ความคิดเห็นที่ 1 อันนี้เป็นข้อมูลที่ผมไปค้นมาได้ครับ ในประวติศาสตร์จริงครับ เป็นเหตุการณ์ที่น่าจะมีความเกี่ยวโยงกับบทในภาพยนตร์ เป็นเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นในสมัยนั้นครับ ยกมา ทั้ง 3 ฝ่ายครับ ระหว่างพม่า - กระเหรี่ยง -ไทย  เพื่อใช้เปรียบเทียบกับความเป็นไปได้ ฝ่ายพม่า ค.ศ. 1886 (พ.ศ. 2429) พม่าตกเป็นอาณานิคมอังกฤษ สมัยพระเจ้าธีบอร์ กษัตริย์องค์สุดท้ายของพม่า ค.ศ. 1915 (พ.ศ.2458) ปีเกิดของนายพลออง ซาน ( 13 กุมภาพันธ์ ) ผู้นำการปลดแอกพม่าจากอาณานิคมอังกฤษ ค.ศ. 1942 (พ.ศ.2485)กองทัพญี่ปุ่นเข้ามายึดประเทศพม่าและอาณาจักรไทยใหญ่ 3 ปี ค.ศ. 1945 (พ.ศ.2488) อังกฤษกลับเข้ามายึดประเทศพม่าเป็นครั้งที่สอง สงครามมหาเอเชียบูรพา (น่าจะเป็นปีที่แงซายกระโดดร่มเข้ายึดพม่าร่วมกองทหารอังกฤษ) ค.ศ. 1947 (พ.ศ.2490) นายพลออง ซาน และสมาชิกรัฐบาลถูกสังหาร ขณะประชุมคณะ รัฐมนตรี ( 19 กรกฎาคม ) ค.ศ. 1948 (พ.ศ.2491)พม่าได้รับเอกราชจากอังกฤษ ( 4 มกราคม ) หลังจากช่วงเวลานี้ พม่าได้มีโอกาส ปกครองในระบอบประชาธิปไตย โดยมีการเลือกตั้ง และมีนายอูนุ เป็นนายกรัฐมนตรี ค.ศ. 1958 (พ.ศ.2501)เนื่องจากการบริหารรัฐบาลของนายอูนุประสบปัญหาความขัดแย้งอย่างหนัก นายกรัฐมนตรีอูนุ จึงได้เชิญให้นายพลเนวินมาเป็นรัฐบาลชั่วคราว ค.ศ. 1960 (พ.ศ.2503)มีการเลือกตั้งทั่วไปครั้งที่สอง นายอูนุได้เป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง ค.ศ. 1962 (พ.ศ.2505)นายพลเนวิน กระทำการรัฐประหารยึดอำนาจจากนายกอูนุ ฝ่ายกะเหรี่ยง (มีหลายชนเผ่า แต่จะยกเอาชนเผ่ากะเหรี่ยง KNU เป็นตัวอย่าง เพราะใกล้เคียงกับบทประพันธ์ มากที่สุด) ก่อน ค.ศ. 1886 (พ.ศ. 2429) พรานชาวกะเหรี่ยง นำทางทหารอังกฤษ มาตีกองทัพพม่า จึงเป็นต้นเหตุให้ชาวพม่าโกรธแค้นกะเหรี่ยงเป็นอย่างมาก ค.ศ. 1947 (พ.ศ.2490) ชาวกะเหรี่ยงรวมตัวกันตั้ง องค์กรดูแลประชาชน ของตนเองขึ้นในปี ๒๔๙๐ ในนามองค์กรสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง หรือ KNU (Karen National Union) ค.ศ.1949 (พ.ศ.2492) KNU ประกาศปลดปล่อยตัวเองเป็นอิสระ โดยต่อสู้แบ่งแยกดินแดนซีกตะวันออก ของพม่า ตลอดฝั่งน้ำเมย และลุ่มน้ำสาละวิน บริเวณชายแดนไทย - พม่า เป็นเขตปกครองตนเอง ฝ่ายไทย ค.ศ.1941 (พ.ศ.2484) ประเทศไทยถูกรุกรานโดยญี่ปุ่น เพื่อต่อทางรถไฟเป็นทางผ่านไปพม่าและมาลายู และทหารญี่ปุ่นได้สู้รบกับทหารไทย ภายหลังการสู้รบ ฝ่ายทหารญี่ปุ่นซึ่งมีกำลังมากกว่าถึง ๑๐ เท่า เสียชีวิต ๔๑๗ คน ในขณะที่ฝ่ายไทยเสียชีวิต ๔๑ คน ถึงการรบครั้งนี้ไทยจะชนะ แต่ในระยะยาวแล้วฝ่ายไทยเสียเปรียบแน่ รัฐบาลไทยในขณะนั้น จึงมีมติให้ยุติการสู้รบและยินยอม(จำยอม)ให้ญี่ปุ่นเคลื่อนทัพผ่านประเทศไทยได้ ค.ศ.1941 (พ.ศ.2484) ขบวนการเสรีไทยก่อกำเนิดแบบลับๆร่วมมือกับฝ่ายสัมพันธ์มิตร(สหรัฐอเมริกา) ค.ศ.1945 (พ.ศ.2488) รัฐบาลสหรัฐอเมริกา และรัฐบาลอังกฤษประกาศรับรองการประกาศสันติภาพของไทย หลังจากสงครามมหาเอเซียบูรพายุติลง โดยการยอมจำนนของญี่ปุ่นต่อฝ่ายสัมพันธมิตร เมื่อ ๑๔ สิงหาคม ๒๔๘๘ และรัฐบาลไทยได้ประกาศ เมื่อ ๑๖ สิงหาคม ๒๔๘๘ ค.ศ.1946 (พ.ศ.2489) พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ขึ้นครองราชย์ (ปีที่แล้วมีการเฉลิมฉลองครองราชย์ครบ 60 พรรษาอย่างยิ่งใหญ่) ค.ศ.1952 (พ.ศ.2495) รัฐบาลได้ออกพระราชบัญญัติป้องกัน การกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์ เนื่องจากพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย ได้เริ่มมีบทบาทเด่นชัดขึ้น ภายหลังสงครามโลกครั้งที่ ๒ สิ้นสุดลง ค.ศ. 1957 (พ.ศ.2500) รัฐประหาร 16 กันยายน 2500 จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ เป็นหัวหน้าคณะนายทหารนำกำลังเข้ายึดอำนาจของรัฐบาลซึ่งมีจอมพล ป. พิบูลสงคราม เป็นนายกรัฐมนตรี ค.ศ. 1958 (พ.ศ.2501) รัฐประหาร 20 ตุลาคม 2501 เป็นการปฏิวัติเงียบอีกครั้งหนึ่ง โดยจอมพลถนอม กิตติขจร ซึ่งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอยู่ในขณะนั้น ลาออกจากตำแหน่ง ในขณะเดียวกันจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุดในขณะนั้น ได้ประกาศยึดอำนาจการปกครอง ค.ศ. 1960 (พ.ศ.2503) รัฐบาลได้ประกาศพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าและอุทยานแห่งชาติ โดยอาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2503 ปล.ที่ยังไม่ชัดนัก คือข้อพิพาทระหว่างกระเหรี่ยงกับไทยกับช่วงสมัยที่อังกฤษบุกยึดพม่าครับ    ใครมีข้อมูลเพิ่มเติม ก็เอาข้อมูลมาลงได้เลยครับ แก้ไขเมื่อ 20 มี.ค. 50 23:35:22 จากคุณ : โอจิ (Oji_yoyo) - [ 20 มี.ค. 50 22:27:14 ]

ความคิดเห็นที่ 2 นี่คือประวัติของแงซายตามบทประพันธ์ ขออนุญาตยกข้อมูลมาจากระทู้นี้ คห.25 และได้ปรับในบางส่วน เพื่อความเหมาะสมhttp://www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A5239678/A5239678.html ไพรมาหากาฬ #๑ - ตอนที่มาสมัครเป็นคนใช้: ตอนเด็ก เรียนอยู่ในเมืองมัณฑะเลย์ ๘ ปี แล้วถูกส่งไปรบแบบกองโจร ซึ่งถ้ากล่าวถึงเมืองมัณฑะเลย์ ก็ควรจะอยู่ในพม่า - ณ เขาโล้น ได้กล่าวกับดารินว่า อยู่กับพระธุดงค์ตั้งแต่ ๕ ขวบ จนอายุ ๘ ปี ไปเป็นเด็กวัดที่เมาะลำเลิง จนกระทั่งสงครามโลกครั้งที่สอง ซึ่งเมาะลำเลิงเป็นรัฐมอญ ผมเลยไม่แน่ใจว่าสมัยก่อนมันที่เดียวกันรึเปล่า นิทรานคร #๒ -บอกมาเรียว่า เรียนที่วัดมัณฑะเลย์ และไฮสคูลที่เมืองแรงกูน (ปกติน่าจะเรียนกันไม่เกิน ๑๒ ปี (มั้ง) ถ้าแงซายจะเรียนแค่ ๘ ปี (นับรวมชั้นต้น-ชั้นกลาง) ก็ไม่แปลก เพราะที่มรกตนครแงซายก็บอกแล้วว่าใช้เวลาครึ่งเดียว -อยู่กับพระธุดงค์ถึงอายุ ๑๐ ขวบ (ซึ่งท่านธุดงค์ต่อ) แงซายจอมจักรา #๔ -กลับบอกว่าอยู่กับพระธุดงค์จนท่านนิพพานเมื่อแงซายอายุ ๑๔ จึงไปเป็นเด็กวัดที่พม่า (ควรจะเป็นมัณฑะเลย์ & แรงกูน) -คณะอักษรศาสตร์ มหาวิทยาลัยบอมเบย์ ประเทศอินเดีย ไพรมหากาฬ #๑ -ฝึกการรบแบบกองโจรที่จุงกิง ๒ ปี เพื่อให้มากระโดดร่มเข้ายึดพม่าร่วมกับกองทหารอังกฤษ ไพรมหากาฬ #๑ ร้อยโทกองโจรกะเหรี่ยง หน่วยเสือดาว ภายใต้ผู้บังคับกองยินตอง ของนายพลอองซาน นิทรานคร #๒ ร้อยโทแงซาย ผู้บังคับหมวดสี่ กองร้อยเสือดาว ขึ้นตรงต่อศูนย์บัญชาการลับแห่งเมียวดี แงซายจอมจักรา #๔ -เรียนคาถาอาคมแบบอรัญวาสี  และสรรพวิชาเล็กๆ น้อยๆ ที่ปรากฏระหว่างเรื่อง ครับนี่คือประวัติคร่าวๆของแงซาย ข้อมูลยังขัดๆกันอยู่บ้าง อยู่ที่เราจะช่วยกันปรับแล้วล่ะครับ แก้ไขเมื่อ 20 มี.ค. 50 23:01:41 จากคุณ : โอจิ (Oji_yoyo) - [ 20 มี.ค. 50 22:54:50 ]

ความคิดเห็นที่ 3 เอาล่ะนี่คือข้อมูลในเบื้องต้นครับ  ใครมีข้อมูลอื่นๆ ช่วยกันเสริมได้เลยครับ ทีนี้พวกเราช่วยกันแปลงร่างเป็นนักเขียนบทภาพยนตร์กัน โดยนำเรื่องราวในบทประพันธ์มาปรับให้เข้ากับเหตุการณ์ตามประวัติศาสตร์จริงครับ   จะผิดหรือถูกไม่ว่ากัน เพราะพวกเราส่วนใหญ่ก็ไม่ได้เกิดหรือเห็นเหตุการณ์ในสมัยนั้น ข้อมูลที่ผมยกขึ้นมากล่าวอ้างก็ยังไม่แน่ว่าจะถูกต้องเสมอไป ใครที่เห็นข้อผิดพลาดเสนอแนะมาได้เลยครับ จากคุณ : โอจิ (Oji_yoyo) - [ 20 มี.ค. 50 23:14:29 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ตกลงว่า ๕ หรือ ๖ ขวบกันแน่ครับ ถ้าจำไม่ผิดออกมาจากมรกตนครกับแม่จนมาพบหนานอินก็ ๖ ปีเศษ ปัญหาสำคัญหนานอินเข้าใจภาษากุโบ๊สด้วยหรือ เพราะก่อนตายแม่ของแงซายได้บอกทางไปเมืองมรกตนครด้วยใช่ไหมครับ ขออภัยที่แต่ละประเด็นของผมนำมาซึ่งความปวดหัวยิ่งนัก จากคุณ : MERRISS - [ 21 มี.ค. 50 07:09:39 ]

ความคิดเห็นที่ 5 โอ๊ะโอ๋ ข้อมูลเยี่ยมจริง ๆ จากคุณ : Oases - [ 21 มี.ค. 50 08:05:20 ]

ความคิดเห็นที่ 6 "ปัญหาสำคัญหนานอินเข้าใจภาษากุโบ๊สด้วยหรือ" ??? ปัญหาใหม่มาอีกแล้วสิ..... นับวันผมยิ่งรักอมตะมหาจิตนิยายเรื่องนี้เข้าไปทุกทีเลย จากคุณ : หงส์เมืองเหนือ - [ 21 มี.ค. 50 09:15:08 ]

ความคิดเห็นที่ 7 จัดให้ครับ คุณมาริษ "ประมาณ ๕ ขวบ ผมตกอยู่ในความคุ้มครองของพระธุดงค์องค์หนึ่ง ท่านเป็นชาวพม่า ท่านจาริกไปยังที่แห่งใด ผมก็เป็นลูกศิษย์ตัวน้อยติดตามท่านไปทุกแห่ง เมื่อท่านใกล้จะมรณะภาพ อายุของผมได้แปดปี ท่านนำผมเข้าไปฝากไว้ที่วัด ๆ หนึ่งในเมาะลำเลิง ท่านสมภารวัดรับหน้าที่อุปการะผมต่อจากหลวงปู่องค์นั้น ผมเติบใหญ่และได้ร่ำเรียนมาอย่างเด็กวัดที่นั่น จนกระทั่งสงครามโลกครั้งที่สองเกิดขึ้นตามเรื่องที่ผมได้เรียนให้ฟังก่อนแล้ว ผมไม่มีพ่อ ไม่มีแม่ ไม่มีแม้แต่พี่น้อง รู้แต่เพียงว่าถิ่นฐานบ้านเดิมของผมอยู่ที่ไหน ผมก็กระหายที่จะไปให้ถึงเท่านั้น" (ไพรมหากาฬ เล่ม 1 หน้า 198) ประมาณ 5 ขวบ ก็หมายความได้ว่า อาจจะ5 ขวบ ปลายๆ ย่าง 6 ขวบก็ได้เหมือนกันครับ คุณมาริษมาช่วยเรียงลำดับเหตุการณ์ช่วยกันหน่อยซิ คุณสลัดดำหายไปน๋าย..... ตอนนี้ต้องการข้อมูล ข้อพิพาทกระเหรี่ยง-ไทยเพิ่มเติมเป็นอย่างยิ่งครับ ใครหาให้ได้บ้างเอ่ย... จากคุณ : โอจิ (Oji_yoyo) - [ 21 มี.ค. 50 09:27:00 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ไม่แปลกครับคุณหงส์เมืองเหนือ(เหมือนกัน..อิอิ) เรื่องราวในเรื่องนี้มันก็มีเรื่องอภินิหารมากมายที่เหลือเชื่ออยู่แล้ว หนานอินอาจได้รับการถ่ายทอดจากสิ่งที่อยู่เหนือธรรมชาติก็ได้ครับ   เป็นต้นว่าพระธุดงค์อาจล่วงรู้เหตุการณ์ล่วงหน้า จึงแปลงคำพูดของแม่แงซายให้หนานอินฟังได้รู้เรื่องก็ได้ครับ จากคุณ : โอจิ (Oji_yoyo) - [ 21 มี.ค. 50 09:46:37 ]

ความคิดเห็นที่ 9 "ปัญหาสำคัญหนานอินเข้าใจภาษากุโบ๊สด้วยหรือ" ??? อาจจะเป็นว่าแม่ของแงซานพูดคุยกะหนานอินด้วย ภาษาอื่นมั้ง จากคุณ : Honeydukes - [ 21 มี.ค. 50 09:48:29 ]

ความคิดเห็นที่ 10 "ปัญหาสำคัญหนานอินเข้าใจภาษากุโบ๊สด้วยหรือ" ??? ---------------------------- หรือเป็นเพราะมหาฤาษีโกฑัณญะ ช่วยแปลงให้เหมือนตอนคุยกับวายา จากคุณ : pakem - [ 21 มี.ค. 50 11:15:50 ]

ความคิดเห็นที่ 11 จากหลายกระทู้ที่ผ่านมา Par ยังไม่อาจะเข้าไจได้เลยค่ะว่าทำไม   แงซายถึงมีอายุ  18 ปี ตอน พ.ศ. 2488 เพียงแค่มีข้อมูลว่า   แงซายเข้าร่วมกับทหารอังกฤษโดดร่มยึดพม่าหรือค่ะ??? หรือว่ามีเหตุผลอื่นอีก จากคุณ : Par&Par - [ 21 มี.ค. 50 13:20:18 ]

ความคิดเห็นที่ 12 คือยึดตามหลักบทประพันธ์ตอนแงซายยังเป็นเด็กไปด้วยครับ   เพราะเข้ามาเรียนในพม่าเมื่ออายุ ๘ ปี และใช้เวลาเรียนหนังสือ(และวิทยายุทธ์)อีก ๘ ปี นี่ก็ ๑๖ เข้าไปแล้ว ยังมีฝึกการรบแบบกองโจร ๒ ปีอีก อย่างเร็วสุดก็ต้อง ๑๘ ปี ครับ อีกอย่างเคยมีการสัมภาษณ์คุณพนมเทียนแล้วครับ ว่า แงซายอายุเท่าไหร่กันแน่  ท่านก็บอกว่าประมาณ 32 ครับ  แต่ในบทประพันธ์ที่ว่าอายุแงซายประมาณ 28-30 ปี นั้นมาจากการคาดคะเนจากรูปร่างหน้าตาของคณะนายจ้างเท่านั้นครับ แสดงว่าแงซายหน้าอ่อนกว่าอายุครับ อีกอย่างประวัติแงซายมีเยอะมาก จึงต้องจัดเรียงลำดับกันให้ดีว่าช่วงไหน ปีใด  แงซายทำอะไรบ้างครับ ปล.  ก็ยังไม่ฟันธงซะทีเดียวครับว่าแงซายโดดร่ม ในปี 2488 ครับ  ต้องดูประวัติศาสตร์ช่วงสงครามโลกประกอบด้วยครับ แก้ไขเมื่อ 21 มี.ค. 50 14:17:07 แก้ไขเมื่อ 21 มี.ค. 50 14:15:34 จากคุณ : โอจิ (Oji_yoyo) - [ 21 มี.ค. 50 14:11:24 ]

ความคิดเห็นที่ 13 โอ..โห....ข้อมูลเพียบ จากคุณ : ปลาพะยูน - [ 21 มี.ค. 50 14:30:50 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ข้อมูลตามลิงค์นี้ http://www.snr.ac.th/m5html/arraya/work/Section%201.1.5.htm เป็นประวัติคร่าวๆของประวัติศาสตร์พม่าและผมเอามาจากที่อื่นมาด้วย ตามบทประพันธ์ได้มีการพูดถึงนายพลอองซาน พอจะสรุปได้คร่าวๆได้ดังนี้ และเปรียบเทียบประวัติแงซายตามบทประพันธ์ - พ.ศ. 2484 ญี่ปุ่นบุกยึดพม่าในสงครามเอเชียมหาบูรพา(สงครามโลกครั้งที่ 2) (แงซาย อายุ 14 กำลังเรียนอยู่ที่ในเมืองมัณฑะเลย์) - พ.ศ. 2485 อองซานได้ก่อตั้ง องค์การสันนิบาตเสรีภาพแห่งประชาชนต่อต้านฟาสซิสต์  เพื่อต่อต้านญี่ปุ่นอย่างลับๆ (แงซาย อายุ 15 กำลังจบเรียนอยู่ในเมืองมัณฑะเลย์ และจะได้รับฝึกการรบแบบกองโจรที่จุงกิง ๒ ปี เพื่อให้มากระโดดร่มเข้ายึดพม่าร่วมกับกองทหารอังกฤษ) - พ.ศ. 2488  เดือนสิงหาคม ญี่ปุ่นแพ้สงคราม  อองซานได้เป็นผู้นำในพม่า แต่การปกครองยังเป็นเมืองขึ้นกับอังกฤษอยู่   (ปีนี้ต้นปี 2488 น่าจะเป็นปีที่แงซายกระโดดร่มเข้ายึดพม่าร่วมกับกองทหารอังกฤษ ก่อนชนะสงคราม ) - พ.ศ. 2489 แกนนำประชาชน ได้มีการเรียกร้องอิสรภาพจากอังกฤษ ในการปกครองตนเองอย่างสมบูรณ์ ซึ่งอังกฤษนั้นไม่สามารถที่จะต้านพลังเรียกร้อง ที่เกิดขึ้นทั้งในพื้นที่เมืองและชนบท จึงจำต้อง มอบอำนาจการปกครองคืนให้กับพม่า พร้อมกับสัญญาว่า จะให้อิสรภาพแก่พม่าโดยสมบูรณ์ (ปี 2489 น่าจะเป็นปีที่แงซายไปศึกษาต่อคณะอักษรศาสตร์ มหาวิทยาลัยบอมเบย์ ประเทศอินเดีย และเป็นอาจารย์สอนที่ ม.แรงกูน) - พ.ศ. 2490 ชนกลุ่มน้อย(กระเหรี่ยง,ไทยใหญ่ ฯลฯ)ร่วมมือกับนายพลอองซานผู้นำพม่า ทำสนธิสัญญาต้องการอิสรภาพจากอังกฤษ จึงมี“สนธิสัญญาปางโหลง” มีใจความสำคัญว่า หลังจากได้รับอิสรภาพจากอังกฤษแล้วแต่ละชนเผ่าสามารถแยกตัวได้เป็นเอกเทศได้ ซึ่งอังกฤษก็ไม่สามารถจะขัดได้ - พ.ศ. 2490 แต่ยังไม่ทันจะได้รับเอกราชจากอังกฤษ นายพลอองซาน (ผู้นำฝ่ายพะซะปะละ) และผู้นำ 6 คน กลับถูกลอบสังหารเมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2490 -พ.ศ.2490 ต่อมาตะขิ้นนุหรืออูนุได้ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีแทนและมีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญเมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2490 -พ.ศ.2491  วันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2491 พม่าได้รับเอกราชจากอังกฤษโดยสมบูรณ์มานับแต่นั้น และภายหลังทำให้ความหวังที่รัฐต่างๆ จะแยกออกปกครองตนเองก็หมดไป เพราะนายพลอูนุได้เพิกเฉยต่อการปฏิบัติตามข้อตกลงในสนธิสัญญาปางโหลง ซึ่งพม่าได้ส่งกำลังทหารเข้าครอบครองทั่วพื้นทุกรัฐ - พ.ศ.2492 ความขัดแย้งระหว่างชนพื้นเมืองในรัฐต่างๆกับรัฐบาลพม่าที่มีอยู่ก่อนแล้วมันก็ได้เพิ่มดีกรีความรุนแรงและกระจายตัวไปทั่วทั้งประเทศ ไม่เว้นแม้แต่หมู่บ้านเล็ก - พ.ศ.2492 เป็นเหตุผลให้ชายฉกรรจ์จำนวนมากได้ตัดสินใจเข้าร่วมกับกองกำลังกู้ชาติของ "องค์กรสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง"(KNU) ซึ่งกองกำลังนี้ได้ก่อตั้งขึ้นมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2471 เพื่อเรียกร้องสิทธิในการหยัดยืนอยู่บนผืนแผ่นดินฐานะของพลเมืองชั้น 1 หาใช่พลเมืองชั้น 2 เหมือนเช่นที่เคยเป็นมา (หลังจากนั้นแงซายถูกหลวงตาเรียกตัวกลับ เพื่อช่วยกระเหรี่ยงรบกับพม่า จะเป็นปีไหนดีเอ่ย) แก้ไขเมื่อ 21 มี.ค. 50 16:11:21 จากคุณ : โอจิ (Oji_yoyo) - [ 21 มี.ค. 50 15:57:20 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ไปสอบใบขับขี่ครับโอจิคุง ตกจอดเทียบ ๕๕๕+ บ้าจริง ผมว่า ชีวิตหลังสงครามของแงซายควรจะเรียงลำดับดังนี้คับ - สอบชิงทุน ได้ไปเรียนต่อ ม.บอมเบย์ ช่วงที่ได้ท่องหิมาลัย และได้พบกับโยคี น่าจะเป็นช่วงนี้ (ประเทศเนปาล) - กลับมาเป็นอาจารย์สอนวรรณคดีที่ ม.แรงกูน ระหว่างนั้นก็เตรียมต่อโทที่ ม.ออกฟอร์ด - หลวงตาเรียกให้กลับไปช่วยกะเหรี่ยงกู้ชาติ...เป็นอยู่ ๓ ปี - หนีทัพ มาเป็นกรรมกรเหมืองแร่ - ใช้ชีวิตพเนจร หาโอกาสกลับสู่มาตุภูมิ เหลือแค่ว่า แต่ละช่วงเวลานั้น ควรจะใช้เวลาซักเท่าไหร่ จึงจะให้อายุของแงซายลงที่ ๓๒ เป็นอย่างสูงในปี ๒๕๐๒ แก้ไขเมื่อ 21 มี.ค. 50 16:08:50 จากคุณ : สลัดดำ - [ 21 มี.ค. 50 16:02:24 ]

ความคิดเห็นที่ 16 เยี่ยมครับคุณสลัดดำ มีเพื่อนเล่นแล้ว..เย้!!  ทีนี้ช่วยคิดปี พ.ศ.ที่เหลือต่อหน่อยจิ แก้ไขเมื่อ 21 มี.ค. 50 16:16:18 จากคุณ : โอจิ (Oji_yoyo) - [ 21 มี.ค. 50 16:14:41 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ตอนนี้เราไม่สามารถสืบประวัติแงซายได้ถ่องแท้เลย ถ้าตอบคำถามนี้ไม่ได้ - แงซายโดดร่มปีไหนกันแน่ (ฟันธงมาเลย) - ขณะที่โดด ควรจะอายุเท่าไหร่ โดยคำนวณจากปี ๒๕๐๒ ต้องอายุ ๓๒ เป็นอย่างสูง นี่คืออันดับแรกที่ต้องระบุ เพราะเหตุการณ์มันบังคับ จากนั้นถ้ามีอะไรขัดแย้งกับชีวิตวัยเด็ก ก็แก้ไขตามสมควร ไม่อย่างนั้นก็ทำอะไรไม่ได้ เหมือนกับพายเรืออยู่ในแอ่งนั่นเอง จากคุณ : สลัดดำ - [ 21 มี.ค. 50 16:21:09 ]

ความคิดเห็นที่ 18 (แก้ไขข้อมูล) - ถ้าแงซายโดดร่ม พ.ศ. ๒๔๘๘ ขณะที่อายุ ๑๘ (นับตามอายุในปีนั้นๆ เพื่อตัดปัญหา) - ผ่านมา ๑๔ ปี (๒๕๐๒) ก็ควรจะอายุ ๓๒ มานับกันต่อ . . . ถ้าแงซายโดดร่มเมื่อ ๒๔๘๘ ก็น่าจะได้ศึกษาต่ออย่างเร็วก็ปีการศึกษา ๒๔๘๙ เพราะสอบชิงทุนคงไม่ใช่การเข้ากลางปี ถ้าใช้มหาวิทยาลัยที่ผมศึกษาอยู่เป็นบรรทัดฐาน ต่อให้เก่งแค่ไหนก็ต้องใช้เวลาอย่างเร็ว ๓ ปีครึ่ง (รอรับประกาศณียบัตรพร้อมๆ กับคนอื่นๆ ก็คือกันแหละ) นั่นคือ ๒๔๘๙-๒๔๙๒ (๑๙-๒๒) แงซายใช้เวลาไปกับการเรียน + ล่าสัตว์แถวๆ หิมาลัย ในเวลาว่าง ปัญหาถัดไป ใช้เวลาเป็นอาจารย์กี่ปีกัน ? แก้ไขเมื่อ 21 มี.ค. 50 20:34:34 แก้ไขเมื่อ 21 มี.ค. 50 17:37:14 แก้ไขเมื่อ 21 มี.ค. 50 16:42:20 จากคุณ : สลัดดำ - [ 21 มี.ค. 50 16:33:37 ]

ความคิดเห็นที่ 19 งั้นขอปักธงไว้ก่อน  เป็นปี 2488 ครับ   ขณะที่โดด ควร อายุ 18 ครับผม ถ้ามีการแย้งด้วยเหตุการณ์ตามบทประพันธ์หรือเหตุการณ์ตามประวัติศาสตร์จริงกว่านี้  ก็ค่อยว่ากันอีกทีครับ จากคุณ : โอจิ (Oji_yoyo) - [ 21 มี.ค. 50 16:37:10 ]

ความคิดเห็นที่ 20 น่าจะ 1-2 ปีน่ะไม่เกินนี้  เพราะจบ ป.ตรี น่าจะต่อโทไปด้วยเป็นอาจารย์ไปด้วย   และเห็นว่ายังไม่ทันจะไปต่อโทที่ออกฟอร์ด ก็ถูกเรียกตัวกลับซะแล้ว น่าจะไม่เกิน ปี พ.ศ.2494 แก้ไขเมื่อ 21 มี.ค. 50 16:48:16 จากคุณ : โอจิ (Oji_yoyo) - [ 21 มี.ค. 50 16:45:11 ]

ความคิดเห็นที่ 21 คร่าวๆก่อนนะครับ พ.ศ.2494-2497- หลวงตาเรียกให้กลับไปช่วยกะเหรี่ยงกู้ชาติ...เป็นอยู่ ๓ ปี พ.ศ.2497-2498- หนีทัพ มาเป็นกรรมกรเหมืองแร่ พ.ศ.2498-2502 ใช้ชีวิตพเนจร หาโอกาสกลับสู่มาตุภูมิ ระหว่างนี้ในปี 2500 ติดตามอนุชาในนรกดำ น่าจะประมาณนี้นะครับ  เห็นว่ายังไงครับ ปัญหาอีกข้อ แงซายรู้จักกับหนานอินตอนเป็นทหารกระเหรี่ยง  แต่ตอนช่วยหนานอินถอนฟันที่แม่สะเรียงน่าจะเป็นปีไหน  ใครช่วยค้นข้อมูลให้หน่อยซิ น่าจะอยู่ในตอนป่าโลกล้านปี  ผ่านทะเลสาบมรณะมาได้นิดหน่อย  ตรงที่ดอกบัวกินคน และแงซายเล่าประวัติตัวเองตอนช่วยหนานอิน  พอดีตอนนี้ไม่มีหนังสืออยู่ในมือ แก้ไขเมื่อ 21 มี.ค. 50 17:17:31 จากคุณ : โอจิ (Oji_yoyo) - [ 21 มี.ค. 50 17:08:33 ]

ความคิดเห็นที่ 22 (แก้ไขข้อมูล) ปีการศึกษา ๒๔๙๒ เป็นปีสุดท้ายของแงซายในการเป็นนักศึกษา...เอ หรือจะเรียกนิสิตดี เพราะต้องอยู่หอพัก (นิสิต = ผู้อยู่อาศัย) เออ ช่างมันเหอะ อิอิ แปลว่าแงซายต้องรับปริญญาบัตรเมื่อ ๒๔๙๓...แม้ว่าจะจบก่อนเพื่อนไปเทอมนึงก็ตาม (นี่อนุมานตามหลักสูตรของ ม. ของผมในปัจจุบันนะ ถ้าใครเห็นต่างออกไปก็แย้งได้) ถ้าแงซายเป็นอาจารย์อยู่ ๒ ปี...ตามความเห็นโอจิคุง ก็ควรจะเป็น ๒๔๙๓-๒๔๙๕ เพราะ แงซายเป็นอาจารย์ปีแรกเมื่อปีการศึกษา ๒๔๙๓ ถ้าแงซายเป็นอาจารย์ ๒ ปี ก็แสดงว่าจะจบที่วันสุดท้ายของปีการศึกษา ๒๔๙๔ คือภายในปี ๒๔๙๕ ที่คิดว่าแงซายเป็นอาจารย์อยู่ ๒ ปีการศึกษาเต็มๆ ก็เพราะเจ้าตัวบอกว่า กำลังจะต่อโท น่าจะหมายความว่ากำลังรอเรียนในปีการศึกษาใหม่ (๒๔๙๕) อนึ่ง ผมสมมุติว่า พม่ากับอังกฤษ มีช่วงเวลาของการเรียนตรงกัน หรือใกล้เคียงกัน จากนั้น เข้าเป็นทหารกองโจรกะเหรี่ยง โดยเริ่มตั้งแต่ช่วงที่คาบเกี่ยวในตอนที่แงซายรอศึกษาต่อ ในปี ๒๔๙๕ และเป็นอยู่ ๓ ปี จึงคิดได้ว่า แงซายหนีทัพเมื่อปี ๒๔๙๗ (๒ ปีเศษ) หรือปี ๒๔๙๘ ก็ได้ แต่จะขอคิดว่าเป็นปี ๒๔๙๗ สรุป ๒๔๙๓-๒๔๙๕ (๒๓-๒๕) แงซายเป็นอาจารย์ ๒๔๙๕-๒๔๙๗ (๒๕-๒๗) เป็นทหารกองโจรกะเหรี่ยง แก้ไขเมื่อ 21 มี.ค. 50 18:06:46 แก้ไขเมื่อ 21 มี.ค. 50 17:19:50 แก้ไขเมื่อ 21 มี.ค. 50 17:18:14 จากคุณ : สลัดดำ - [ 21 มี.ค. 50 17:16:25 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ...แหะๆ อ่านอยู่นานมิน่ามันงงๆ คุณสลัดดำเล่นเขียนปีพ.ศ 2595... ........มันยังไม่ถึง..... ..^_^.. จากคุณ : pakem - [ 21 มี.ค. 50 17:22:44 ]

ความคิดเห็นที่ 24 แงซายบอกว่า . . . "สามปีเศษมาแล้ว ระหว่างรอนแรมติดตามแรดตัวหนึ่งอยู่ในแถบตะนินตายี่ด้านตะวันตกกับพรานหนุ่มคนหนึ่ง กระดูกนกเงือกแหลมคมชนิดหนึ่ง ตำเหงือกฟันกรามของหนานอิน บลาๆๆ" วิเคราะห์: แงซายเล่าเรื่องนี้เมื่อปลายปี ๒๕๐๒ สามปีเศษที่แล้วก็ควรจะเป็น ต้น หรือกลางปี ๒๔๙๙ ฉะนั้น ปี ๒๔๙๙ แงซายควรจะออกจากการเป็นกรรมกรเหมืองแร่แล้ว จากคุณ : สลัดดำ - [ 21 มี.ค. 50 17:26:30 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ถ้างั้นก็ คิวอีดี.. ที่เหลือก็ปรับอีกนิดหน่อย  ให้เกียรติคุณสลัดดำก่อนเลยครับ  ถ้าเป็นไปได้ไล่ตั้งแต่ แงซายเกิดเลยครับ จากคุณ : โอจิ (Oji_yoyo) - [ 21 มี.ค. 50 17:33:37 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ปัญหาอีกข้อ  แงซายช่วยรพินทร์ปีไหนครับ จากคุณ : โอจิ (Oji_yoyo) - [ 21 มี.ค. 50 17:44:53 ]

ความคิดเห็นที่ 27 แก้ไขเมื่อ 21 มี.ค. 50 18:18:04 แก้ไขเมื่อ 21 มี.ค. 50 18:17:08 แก้ไขเมื่อ 21 มี.ค. 50 18:14:21 จากคุณ : Par&Par - [ 21 มี.ค. 50 18:04:05 ]

ความคิดเห็นที่ 28 คุณสลัดดำครับ ว่าไงครับ  หายเงียบไปเลย... แก้ไขเมื่อ 21 มี.ค. 50 18:18:05 จากคุณ : โอจิ (Oji_yoyo) - [ 21 มี.ค. 50 18:16:07 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ข้อนี้ Par  ขอตอบว่า เป็นปีที่แงซาย ปี พ.ศ. 2497 เพราะว่ามันอยู่ในช่วงก่อนที่แงซายจะหนีทัพเพียงแค่ไม่กี่วัน  คือเจอกับแล้วก็บุกเข้าค่ายของรพินทร์  แล้วพอค่ายรพินทร์แตก  ทหารของตนก็ย่อยยับอัปปางไม่ใช่น้อย  หาคนอยู่รอดมีน้อย  จึงหนีทหารตั้งแต่บัดนั้นเลยค่ะ จากคุณ : Par&Par - [ 21 มี.ค. 50 18:20:23 ]

ความคิดเห็นที่ 30 แก้ไขเมื่อ 21 มี.ค. 50 18:23:41 จากคุณ : Par&Par - [ 21 มี.ค. 50 18:22:52 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ข้อมูลเยอะมากค่ะ   เห็นแล้วขี้เกียจจะอ่านเลย 5555+ จากคุณ : Par&Par - [ 21 มี.ค. 50 18:23:17 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ไม่เป็นไรครับคุณน้อง Par&Par ไม่ว่ากัน ถนัดทางไหนก็เอาอย่างนั้นจ๊า อย่างผมยังหารูปไม่เก่งเท่าคุณน้องเลย... จากคุณ : โอจิ (Oji_yoyo) - [ 21 มี.ค. 50 18:27:04 ]

ความคิดเห็นที่ 33 (แก้ไขข้อมูล) สรุปนะครับ นี่คือการเจาะลึกชีวิตของแงซาย ว่าในแต่ละปีมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง *ขอแก้(อีกที) ให้กิจกรรมบางอย่างในช่วงชีวิตของแงซายปะติดปะต่อกันหน่อยครับ* ๒๔๗๐ ลืมตาดูโลก ๒๔๗๑-๒๔๗๔ (๑-๔) ใช้ชีวิตอยู่ในมรกตนครอย่างปกติสุข ๒๔๗๕ (๕) รหัสยะ สิงหรา และพวกก่อกบฎ เกษราเทวีทรงพาจักราชหนีศัตรูเล็ดลอดออกมาสู่โลกภายนอก ซึ่งได้พบกับหนานอิน และพระธุงดงค์ ๒๔๗๕-๒๔๗๘ (๕-๘) ติดตามพระธุดงค์ไปทุกหนทุกแห่ง เมื่ออายุได้ ๘ ปีก็ฝากไว้กับหลวงตา (ศิษย์ท่าน) ที่วัดในเมืองมัณฑะเลย์ ๒๔๗๘-๒๔๘๒ (๘-๑๒) เช้าเรียนหนังสือในชั้นต้น ฝึกเพลงดาบเพลงทวนกับหลวงตาช่วงบ่าย ๒๔๘๒-๒๔๘๕ (๑๒-๑๕) เรียนชั้นกลางในเมืองแรงกูน *ผมให้เวลาแงซายฝึกดาบนานๆ หน่อย เพื่อสมกับความเก่งกาจซึ่งทุกท่านคงประจักษ์ดีอยู่แล้ว ๒๔๘๕-๒๔๘๗ (๑๕-๑๗) เข้าฝึกการรบแบบกองโจรที่จุงกิง ประเทศจีน ๒๔๘๘ (๑๘) โดดร่มร่วมกับกองทัพอังกฤษ เข้ายึดพม่า ๒๕๘๙-๒๕๙๓ (๑๙-๒๓) สอบชิงทุน จนได้เข้าศึกษาต่อที่ประเทศอินเดีย มหาวิทยาลัยบอมเบย์ คณะอักษรศาสตร์ ใช้เวลาปิดเทอมมาล่าสัตว์ เรียนรู้วิชาจากโยคี ที่เทือกเขาหิมาลัย ในประเทศเนปาล ๒๔๙๓-๒๔๙๕ (๒๓-๒๕) เป็นอาจารย์สอนวรรณคดี ในมหาวิทยาลัยแรงกูน จนถึงกลางปี ๒๔๙๕ ๒๔๙๕-๒๔๙๗ (๒๕-๒๗) ในขณะที่กำลังจะต่อโทที่มหาวิทยาลัยออกฟอร์ด ประเทศอังกฤษ ในปีการศึกษา ๒๔๙๕ ก็ถูกหลวงตาเรียกตัวกลับ ให้มาเป็นทหารกองโจรกะเหรี่ยง ซึ่งเป็นอยู่ ๒ ปีเศษ ก็หนีทัพ (น่าจะบุกขยี้ค่ายหมีดำของผู้กองรพินทร์ในปี ๒๔๙๗ นั่นเอง) ๒๔๙๘ (๒๘) เป็นกรรมกรเหมืองแร่อยู่เกือบปี จากนั้นจึงออกมาใช้ชีวิตอิสระ พเนจรไปตามป่าเขาลำเนาไพร ๒๔๙๙ (๒๙) พาหนานอินไปถอนฟัน ๒๔๙๙-๒๕๐๑ (๒๙-๓๑) พเนจรไปเรื่อยๆ จนได้เรื่อง ไปเจอกับกับสางเขียว เกือบไม่รอด และเจอไอ้แหว่งล้อมที่พักขณะรับจ้างคณะหนึ่งพาเที่ยวแถบห้วยเสือร้อง หวุดหวิดจะถูกเหยียบตาย สันนิษฐานว่าอาจเจอะโขมดดงในช่วงนี้ ไม่ยืนยัน และในปี ๒๕๐๑ นี้เอง ก็ได้พยายามติดตามหนานอิน กับชด ประชากร เพื่อร่วมทางบุกเทือกเขาพระศิวะ แต่ไม่สำเร็จ ๒๕๐๒ (๓๒) เข้ามาสมัครเป็นลูกหาบ-คนใช้ ของคณะเดินทางเชษฐา เพื่อกลับไปสู่ถิ่นกำเนิด ปล. โทษทีครับคุณปลาเค็ม ผมพิมพ์ผิด แก้แล้วครับ แก้ไขเมื่อ 21 มี.ค. 50 21:01:39 แก้ไขเมื่อ 21 มี.ค. 50 18:55:41 แก้ไขเมื่อ 21 มี.ค. 50 18:47:14 แก้ไขเมื่อ 21 มี.ค. 50 18:43:04 แก้ไขเมื่อ 21 มี.ค. 50 18:41:50 แก้ไขเมื่อ 21 มี.ค. 50 18:39:27 แก้ไขเมื่อ 21 มี.ค. 50 18:35:25 จากคุณ : สลัดดำ - [ 21 มี.ค. 50 18:29:04 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ซ.ต.พ. ครับ ขอบคุณมากครับ...เดี๋ยวผมจะนำเอาข้อมูลนี้ ไปถามผู้รู้ครับ  มีผู้รอคอยฟันธงอยู่ครับ... จากคุณ : โอจิ (Oji_yoyo) - [ 21 มี.ค. 50 18:37:01 ]

ความคิดเห็นที่ 35 แก้ไขข้อมูลนิดหน่อยนะครับ พอดีนับพลาดไปจุดนึง จากคุณ : สลัดดำ - [ 21 มี.ค. 50 18:48:04 ]

ความคิดเห็นที่ 36 เย้.. ...แงซายมีตัวตนจริงๆ ขึ้นมาแล้ว จากคุณ : pakem - [ 21 มี.ค. 50 19:53:43 ]

ความคิดเห็นที่ 37 แจ่มครับ แต่ต้องดูคุณ MERRISS เอ๊ย คนอื่นด้วยครับว่าจะมีข้อแย้งหรือไม่ แล้วแงซายควรเกิดเดือนอะไรดีครับ คืออยู่ในราศีอะไร ปู่ว่าเมื่อเราสืบประวัติแงซายได้แล้ว เราน่าจะสืบประวัติ รพินทร์ ไพรวัลย์ต่อนะครับ คราวนี้พอหนังฉายเราก็มีข้อมูลอธิบายล่ะครับ ซึ่งน่าจะมีหนังสือออกมาซักเล่มครับ ขอเซฟกระทู้นี้ไว้เลยนะครับ จากคุณ : อุปนิกขิต - [ 21 มี.ค. 50 20:02:37 ]

ความคิดเห็นที่ 38 อย่างเช่นเรารู้ว่า คุณหญิงดารินเกิดราศีกรกฎ น่ะครับ จากคุณ : อุปนิกขิต - [ 21 มี.ค. 50 20:14:37 ]

ความคิดเห็นที่ 39 โห...งั้นขอเวลาไปศึกษาแต่ละราศีก่อน ช่วยๆ กันหน่อยแล้วกัน http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A8%E0%B8%B5 จากคุณ : สลัดดำ - [ 21 มี.ค. 50 22:38:18 ]

ความคิดเห็นที่ 40 ราศรกรกฎ ลักษณะนิสัย: ชาวราศีกรกฎมีความเป็นแม่สูงถึงแม้ว่าจะเป็นผู้ชายก็ตาม คนราศีนี้ชอบปกป้องคนรอบข้างโดยเฉพาะคนที่อ่อนแอเหมือนแม่ที่คอยปกป้องลูก ชาวราศีกรกฎเป็นคนที่รักบ้านและครอบครัว รวมถึงการทำอาหาร เขาและเธอจะรู้สึกดีถ้าได้ดูและคนที่อยู่รอบข้างด้วยการเลี้ยงอาหารที่ทำเองและที่ดีที่สุดถ้าอยู่ที่บ้าน นอกจากนั้นเขาและเธอยังมีความเห็นอกเห็นใจ ชอบช่วยเหลือผู้อื่นอีกด้วย เนื่องจากเป็นคนที่อ่อนไหวง่าย แต่ก็เพราะด้วยเป็นคนที่อารมณ์อ่อนไหวนั่นเองทำให้บางครั้ง อารมณ์ของชาวราศีกรกฎปั่นป่วนง่าย เป็นคนที่เจ้าอารมณ์และขี้หงุดหงิดในบางครั้ง โห ตรงแฮ้ . . . หมายถึงตรงกับคุณหญิงดารินนะ แก้ไขเมื่อ 21 มี.ค. 50 23:20:48 จากคุณ : สลัดดำ - [ 21 มี.ค. 50 22:40:19 ]

ความคิดเห็นที่ 41 คุณ อุปนิกขิต เห็นผมเป็น "ลูกอีช่างแย้ง" ไปเสียนี่ โธ่!!! คุณ หงส์เมืองเหนือ กับ คุณ Oases ครับ ถ้าคุณทั้ง ๒ คนได้เห็นหนังสือของผมจะเข้าใจได้ทันทีว่าแต่ละประเด็นที่แสนจะปวดหัวผมได้เขียนไว้หมดแล้วรอเวลาที่จะนำเสนอเท่านั้นครับ เรื่องอายุช่วงเด็กของแงซายยิ่งอ่านอายุยิ่งมากขึ้นครับ จำได้ว่าครั้งสุดท้าย ๖ ขวบ ครับ คุณ โอจิ (Oji_yoyo) อีกสักข้อ: แงซายพาหนานอินไปถอนฟันที่ไหน แม่ฮ่องสอน หรือ พม่า อ่านดูให้ดีๆ ครับ ข้อมูลนี้ผมจำไม่ผิดแน่นอน(หนังสืออยู่ที่บ้านครับ) ถ้าผิดเสียแต่ต้นเรื่องจะขายหน้ามากๆๆๆๆ คุณ อุปนิกขิต กับ คุณ โอจิ (Oji_yoyo) ช่วยสอบทานด้วยครับ ถ้าถามความเห็นผม ผมเลือก แม่ฮ่องสอน ครับ แก้ไขเมื่อ 22 มี.ค. 50 00:53:29 จากคุณ : MERRISS - [ 21 มี.ค. 50 23:00:29 ]

ความคิดเห็นที่ 42 มีราศีอื่น อีกไหนครับ  ที่น่าตรงกว่านี้  อารมณ์แบบแงซายไม่น่าจะหงุดหงิดง่ายๆนะครับ มีแย้งจุดเดียว ส่วนสืบประวัติพรานรพินทร์นี่  ขอเตรียมข้อมูลแป๊ปคร๊าบ... จากคุณ : โอจิ (Oji_yoyo) - [ 21 มี.ค. 50 23:06:53 ]

ความคิดเห็นที่ 43 ผมก็อปปี้เฉพาะตรงลักษณะนิสัยมาแล้วกัน ใครอยากรู้รายละเอียดก็เข้าไปเว็บที่ให้ไว้นั่น ราศีมังกร (๒๒ ธ.ค.-๒๐ ม.ค.) ชาวราศีมังกรมีความทะเยอทะยาน เช่นเดียวกับแพะภูเขาที่ต้องการจะปีนไปสู่จุดสูงสุดแห่งความสำเร็จ และด้วยการที่เขาหรือเธอมองเห็นว่าการไปสู่ความสำเร็จต้องใช้ความพยายาม ชาวราศีมังกรจึงมีความรอบคอบ ระมัดระวังในการตัดสินใจทำอะไรอย่างมาก จนบางครั้งกลายเป็นคนขี้ระแวงและเก็บตัวได้ ความสนใจของชาวราศีมังกรจึงมักไปในทิศทางของการเมืองและธุรกิจเสียส่วนใหญ่ จากการที่เป็นผู้ที่ทำงานหนัก ชาวราศีมังกรจึงเป็นคนที่ไม่ยอมผ่อนผันอะไรง่ายๆกลายเป็นคนที่เข้มงวดมากได้เช่นกัน ราศีกุมภ์ (๒๑ ม.ค.-๑๙ ก.พ.) ชาวราศีกุมภ์จะให้ความสำคัญกับคนรอบข้างเสมอ เป็นคนที่ชอบออกสังคม นึกถึงความสัมพันธ์ในหมู่เพื่อนและสิทธิความเป็นมนุษยชนอีกด้วย รวมทั้งชาวราศีกุมภ์มักมีแนวคิดที่ชอบคิดอะไรแปลกๆใหม่ๆ ไม่ยึดติดกับความคิดเดิมๆซ้ำๆ ออกแนวที่จะกบฏต่อข้อห้ามต่างๆ และด้วยการคิดออกนอกกรอบนี้ทำให้เขาสามารถค้นพบหรือหาสิ่งแปลกใหม่ที่น่าสนใจได้ นักวิทยาศาสตร์ชื่อดังหลายคนก็เกิดในช่วงราศีกุมภ์เช่นกัน แต่เนื่องจากการที่คิดออกนอกกรอบ ทำให้บางครั้งคนรอบข้างจะมองว่าเขาเป็นคนที่แปลกแยกและแตกต่างจากคนอื่นเสมอ ราศีมีน (๒๐ ก.พ.-๒๐ มี.ค.) ชาวราศีมีนมักจะล่องลอยไปตามกระแสของสิ่งต่างๆ รอบตัวได้ง่าย แต่ด้วยลักษณะนิสัยดังกล่าว ทำให้ชาวราศีมีนเข้าใจและยอมรับสิ่งต่างๆได้ดี นอกจากนั้นยังมักที่จะคิดจินตนาการสิ่งต่างๆ เพ้อฝันถึงสิ่งที่ตนเองชอบ จึงทำให้ชาวราศีมีนมีความคิดสร้างสรรค์มีความเป็นศิลปินค่อนข้างสูง และหลายครั้งหลายคราวชาวราศีมีนก็มักแยกตัวออกมาจากเพื่อนฝูงโดยไม่รู้ตัว ทุกครั้งที่เขาหรือเธอต้องการที่จะนึกถึงหรือฝันเกี่ยวกับบางสิ่งบางอย่างที่เขาสนใจ แต่ก็เนื่องด้วยจากการที่พวกเขาปล่อยตัวเองลอยไปตามกระแสของสิ่งรอบได้ง่ายบางครั้งทำให้ ชาวราศีมีนรู้สึกเจ็บปวดและหดหู่ได้ง่าย ถ้าเรื่องๆเหล่านั้นเข้ามาทำร้ายจิตใจของพวกเขา และมักจะโทษตัวเองหลายครั้งหลายคราวถ้าหากเกิดเรื่องไม่ดีขึ้น ราศีเมษ (๒๑ มี.ค.-๑๙ เม.ษ.) ราศีเมษ เป็นราศีแรกตามตำราโหราศาสตร์ ดังนั้นผู้ที่ได้รับอิทธิพลตามราศีเกิดตามราศีนี้ จะมีความเป็นผู้นำสูง ชอบการที่จะเป็นผู้บุกเบิกหรือผู้สร้างสรรค์ มีความมั่นใจในตนเอง มีความกระตือรือร้น อารมณ์รุนแรง รักการแข่งขัน จึงทำให้ผู้ที่เกิดในราศีนี้มักจะทำให้อะไรได้สำเร็จ แต่ในทางกลับกัน ในการที่เป็นผู้นำโดยธรรมชาติ ทำให้บางครั้งทำให้ขาดความสามารถในการสร้างทีมที่ดี และคนที่เกิดราศีนี้อาจมีความเห็นแก่ตัวในบางครั้ง เนื่องจากยึดตัวเองเป็นหลักมากจนเกินไป ราศีพฤษภ (๒๑ เม.ษ.-๒๑ พ.ค.) สัญลักษณ์ของชาวราศีพฤษภคือวัว ซึ่งเป็นสัตว์ที่รักความสงบ เช่นเดียวกับชาวราศีนี้ที่รักความสวยงาม รักธรรมชาติ ความสะดวกสบาย เสียงเพลง บางคนยังกล่าวอีกว่าชาวราศีพฤษภได้รับพรสวรรค์การปลูกต้นไม้มาด้วย อย่างไรก็ตามวัวเป็นสัตว์ที่อดทนสูง ชาวราศีพฤษภจึงเป็นผู้ที่เสียสละ มีความอดทน และมีความละเอียดรอบคอบ ชาวพฤษภมีความซื่อสัตย์และเอาจริงเอาจังเกี่ยวกับความสัมพันธ์ดังนั้นอาจมีบางครั้งเขาหรือเธออาจแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของออกมาบ้าง นอกจากนั้นแล้ว เช่นเดียวกับชาวพฤษภ วัวเป็นสัตว์ที่ค่อนข้างดื้อจนรับมือยากได้ในบางครั้ง ราศีเมถุน (๒๒ พ.ค.- ๒๑ มิ.ย.) ชาวราศีเมถุนมีบุคลิก 2 แบบ เช่นเดียวกับสัญลักษณ์ประจำราศีคือ ฝาแฝด แต่เนื่องจากการมีหลายบุคลิกทำให้ชาวราศีเมถุนมีความสามารถเกี่ยวกับการสื่อสารเป็นพิเศษ และออกสังคมเก่ง รวมถึงความสามารถในการใช้ความคิด นอกจากนั้นชาวราศีเมถุนยังมีความอยากรู้อยากเห็นในสิ่งต่างๆด้วย แต่เนื่องจากการมีคน 2 คนในร่างเดียวทำให้ในบางครั้งชาวราศีเมถุนตัดสินใจลำบาก กลายเป็นคนหลายจิตหลายใจ อารมณ์ไม่คงที่คนรอบข้างจะไม่สามารถตามอารมณ์และบุคลิกของเขาหรือเธอได้ทัน ราศีกรกฏ (๒๒ มิ.ย.-๒๓ ก.ค.) ชาวราศีกรกฎมีความเป็นแม่สูงถึงแม้ว่าจะเป็นผู้ชายก็ตาม คนราศีนี้ชอบปกป้องคนรอบข้างโดยเฉพาะคนที่อ่อนแอเหมือนแม่ที่คอยปกป้องลูก ชาวราศีกรกฎเป็นคนที่รักบ้านและครอบครัว รวมถึงการทำอาหาร เขาและเธอจะรู้สึกดีถ้าได้ดูและคนที่อยู่รอบข้างด้วยการเลี้ยงอาหารที่ทำเองและที่ดีที่สุดถ้าอยู่ที่บ้าน นอกจากนั้นเขาและเธอยังมีความเห็นอกเห็นใจ ชอบช่วยเหลือผู้อื่นอีกด้วย เนื่องจากเป็นคนที่อ่อนไหวง่าย แต่ก็เพราะด้วยเป็นคนที่อารมณ์อ่อนไหวนั่นเองทำให้บางครั้ง อารมณ์ของชาวราศีกรกฎปั่นป่วนง่าย เป็นคนที่เจ้าอารมณ์และขี้หงุดหงิดในบางครั้ง ราศีสิงห์ (๒๓ ก.ค.-๒๓ ส.ค.) จากสัญลักษณ์ประจำของชาวราศีสิงห์แล้ว ทั้งหมดล้วนแสดงถึงจุดศูนย์กลางทั้งสิ้น ชาวราศีสิงห์จึงชอบการเป็นจุดสนใจ มีคนแวดล้อมและให้เขาหรือเธอเป็นผู้นำ ซึ่งสอดคล้องกับการที่ชาวราศีสิงห์ มีความภูมิใจในตนเองและรักการแสดงออก ทางด้านต่างๆและพวกเขาสามารถทำได้ดีอีกด้วย เนื่องจากเป็นราศีธาตุไฟซึ่งบ่งบอกถึงการมีความคิดสร้างสรรค์ที่ไม่เหมือนใคร อีกคุณสมบัติหนึ่งที่ทำให้คนเข้ามาอยู่รอบๆชาวราศีสิงห์คือการที่ เขาหรือเธอมีจิตใจกว้างขวาง มีน้ำใจ แต่การที่ชอบเป็นจุดศูนย์กลางตลอดเวลา ทำให้ชาวราศีสิงห์ยึดตัวเองเป็นใหญ่มากจนเกินไป ราศีกันย์ (๒๔ ส.ค.- ๒๓ ก.ย.) เนื่องจากราศีกันย์เป็นราศีในกลุ่มแบบสังคม จึงเป็นลักษณะเด่นที่ชอบช่วยเหลือ ให้บริการผู้อื่น และให้ความสนใจเกี่ยวกับสุขภาพร่างกายอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นสุขภาพส่วนตัวหรือสุขภาพของคนที่อยู่รอบข้าง โดยลักษณะนิสัยราศีกันย์จึงเหมาะกับอาชีพพยาบาลหรือแพทย์มาก นอกจากนั้นด้วยการที่เป็นคนละเอียดถี่ถ้วน ช่างวิเคราะห์ จึงทำให้การทำงานออกมาทุกครั้งมีประสิทธิภาพ และบางครั้งทำให้ชาวราศีกันย์วิตกกังวลกับความสมบูรณ์แบบของงานมากเกินไป และด้วยการที่ชาวราศีกันย์ชอบความสมบูรณ์ในทุกๆ รายละเอียดทำให้บางครั้งก็หยุดไม่ได้ที่จะวิพากย์วิจารณ์ผู้อื่น ซึ่งกลายเป็นข้อบกพร่องของชาวราศีกันย์ได้เช่นกัน ราศีตุลย์ (๒๔ ก.ย.- ๒๓ ต.ค.) ชาวราศีตุลย์ให้ความสำคัญกับสิ่งรอบข้างตัวเองเสมอ รวมถึงการสนใจความงดงามตามธรรมชาติและศิลปะด้วย โดยเฉพาะคู่ของเขาหรือเธอแล้วจะเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด รายละเอียดที่ให้ความสำคัญเป็นพิเศษคือ ความสมดุลทางด้านความสัมพันธ์ ชาวราศีตุลย์จึงมีบุคลิกที่เหมาะกับการอยู่กับสังคมโดยมีมารยาทที่ดีและมีเสน่ห์ให้คนเข้าใกล้ ชาวราศีตุลย์ชอบทำงานแบบกลุ่ม เพราะพวกเขามักจะเปิดใจฟังผู้อื่นเสมอในการตัดสินใจทำอะไร รวมถึงการสักความเห็นของผู้อื่นก่อนการตัดสินใจด้วย แต่ในบางครั้งการที่ติดกับการทำงานเป็นกลุ่ม ชอบฟังความคิดเห็นผู้อื่นก่อน อาจทำให้บางทีชาวราศีตุลย์ขี้เกียจเกินไปในการที่จะเริ่มทำอะไรด้วยตนเองอย่างจริงๆจังๆ ราศีพิจิก (๒๔ ต.ค.-๒๒ พ.ย.) ชาวราศีพิจิกมีบุลคลิกที่ลึกลับ ทำให้เป็นเสน่ห์ของคนที่ทั่วไปที่อยากเข้ามารู้จักคนราศีนี้ นิสัยทั่วไปของชาวราศีพิจิกมักเก็บเรื่องราวต่างๆและนิสัยที่แท้จริงไว้มากกว่าที่จะแสดงออกมาทั้งหมด ความรู้ทางด้านไสยศาสตร์ก็เป็นอีกเรื่องที่ชาวราศีพิจิกหลายคนให้ความสนใจเนื่องจากคิดว่าเป็นเรื่องที่ลึกลับและน่าสนใจที่จะค้นคว้า ชาวราศีพิจิกชอบที่จะเปลี่ยนแปลงสิ่งใหม่ๆเสมอ จนทำให้คนรอบข้างจะหาบุคลิกที่แท้จริงของเขาได้ยาก การที่เรื่องราวต่างๆของชาวราศีพิจิกมักถูกเก็บอย่างลับๆทำให้บางครั้ง ชาวราศีนี้เป็นคนที่วิตกกังวลกับเรื่องต่างๆได้ง่าย แต่ในทางกลับกัน ถ้าเขาหรือเธอถูกทำร้ายหรือทำให้ไม่พอใจ อารมณ์ที่รุนแรงก็สามารถแสดงออกมาได้และชาวราศีพิจิกก็จะไม่กลัวถ้าจะต้องเผชิญหน้าหรือต้องต่อสู้กับใคร ราศีธนู (๒๓ พ.ย.- ๒๑ ธ.ค.) ชาวราศีธนูมีความรักอิสระสูง ไม่ชอบการผูกมัด หรือ การยึดติด เช่นเดียวกับสัญลักษณ์ประจำราศีนี้ คือเซนทอร์ เนื่องจากชาวราศีธนูยังรักการเดินทาง และการผจญภัยทำให้เป็นคนที่ชอบหาความรู้เพิ่มเติมเหมือนกับนักปราชญ์ซึ่งมักสนใจใคร่รู้เรื่องใหม่ๆเสมอๆ นอกจากนั้นจากการที่ชาวราศีธนูมองโลกในแง่ดี ซื่อตรง และรักสนุกทำให้กลายเป็นเสน่ห์ของเขาหรือเธอได้เช่นกัน แต่ในทางกลับกันการที่พวกเขารักอิสระ มองโลกในแง่ดี และ รักผจญภัยมาก ทำให้บางครั้งชาวราศีนี้ถูกมองว่าเป็นคนขาดความรอบคอบ และไม่เป็นระเบียบ รวมถึงการเป็นคนพูดตรงไปตรงมา ทำให้บางคนไม่พอใจ ซึ่งถ้าหากมองอีกแง่หนึ่งจะพบว่า ราศีนี้จะเป็นอีกราศีหนึ่งที่เชื่อใจได้ว่าเขาหรือเธอจะไม่โกหกคุณ ปล. ขอขอบคุณ วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี แก้ไขเมื่อ 21 มี.ค. 50 23:12:38 จากคุณ : สลัดดำ - [ 21 มี.ค. 50 23:07:11 ]

ความคิดเห็นที่ 44 สุดยอดมาค่ะ  กระทู้นี้  นับถือคุณสลัดดำจริงๆๆค่ะ จากคุณ : Par&Par - [ 21 มี.ค. 50 23:09:44 ]

ความคิดเห็นที่ 45 คุณมาริษครับแม่สะเรียงนี่ก็อยู่ในจังหวัดแม่ฮ่องสอนครับและอยู่ติดกับชายแดนพม่าครับ  ว่างๆก็มาเที่ยวได้ครับ อยู่ใกล้บ้านผมนิดเดียวเอง แค่ 38 กิโลเมตรก็ถึง คร๊าบ จากคุณ : โอจิ (Oji_yoyo) - [ 21 มี.ค. 50 23:10:20 ]

ความคิดเห็นที่ 46 ลักษณะแงซายตรงตามนี้บ้างรึเปล่าคะ ราศีธนู (Sagittarius จากภาษาลาตินแปลว่า นักยิงธนู) เป็นกลุ่มดาวจักรราศีที่ 9 ตามตำราของโหราศาสตร์ตะวันตก อยู่ระหว่างกลุ่มดาวราศีพฤศจิกและราศีมังกร มีสัญลักษณ์เป็น เซนทอร์กำลังยิงธนู ราศีธนูจะครอบคลุมตั้งแต่ ช่วง 18 ธันวาคม ถึง 19 มกราคม(แต่สำหรับตำราตะวันออก จะเริ่มตั้งแต่ 23 พฤศจิกายน ไปจนถึง 21 ธันวาคม ) ข้อมูลทั่วไป สัญลักษณ์ : ลูกศร อวัยวะ: ช่วงสะโพกถึงต้นขา แสดงถึงลักษณะนิสัยของราศีธนูที่ชอบการเดินทางและผจญภัย เนื่องจากช่วงสะโพกและต้นขาเป็นอวัยวะหนึ่งที่ช่วยให้คนสามารถขยับขาและเท้าเพื่อก้าวไปข้างหน้าได้ ธาตุ : ไฟ (เช่นเดียวกับ ราศีเมษ และ ราศีสิงห์) กลุ่มราศีธาตุไฟ จะแสดงถึงการกระทำ การมีเสน่ห์เร้าร้อน และพลังงาน เมื่อเข้าคู่กับกลุ่มราศีธาตุอื่นแล้ว ธาตุดินจะคลุมไฟ ธาตุน้ำจะดับไฟ แต่สำหรับการคู่กับธาตุลมแล้วจะทำให้ไฟโหมกระหน่ำและมีชีวิตชีวาขึ้น ดาวเคราะห์ : ดาวพฤหัส ซึ่งมีอิทธิพลต่อการแสวงหาความรู้ต่างๆ ของชาวราศีธนู(เช่นเดียวกับ ราศีมีน ก่อนที่จะมีการค้นพบดาวเนปจูน) คุณสมบัติ: ผันแปร หรือ กลุ่ม 2 ลักษณะ (เช่นเดียวกับ ราศีเมถุน ราศีกันย์ และ ราศีมีน) กลุ่มราศีผันแปรคือ กลุ่มของราศีที่อยู่ในช่วงที่ฤดูกาลกำลังเปลี่ยน ซึ่งทำให้ลักษณะนิสัยของกลุ่มชาวราศีนี้มีหลายบุคลิก สามารถปรับตัวได้เก่ง และแก้ปัญหาได้ค่อนข้างดี สำหรับราศีธนูอยู่ในช่วงที่ดวงอาทิตย์เคลื่อนที่จากช่วงฤดูใบไม้ร่วงไปยังฤดูหนาว นอกจากนั้นสัญลักษณ์ของราศีธนูแสดงถึงความเป็น 2 ลักษณะโดยเซนทอร์เป็นสัตว์ในเทพนิยายที่ผสมระหว่างคนและม้า เพศ: ชาย หรือ กลุ่ม บวก (เช่นเดียวกับ ราศีเมษ และ ราศีสิงห์ ซึ่งอยู่ธาตุไฟด้วยกัน รวมถึง กลุ่มราศีธาตุลมซึ่งประกอบด้วย ราศีเมถุน ราศีตุลย์ และ ราศีกุมภ์) กลุ่มราศีเพศชายหรือราศีกลุ่มบวก จะมีลักษณะนิสัยชอบเข้าสังคม รักเพื่อนฝูง ชอบทำงาน ไม่ชอบยึดติด มุ่งที่จะข้างหน้า แต่ในทางกลับกันกลับขาดความเห็นอกเห็นใจ และอารมณ์รุนแรง ความสนใจ: แบบจักรวาล (เช่นเดียวกับ ราศีมังกร ราศีกุมภ์ และ ราศีมีน) (สนใจในสิ่งที่เป็นนามธรรมและอุดมคติ) ชาวราศีธนูมีความรักอิสระสูง ไม่ชอบการผูกมัด หรือ การยึดติด เช่นเดียวกับสัญลักษณ์ประจำราศีนี้ คือเซนทอร์ เนื่องจากชาวราศีธนูยังรักการเดินทาง และการผจญภัยทำให้เป็นคนที่ชอบหาความรู้เพิ่มเติมเหมือนกับนักปราชญ์ซึ่งมักสนใจใคร่รู้เรื่องใหม่ๆเสมอๆ นอกจากนั้นจากการที่ชาวราศีธนูมองโลกในแง่ดี ซื่อตรง และรักสนุกทำให้กลายเป็นเสน่ห์ของเขาหรือเธอได้เช่นกัน แต่ในทางกลับกันการที่พวกเขารักอิสระ มองโลกในแง่ดี และ รักผจญภัยมาก ทำให้บางครั้งชาวราศีนี้ถูกมองว่าเป็นคนขาดความรอบคอบ และไม่เป็นระเบียบ รวมถึงการเป็นคนพูดตรงไปตรงมา ทำให้บางคนไม่พอใจ ซึ่งถ้าหากมองอีกแง่หนึ่งจะพบว่า ราศีนี้จะเป็นอีกราศีหนึ่งที่เชื่อใจได้ว่าเขาหรือเธอจะไม่โกหกคุณ จากคุณ : Par&Par - [ 21 มี.ค. 50 23:11:42 ]

ความคิดเห็นที่ 47 อ้อ...แล้วจะถามวันที่เกิดด้วยหรือเปล่าคร๊าบคุณปู่ จากคุณ : โอจิ (Oji_yoyo) - [ 21 มี.ค. 50 23:16:08 ]

ความคิดเห็นที่ 48 ขอผลัดเอาไว้กลับเมืองไทยก่อนนะครับ จะไม่ปฏิเสธคำชวนให้เสียน้ำใจแน่ครับ คุณ โอจิ (Oji_yoyo) เรื่องราศีนี่อ่านมามากมายหลายสำนักไม่เคยตรงสักที แก้ไขเมื่อ 21 มี.ค. 50 23:20:11 แก้ไขเมื่อ 21 มี.ค. 50 23:17:59 จากคุณ : MERRISS - [ 21 มี.ค. 50 23:17:24 ]

ความคิดเห็นที่ 49 แหม โอจิคุงก็... ผมหมายถึง ราศีนั้น(กรกฎ)ตรงกับคุณหญิงดารินน่ะครับ หุหุ จากคุณ : สลัดดำ - [ 21 มี.ค. 50 23:19:52 ]

ความคิดเห็นที่ 50 Par ว่าราศีธนูนี่แหละค่ะ แงซาย  :) ราศีธนู (๒๓ พ.ย.- ๒๑ ธ.ค.) ชาวราศีธนูมีความรักอิสระสูง ไม่ชอบการผูกมัด หรือ การยึดติด เช่นเดียวกับสัญลักษณ์ประจำราศีนี้ คือเซนทอร์ เนื่องจากชาวราศีธนูยังรักการเดินทาง และการผจญภัยทำให้เป็นคนที่ชอบหาความรู้เพิ่มเติมเหมือนกับนักปราชญ์ซึ่งมักสนใจใคร่รู้เรื่องใหม่ๆเสมอๆ นอกจากนั้นจากการที่ชาวราศีธนูมองโลกในแง่ดี ซื่อตรง และรักสนุกทำให้กลายเป็นเสน่ห์ของเขาหรือเธอได้เช่นกัน แต่ในทางกลับกันการที่พวกเขารักอิสระ มองโลกในแง่ดี และ รักผจญภัยมาก ทำให้บางครั้งชาวราศีนี้ถูกมองว่าเป็นคนขาดความรอบคอบ และไม่เป็นระเบียบ รวมถึงการเป็นคนพูดตรงไปตรงมา ทำให้บางคนไม่พอใจ ซึ่งถ้าหากมองอีกแง่หนึ่งจะพบว่า ราศีนี้จะเป็นอีกราศีหนึ่งที่เชื่อใจได้ว่าเขาหรือเธอจะไม่โกหกคุณ แก้ไขเมื่อ 21 มี.ค. 50 23:23:51 จากคุณ : Par&Par (Par&Par) - [ 21 มี.ค. 50 23:23:08 ]

ความคิดเห็นที่ 51 เชิญเลยครับคุณมาริษและท่านอื่นๆด้วยครับ  ถ้ามาจริงจะชวนล่องแก่งน้ำแม่แจ่ม อุทยานแห่งชาติออบหลวงครับ อ้อยังงั้นหรือครับคุณสลัดดำ ต้องขออำภัย ผมจะตั้งกระทู้สืบประวัติรพินทร์  ถ้ายังไงขอรบกวนให้คุณสลัดดำช่วยหาประวัติรพินทร์ตามบทประพันธ์ให้หน่อยนะครับ ขอบพระคุณล่วงหน้าครับ... จากคุณ : โอจิ (Oji_yoyo) - [ 21 มี.ค. 50 23:26:23 ]

ความคิดเห็นที่ 52 ป่าโลกล้านปี #๑ แงซายบอกว่า...ขณะตามแรด หนานอินเกิดปวดฟัน จึงบ่ายหน้าข้ามเขตแดนมารักษา(ถอน)ที่แม่ฮ่องสอนอันเป็นแหล่งเจริญที่ใกล้ที่สุด แงซายจอมจักรา #๓ หนานอินบอกว่า...ปวดฟันขณะตามกระซู่อยู่ในแดนพม่า แงซายพาไปถอนฟันในเมืองพม่า ไม่รู้เมืองอะไร ถ้าตามหลักก็ควรเชื่อแงซายมากกว่านะ เพราะความจำน่าจะแม่นกว่า จากคุณ : สลัดดำ - [ 21 มี.ค. 50 23:28:59 ]

ความคิดเห็นที่ 53 อุปนิสัยจากราศี ไม่จำเป็นต้องตรงเป๊ะทุกประการก็ได้ครับ ขออย่าให้ขัดแย้งชนิดขาวเป็นดำเป็นพอ แก้ไขเมื่อ 21 มี.ค. 50 23:37:36 จากคุณ : สลัดดำ - [ 21 มี.ค. 50 23:33:39 ]

ความคิดเห็นที่ 54 ซ.ต.พ.ครับ  คุณสลัดดำ   ทีนี้ช่วยกระทู้สืบประวัติรพินทร์ข้างบนด้วยนะครับ จากคุณ : โอจิ (Oji_yoyo) - [ 21 มี.ค. 50 23:41:58 ]

ความคิดเห็นที่ 55 ประวัติรพินทร์คงไม่น่าปวดหัวเท่าแงซายกระมั้ง เพราะไม่ค่อยได้กล่าวถึง เลยไม่ค่อยขัดแย้ง แต่ก็นั่นแหละนะ เพราะกล่าวถึงน้อย แถมประวัติก็ไม่พิสดารเท่าแงซาย ก็ชักจะเลือนๆ ไปแล้วว่ามีกล่าวถึงตรงไหนบ้าง แถมอาจจะต้องเดาสุ่มกันพอควร จะลองหาดู จากคุณ : สลัดดำ - [ 21 มี.ค. 50 23:46:15 ]

ความคิดเห็นที่ 56 ความคิดเห็นที่ ๘ ของคุณ คุณ โอจิ (Oji_yoyo): แม่ของแงซายตายก่อนที่หนานอินจะเดินไปพบพระธุดงค์นะครับ คุณ โอจิ (Oji_yoyo) ความคิดเห็นที่ ๑๐ ของคุณ pakem: "หรือเป็นเพราะมหาฤาษีโกฑัณญะ ช่วยแปลงให้เหมือนตอนคุยกับวายา" ผู้เขียนไม่ได้กล่าวถึงจนกว่าจะพบกับวายาครับ หรือว่าจะเพิ่มตั้งแต่ต้นเรื่อง คุณ โอจิ (Oji_yoyo) นั่งเฝ้ากระืทู้ตั้งแต่ บ่าย ๒ ยัน เที่ยงคืน สงสัยจะเป็น คุณ =p o o k p u i= คนที่สอง จากคุณ : MERRISS - [ 22 มี.ค. 50 00:35:22 ]

ความคิดเห็นที่ 57 อืมม ธนูก็ใช้ได้ แต่ส่วนใหญ่ผู้นำมักราศีเมษน่ะสิครับ แต่ผมก้ำกึ่งว่าถ้าในลักษณะลึกซึ้งทางจิตวิญญาณแล้วน่าจะเป็นราศีมีนครับ ถ้าระบุวันที่เกิดลงไปได้ก็น่าจะดีนะครับ อิๆ จากคุณ : อุปนิกขิต - [ 22 มี.ค. 50 01:03:08 ]

ความคิดเห็นที่ 58 อ่านไปอ่านมารึจะเป็นราศีพิจิกครับ จากคุณ : อุปนิกขิต - [ 22 มี.ค. 50 01:11:39 ]

ความคิดเห็นที่ 59 ขออ่านอย่างเดียว เจาะลึกได้สนุกมากครับ จากคุณ : McGy - [ 22 มี.ค. 50 01:15:40 ]

ความคิดเห็นที่ 60 ขอออกความเห็นเรื่อง ราศี บ้างนะคะ (พอดีชอบเรื่องนี้มาก มาก) แงซาย น่าจะเป็นพิจิกค่ะ และรพินทร์ - มีน ส่วนคุณหญิง - กรกฎ 3 ราศีนี้เข้ากันได้ดีมาก เป็นทั้งคู่รักคู่มิตรค่ะ ส่วนคุณชายเชษฐา น่าจะเป็นตุลย์ ไชยยันต์ - ธนู คุณชายกลาง - เมษ เมย์ - สิงห์ อิ อิ แก้ไขเมื่อ 22 มี.ค. 50 07:17:26 จากคุณ : ข้ามขอบฟ้า ไปหาเธอ - [ 22 มี.ค. 50 07:16:55 ]

ความคิดเห็นที่ 61 เข้ามาอ่านอีกรอบ   แต่ละท่านแน่นปึ๊ก ปล.#51 ของคุณโอจิ น่าสนใจมากครับ จากคุณ : หงส์เมืองเหนือ - [ 22 มี.ค. 50 10:09:47 ]

ความคิดเห็นที่ 62 งั้นเอารูปไปดู เพื่อกระตุ้นความอยากเพิ่มขึ้น จากคุณ : โอจิ (Oji_yoyo) - [ 22 มี.ค. 50 11:48:32 ]

ความคิดเห็นที่ 63 อีกมุมหนึ่ง...เหมือนฉากไหนใน PPU เอ่ย จากคุณ : โอจิ (Oji_yoyo) - [ 22 มี.ค. 50 11:49:45 ]

ความคิดเห็นที่ 64 ทริปล่องแก่ง...แต่ต้องยอมควักกระเป๋าหน่อย...อิอิ [คลิกเพื่อชมภาพขนาดจริง] จากคุณ : โอจิ (Oji_yoyo) - [ 22 มี.ค. 50 11:51:01 ]

ความคิดเห็นที่ 65 เดามั่ง ผมว่า รพินทร์ ราศีธนู (ตามคห 43) ครับ จากคุณ : monjangja - [ 22 มี.ค. 50 11:58:11 ]

ความคิดเห็นที่ 66 อ่านไปอ่านมาขนลุกเลยอ่ะ...สุดยอดมากเลยครับ  ยกนิ้วโป้งให้ทุกนิ้ว (ที่มี) เลย อิอิ.. จากคุณ : tpensuda - [ 22 มี.ค. 50 12:37:14 ]

ความคิดเห็นที่ 67 แอบมานั่งทำตาปริบๆ ฟังค่า แม่นอะไรกันปานนี้ -*- จากคุณ : fly-girl - [ 22 มี.ค. 50 22:42:18 ]

ความคิดเห็นที่ 68 ความเห็นของผม รพินทร์น่าจะเป็นชาวราศีธนูครับ เพราะในแง่ของความรักอิสระ ผมว่ารพินทร์ยังกินแงซายอยู่ด้วยซ้ำ เนื่องจากรพินทร์เลือกที่จะใช้ชีวิตแบบนี้ แต่แงซายไม่ได้เลือก ส่วนเรื่องความกะล่อนแงซายกินขาดความคุ่ยครับ แงซายเอง ผมว่าน่าจะเป็นราศีตุลย์ เนื่องจากในส่วนของฝีมือ หรือ ความเชี่ยวชาญต่าง ๆ นั้นแงซายมีไม่น้อยกว่ารพินทร์แน่นอนครับ แต่ถ้าให้เลือก แงซายจะเลือกคนที่มีภาวะใกล้เคียงกับตัวเอง เป็นผู้นำแทนตน เพราะมีนิสัยชอบรับฟังความเห็นของผู้อื่น มากกว่า เนื่องจากสัญชาติญานความเป็นผู้นำมีน้อยกว่า แต่ความเป็นนักปกครองกลับทำได้ดีกว่า ตามหน้าที่ความรับผิดชอบในกรณีของมรกตนคร อีกทั้งดาวประจำราศีตุลย์ คือ ดาวศุกร์ ถ้าให้คุณ หาคนราศีนี้หน้าตาไม่ดี หรือไม่มีเสน่ห์แรง ๆ ยากครับ ยกเว้นปัจจัยอื่นๆ ส่งผล ส่วนคุณหญิงน่าจะมีลักษณะร่วมของสองราศีครับ คือ กรกกฏ และสิงห์ จากคุณ : P Q BOY - [ 22 มี.ค. 50 23:20:46 ]

ความคิดเห็นที่ 69 ล่องแก่งไม่กลัวเรื่องเงินครับ ที่กลัวคือกลัวเปียกครับ ผมมีโรคประจำตัวคือโรคกลัวน้ำครับ ^_^. เคยไปล่องแก่งที่ NZ แล้วไม่มีชุดไปเปลี่ยน(แต่ไม่ใช่เรื่องใหญ่) เรื่องใหญ่คือน้ำ น้ำเย็นมากๆ ครับ ให้เล่นสกียังดีกว่าครับ ไม่เปียก จากคุณ : MERRISS - [ 23 มี.ค. 50 01:34:29 ]

ความคิดเห็นที่ 70 ผมขอพิมพ์ไว้ใช้อ้างอิงนะครับ สำหรับข้อสงสัยเกี่ยวกับ เพชรพระอุมาในข้อที่ว่า "ปัญหาสำคัญหนานอินเข้าใจภาษากุโบ๊สด้วยหรือ" ผมได้ลงไว้ ณ ที่นี้ และได้ตรวจสอบที่บาง Web และ Web ดังกล่าวยังไม่มีรายละเอียดข้อนี้( ณ ขณะนี้มีเพียง ๘๕ หัวข้อเท่านั้น) หากนำข้อความของผมไปลงกรุณาอ้างอิง(Credit) ด้วยครับ จับไม่ได้ไล่ไม่ทันมาหลายครั้งแล้ว จากคุณ : MERRISS - [ 23 มี.ค. 50 07:16:18 ]