญาตให้นำเข้าให้ส่งออกหรือให้นำผ่านซึ่งสัตว์ป่าหรือซากของสัตว์ป่าชนิดพันธุ์ (Species) อื่นนอกจากที่กำหนดตามวรรคหนึ่งให้ใช้แบบ สป.6 ท้ายกฎกระทรวงนี้        ข้อ 6 ในกรณีที่ผู้รับในอนุญาตจะนำสัตว์ป่าหรือซากของสัตว์ป่าเคลื่อนที่เข้ามาในหรือออกไปนอกราชอาณาจักรตามที่ได้รับอนุญาต ให้ผู้รับใบอนุญาตนำสัตว์ป่าหรือซากของสัตว์ป่านั้นเคลื่อนที่ผ่านด่านตรวจสัตว์ป่าตามที่อธิบดีกำหนดไว้ในใบอนุญาตโดยให้แจ้งเป็นหนังสือตามแบบที่อธิบดีกำหนดต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ประจำด่านตรวจสัตว์ป่านั้น         เมื่อพนักงานเจ้าหน้าที่ประจำด่านตรวจสัตว์ป่าได้ตรวจสอบความถูกต้องของใบอนุญาตและสัตว์ป่าหรือซากของสัตว์ที่จะนำเคลื่อนที่ผ่านแล้ว ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ประจำด่านตรวจสัตว์ป่าอนุญาตให้นำสัตว์ป่าหรือซากของสัตว์ป่าเคลื่อนที่ผ่านด่านตรวจสัตว์ป่าได้โดยแสดงการอนุญาตไว้ในใบอนุญาตนั้น          ข้อ 7 ผู้รับใบอนุญาตจะต้องดำเนินการนำเข้า ส่งออกหรือนำผ่านตามที่ได้รับอนุญาตให้เสร็จสิ้นภายในระยะเวลาที่กำหนดไว้ในใบอนุญาต ถ้ามิได้ดำเนินการภายในระยะเวลาดังกล่าวให้ใบอนุญาตเป็นอันสิ้นสุด         ข้อ 8 เพื่อประโยชน์ในการมีหลักฐานการได้มาซึ่งสัตว์ป่าหรือซากของสัตว์ป่าที่ได้มีการนำเข้ามาในราชอาณาจักรแล้ว ในกรณีที่สัตว์ป่าหรือซากสัตว์ป่าที่นำเข้ามีจำนวนเพิ่มขึ้นเนื่องจากการสืบพันธุ์หรือสัตว์ป่าตาย ให้ผู้รับใบอนุญาตแจ้งให้พนักงานเจ้าหน้าที่ทราบภายในเจ็ดวันนับแต่วันที่มีการเพิ่มจำนวน เว้นแต่เป็นกรณีที่ผู้รับใบอนุญาตเป็นผู้รับใบอนุญาตให้จัดตั้งและดำเนินกิจการสวนสัตว์สาธารณะในการนี้ เมื่อพนักงานเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบและเห็นว่าถูกต้องแล้วให้ออกหลักฐานการรับแจ้งให้กับผู้แจ้งต่อไป         ข้อ 9 ผู้รับใบอนุญาตผู้ใดประสงค์จะขอรับใบแทนใบอนุญาตตามข้อ 5ซึ่งชำรุด เสียหาย หรือสูญหาย ให้ยื่นคำขอใบแทนใบอนุญาตพร้อมด้วยหลักฐานตามที่ระบุไว้ในแบบ สป.7 ท้ายกฎกระทรวงนี้ จากคุณ : Wormy707 - [ 18 มี.ค. 50 14:49:15 ]

ความคิดเห็นที่ 33 เอ่อ..ขออภัยที่ยกมาทั้งหมดเลยเยอะไปนิดดดส์..นึง -_-" แค่ต้องการจะบอกว่า ถ้าจะให้มีใบอนุญาตนี้ให้เห็นในหนังด้วยก็ต้องดูว่าช่วงนั้นใครเป็นผู้ที่มีอำนาจเซ็นใบอนุญาตินี้ได้อ่ะคะ ความหมายสั้นๆ แค่นี้เอง จากคุณ : Wormy707 - [ 18 มี.ค. 50 14:53:37 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ลิงค์นี้น่าสนใจ http://www.dnp.go.th/p_wildlife/Framewildlife4.htm ผมจะยกขึ้นมาบางส่วน   ซึ่งเป็นที่มาของของการตราพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2503 เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2503 ประเทศไทยเมื่อครั้งยังเป็นสยามได้ชื่อว่า เป็นแหล่งที่มีสัตว์ป่าชุกชุมมากที่สุดแห่งหนึ่ง จนเป็นที่กล่าวขวัญของชาวต่างประเทศที่เคยเดินทางเข้ามาในสมัยนั้น และปรากฎในรายงานบันทึกเก่า ๆ ว่า ประเทศไทยได้ส่งงาช้างและนอแรดเป็นสินค้าออกไปจำหน่ายยังต่างประเทศปีละมาก ๆ สัตว์ป่ามีชุกชุม จนบางครั้งก่อให้เกิดการทำลายพืชผล ทรัพย์สินและชีวิตชาวบ้านอยู่เนื่อง ๆ          การล่าสัตว์ป่าสมัยนั้นในชนบทกระทำกันเป็นปกติ และจัดเป็นเกมกีฬาของคนกรุงที่จะใช้เวลาพักผ่อนจากการงานประำจำปีด้วยการล่าสัตว์ขนาดใหญ่ เพื่อเอาตัว เขา หรือหนังมาเป็นเครื่องประดับเลียนแบบคนในแถบยุโรปที่มักไปล่าสัตว์แอฟริกา          หลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นต้นมา อาวุธปืนและเครื่องมือเครื่องใช้ ตลอดจนยานพาหนะสำหรับใช้ในการล่าสัตว์ได้พัฒนาขึ้นมาก โดยเฉพาะอาวุธปืน กระสุนปืน และรถจิ๊ปขนาดต่าง ๆ ที่เป็นสิ่งเหลือใช้จากสงครามจำนวนมาก ปืนดังกล่าวมีอานุภาพในการล่าสัตว์ป่าใหญ่มากขึ้น รถจิ๊ปก็ช่วนให้เดินทางในถิ่นทุรกันดารได้ไกลขึ้น อำนวยความสะดวกสบายให้แก่นักล่าสัตว์ ทำให้สามารถอยู่ในป่าได้ครั้งละนาน ๆ สัตว์ป่าจำนวนมากจึงถูกล่าอย่างรวดเร็ว ประกอบกับจำนวนประชากรของประเทศไทยเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จึงมีการขยายพื้นที่เกษตรเพิ่้มขึ้น โดยการบุกรุกพื้นที่ป่าไม้ ทุ่งหญ้าที่เคยเป็นแหล่งน้ำแหล่งอาหารและที่่อยู่อาศัยของสัตว์ป่าหลายชนิดลดจำนวนลงอย่างรวดเร็ว และบางชนิดต้องสูญพันธุ์ไป เช่น สมันหรือเนื้อสมัน ซึ่งถือกันว่าเป็นกวางที่มีเขาสวยงามมากที่สุดในโลกชนิดหนึ่ง และพบในประเทศไทยเพียงแห่งเดียว ก็สูญพันธุ์ไปอย่างน่าเสียดาย นอกจากนี้ยังมีสัตว์ป่าพื้นเมืองของไทยอีกหลายชนิดกำลังอยู่ในภาวะล่อแหลมที่จะสูญพันธุ์ เช่น แรด กระซู่ ฯลฯ          เมื่อเกิดการล่าสัตว์ป่าอย่างกว้างขวาง ได้มีคนกลุ่มหนึ่งมองเห็นปัญหาที่เกิดขึ้น คนกลุ่มนี้ประกอบด้วยภาคเอกชน ผู้เคยเดินทางไปใช้ชีวิตในป่ามาก่อน และข้าราชการกรมป่าไม้ระดับสูงบางท่าน รวมกันจัดตั้ง "นิยมไพรสมาคม" ขึ้นในปี พ.ศ. 2493 สมาคมนี้พยายามรณรงค์เพื่อรักษาชีวิตสัตว์ป่าทุกรูปแบบทั้งด้าน สิ่งพิมพ์ที่เกี่ยวกับธรรมชาติและสัตว์ป่า โดยเขียนขึ้นเองจากประสบการณ์และบางส่วนแปลจากภาษาต่างประเทศ ตลอดจนจัดรายการวิทยุและพูดในที่ชุมชนต่าง ๆ ทำให้เกิดกระแสความเคลื่อนไหวขึ้นในระดับหนึ่ง ในที่สุดผู้นำของนิยมไพรสมาคมได้เข้าพบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตร เพื่อขอให้รัฐบาลดำเนินการออกกฎหมายเกี่ยวกับสัตว์ป่า รวมทั้งจัดตั้งอุทยานแห่งชาติและเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า          แม้ว่าประเทศไทยจะมีกฎหมายเกี่ยวกับการคุ้มครองสัตว์ป่ามาเป็นเวลานานแล้ว ได้แก่ พระราชบัญญัติการรักษาช้างป่า ร.ศ.119 (พ.ศ. 2443) แต่ก็เป็นการรักษาช้างป่าเพียงชนิดเดียว ดังนั้น เมื่อเห็นว่าเกิดภาวะอันน่าวิตกว่าสัตว์ป่าหลายชนิดจะสูญพันธุ์ไปจากประเทศ รัฐบาลจึงได้ตรากฎหมายว่าด้วยการสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่าขึ้น โดยสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี เมื่อครั้งดำรงพระยศสมเด็จพระราชชนนีศรีสังวาลย์ และผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ได้ทรงลงพระนามในพระปรมาภิไธยพระบาทสมเด็จพระปริมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ตราพระราชบัญญัตสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2503 เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2503 ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2504 เป็นต้นไป จากคุณ : โอจิ (Oji_yoyo) - [ 18 มี.ค. 50 16:01:12 ]

ความคิดเห็นที่ 35 แต่ช่วงเวลาในการออกเดินทางนี่จะเกิดขึ้นก่อนที่จะมีการตรา พระราชบัญญัตสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2503 ขึ้น ซึ่งก็น่าจะหมายความว่าก่อนหน้านั้นมีการล่าสัตว์ได้โดยไม่ผิดกฏหมาย ยกเว้นช้างป่าเท่านั้น จากคุณ : โอจิ (Oji_yoyo) - [ 18 มี.ค. 50 16:03:26 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ซึ่งจะหมายความได้ว่า  ขณะนั้นก่อนปี 2503 จะยังไม่มีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ไม่มีกรมก็หมายความว่ายังไม่มีอธิบดี เพราะฉะนั้นอธิบดีที่จะต้องรับผิดชอบเกี่ยวกับป่าไม้และสัตว์ป่าก่อนปี 2503 น่าจะเป็นอธิบดีกรมป่าไม้นะ ซึ่งน่าจะมีอำนาจเซ็นใบอนุญาตทางราชการที่สัมปทานจับสัตว์และส่งสัตว์ออกต่างประเทศในขณะนั้น  (ถ้าเป็น พ.ร.บ.คุ้มครองสัตว์ป่าฯ ปี2535  อธิบดีจะมีอำนาจในการอนุญาตใบฯ) ซึ่งน่าจะได้แก่บุคคล 2 ท่านนี้  อยู่ที่ว่าเราจะฟันธงว่าเดินทางปีไหนแน่ นายเทียม คมกฤส เป็นอธิบดีกรมป่าไม้ 2495 - 2500 กับนายนายเฉลิม ศิริวรรณ เป็นอธิบดีกรมป่าไม้ 2501 - 2503 ปล.อันนี้จากการสรุปเบื้องต้นเท่านั้นนะ  ยังไม่ยืนยันหรือฟันธง   ต้องค้นคว้าข้อมูลกันต่อไป... แก้ไขเมื่อ 18 มี.ค. 50 16:54:40 แก้ไขเมื่อ 18 มี.ค. 50 16:52:32 จากคุณ : โอจิ (Oji_yoyo) - [ 18 มี.ค. 50 16:34:32 ]

ความคิดเห็นที่ 37 ใครก็ได้  ช่วยหาข้อมูลมาเสริมกันหน่อยดิ  ว่านอกจากนี้ใครน่าจะมีอำนาจในการเซนต์ใบอนุญาตฯ อีก หาเพื่อนเล่นยากจัง...ปู่เราหายไปกันล่ะนี่ แก้ไขเมื่อ 18 มี.ค. 50 16:58:39 แก้ไขเมื่อ 18 มี.ค. 50 16:43:18 จากคุณ : โอจิ (Oji_yoyo) - [ 18 มี.ค. 50 16:36:44 ]

ความคิดเห็นที่ 38 นายเทียม คมกฤส เป็นอธิบดีกรมป่าไม้ 2495 - 2500 จากคุณ : โอจิ (Oji_yoyo) - [ 18 มี.ค. 50 16:44:01 ]

ความคิดเห็นที่ 39 กับนายนายเฉลิม ศิริวรรณ เป็นอธิบดีกรมป่าไม้ 2501 - 2503 จากคุณ : โอจิ (Oji_yoyo) - [ 18 มี.ค. 50 16:45:04 ]

ความคิดเห็นที่ 40 ลองไปค้นดูใบ Certificate เก่า ๆ ดู รูปแบบนะ เพราะหาตรง ๆ ยังไม่ได้ค่ะ แก้ไขเมื่อ 18 มี.ค. 50 17:31:12 [คลิกเพื่อชมภาพขนาดจริง] จากคุณ : รำเพย (ited) - [ 18 มี.ค. 50 17:30:17 ]

ความคิดเห็นที่ 41 ถ้าแบบหน้าตาออกสมัยใหม่หน่อย มีสีสรร ก็แบบนี้ จากคุณ : รำเพย (ited) - [ 18 มี.ค. 50 17:37:19 ]

ความคิดเห็นที่ 42 ภาพที่ออกแนวไปล่าสัตว์กับเพื่อนมาสด ๆ ร้อน ๆ และมีสัตว์นอนตายเป็นสักขีพยานก็จะประมาณนี้ได้ไหม๊คะ อึ๋ย..ลืมรูป \/ \/ \/ แก้ไขเมื่อ 18 มี.ค. 50 17:40:23 จากคุณ : รำเพย (ited) - [ 18 มี.ค. 50 17:39:16 ]

ความคิดเห็นที่ 43 * * * จากคุณ : รำเพย (ited) - [ 18 มี.ค. 50 17:41:51 ]

ความคิดเห็นที่ 44 น่าจะออกแล้วนะ จากคุณ : รำเพย (ited) - [ 18 มี.ค. 50 17:50:29 ]

ความคิดเห็นที่ 45 น่าจะเป็นท่านที่ คห.38 เซ็นต์นะครับคือทำกิจการมาหลายปีแล้วท่านอยู่ตั้งแต่ 2495... งานหนังสือแห่งชาติทุกปีจะมีโซนหนังสือเก่า และเขาก็จะมีเอกสารทางราชการเก่าๆด้วยครับ...หรือไม่ก็พวกร้านที่ขายแสตมป์มั่งจะขายพวกเอกสารทางราชการเก่าๆด้วยผมเคยเห็น...พวกโฉนด ใบหุ้น ใบฯลฯครับ... .................................. แก้ไข จริงๆท่านที่ คห 39 น่าจะถูกเพราะเป็นคนปัจจุบัน ณ วันนั้น แก้ไขเมื่อ 18 มี.ค. 50 20:50:04 จากคุณ : ฟองฟ้า ละอองเมฆ - [ 18 มี.ค. 50 19:33:17 ]

ความคิดเห็นที่ 46 คห.44 รูปแรก ที่นอนเรียงกันอ่ะค่ะ ถ้าเอารูปประมาณ นี้ออกสู่สาธารณะชน   มีหวังโดนพวกอนุรักษ์เข้ามารุมแน่เลยหง่ะ..อิอิ จากคุณ : bungnam - [ 18 มี.ค. 50 19:59:46 ]

ความคิดเห็นที่ 47 Par ขอเสนอให้มีการแขวนปืนที่บาร์เหล้าด้วยค่ะ จากคุณ : Par&Par - [ 19 มี.ค. 50 00:42:51 ]

ความคิดเห็นที่ 48 ก็อย่างที่ดาริฯบอกปู่นั่นล่ะ  ถ่ายรูปขาวดำเอาแบบคลาสสิคสักรูป   แล้วก็มีรูปที่ถ่ายกะนิ้วไอ้กุดไว้โชว์สักหน่อย จากคุณ : ดาริเมยา - [ 19 มี.ค. 50 09:08:54 ]

ความคิดเห็นที่ 49 #29 ผมว่าไม่ดีหรอก เพราะถ้าจะทำหนังเรื่องนี้ ต้องสมมุติว่าไม่มีหนังสือเรื่อง"สมบัติพระศุลี" หรือ "King Solomon's Mines" อยู่ในโลกนี้ อีกอย่าง ในช่วงนั้น เซอร์ ไรเดอร์ แฮกการ์ด ตายไปนานแล้ว ถ้านายอำพลจะมีโอกาสถ่ายรูปคู่กับท่านเซอร์นั่นได้ ก็ต้องเป็นสมัยที่นายอำพลยังเด็กๆ เลยทีเดียว จากคุณ : สลัดดำ - [ 19 มี.ค. 50 17:37:17 ]

ความคิดเห็นที่ 50 น่าจะประมาณนี้ได้หรือเปล่าครับ มีพระบรมฉายาลักษณ์ ติดผนัง มีใบอนุญาตทำกิจการสัตว์ป่า ตั้งอยู่ในตู้โชว์ดีไหม มีหัวกระทิง แขวนไว้เสากลาง ระหว่างหน้าต่าง (ตามแปลนที่ คุณฟาฬ ทำไว้ ตามแบบฉบับปู่เบี้ยว) มีภาพวิว หรือภาพพรานที่มีชื่อเสียงสมัยนั้น หรือภาพที่คุณอำพลถ่ายตอนออกป่าล่าสัตว์ อันใดอันหนึ่งดีไหม ดู ๆ ไป ก็เยอะแล้วนะครับ จากคุณ : แอ่งน้ำซับ (Oases) - [ 20 มี.ค. 50 17:49:24 ]