PANTIP.COM : A5239393 ......ภาพยนตร์เรื่องไหน เขียนบทดี ถูกใจชาวเฉลิมไทยที่สุด??..... [ภาพยนตร์]

ความคิดเห็นที่ 23

ที่จริงผมมีค่อนข้างเยอะนะ แต่ยกมา 20 เรื่องละกัน!

1. Eternal Sunshine of The Spotless Minds จากบทกลอนมาสู่หนังที่มีมิติเหลือเกิน มันคือเรื่องราวความรักที่ทดสอบจิตใจของคนคู่นึง ว่านี่คือรักแท้มั๊ย เป็นหนังที่บทดีมากๆ บทแบบว่าชวนหลงรักเลย เป็นบทหนังที่แบบว่าใครๆอยากจะเอามาสร้างเป็นหนังจริงๆ
2. United 93 ผมว่าเป็นบทหนังที่ทรงพลังมากๆ เพราะว่าหนังเล่าเรื่องได้มีเทคนิคอันแพรวพราวมากๆ มันกุมหัวใจคนดูจนฉากสุดท้ายของเรื่อง ต้องชมที่บทมันทำถูกเขียนมาด้วยความสมจริงล้วนๆเลย
3. Memento มันตลบหลังและช่างซับซ้อนมากๆ ไม่มีชั้นเชิงการเล่าแบบไม่ให้เราได้รู้สึกกับภัยข้านหน้าในเรื่องได้ มันเป็นหนังที่เล่าได้ถึงแก่นและเล่นกับคนดูจนคนดูก็อยากจะรู้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นในบทสรุปของหนัง!
4. The Prestige เป็นหนังภาคต่อของ Memento แท้จริง เรื่องนี้เราเหมือนได้ดูมายากลจริงๆ ที่เราไม่สามารถคาดได้ว่ามันจะเป็นกลที่หลอกคนดูยังไง? แต่เมือถึงบทสรุปหรือจุดหักเหของเรื่อง คนดูก็จะถูกแหกตาแบบสุดขีดจริงๆ
5. The Green Mile หลายคนชอบ Shawshank แต่ผมดันชอบเรื่องนี้มากกว่า เพราะมันรู้สึกว่าเป็นหนังที่ชวนสงสารมากๆ เป็นหนังที่ดูรอบแรกแล้วซึ้ง แต่เมื่อมาดูรอบที่ 2 หลับมาร้องไห้ตอนช่วงแรกๆของหนัง นี่จึงเป็นหนังที่ดัดแปลงจากนิยายได้อย่างลึกซึ้งมากๆ
6. SAW เราไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร หนังก็จะเล่นคนดูไปเรื่อยๆ หนังจะไม่ยอมบอกอะไรมากกับคนดู แต่ให้ปมให้เราคิดเรื่อยๆว่า เอ....มันจะจบจงยังไง เพราะบทหนังมันสดใหม่มากๆ แต่เมื่อถึงตอนจบของหนัง คนดูกลับถูกตลบหลังแบบไม่เหลือชิ้นดีเลยล่ะครับ
7. เพื่อนสนิท เป็นบทนหนังไทยเรื่องนึงที่ผมชอบมากๆ เพราะมันลึกซึ้งและเกินคำบรรยายจริงๆ จนรู้สึก Touch ไปกับเรื่องราวและตัวละครได้ มันเป็นหนังที่ให้ใครหลายๆคยอินมากๆเหลือเกิน
8. เด็กหอ เป็นหนังไทยที่เล่าเรื่องได้ดี และบทหนังมันออกมาเยี่ยมมากๆ หนังมีประเด็นแฝงที่ทำให้ชวนซึ้งมากๆ จนรู้สึกสนุกไปกับมันจนหนังจบ! เป็นบทหนังไทยที่เราทำได้ไม่แพ้กับหนังต่างประเทศจริงๆ
9. The Incredible เป็นบทหนัง Animation และเป็นบทหนัง Superheroes ที่ทำได้ดีมากๆ เป็นหนังที่ชอบในประมาณ Batman Begins, Spider-Man 2 และ Superman Returns แต่เรื่องนี้มันเป็นหนังที่ครบรสชาติอยู่ในตัวมันอย่างเพียวร์ๆ มันเป็นหนังที่มีบทกลมกล่อมและจี๊ดจ๊าดจริงๆ เป็นบทหนังที่ให้คุณค่ากับ Heroes ได้ดีอีกเรื่องจริงๆ
10. Lost In Translation เป็นบทหนังที่ทำให้คนรู้สึกเหงาจนเกินห้ามใจจริงๆ แต่เมื่อเราได้ดูจบ มันเป็นความรู้สึกที่มีค่ามากๆ มันเป็นหนังที่มีบทแบบมีมิติจริงๆ และใช้ในเรื่องแบบมีค่าจนสมบูรณ์แบบในที่สุด
11. Little Miss Sunshine เป็นบทหนังที่น่ารักมากๆ เป็นหนังที่มีประเด็นจับใจเหลือเกิน หนังที่เกี่ยวกับพวกขี้แพ้ที่ไม่ยอมย่อถอยจริงๆ เป็นหนังที่รสชาติกลมกล่อมมากๆ แล้วก็บทหนังก็กระจ่ายไปทุกๆตัวละครอย่างมีมิติ และชีวิตชีวาจริงๆ
12. Phone Booth ต้นแบบของหนัง Collateral และ Red Eye ก็มาจากหนังเรื่องนี้ ผมเรียกหนังเรื่องนี้ว่า One Man Show ของจริงเลยล่ะครับ! เพราะว่าเป็นหนังที่ใช้ Monolouge ดำเนินเรื่องแทบทั้งเรื่อง และตัวละครที่เด่นๆในเรื่องจริงๆก็คือ พระเอก แถมบทมันยังเสียดสี อุดมคติของมนุษย์ได้อย่างตรงไปตรงมาจริงๆ!
13. Crash ใครจะว่า Crash อะไรก็ช่าง แต่นี่เป็นหนังที่ดีมากๆเรื่องนึงเท่าที่เกิดมาดูหนังในชาตินี้ มันเป็นหนังที่ให้เห็นถึงการกระทบของคนในสังคมจริงๆว่า มันจะชนไปเรื่อยๆกับคนทั่วไปใรสังคมเดียวกันแบบไม่หยุด ซึ่งหนังมันมีบทที่ชวนน่าเชื่อถือได้ว่า สังคมในปัจจุบันของเรา ก็ไม่ต่างจากหนังเรื่อง Crash มากนักเท่าไหร่!
14. Bridge To Terabithia พึ่งไปดูสดๆร้อนๆ เมื่อไม่กี่วันนี้เอง แถมยังล่อไปถึงซะ 2 รอบซะอีก เป็นหนังที่ผมรู้สึกว่าบทมันลึกซึ้งมากๆ จนสามารถทำให้คนอ่อนไหวไปกับตัวหนังได้ แบบพูดไม่ออกจริง แล้วมันก็เป็นหนังเด็กที่ทำให้คนที่โตแล้วชอบได้เหมือนกัน มันคือเรื่องราวความเชื่อและสิ่งที่จะอยู่กับตัวเราตลอดไปนั่นคือ จินตรนาการ ถึงแม้เราจะโตแล้วก็ตาม! เป็นหนังอีกเรื่องที่บทหนังดีมากๆ
15. Se7en บทที่มีความสับสนและสอนมนุษย์ได้ดีมากๆ มันเป็นหนังที่นำเราให้เห็นถึงธาตุแท้ของมนุษย์อย่างแท้จริง ที่แบบว่าถูกซ่อนอยู่ในตัวมนุษย์มานานแสนนานมากๆ มันเป็นหนังที่ทำให้เห็นว่า บางทีเราอาจจะทุ่มเทอะไรในบางสิ่งบางอย่างมากเกินไป แต่เราก็สูญเสียบางสิ่งบางอย่างของเราที่สำคัญมากๆไปแล้ว! ซึ่งมันก็เหมือนสอนให้เห็นถึง สั-นดานมนุษย์จริงๆแหละ ว่าเมื่อเกิดเหตุการณ์แบบนี้มันก็จะเป็นเอง
16. The Matrix เป็นหนังเรื่องแรกที่เปิดกะโหลกสู่ในเรื่องราวที่เราไปไม่ถึงอย่างแท้จริง และมันเป็นสู่สหศวรรษอย่างถองแท้จริง บทหนังช่างปราดเปรื่องมากๆ มันเป็นบทหนังที่ใช้หลักของมนุษย์มารวมอยู่ด้วยกัน จนมันเป็นหนังที่ให้เห็นถึงการต่อสู่ของมนุษย์อย่างแท้ที่จริง ที่ดีก็คือบทหนังหลุดโลกจนชวนน่าสัมผัสจริงๆ
17. 28 Days Later เรื่องนี้ไม่เชิงกับเป็นหนัง Zombie แบบเพียวร์ๆมากนักหรอก แต่มันเป็นหนังที่แสดงความสั-ตว์ที่อยู่ในตัวมนุษย์อย่างแท้จริง ที่มนุษย์เองก็ไม่ต่างอะไรกับพวก Zombie ซักเท่าไหร่! มันเป็นบทหนังที่กระจ่ายไหลายๆรูปแบบ ทั้งตัวละครและสถานการณ์ในเรื่องทำได้ดีหมด จนรู้สึกว่าเมื่อหนังจบ มันสมบูรณ์แล้ว! ซึ่งเป็นอีกครั้งที่ Danny Boyle ทำได้ไม่ผิดหวังนับตั้งแต่ Transpoting เลยล่ะครับ!
18. The Village บทหนังของพี่มาโนชก็ดีทุกๆเรื่อง (รวมถึง Lady In The Water ด้วย!) แต่ผมกลับชอบบทหนังเรื่องนี้มากกว่า The Sixth Sense เสียอีก มันเป็นหนังที่หักมุมได้ดีมากๆเรื่องนึงที่ผมได้ดูมา เป็นหนังที่หลอกคนดูได้อย่างคาที่สุดๆ และบทหนังก็มีเอกลักษณ์มากๆ แถมมันยังเป็นเรื่องราวเสียดสีคนชุมชนน้อยกับคนชุมชนมากอีกด้วย!
19. Almost Famous เรื่องนี้เป็นหนังเบาๆทีบทหนังเบามากๆ ไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษ แต่มันทำให้รู้สึกเคลิ้มจนรู้สึกถึงหนังได้ และหลังรักตัวหนังไปในที่สุด!
20. Shawshank Redemption ถึงผมจะชอบ Green Mile มากกว่าเรื่องนี้ แต่เรื่องนี้ก็ถือว่ายังเป็นหนังบทหนังที่ดีอยู่ เพราะเรื่องนี้พูดถึงความอีกครั้งที่จะพิชิตสู่อิสระภาพ ขณะที่ก็ต้องเลือกชีวิตหลังคุกจะเป็นยังไง? มีประเด็นที่ดีทีเดียว แต่เสียดายมันน่าจะได้ Oscar ที่บท

อ่ะมาบทที่ชอบแล้ว ก็มาดูบทที่เกลียดดีกว่า!

1. Ballistic: Ecks V.S. Server เป็นหนังที่สร้างความเสียชื่อให้กับคนไทยจริงๆ เพราะหนังได้ห่วยเละเทะเน่าสนิท และโหลยโถ่ยได้ใจมากๆ เป็นหนังที่อวดฟอร์มผกก.ไทยอย่างสมศักดิ์ศรีจริงๆ ที่เห็นแก่ตัวเองมากๆโดยการที่โชว์แต่ Action แต่หนังไม่มีเนื้ออะไรให้ได้ดูเลย แบบว่า คือโชคดีที่ผมไม่ได้ดูเรื่องนี้ในโรง ขนาดเช่ามาดูยังเสียดายตังและเวลาเลยคุณ!
2. ต้มยำกุ้ง ช้างกูอยู่ไหน??? กูก็ไม่รู้ นี่เป็นที่ไม่ต่างจาก Ballistic เหมือนกัน หนังโชว์มันส์ได้ลูกเดียว แต่เนื้อหาหนังยังไปไม่ถึงไหน แล้วก็ไม่ค่อยมีความปะติดปะต่อให้มันสมเหตุสมผลเลย ตัวละครบางตัวละครจะหายตัวไป ก็หายไปซะงั้น? เป็นหนังที่พอดูได้ แต่มันไม่มีเนื้อหาอะไรเลย นอกจาก "ช้างกูอยู่ไหน" ซึ่งพี่จาก็พูดได้แค่คำเดียวในหนังเรื่องนี้
3. Battlefield Earth สุดยอดงานที่ล้มเหลวไม่เป็นท่าที่สุดของ John Travota ที่ตอนฉายเห็นโปรโมทนักโปรโมทหนา แต่พอไปพอมาหนังเละเทะได้ใจมากๆ หนังแบบไม่ทำให้คนดูรู้สึกอยากติดตามเลย! เป็นหนังที่แบบว่าไม่เห็นอกเห็นใจคนดู บทหลวมมากๆเรื่องนี้! ซึ่งก็เป็นบทที่แย่ได้ใจมากๆ
4. กระสือวาเล็นไทน์ เป็นหนังที่ทรยศคนดูสุดๆ เป็นหนังที่ยุทธเลิศแกล้งคนดูสุดๆ และก็ดูถูกคนดูเสียด้วย ที่จริงหนังมีประเด็นที่ดี แต่พอมานำเสนอเละเทะ และก็ไม่มีอะไรให้น่าจดจำ แถมน่าเบื่ออีก บทหนังเรื่องนี้ จึงว่างเปล่ามากๆ
5. โคตรรักเอ็งเลย หนังพยายามจะสร้างความหักมุมนะ แต่ขอโทษมันแย่ได้ใจเหลือเกิน มุขตลกที่ใส่เอาเข้ามาในหนังไม่ขำเลยซักมุข หนังไม่ให้ความรู้สึกอินซักนิด และหยายามจะใส่อะไรให้คนดูชวนแปลกใจ ซึ่งมันไม่เวิร์ค บทมันก็ไม่มีอะไรในก่อไผ่จริงๆ หนังได้แต่หักมุมแบบไม่เป็นท่าจนชวนน่าเบื่อ แถมเล่าเรื่องได้กระจอกมากๆ นักแสดงก็เล่นห่วย บทก็แย่จริงๆ
6. Alexander เป็นการทำหนังมหากาพย์ได้ห่วยแตกสุดๆ นับตั้งแต่ Caligula หนังแย่มากๆครับ แย่จริงๆจนรู้สึกว่าหนังมันไม่ให้ความสนุกกับคนดูซักนิด หนังเน้นแต่ชีวิตส่วนตัวของ Alexander จนรู้สึกเอียนไปพอสมควรมากๆ บทก็กร่อยๆๆๆเหลือเกิน แล้วถึงแม้มันจะเป็นหนังใหญ่ แต่มันเป็นหนังที่มีบทดัดแปลงที่แย่เหลือเกิน
7. Batman And Robin เป็นบทหนัง Superheroes ที่แย่สุดๆเท่าที่เคยได้ดูมา แบบว่าหนังไม่มีความเป็น Batman เลย เป็นหนังที่กระจอกมากๆ ยังกะพวกหนังที่ไร้สาระสุดๆเหลือเกิน บทก็ไม่สามารถให้คนดูได้รู้สึกเลยว่า กำลังดู Batman อยู่!
8. Little Men เป็นหนังตลกที่บทอ่อนมากๆ มุขตลกก็ประมาณการ์ตูน Bug Bunny แต่มันไม่เวิรค์มันเหมือนเป็นงานจำเจซ้ำซากที่ไม่พัฒนาเสียเลย ทั้งๆที่ผมว่าผลก่อนของทีมสร้างเรื่องนี้อย่าง Scary Movie และ White Chick ยังทำได้สนุกมากๆ แต่พอเรื่องไข่เน่าได้ใจจริงๆ
9. Pearl Harbor ผมว่าหนังเรื่องนี้เขาตีความรูปแบบของ Pearl Harbor ค่อนข้างผิดมากๆ ผมว่ามันไม่ใช่หนังที่เกี่ยวกับ Pearl Harbor แบบ 100% แต่มันเป็นหนังน้ำเน่าที่มี Pearl Harbor มาประกอบ มันเลยทำให้รู้สึกว่าเป็นหนังที่ไม่ต่างกับไอ้พวกละครน้ำเน่าไทย หลายต่อหลายเรื่องที่ฉายใน TV ปกติตอนกลายคืน ซึ่งมันไร้สาระแบบไม่รู้จะอธิบายยังไง?
10. The Omen (2006) พ่อแม่สอนแล้ว! ว่าอย่านำเอาของเก่ามาทำใหม่ โดยเฉพาะไอ้ที่เก่าๆที่ดีอยู่แล้ว The Omen ฉบับนี้เป็นตัวอย่างที่แน่ชัดว่า หนังไม่ได้เรื่องจากใจจริงๆ หนังได้แต่ซ้ำซากแบบที่ต้นฉบับเคยทำมาแล้ว ซึ่งมาในฉบับนี้เด็กที่ดูน่าจะเป็นอินโนเซนซ์กลับดูน่ากลัวแบบจงใจ จนไม่รู้สึกจนลุกเลย อีกอย่างบทหนังมันไม่ถึงกับที่ต้นฉบับทำ ฉนั้นนี่เป็นอีกบทเรียนที่ไม่ควรเอาของที่ดีอยู่แล้วมาทำใหม่
11. The Promise ที่จริเป็นหนังที่มีประเด็นดีมากๆ แต่เมื่อมาเรียบเรียงมาเป็นหนัง กลับดูขาดขั้นตอนการดำเนินเรื่องแล้วก็เล่าเรื่องได้รู้สึกเน่ามากๆ ประเด็นของหนังมันเข้าคนดูไม่ถึงจริงๆ มันทำให้รู้สึกว่าเราดูงิ้วที่ไม่พัฒนา ซึ่งก็ออกมาได้สมกับความผิดหวังจริงๆ บทหนังก็แทบจะไม่มีประโยชน์เลย!
12. Hostel ครึ่งแรกหนังโป๊ ครึ่งหลังได้แต่สับเละ หนังอะไรก็ไม่รู้ บทก็ไม่มีเลย ชั้นเชิงความน่ากลัวก็ไม่มีด้วย ดีแล้วที่เอามาฉายในไทย ไม่งั้นเสียดายตังแน่ๆ
13. บุปผาราตรีเฟส 2 หนังภาคต่อที่บทห่วยมากๆ เป็นครั้งแรกที่ยุทธเลิศขี้เกียจกับการเขียนบทของเขา ภาคนี้แทบจะไม่มีเนื้อหาอะไรที่น่าจดจำเลย!
14. บอดี้การ์ดหน้าเหลี่ยม 2 น่าตกใจจริงๆที่หม่ำทำหนังเรื่องนี้ได้ห่วยจัดใจ แล้วก็ดูถูกคนดูมากๆ หนังเล่าเรื่องได้น่าเบื่อมากๆ ไม่มีอะไรให้น่าจดจำ แล้วก็บทหนังว่างเปล่าสุดๆ ทั้งๆที่หม่ำเคยทำดีมากมายใน บอดี้การ์ดภาคแรก และก็ แหยม แต่เรื่องนี้จัดได้ว่า แย่มากๆของหม่ำ
15. The Black Dahlia เป็นหนังสืบสวนสอบสวนที่เรื่องเบ่าเรื่องได้สะเปะสะปะมากๆ มีดาราดีๆ แต่เอามาทำให้เละซะงั้น แย่จริงๆ หนังดูแล้วมันมั่วได้ใจจริงๆ บทหนงเหมือนกับว่าเขียนมางั้นๆ ซึ่งมันไม่มีอะไรเลย และชวนเสียดายด้วย!
แก้ไขเมื่อ 20 มี.ค. 50 00:24:28

จากคุณ : billy bob - [ 20 มี.ค. 50 00:17:03 ]