CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    +++ ดูแล้วมาคุยกัน ... The Queen , แม้จะเป็นเรื่องของ 'ควีน' แต่นี่คือ การกระเทาะเปลือกเล่าเรื่อง 'คน' +++

      ชอบมาก ห้ามพลาด (12 คน)
      ชอบ (4 คน)
      เฉยๆ (1 คน)
      ไม่ชอบ (1 คน)
      ไม่ชอบมาก เสียดายตังค์ (0 คน)

    จำนวนผู้ร่วมโหวตทั้งหมด 18 คน

     66.67%
     22.22%
     5.56%
     5.56%
     0.00%


    ... เลือกอ่านบทความนี้พร้อมรูป อ่านความเห็นอื่นๆ และ ชวนเพื่อนๆ มาแสดงความเห็นเพิ่มเติมที่ http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=aorta&month=03-2007&date=17&group=1&gblog=224


    ...ก่อนหน้านั้น ผมค่อนข้างแปลกใจที่ The Queen แซงหนังหลายเรื่อง เข้าไปคว้ารางวัลใหญ่ๆมากอดในสาขา ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม เพราะ โดยปกติ หนังที่ให้ความสำคัญกับ 'คน' เพียงคนเดียว มักมีโอกาสน้อยที่จะคว้ารางวัลใหญ่ๆยกเว้นสาขานักแสดงนำในบทนั้นๆ (อย่างปีนี้ ที่ Last king of Scoland คว้าแต่ รางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมจากบท อีดี้ อามิน)

    ผมยิ่งแปลกใจ เมื่อมีผู้กำกับเลือกที่จะเล่าชีวิตของ ควีนอลิซาเบ็ธที่ 2 ซึ่งที่ผ่านมา ผมเองก็ไม่ได้รู้สึกว่า จะมีประเด็นอะไรที่น่าสนใจถึงกับขนาดสร้างเป็นหนัง แถมยังอดคิดแทนไมได้ว่า การสร้างหนังประวัติของบุคคลจริงที่ยังมีชีวิตอยู่ โอกาสสร้างให้เห็นมุมมองต่างจากที่เราเห็นคงจะทำได้น้อย เพราะมีโอกาสทุกคัดค้านจากฝ่ายที่ถูกพาดพิง

    แล้วเมื่อดูจบผมก็ไม่แปลกใจ ว่า เพราะอะไร ใครๆก็ชื่นชม เพราะอะไรไม่มีฝ่ายไหนออกมาก่อกระแสต่อต้าน เพราะอะไร The Queen ถึงขึ้นไปอยู่ในตำแหน่งที่คว้ามงกุฎมาครอง

    ... The Queen คือ ส่วนผสมความลงตัวที่กลมกล่อม ของ บทหนัง ผู้กำกับ และ นักแสดง กับการเลือกเล่าเรื่องที่ไม่ได้หวือหวา หรือ เป็นที่น่าฮือฮา แต่ สามารถทำให้ หนังเดินไปข้างหน้าได้อย่างหนักแน่น มีสมาธิ ไม่ว่อกแว่ก และ มีเป้าหมายชัดเจน ประการสำคัญ คนดูไม่จำเป็นต้องเป็นคนในยุโรปหรือคนอังกฤษ ก็สามารถดูหนังเรื่องนี้ได้สนุก

    เพราะแม้ภาพที่เราเห็นเบื้องหน้าคือเรื่องของ ‘ควีน’ แต่ความจริงนี่ก็คือการกระเทาะเปลือกเล่าเรื่องของ ‘คน’

    หลายครั้งหลายหน ที่เราตัดสิน‘คน’ จาก มุมที่เราเห็น เราด่วนสรุปพิพากษาคนจากสิ่งที่เราคิด เราไม่เคยคิดจะเข้าใจ ใครคนนั้นจริงๆ เพราะ มันไม่ใช่เรื่องของเรา

    หากเป็นเรื่องของคนอื่น แล้วเราเป็นคนมองจากภายนอก ย่อมไม่มีวันเข้าใจ ถึงความรู้สึกเจ็บปวดและน่าน้อยใจ จนกว่า เราจะกลายเป็น ใครคนนั้น ที่ถูกคนรอบข้างด่วนตัดสินเสียเอง

    ...หนังเปิดฉากด้วยการเข้ารับตำแหน่งของนายกรัฐมนตรี โทนี่ แบลร์ ผู้นำภาพลักษณ์ของคนทันสมัย เขาและภรรยา รวมทั้งลูกทีมทั้งหลายมาในฐานะตัวแทนของโลกใบใหม่ ที่เข้ามาสั่นคลอน ชนชาวอนุรักษ์นิยมของคนในโลกใบเก่าไม่ว่าจะเป็นข้าราชบริพาร หรือ ตัวควีน อลิซาเบ็ธ

    ... จุดเริ่มต้น ดูเหมือนจะเป็นการต่อสู้ระหว่าง แบลร์ VS. ควีน จนกระทั่ง เหตุการณ์สำคัญที่พาหนังไปในทิศทางแท้จริง นั่นคือ เหตุการณ์ เจ้าหญิงไดอาน่า สิ้นพระชนม์

    ตัวผมเองยังจำได้เลยว่า รับรู้ข่าวใหญ่ข่าวนี้จากเพจเจอร์ ข่าวขึ้นมาเป็นตัววิ่ง ผมรู้สึกตื่นเต้นเพราะ ในตอนนั้น เจ้าหญิงไดอาน่าเป็นคนสำคัญ เป็นคนดัง

    ในตอนนั้นตัวเองไม่เคยตระหนักรู้เลยว่า เพราะ ภาพลักษณ์คนธรรมดาสามัญที่เข้าถึงประชาชน ภาพการเข้าเยี่ยมคนไข้โรคเอดส์อย่างไม่รังเกียจ อีกทั้งภาพลักษณ์ปานประหนึ่งดารานี้เองที่ทำให้ ความเป็นสีขาว / สีดำ ของ ไดอาน่า และ ควีนอลิซาเบธกับเหล่าเชื้อพระวงศ์ชัดเจนมากขึ้น

    หลังจากข่าวสิ้นพระชนม์ของไดอาน่า

    พระองค์ไม่ยอมให้เครื่องบินหลวงไปรับร่างไดอาน่าจากปารีส

    พระองค์ไม่ออกมากล่าวคำไว้อาลัยหรือให้ความสำคัญกับเหตุการณ์นี้

    พระองค์ไม่คิดจะลดธงที่วังเหลือครึ่งเสาตามที่ประชาชนต้องการ เหมือนประเพณีนิยมทั่วไป

    พระองค์พาหลานๆและเชื้อพระวงศ์ออกจากพระราชวังไปเที่ยวป่าล่าสัตว์ที่บัลมอรัล


    ...เหตุการณ์เหล่านั้น ทำให้ พระองค์(ควีนอลิซาเบ็ธ)ถูกประชาชนทั่วโลกตัดสินว่าเป็น คนใจดำ

    สื่อมวลชนตอกย้ำความใจร้าย ด้วยการประโคมพาดหัวข่าวหน้าหนึ่งติดต่อกันหลายวัน เพื่อโน้มน้าวให้พระองค์กระทำในสิ่งที่พวกเขาคิดว่าสมควร กระแสต่อต้านการกระทำของพระองค์รุนแรงจนถึงกับมีหัวข้อต้องถกกันว่า หรือ ระบอบราชวงศ์จะคร่ำครึเกินไปในโลกปัจจุบัน

    ... ผู้คนที่อยู่ในวันเวลาเหล่านั้น ไม่ทันได้ตระหนักว่า ควีนอลิซาเบ็ธ แทบจะไม่ได้ทำอะไรผิดเลย เพียงแต่ การไม่ได้ทำอะไร ต้องกลายเป็นสิ่งผิด เพียงเพราะพวกเขาคาดหวัง อยากให้ พระองค์ ทำอะไรบ้าง

    จะว่าไปแล้ว พระองค์เองก็ทำถูกต้อง(ตามกฎ) แต่ ไม่ถูกใจ เท่านั้นเอง

    ผิดด้วยหรือ ที่พระองค์ พาหลานออกไปล่าสัตว์เพื่อไม่ต้องการให้เผชิญกับข่าวสะเทือนใจ

    ผิดด้วยหรือ ที่พระองค์ ไม่ยอมลดธงลงครึ่งเสาเพราะไม่อยากฝืนพระราชพิธีซึ่งมีการกำหนดมานับร้อยปี และ ธงนี้ก็มีความหมายแทนตัวพระองค์มิได้เป็นธงสามัญทั่วไป

    ผิดด้วยหรือ ที่พระองค์ ไม่ยอมกล่าวอาลัย เพราะ สถานภาพของเจ้าหญิงไดอาน่าเองก็ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของราชวงศ์แล้ว อีกทั้งในมุมของพระองค์ เจ้าหญิงไดอาน่าก็ไม่ใช่คนที่รักหรือเคารพ แถมยังทำให้เชื้อราชวงศ์ต้องเสื่อมเสีย


    .... ฝั่งของแบลร์ ถูกจับไปรวมอยู่กับฝั่งของสื่อมวลชน แม้กระทั่งเจ้าฟ้าชายชาร์ลยังแอบไปถือหางเข้าข้างฝั่งไดอาน่า ซึ่งในตอนนี้ กลายเป็น เจ้าหญิงของประชาชน ยืนอยู่ตรงข้ามกับ ฝั่งของควีน ซึ่งไม่ต่างอะไรจาก คนใจร้ายของประชาชน และ โทนี่ แบลร์ กลายเป็นคนที่ยืนอยู่ระหว่างทั้งสองฝั่ง





    แบลร์ ต้องยืนอยู่ตรงกลาง ระหว่าง โลกของคนรุ่นใหม่ VS. โลกของคนรุ่นเก่า

    แต่ความจริงแล้วนั้น มันไม่ใช่โลกสองใบนี้หรอกที่ยืนตรงข้ามกัน โลกที่อยู่ตรงข้ามแท้จริงคือ


    โลกของควีน ที่ประชาชนเห็น + ที่สื่อสร้างภาพ VS. โลกของควีนที่แท้จริง ในฐานะของ’คน’


    ... ผู้คนที่ยืนดูและอยู่โลกคนละใบของควีน ย่อมไม่เคยเข้าใจถึง

    คนที่เติบโตมากับประเพณีที่ดำรงกันมากว่าร้อยปี หน้าที่ในการปกปักษ์ระบบและประเพณี ในขณะเดียวกัน

    คนที่ต้องมีหน้าที่รับผิดชอบคนอีกนับล้านคน

    คนที่เติบโตมาพร้อมกับการเลี้ยงดูที่ต้องแยกแยะอารมณ์ส่วนตัวให้ออกจากงาน ไม่สามารถแสดงออกถึงความรู้สึกผิดหวังเสียใจหรือกระโดดโลดเต้นเมื่อยินดีปรีดา

    คนที่ไม่ใช่พระอิฐพระปูนที่ย่อมมีความรู้สึกรักหรือเกลียด

    ... ในนิยายหรือชีวิตจริง ของ แม่ผัวลูกสะใภ้ ทั่วๆไป เราหมั่นไส้รังเกียจ ตัวละครแม่ผัว ที่ตามแกล้งตามทำร้าย ลูกสะใภ้ แต่ ในกรณี แม่ผัวเย็นชา เจอ ลูกสะใภ้ที่ไม่เข้ากัน เราก็อาจจะไม่รู้สึกรุนแรงเท่าไหร่นัก แต่ พอมาเป็น ควีนอลิซาเบ็ธ กับ ไดอาน่า กระแสความรู้สึกเหมือนถูกขยายหนักมากขึ้น นั่นเป็นเพียงเพราะ ความคาดหวังของประชาชน ที่ มาจาก สถานภาพซึ่ง ควีน ดำรงอยู่

    และ นั่นทำให้ พระองค์ ต้องประสบกับ คลื่นชีวิต ที่หนักหนากว่าคนทั่วๆไป

    ...หนังถ่ายทอดให้เราเข้าถึง ความยากลำบากในการตัดสินใจ เมื่ออยู่ในฐานะของพระองค์ เมื่อถูกโลกภายนอกบีบคั้นถึงขีดสุด ช่วงเวลาในบัลมอรัล ทำให้พระองค์เกือบคิดที่จะถอดใจ จากคนที่เคยคิดว่ารู้จักประชาชนตัวเองมากที่สุด และ ก็คิดว่า ประชาชนจะเข้าใจพระองค์ด้วยเช่นกัน

    พระองค์ต้องถูกกดดันจากเสียงสองฝั่งที่ตรงข้ามกันโดยสิ้นเชิง ไม่ว่าจะเป็น เสียงของมวลชนและการข่าวที่ถือฝ่ายไดอาน่า หรือ จะเป็นเสียงของผู้คนรายล้อมไปด้วยผู้เกลียดชังไดอาน่า ไม่ว่าจะเป็น เจ้าชายฟิลิป หรือ ควีนมัม

    พระองค์จะยอมทำตามความต้องการของสื่อมวลชนและเสียงประชาชน ด้วยการจัดพระราชพิธีศพให้กับไดอาน่าหรือไม่ ถ้ายอมทำตาม ต่อไป หากเป็นกรณีอื่นอีก มิต้องยอมสื่อไปตลอดหรอกหรือ สถานภาพของราชินีจะเอนไหวไปตามเสียงของมวลชนหรือเปล่า

    ...จนกระทั่งเมื่อพระองค์ไปพบกับ กวาง ตัวหนึ่งในป่า

    เราจะพบว่า กวางตัวนั้น ก็เหมือน กับตัวพระองค์เอง

    ภาพของความสง่างาม แต่ โดดเดี่ยวและพร้อมจะถูกรุมล่าจากนายพราน ไม่ต่างอะไรจาก พระองค์ ที่สื่อมวลชน รอขย้ำเป็นเป้านิ่ง

    ไม่ต้องสนว่า ไดอาน่า จะดีจริงหรือสร้างภาพ
    ไม่ต้องแคร์ว่า ควีน จะเกลียดชังอย่างมีอคติหรือไม่

    ควีนอาจจะใจร้ายจริง และ แน่นอนว่า ควีน เกลียดไดอาน่า แต่ การกระทำของพระองค์ก็มิได้ทำเกินกว่า มนุษย์ธรรมดาคนหนึ่งพึงกระทำ แต่ สิ่งที่เหมือนกับแรงโต้ตอบกลับมา มันน่าเจ็บปวดมิใช่น้อย สำหรับสิ่งที่เสียสละให้ประเทศชาติมากว่า ห้าสิบปี แต่แค่เพียง ไม่ให้ความสำคัญกับเจ้าหญิงไดอาน่า ความเสียสละความดีงามทั้งหลายนั้นก็พร้อมจะถูกลืม

    แล้วการตัดสินใจในตอนท้าย การตัดสินใจที่มาจากส่วนที่อยู่เบื้องลึกของพระองค์เอง การตัดสินใจที่ไม่ได้ขึ้นต่อเสียงของฝ่ายใด การตัดสินใจของพระองค์ในฐานะ พระราชินี นำไปสู่บทสรุปของการก้าวสู่โลกยุคใหม่อย่างสมดุลของประเทศอังกฤษ


    (มีต่อ)

    แก้ไขเมื่อ 19 มี.ค. 50 11:46:11

    จากคุณ : "ผมอยู่ข้างหลังคุณ" - [ 19 มี.ค. 50 11:42:30 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | PanTown.com | BlogGang.com