ความคิดเห็นที่ 1 ประวัติศาสตร์จริงในสมัยนั้นครับเกี่ยวข้องกับข้อพิพาทตามชายแดนกระเหรี่ยงด้วย...เอามาลงประกอบไปด้วยละกัน ฝ่ายกะเหรี่ยง (มีหลายชนเผ่า แต่จะยกเอาชนเผ่ากะเหรี่ยง KNU เป็นตัวอย่าง เพราะใกล้เคียงกับบทประพันธ์ มากที่สุด) ก่อน ค.ศ. 1886 (พ.ศ. 2429) พรานชาวกะเหรี่ยง นำทางทหารอังกฤษ มาตีกองทัพพม่า จึงเป็นต้นเหตุให้ชาวพม่าโกรธแค้นกะเหรี่ยงเป็นอย่างมาก ค.ศ. 1947 (พ.ศ.2490) ชาวกะเหรี่ยงรวมตัวกันตั้ง องค์กรดูแลประชาชน ของตนเองขึ้นในปี ๒๔๙๐ ในนามองค์กรสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง หรือ KNU (Karen National Union) ค.ศ.1949 (พ.ศ.2492) KNU ประกาศปลดปล่อยตัวเองเป็นอิสระ โดยต่อสู้แบ่งแยกดินแดนซีกตะวันออก ของพม่า ตลอดฝั่งน้ำเมย และลุ่มน้ำสาละวิน บริเวณชายแดนไทย - พม่า เป็นเขตปกครองตนเอง ฝ่ายไทย ค.ศ.1941 (พ.ศ.2484) ประเทศไทยถูกรุกรานโดยญี่ปุ่น เพื่อต่อทางรถไฟเป็นทางผ่านไปพม่าและมาลายู และทหารญี่ปุ่นได้สู้รบกับทหารไทย ภายหลังการสู้รบ ฝ่ายทหารญี่ปุ่นซึ่งมีกำลังมากกว่าถึง ๑๐ เท่า เสียชีวิต ๔๑๗ คน ในขณะที่ฝ่ายไทยเสียชีวิต ๔๑ คน ถึงการรบครั้งนี้ไทยจะชนะ แต่ในระยะยาวแล้วฝ่ายไทยเสียเปรียบแน่ รัฐบาลไทยในขณะนั้น จึงมีมติให้ยุติการสู้รบและยินยอม(จำยอม)ให้ญี่ปุ่นเคลื่อนทัพผ่านประเทศไทยได้ ค.ศ.1941 (พ.ศ.2484) ขบวนการเสรีไทยก่อกำเนิดแบบลับๆร่วมมือกับฝ่ายสัมพันธ์มิตร(สหรัฐอเมริกา) ค.ศ.1945 (พ.ศ.2488) รัฐบาลสหรัฐอเมริกา และรัฐบาลอังกฤษประกาศรับรองการประกาศสันติภาพของไทย หลังจากสงครามมหาเอเซียบูรพายุติลง โดยการยอมจำนนของญี่ปุ่นต่อฝ่ายสัมพันธมิตร เมื่อ ๑๔ สิงหาคม ๒๔๘๘ และรัฐบาลไทยได้ประกาศ เมื่อ ๑๖ สิงหาคม ๒๔๘๘ ค.ศ.1946 (พ.ศ.2489) พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ขึ้นครองราชย์ (ปีที่แล้วมีการเฉลิมฉลองครองราชย์ครบ 60 พรรษาอย่างยิ่งใหญ่) ค.ศ.1952 (พ.ศ.2495) รัฐบาลได้ออกพระราชบัญญัติป้องกัน การกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์ เนื่องจากพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย ได้เริ่มมีบทบาทเด่นชัดขึ้น ภายหลังสงครามโลกครั้งที่ ๒ สิ้นสุดลง ค.ศ. 1957 (พ.ศ.2500) รัฐประหาร 16 กันยายน 2500 จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ เป็นหัวหน้าคณะนายทหารนำกำลังเข้ายึดอำนาจของรัฐบาลซึ่งมีจอมพล ป. พิบูลสงคราม เป็นนายกรัฐมนตรี ค.ศ. 1958 (พ.ศ.2501) รัฐประหาร 20 ตุลาคม 2501 เป็นการปฏิวัติเงียบอีกครั้งหนึ่ง โดยจอมพลถนอม กิตติขจร ซึ่งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอยู่ในขณะนั้น ลาออกจากตำแหน่ง ในขณะเดียวกันจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุดในขณะนั้น ได้ประกาศยึดอำนาจการปกครอง ค.ศ. 1960 (พ.ศ.2503) รัฐบาลได้ประกาศพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าและอุทยานแห่งชาติ โดยอาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2503 จากคุณ : โอจิ (Oji_yoyo) - [ 21 มี.ค. 50 23:44:30 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ผมไม่ค่อยจะรู้เรื่องมากนักขออ่านกับตอบผ่านๆ ครับ กำลังรอหัวข้อที่สามารถจะช่วย(ทำให้ทุกคนปวดหัว)ได้อยู่ครับ จากคุณ : MERRISS - [ 21 มี.ค. 50 23:51:39 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ก็เริ่มเหมือนเดิมล่ะครับ ต้องกำหนดอายุของรพินทร์ก่อนล่ะ จากคุณ : สลัดดำ - [ 21 มี.ค. 50 23:51:56 ]

ความคิดเห็นที่ 4 กรณีซึ่งทำให้เกิดกรณีพิพาทขึ้นระหว่างชายแดนไทย – กระเหรี่ยง ซึ่งสามารถแยกแยะเป็นข้อๆ ได้ดังนี้ 1. ชนกลุ่มน้อยอพยพเข้าประเทศไทย เพื่อหางานทำในประเทศไทย แต่ถูกกีดกัน,ขัดขวางจากเจ้าหน้าที่ของไทยที่ต้องทำตามกฎหมาย เพื่อความมั่นคงของประเทศ 2. ปัญหาการลักลอบตัดไม้เพื่อค้าขาย (ภายหลังกลับกลายเป็นเจ้าหน้าที่ของไทยเองที่ตัด จากกรณีท่อนซุงของป่าสาละวินนับแสนนับล้านท่อน โดยป้ายความผิดไปให้พวกกะเหรี่ยง) 3 ปัญหาบุกรุกดินแดนไทยเพื่อทำการเกษตร เพราะต้องหนีจากทหารพม่าเข้ามายังชายแดนไทย(กรณี ข้อ 2-3 นี้เป็นสาเหตุหนึ่ง ที่ทำให้เกิด พรก.เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าและอุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2503 ขึ้น 4. ปัญหายาเสพติด(ฝิ่น,เฮโรอีน ช่วงหลังยาบ้า) แต่มีเฉพาะบางชนเผ่าเท่านั้นที่ขึ้นชื่อเรื่องยาเสพติด ได้แก่ ขุนส่า และว้า ชนกลุ่มน้อยที่เหลือมีบ้างประปราย 5. หนีจากภัยสงครามเข้ามายังชายแดนเขตฝั่งไทย จนต้องมีการตั้งศูนย์อพยพขึ้นหลายที่ เพื่อส่งบุคคลเหล่านี้ไปยังประเทศโลกที่ 3 และมีบ้างที่ปักหลักอยู่ตามเขตไทยชั่วคราว 6. ปัญหาการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบของเจ้าหน้าที่ของไทยบางคน ได้แก่การคอรัปชั่น,รีดไถ,ทำร้ายร่างกาย หรือแม้กระทั่งเจ้าหน้าที่กดขี่ข่มเหงชาวกระเหรี่ยงที่ไม่มีทางสู้   จนทำให้ชาวกะเหรี่ยงคับแค้นใจเป็นอย่างมาก ปัญหาเหล่านี้จึงกลายเป็นปัญหาสะสม ที่มีมาช้านานจนบานปลายมาจนถึงปัจจุบัน ยากที่จะแก้ไขให้หมดไปได้ ซึ่งถ้ามองแบบเป็นกลางก็น่าเห็นใจฝ่ายกะเหรี่ยงมาก เพราะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ความรู้สึกของเขา ก็เหมือนกับหนีเสือปะจระเข้ แต่ทำยังไงได้ จึงขอตายเอาดาบหน้าดีกว่า (จระเข้ไม่น่าจะอันตรายเท่าเสือนะ ดูได้จาก PPU ตอนดงมรณะ รพินทร์ยังเอามีดจ้วงกับพานท้ายปีนแพ่นกบาลมันเลย) อิอิ... แก้ไขเมื่อ 22 มี.ค. 50 00:02:53 แก้ไขเมื่อ 21 มี.ค. 50 23:56:31 จากคุณ : โอจิ (Oji_yoyo) - [ 21 มี.ค. 50 23:53:48 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ปัญหาอีกประการหนึ่ง ก่อนรพินทร์จะไปเรียนถึง แซนเฮิร์สท, Westpoint เนี่ย ได้ผ่าน ร.ร. นายร้อย หรือเตรียมทหารก่อนรึเปล่า ความเห็นผมว่าน่าจะผ่าน เพราะลำพังพ่อรพินทร์ซึ่งเป็นพรานอาชีพคงไม่สามารถส่งลูกไปเรียนถึงอเมริกา, อังกฤษ และเยอรมัน ได้หรอก รพินทร์จึงน่าจะเป็นนักเรียนทุนของรัฐบาลนะ แก้ไขเมื่อ 22 มี.ค. 50 00:21:31 จากคุณ : สลัดดำ - [ 21 มี.ค. 50 23:59:46 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ตามนั้นเลยครับ จากคุณ : โอจิ (Oji_yoyo) - [ 22 มี.ค. 50 00:03:57 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ถกกันอยู่ ๒ คน คุณ อุปนิกขิต ไปไหน บ่ายโมงครึ่งแล้วครับ ขอลาไปทานข้าวเที่ยงก่อน แก้ไขเมื่อ 22 มี.ค. 50 00:23:26 จากคุณ : MERRISS - [ 22 มี.ค. 50 00:13:49 ]

ความคิดเห็นที่ 8 นั้นสิปู่อุปฯ  มาช่วยกันถกหน่อยเร้ว...ไม่มีปู่ช่วยไม่ค่อยหนุกเลย จากคุณ : โอจิ (Oji_yoyo) - [ 22 มี.ค. 50 00:19:20 ]

ความคิดเห็นที่ 9 โดยอายุของรพินทร์นี้ 'ก้อง สุรกานต์'(นามปากกาอีกชื่อของท่านพนมเทียน)  ท่านได้ระบุไว้ในนิตยสาร ‘จักรวาลรายสัปดาห์’ ปีที่ 1 ฉบับที่ 12 ประจำวันพุธที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2513 คอลัมน์คุยกับทิดก้อง รพินทร์ ประมาณ 34-35 ปีครับ เท่ากับไชยยันต์ จากคุณ : โอจิ (Oji_yoyo) - [ 22 มี.ค. 50 00:43:37 ]

ความคิดเห็นที่ 10 งั้นมาโยนอีกลูกครับ มีประเด็นที่น่าสนใจเรื่องสาเหตุของการลาออก (หรือถูกให้ออก) จากราชการตำรวจครับ รพินทร์เป็นนักเรียนนายทหารจากเยอรมนี มาทำงานในยุคจอมพล ป. ซึ่งฝักใฝ่ในอักษะอยู่ ก็ไม่มีปัญหาอะไร ทีนี้ เมื่อจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ทำรัฐประหาร ก็น่าจะถูกหางเลขไปด้วยครับ นี่หรือเปล่าครับ คือเหตุผลทางการเมืองของการออกจากราชการ จากคุณ : อุปนิกขิต - [ 22 มี.ค. 50 00:47:38 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ปักไปว่าอายุ 34 ปี แล้วกันครับ จากคุณ : อุปนิกขิต - [ 22 มี.ค. 50 00:51:48 ]

ความคิดเห็นที่ 12 อืมม ไม่สิครับ น่าจะลาออกเมื่อปี 2497-2498 ด้วยความที่ค่ายแตก แล้วอาจถูกกดดันว่าเป็นพวกฝักใฝ่เผด็จการฟาสซิสม์ จากคุณ : อุปนิกขิต - [ 22 มี.ค. 50 00:56:30 ]

ความคิดเห็นที่ 13 สาเหตุจากการออกจากราชการอาจเป็นเพราะรพินทร์ชะล่าใจด้วยก็ได้ครับ  ในกรณีที่แงซายเข้ามาบอกกับรพินทร์แล้วรพินทร์ไม่เชื่อว่ากระเหรี่ยงจะโจมตีค่ายของเขา  ลูกผู้ชายเลือดข้นอย่างเขาทนเห็นลูกน้องตายแต่ตัวเองกลับหนีรอดไปได้  จึงรับผิดชอบด้วยการลาออกจากตำรวจก็เป็นไปได้ครับ ด้วยความเครียดจากทางการเมืองด้วยแล้วจึงทำให้ตัดสินใจลาออกได้ง่ายขึ้นครับ  ประมาณว่าเบื่อโลก เลยหนีเข้าป่ามันซะให้รู้แล้วรู้แรดไป แก้ไขเมื่อ 22 มี.ค. 50 01:01:16 จากคุณ : โอจิ (Oji_yoyo) - [ 22 มี.ค. 50 00:59:42 ]

ความคิดเห็นที่ 14 อืม เป็นบทวิเคราะห์ที่เฉียบขาดมากครับ ส่วนเรื่องของแสงโสม มี ๒ ประเด็นครับ ๑. รพินทร์อกหักจากแสงโสม และเป็นอีกสาเหตุหนึ่ง ที่ทำให้รพินทร์ออกจากราชการมาหมกตัวอยู่ในป่า ๒. เพราะรพินทร์ออกจากราชการ จึงทำให้แสงโสมทิ้ง...ผู้หญิงย่อมต้องการผู้ชายที่มั่นคงอยู่แล้วนี่นะ จากคุณ : สลัดดำ - [ 22 มี.ค. 50 01:00:39 ]

ความคิดเห็นที่ 15 น่าจะประเด็นที่ 2 นะครับ  พอรพินทร์ไม่ได้เป็นนายตำรวจแล้ว จึงทิ้งไปได้ง่ายๆ   รพินทร์คงไม่ลาออกจากตำรวจเพราะผู้หญิงทิ้งไปหรอกครับ จากคุณ : โอจิ (Oji_yoyo) - [ 22 มี.ค. 50 01:03:28 ]

ความคิดเห็นที่ 16 คิดไปคิดมาทำไมประวัติจอมพรานยังมีสีสันสู้แงซายไม่ได้แฮะ ช่วยกันหน่อยครับ อิๆ จากคุณ : อุปนิกขิต - [ 22 มี.ค. 50 01:05:26 ]

ความคิดเห็นที่ 17 นั่นนะซิ   สงสัยเราต้องผูกเรื่องกันเองซะแล้ว  โดยโยงให้เข้ากับประวัติศาตร์จริงในสมัยนั้นด้วย จากคุณ : โอจิ (Oji_yoyo) - [ 22 มี.ค. 50 01:08:42 ]

ความคิดเห็นที่ 18 "สาเหตุจากการออกจากราชการอาจเป็นเพราะรพินทร์ชะล่าใจด้วยก็ได้ครับ" เป็นตั้งแต่ต้นเรื่องจนจบเรื่องสำหรับ "ชะล่าใจ ไม่ฟังความเห็นของผู้อื่น" จากคุณ : MERRISS - [ 22 มี.ค. 50 01:09:20 ]

ความคิดเห็นที่ 19 แสดงว่ารพินทร์ราศีเมษ อิๆ จากคุณ : อุปนิกขิต - [ 22 มี.ค. 50 01:14:13 ]

ความคิดเห็นที่ 20 สงสัยต้องให้เป็นตำรวจเข้าป่า ไปปราบคอมมิวนิสต์ล่ะกระมัง   แต่คอมมิวนิสต์นี่ไม่ใช่ไม่ดีนะครับ  เพียงแต่อุดมการณ์ทางการเมืองไม่ตรงกัน  จึงถูกขับไล่แล้วหนีเข้าป่า  รพินทร์จึงช่วยพวกนี้ไปอย่างลับๆด้วย  ต่อมารัฐบาลล่วงรู้  จึงถูกกดดันว่าเป็นพวกฝักใฝ่เผด็จการฟาสซิสม์ จึงลาออกจากตำรวจในที่สุด จากคุณ : โอจิ (Oji_yoyo) - [ 22 มี.ค. 50 01:14:37 ]

ความคิดเห็นที่ 21 อะไรกัน!!!! ทั้งกระทู้มีเพียง ๔ คนเท่านั้นหรือครับ พวกที่ซุ่มอยู่ออกมาแสดงตัวด้วยครับ ^_^. จากคุณ : MERRISS - [ 22 มี.ค. 50 01:18:38 ]

ความคิดเห็นที่ 22 สงสัยต้องมาตั้งประเด็นกันก่อนครับว่า จุดแข็งของรพินทร์ ไพรวัลย์ คืออะไร ทำไมเขาถึงเป็นพระเอก ที่คิดออกตอนนี้คือ - ความมีจิตใจเข้มแข็งไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค - เซ็นส์ของพราน - ความีน้ำใจรักพวกพ้อง - ความมีบารมี - พรานในคราบชาวศิวิไลซ์ ถกกันไปก่อนนะครับ มีงานเร่งครับ แหะๆ จากคุณ : อุปนิกขิต - [ 22 มี.ค. 50 01:20:10 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ตอนนี้มันตีหนึ่งเมื่องไทยคร้าบคุณมาริษ จากคุณ : อุปนิกขิต - [ 22 มี.ค. 50 01:20:51 ]

ความคิดเห็นที่ 24 สงกะสัยหลับกันหมดแล้วมั้ง    เอ้า!!!ใครยังไม่หลับแสดงตัวหน่อยครับ จากคุณ : โอจิ (Oji_yoyo) - [ 22 มี.ค. 50 01:20:57 ]

ความคิดเห็นที่ 25 คุณ McGy หนึ่งคน เท่าที่รู้ยังตาสว่างอยู่ จากคุณ : MERRISS - [ 22 มี.ค. 50 01:21:59 ]

ความคิดเห็นที่ 26 รอข้อมูลจากคุณสลัดดำอยู่ครับ   ตอนนี้ดึกมากแล้วชักจะง่วงแย้ว...  ถ้าหายไปก็จะช่วยถกต่อวันพรุ่งนี้เช้าครับ จุดแข็งของรพินทร์ คือ เป็นผู้ชายที่มีรูปร่างแกร่งเกร็ง แข็งเหมือนท่อนไม้ ครับ  อิอิ... จากคุณ : โอจิ (Oji_yoyo) - [ 22 มี.ค. 50 01:26:37 ]

ความคิดเห็นที่ 27 คุณ อุปนิกขิต ได้กล่าวถึง "จุดแข็งของรพินทร์" ก็ควรจะมี "จุดอ่อนของรพินทร์" (ขอความกรุณาอย่าคิดลึกครับ) ด้วย ๑. ชะล่าใจ ไม่ฟังความเห็นของผู้อื่น: มาเรีย, บุญคำ,.... ๒. ถือความเห็นของตนเป็นหลัก ๓. มั่นใจในตัวเองสูงเกินไป ยังมีอีกแต่คิดได้เพียงเท่านี้ก่อน จากคุณ : MERRISS - [ 22 มี.ค. 50 01:29:23 ]

ความคิดเห็นที่ 28 แอบอ่านอยู่..กรุณาอย่าทัก จากคุณ : McGy - [ 22 มี.ค. 50 01:30:30 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ก็ประวัติของรพินทร์ไม่พิสดารอะไรมากครับ แล้วปกติก็ไม่ใช่คนลึกลับอะไรอย่างแงซายอยู่แล้ว คิดอีกทีหนึ่ง ประวัติของรพินทร์จะยิ่งปวดกบาลหนักกว่าแงซายอีกมั้ง เพราะในบทประพันธ์กล่าวถึงน้อยมาก เอาเท่าที่จะได้ก่อนแล้วกัน รพินทร์เป็นพรานป่ามากี่ปีแล้ว ? ดารินเคยถามบุญคำ ได้ความว่า มาอยู่กับรพินทร์ได้ ๖-๗ ปีแล้ว ตั้งแต่ออกจากตำรวจใหม่ๆ งั้นก็น่าจะเป็นพรานป่ามาประมาณนั้นแหละ ๖-๗ ปี จริงหรือ ? ถ้าค่ายหมีดำถูกตีกระเจิงในปี ๒๔๙๗ (ตามกระทู้ประวัติแงซาย) พอดีผมวิเคราะห์ประวัติของแงซายว่า เข้าเป็นทหารกองโจรในตอนต้นถึงกลางปี ๒๔๙๕ แงซายเคยให้บอกว่าเป็นทหารกะเหรี่ยงมา ๓ ปี ผมก็คิดว่า ๒ ปีกว่าๆ ก็ตีเป็น ๓ ปีได้เหมือนกัน นั่นก็คือ ตามประวัติแงซายที่ผมลองปะติดปะต่อขึ้นมา...แงซายควรจะหนีทัพเมื่อปลายๆ ปี ๒๔๙๗ และฝากผลงานบุกขยี้ค่ายหมีดำของฝ่ายไทยในตอนนั้น คือ ค่ายหมีดำของผู้กองรพินทร์ถูกตีแตกปลายปี ๒๔๙๗ ฉะนั้น รพินทร์จึงน่าจะได้ออกมาเป็นพรานอาชีพเต็มตัวก็ไม่เกินต้นปี ๒๔๙๘ ดังนั้นแล้ว ปี ๒๕๐๒ ก็เป็นปีที่ ๕ ของการเป็นพรานป่าของรพินทร์...อืม ก็ยังใกล้เคียง ถ้าจะว่ากันตามจริง บุญคำคงไม่มาสำรวจปฏิทินหรอก ไม่น่าจะมีความจำเป็น การระบุปีคงจะอาศัยแค่กะๆ เอา ถ้า ๒๕๐๒ รพินทร์อายุ ๓๔ ปี ปีสุดท้ายของการเป็น ตชด. (๒๔๙๗) ก็อายุ ๒๙ ปี ทีนี้ก็ลองย้อนไปอีก เป็น ตชด. มากี่ปีดีล่ะ เหอๆ จากคุณ : สลัดดำ - [ 22 มี.ค. 50 01:34:30 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ผมคิดลึกไปก่อนนานแล้วครับคุณมาริษ ฮา... จุดอ่อนแกเยอะครับ พนันกับผมมั๊ยล่ะครับว่า รพินทร์มีลูกสาว รึไม่ก็เป็นหมันไปเลยครับ เหอะๆๆ ไปแปรงฟันมานึกออกแล้วครับ ดีเทลความเป็นตำรวจโดนแงซายข่มแน่ครับ ต้องดีเทลความเป็นพรานครับ มีคุณลักษณะที่ซีไอเอวิเคราะห์รพินทร์ไว้ ผมว่าน่าจะใช้คาแรคเตอร์ตรงนั้นเป็นหลักดีกว่าครับ อ้ะ ใครจะหาเจอก่อนกันครับ จากคุณ : อุปนิกขิต - [ 22 มี.ค. 50 01:36:09 ]

ความคิดเห็นที่ 31 เหอๆ  สงสัยต้องมั่วเอาล่ะ ประวัติรพินทร์นี่สำหรับพวกเราแล้วลึกลับกว่าแงซายซะอีกแฮะ จากคุณ : โอจิ (Oji_yoyo) - [ 22 มี.ค. 50 01:39:18 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ภูมิหลังของรพินทร์ที่ผมนึกดู ในบทประพันธ์ก็บอกมาแค่ที่รู้กันอยู่น่ะ Sanhurst ๓ ปี Westpoint ๒ ปี German ๑ ปี แซนเฮิร์สทเป็นที่แรกรึเปล่าไม่แน่ใจ น่าจะใช่มั้ง ถ้ารู้ว่าที่นั่นเค้ารับนักเรียนอายุกี่ปีถึงกี่ปี คงจะเป็นประโยชน์ไม่น้อย จากคุณ : สลัดดำ - [ 22 มี.ค. 50 01:41:17 ]

ความคิดเห็นที่ 33 1. เป็นคนหนุ่มแข็งแรง 2. สถิติในการเดินป่าปีนเขายอดเยี่ยมที่สุด 3. เคยรับจ้างนำทางมหาวิบากมาแล้วอย่างได้ผลที่สุด 4. ยิงปืนแม่นที่สุด 5. ซื่อสัตย์สุจริตที่สุด 6. การศึกษาดีที่สุด 7. สถิติในการล่าสัตว์ป่าดุร้ายมาแล้วมากที่สุด จากคุณ : อุปนิกขิต - [ 22 มี.ค. 50 01:42:29 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ใช่ครับปู่ แงซายเก่งเรื่องการสู้รบ  แต่รพินทร์นี่เก่งตรงเชิงพรานครับ สงสัยต้องปูคาแร็กเตอร์แบบนี้กระมังครับ จากคุณ : โอจิ (Oji_yoyo) - [ 22 มี.ค. 50 01:43:55 ]

ความคิดเห็นที่ 35 ตัดข้อ 3 ทิ้ง เพราะเป็นเรื่องการเดินทางไปมรกตนครคือประวัติทีหลัง 6 ข้อที่เหลือนี้เราน่าจะสืบประวัติเขากันครับว่าได้มาอย่างไร (อ้อ อ้างอิงจากฉบับ 5 ตอน (ยังไม่มีตอน จิตรางคนางค์) อยู่ในจอมพราน 2 ครับ) ผมของชงแล้วชิ่งก่อนนะครับ อิๆ จากคุณ : อุปนิกขิต - [ 22 มี.ค. 50 01:45:38 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ฝึกทหารที่ต่างประเทศ ๖ ปี แล้วต้องฝึกที่เมืองไทยกี่ปี บุญคำ มาอยู่กับรพินทร์ได้ ๖-๗ ปี ทำงานเป็น ตชด. กี่ปี เรียนประถมกี่ปี ๔, ๖, หรือ ๘ ปี ในขณะนั้น เรียนมัธยมกับมหาวิทยาลัยด้วยหรือไม่ ถ้ารวมอายุทั้งหมดรู้สึกว่าเกินที่ประมาณการกันไว้นะครับ ลามกจริงครับ คุณ อุปนิกขิต ^_^. จากคุณ : MERRISS - [ 22 มี.ค. 50 01:47:41 ]

ความคิดเห็นที่ 37 งั้นชิ่งตามครับ พรุ่งนี้เจอกัน   สวัสดี ราตรีสวัสดิ์ครับ จากคุณ : โอจิ (Oji_yoyo) - [ 22 มี.ค. 50 01:48:20 ]

ความคิดเห็นที่ 38 อ๊ะ ถ้าจุดแข็งของรพินทร์มี - พรานในคราบชาวศิวิไลซ์ งั้นก็ควรจะมี - ชาวศิวิไลซ์ที่ไม่ปฏิเสธในมนต์มืด (ออกแนว inverse กันไปหน่อยรึเปล่าหว่า) แล้วก็เป็นคนที่มีอุดมการณ์ จนอาจถูกเขม่นจากเบื้องบน และเคยถูกตราหน้าว่าเป็น ๒๓ กบฎ...อ๊ะ คนละงาน เอ่อ จนต้องออกจากราชการนั่นแหละ ประมาณว่ายอมหักไม่ยอมงอ ประมาณนั้นมั้ง จากคุณ : สลัดดำ - [ 22 มี.ค. 50 01:53:17 ]

ความคิดเห็นที่ 40 กลับมาแล้วคร๊าบ...ตอนนี้แอบเปิดเน็ตที่ทำงานอยู่...อิอิ  จุ๊ๆ...อย่าเอ็ดไป พูดถึงการเป็นตำรวจมันก็น่าจะหลายปีอยู่นา   เพราะยศก็เป็นถึง ร้อยตำรวจเอกแล้ว แต่ละยศใช้เวลาไต่เต้าไม่น่าจะต่ำกว่า 3 ปี ช่วงแรกนี่ทำงานเข้าขากับรัฐบาล จึงได้เลื่อนยศเร็ว ประมาณว่า  ร.ต.ต.  ใช้เวลา 2 ปีครึ่ง                  ร.ต.ท.  ใช้เวลา 2 ปีครึ่งเช่นกัน                ร.ต.อ.  น่าจะเป็นได้ไม่ถึงปี ก็ชิ่งลาออกไปซะก่อน สรุปแล้วอย่างเร็วสุด  ก็น่าจะ 6 ปี +- ไม่เกิน 1 ปี ประมาณนี้ได้ป่าว... จากคุณ : โอจิ (Oji_yoyo) - [ 22 มี.ค. 50 10:13:30 ]

ความคิดเห็นที่ 41 เอาข้อมูลช่วงผลัดเปลียนอำนาจทางการเมืองช่วงเวลานั้นมาเสริม  มีทั้งสำเร็จ(รัฐประหาร)และไม่สำเร็จ(กบฎ) รัฐประหาร 8 พฤศจิกายน 2490 คณะนายทหารกลุ่มหนึ่ง ซึ่งมี พลโทผิน ชุณหะวัณ เป็นหัวหน้าสำคัญ ได้เข้ายึดอำนาจรัฐบาล ซึ่งมีพลเรือตรี ถวัลย์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ เป็นนายกรัฐมนตรีได้สำเร็จ แล้วมอบให้นายควง อภัยวงศ์ เป็นนายกรัฐมนตรี จัดตั้งรัฐบาลต่อไป ขณะเดียวกัน ได้แต่งตั้ง จอมพล ป. พิบูลสงคราม เป็นผู้บัญชาการทหารแห่งประเทศไทย กบฏแบ่งแยกดินแดน 28 กุมภาพันธ์ 2491 จะมีการจับกุมสมาชิกสภาผู้แทนราษฏรของภาคตะวันออกเฉียงเหนือหลายคน เช่น นายทิม ภูมิพัฒน์ นายถวิล อุดล นายเตียง ศิริขันธ์ นายฟอง สิทธิธรรม โดยกล่าวหาว่าร่วมกันดำเนินการฝึกอาวุธ เพื่อแบ่งแยกดินแดนภาคอีสานออกจากประเทศไทย แต่รัฐบาลไม่สามารถดำเนินการจับกุมได้ เนื่องจากสมาชิกผู้แทนราษฏรมีเอกสิทธิทางการเมือง รัฐประหาร 6 เมษายน 2491 คณะนายทหารซึ่งทำรัฐประหารเมื่อ 8 พฤศจิกายน 2490 บังคับให้นายควง อภัยวงศ์ ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แล้วมอบให้จอมพล ป. พิบูลสงคราม เข้าดำรงตำแหน่งต่อไป กบฏเสนาธิการ 1 ตุลาคม 2491 พลตรีสมบูรณ์ ศรานุชิต และพลตรีเนตร เขมะโยธิน เป็นหัวหน้าคณะนายทหารกลุ่มหนึ่ง วางแผนที่จะเข้ายึดอำนาจการปกครอง และปรับปรุงกองทัพจากความเสื่อมโทรม และได้ให้ทหารเข้าเล่นการเมืองต่อไป แต่รัฐบาลซึ่งมีจอมพล ป. พิบูลสงคราม เป็นนายกรัฐมนตรี ทราบแผนการ และจะกุมผู้คิดกบฏได้สำเร็จ กบฏวังหลวง 26 มิถุนายน 2492 นายปรีดี พนมยงค์ กับคณะนายทหารเรือ และพลเรือนกลุ่มหนึ่ง ได้นำกำลังเข้ายึดพระบรมมหาราชวัง และตั้งเป็นกองบัญชาการ ประกาศถอดถอน รัฐบาลจอมพล ป. พิบูลสงคราม และนายทหารผู้ใหญ่หลายนาย พลตรีสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้อำนวยกาปราบปราม มีการสู้รบกันในพระนครอย่างรุนแรง รัฐบาลสามารถปราบฝ่ายก่อการกบฏได้สำเร็จ นายปรีดี พนมยงค์ ต้องหลบหนออกนอกประเทศอีกครั้งหนึ่ง กบฏแมนฮัตตัน 29 มิถุนายน 2494 นาวาตรีมนัส จารุภา ผู้บังคับการเรือรบหลวงสุโขทัยใช้ปืนจี้จอมพล ป. พิบูลสงคราม ไปกักขังไว้ในเรือรบศรีอยุธยา นาวาเอกอานน บุญฑริกธาดา หัวหน้าผู้ก่อการได้สั่งให้หน่วยทหารเรือมุ่งเข้าสู่พระนครเพื่อยึดอำนาจ และประกาศตั้งพระยาสารสาสน์ประพันธ์ เป็นนายกรัฐมนตรี เกิดการสู้รบกันระหว่างทหารเรือ กับทหารอากาศ จอมพล ป. พิบูลสงคราม สามารถหลบหนีออกมาได้ และฝ่ายรัฐบาลได้ปรามปรามฝ่ายกบฏจนเป็นผลสำเร็จ รัฐประหาร 29 พฤศจิกายน 2494 จอมพล ป. พิบูลสงคราม ได้ทำรัฐประหารยึดอำนาจตนเอง เนื่องจากรัฐบาลไม่สามารถควบคุมเสียงข้างมากในรัฐสภาได้ ต้องใช้วิธีการให้ตำแหน่งและผลประโยชน์ต่างๆ แก่บรรดาสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เพื่อให้ได้รับการสนับสนุนอยู่เสมอ ทั้งนี้ เป็นผลมาจากการที่รัฐธรรมนูญฉบับปี 2492 ซึ่งใช้อยู่ในขณะนั้น มีวิธีการที่เป็นประชาธิปไตยมากเกินไป จึงได้ล้มเลิกรัฐธรรมนูญฉบับดังกล่าวเสีย พร้อมกับนำเอารัฐธรรมนูญฉบับลงวันที่ 10 ธันวาคม 2475 มาใช้อีกครั้งหนึ่ง กบฏสันติภาพ 8 พฤศจิกายน 2497 นายกุหลาบ สายประดิษฐ์ (ศรีบูรพา) และคณะถูกจับในข้อหากบฏ โดยรัฐบาลซึ่งขณะนั้นมีจอมพล ป. พิบูลสงคราม เป็นนายกรัฐมนตรี เห็นว่าการรวมตัวกันเรี่ยไรเงิน และข้าวของไปแจกจ่ายแก่ประชาชนในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งขณะนั้นกำลังประสบกับความเดือดร้อน เนื่องจากความแห้งแล้งอย่างหนัก เป็นการดำเนินการที่เป็นภัยต่อรัฐบาล นายกุหลาบ สายประดิษฐ์ กับคณะถูกศาลตัดสินจำคุก 5 ปี จากคุณ : โอจิ (Oji_yoyo) - [ 22 มี.ค. 50 10:15:48 ]

ความคิดเห็นที่ 42 เข้ามาดูเฉยๆ จากคุณ : หงส์เมืองเหนือ - [ 22 มี.ค. 50 10:18:30 ]

ความคิดเห็นที่ 43 ปัญหาตอนนี้อยู่ที่ว่า สมัยนั้นประถมกี่ปี มัธยมกี่ปี และไปเป็นนักเรียนทหารที่ต่างประเทศปีไหน  ตอนนั้นเค้ารับตอนอายุกี่ปี ใครเกิดทันสมัยนั้นช่วยหน่อยคร๊าบ...อิอิ สงสัยต้องมั่วแบบมีหลักการหน่อยล่ะสำหรับประวัติรพินทร์นี่ จากคุณ : โอจิ (Oji_yoyo) - [ 22 มี.ค. 50 10:30:55 ]

ความคิดเห็นที่ 44 แอบสงสัยตามคุณ โอจิ ว่ามัธยมกี่ปี เพราะมีตอนนึงที่รพินทร์คุยกับดาริน (ป่าโลกล้านปีเล่ม4) แล้วบอกว่า ดารินงอนเหมือนเด็กอายุ 16 ที่เพิ่งจะจบม.6 (16มานเพิ่งจะม.4 ของสมัยนี้นี่คะ- -) จากคุณ : Sienna - [ 22 มี.ค. 50 11:10:01 ]

ความคิดเห็นที่ 45 เท่าที่ดูประวัติที่ซีไอเอลงไว้นะครับ มันก็เป็นไปได้ 2 กรณีคือ - รพินทร์รับจ๊อบเป็นพรานสร้างชื่อเสียงมาตั้งแต่ตอนเป็นตชด. หรือ - หน้าฉากเป็นผู้บังคับกองร้อยค่ายหมีดำ หลังฉากเป็นสายลับมือสังหารของตชด. แบบว่าใช้ไรเฟิลติดกล้อง อืม จำเป็นมั๊ยครับที่ต้องผ่านหลักสูตรนายทหารจากเมืองไทยก่อนไปเมืองนอก หรือว่าเพราะไม่ได้เรียนจากเมืองไทย กลับมาเลยไม่ก้าวหน้าในทางราชการนัก แบบว่าวิเคราะห์เฉพาะรพินทร์ ไพรวัลย์นะครับ อิๆ คือน่าจะสืบให้ได้ว่าความเป็นจอมพรานนี้ได้มายังไงน่ะครับ ตกลงว่าแกเกิดปีพ.ศ. 2468 ใช่มั๊ยครับ น่าจะเป็นกลางคืนของวันที่ 20 มีนาคมครับ จากคุณ : อุปนิกขิต - [ 22 มี.ค. 50 11:10:50 ]

ความคิดเห็นที่ 46 มีใครทราบบ้างว่า สมัยก่อน (สมัยรพินทร์เข้าเรียนตำรวจ) เขาสอบเข้ากันด้วยวุฒิอะไร ในช่วงอายุประมาณเท่าไหร่คะ ? ปริศนาทั้งหมด จะถูกไขกระจ่าง ด้วยคำตอบนี้ค่ะ +++++ เท่าที่ทราบมา การศึกษาของทหาร +ตำรวจ ระบบที่จบ ม. 4 เข้าโรงเรียนเตรียมทหาร 2 ปี ต่อด้วยโรงเรียนเหล่าทัพ คือ ทัพบก ทัพเรือ ทัพฟ้า ตำรวจ อีก 5 ปี แต่ถ้าเป็นเด็กเรียนดี ประเภทสอบได้ที่ 1-10 ของรุ่น ก็จะได้ทุนไปเรียน ตปท. ในปีแรกที่เรียนโรงเรียนเหล่าเนี่ย เริ่มในปี 2501 ดังนั้นตัดเรื่องเรียนตำรวจระบบนี้ออกไปได้เลยค่ะ เพราะรพินทร์เกิดเร็ว เกิดก่อนระบบนี้จะถูกนำมาใช้ตั้งนาน (คือแกแก่นั่นเอง) ทีนี้ ถ้าพูดกันถึงว่า รพินทร์ เรียนตำรวจ 7 ปี แซนเฮิร์สท์ เป็นโรงเรียนเตรียมทหาร/ เตรียมตำรวจ = 3 ปี แล้วเวสท์พ้อยท์ เป็นโรงเรียนตำรวจ (เทียบเท่าป. ตรี) = 2 ปี พอจบเวสท์พ้อยท์ รพินทร์ก็ไปต่อหลักสูตรพิเศษเพิ่มเติม ที่เยอรมัน(เทียบเท่า ป. โท) = 1 ปี พอกลับมา ก็น่าจะได้ติดยศ ร.ต. เตรียมขึ้น ร.ท. รอแค่อายุราชการเท่านั้น เพราะวุฒิ น่าจะเทียบเท่า ป. โท แล้ว ดังนั้น รพินทร์ทำงานอีกไม่นาน ก็ได้เลื่อนเป็น รอ. ค่ะ คาดว่าไม่เกิน 2-3 ปีหลังเรียนจบมา เพราะเป็นนักเรียนทุนดาวรุ่งค่ะ ถ้าข้อมูลไม่ผิดนะคะ สมัยก่อนทุนทหาร/ ตำรวจ จะมีทุนของ อังกฤษ, อเมริกา, เยอรมัน, สเปน, ญี่ปุ่น ยืนพื้น 5 ประเทศ คนที่สอบได้ที่ 1 มีสิทธิ์เลือกก่อน ประเทศฮิตๆ ก็จะถูกเลือกหมดก่อน ถ้าเป็นระบบนี้ รพินทร์ของเรา ก็เรียนดี ประมาณสอบได้ที่ 4 ที่ 5 ของรุ่นนั้นน่ะค่ะ ธรรมดาซะที่ไหนเล่าผู้กองของเรา กะรี๊ดดดดดดดดดด แก้ไขเมื่อ 22 มี.ค. 50 12:03:10 จากคุณ : Nymph~* - [ 22 มี.ค. 50 11:11:03 ]

ความคิดเห็นที่ 47 ทีนี้ ถ้า -  2502 นำทางคณะเดินทางคุณชายเชษฐา อายุ 34-35 เท่าไชยยันต์   ลบออก 7 ปี -  2495 มาเป็นพราน เจอพวกผู้ใหญ่บ้านบุญคำ ตอนอายุ 27-28    = เพิ่งออกจากราชการ ด้วยโดนสอบเพราะค่ายแตก       ลูกน้องตายยกค่าย ทำไมตัวเองรอดมาคนเดียว       ยศสูงสุดขณะนั้น ร.อ.  ต่อมาโดนแสงโสมหักอก ลบออก 3 ปี ที่รับราชการ เป็น ตชด. -  2492 กลับจากเยอรมัน  เริ่มรับราชการ ยศ ร.ต. อายุ 24-25   พบรักกับน้องแสงโสม (มาเจอกันที่ไหนหว่า ??) ลบออก 1 ปี -  2491 เรียนจบเวสท์พ้อยท์ เข้าเรียนที่เยอรมัน   ลบออก 2 ปี -  2489 เรียนจบแซนเฮิร์สท์  เข้าเรียนเวสท์พ้อยท์ ลบออก 3 ปี -  2486  สอบทุนรัฐบาลได้ เข้าเรียนที่แซนเฮิร์สท์ อายุ 18-19 จะสรุปได้ไหมคะว่า รพินทร์ จบ มศ. 5 ตอนอายุ 18-19 จากนั้นสอบทุนได้ จึงได้ไปเรียนที่ประเทศอังกฤษ แล้วเกิดเหตุการณ์ดังที่ว่ามา ไล่จากล่างขึ้นบน (^_^) ? Q.E.D. ???? ปล. อ้างอิงอายุตั้งต้น 34-35 ปีจากความเห็นที่ 9 ของคุณโอจิค่ะ แก้ไขเมื่อ 22 มี.ค. 50 11:32:37 จากคุณ : Nymph~* - [ 22 มี.ค. 50 11:19:23 ]

ความคิดเห็นที่ 48 จบ มศ.5 สมัยก่อน  เทียบเท่า ม.6 สมัยนี้ใช่ไหมครับ ถ้าใช่ 19 ปี จบ มศ.5 จะแก่ไปหรือเปล่า? จากคุณ : โอจิ (Oji_yoyo) - [ 22 มี.ค. 50 11:27:11 ]

ความคิดเห็นที่ 49 ไม่หรอกค่ะ อย่าลืมว่าสมัยก่อน เรียนประถมถึง ป. 7 แล้วอายุรพินทร์ที่เป็นตัวตั้ง ก็อาจจะเป็น 34 ก็ได้ อ้างตาม คห. ที่ 9 ของคุณโอจิ "รพินทร์ ประมาณ 34-35 ปีครับ เท่ากับไชยยันต์" สมัยเรา เรียนจบ ม. 6 ก็ 18 ปีแล้วค่ะ เพราะจะขึ้น ป. 1 ได้ต้องอายุ  7 ขวบเต็ม ไม่มีเรียนเร็วเหมือนทุกวันนี้หรอกค่ะ (แต่ดิชั้นยังไม่แก่นะคะ โฮะๆๆๆๆ) ปล. กลับขึ้นไปแก้อายุที่กระทู้บน เผื่อรพินทร์อายุ 34     เพิ่มเติมจากเดิมที่ให้รพินทร์อายุ 35 เป๊ะค่ะ แก้ไขเมื่อ 22 มี.ค. 50 11:35:05 จากคุณ : Nymph~* - [ 22 มี.ค. 50 11:30:52 ]

ความคิดเห็นที่ 50 อ้อ อีกประเด็น  3 ปี กับการเป็น ตชด.จะเร็วไปไหมครับ น่าจะนานกว่านี้นะครับ   จริงๆนักเรียนทุนแบบนี้ น่าจะรับใช้ราชการที่อื่นหรือที่ดีๆก่อนมาเป็น ต.ช.ด.นะ  ตามหลักการโยกย้ายของข้าราชการตำรวจชั้นสัญญาบัตร บางทีอาจถูกเฉดหัวมาจากในเมืองก็เป็นได้ อาจไม่ถูกใจนายก็เป็นไปได้นะ จากคุณ : โอจิ (Oji_yoyo) - [ 22 มี.ค. 50 11:34:06 ]

ความคิดเห็นที่ 51 ตอบได้ขนาดนี้ คงไม่มีใครเชื่อแล้วมั้งครับ ว่ายังไม่แก่ จากคุณ : โอจิ (Oji_yoyo) - [ 22 มี.ค. 50 11:36:54 ]

ความคิดเห็นที่ 52 รู้สึกในหนังสือจะมีบอกไว้นะคะ ว่ารพินทร์ กลับมาไม่นาน ก็ถูกย้ายเข้าป่าคุมกอง ตชด. เลย เพราะไม่ชอบชเลียร์นาย ไม่เป็นที่โปรดปรานของผู้ใหญ่ ถ้าใครจำได้ รบกวนช่วยหาข้อมูลมาประกอบให้หน่อยค่ะ พอดีไม่มีหนังสือเป็นของตัวเอง (คุณโอจิ คุยโต้รุ่งเลยหรือเปล่าคะเนี่ย ^_^) จากคุณ : Nymph~* - [ 22 มี.ค. 50 11:40:50 ]

ความคิดเห็นที่ 53 สมัียนั้นเรียนป. 4 ครับ ระบบ ป. 7 เพิ่งเริ่มใช้ในประมาณปี 2590 (แม่ผมเป็น ป. 7 รุ่น 2 ของประเทศ เกิดปี 2496) ดังนั้นรพินทร์จบป. 4 แน่ๆ ครับ ฟันธง หลังจากป. 4 คุณต้องเรียน ม. 1-3, 4-6, และ 7-8 ดังนั้น จบม. 6 ของคุณหญิง ก็เท่ากับ ม. 4 ปัจจุบันถูกต้องแล้วครับ ถ้าใครไม่เรียน 7-8 ก็จะไปเรียนสายทหาร หรือสายอาชีพอื่นๆ ก็ได้ ปล. ผมเรียนป. 1 ตอน 4 ขวบครับ คุณ Nymph~* และไม่แก่เหมือนกัน จากคุณ : Epinephrine - [ 22 มี.ค. 50 11:44:03 ]

ความคิดเห็นที่ 54 ******* ขอยกมาจากกาตู๊เก่าก็แล้วกันนะครับ เรื่องการรบกันระหว่าง ทหาร, ตชด ไทย , กะเหรี่ยง , พม่า นั้น มีมาเป็นระยะๆ แล้วละครับจนถึงปัจจุบันก็ตาม แต่จะเป็นข่าวดังหรือไม่ดังก็อีกเรื่องครับ สมัยก่อน มีการกระทบกระทั่งกันจนถือเป็นเรื่องปกติด้วยซ้ำไปครับ หน่วยที่โดนประจำก็ ตชด ส่วนพวกที่ตายโดยไม่เป็นข่าวก็ ทหารพราน พวกที่ตายแล้วเป็นข่าวดังก็พวก ทหารในกรมกอง ในความคิดผมนะ เรื่องการตีค่ายแตกนี้ไม่ต้องไปอ้างอิงเหตุการณ์ใหญ่ๆ ก็ได้ครับ เป็นเรื่องปกติของการกระทบกระทั่งกันในสมัยนั้นครับ ******* ถ้าใครมีญาติเป็น ตำรวจ ละก็จะเข้าใจดีครับว่า การผลัดเปลี่ยนอำนาจทางการเมือง หมายถึง อะไร สำหรับผมถ้าให้เดาละก็ ไม่เกี่ยวกับระดับชาติโดยตรงหรอกครับ เพราะ ยศแค่ รตอ แถมอยู่ ตชด ด้วยนี่ ไกลปืนเที่ยงขนาดนั้น แทบจะไม่มีความสำคัญอะไรเลยกับการเปลี่ยนแปลงระดับชาติ ซึ่งถ้าเทียบในเมืองแล้วก็แค่ตำแหน่ง รองศาลาวัด-ศาลาวัด เท่านั้นเอง (เปลี่ยนอธิบดีหรือรองก็งั้นๆ แต่ถ้าเปลี่ยน ผบชน เมื่อไหร่ นั่นแหละวิ่งกันแหลก) แต่การผลัดเปลี่ยนอำนาจทางการเมืองนี่น่าจะหมายถึง การเปลี่ยนแปลงในระดับกรมตำรวจมากกว่า แค่มีนายมาใหม่แล้วเปลี่ยนนโยบายใหม่ ผู้ใต้บังคับบัญชาก็ต้องทำตามแบบขัดไม่ได้ ไม่ว่าจะชอบหรือไม่ชอบ นายสั่งแบบถูกหรือผิดก็ตาม ยังไงก็ต้องทำ ถ้าได้นายมาดีก็อยู่แบบสบายใจ แต่ถ้าได้นายมาไม่ดี ไม่ว่าจะเป็น การกินสินบน, ยักยอกของหลวง, ตัดไม้ทำลายป่า ฯ ตำรวจที่เป็นลูกน้องถึงแม้จะรู้ว่า นายไม่ดี แต่ก็ไม่มีสิทธิจะทำอะไรได้มากนัก (ฟ้องข้ามขั้นตอนก็ยาก) ถ้าหือก็โดนแกล้งหาเรื่องปลดออกง่ายๆ ก็ได้แต่ทนไปหรือไม่ก็ย้ายตัวเองออกไปอยู่ที่อื่น ถ้ารพินทร์เจอนายที่ไม่ดีบ่อยๆ ก็ไม่แปลกที่จะเบื่อหน่ายกับชีวิตราชการตำรวจครับ ส่วนเรื่องที่ค่าย ตชด โดนทหารกะเหรี่ยงตีแตกนั้น ถ้าไม่มีการบกพร่องอย่างที่สุดแล้ว (ประเภทหนีเลย) คนที่รอดมาได้ก็ไม่มีความผิดนะครับ ถือว่าได้ทำหน้าที่ดีที่สุดแล้ว ส่วนเรื่องจะมีการใส่ร้ายข้อหาหมั่นไส้ภายหลังจากนายหรือไม่นั้น ก็เป็นอีกกรณีครับ ถ้านายดี ต่อให้ค่ายโดนตีแตก รพินทร์ก็จะขอกลับไปสู้ใหม่แน่นอน แต่ถ้านายไม่ดีละก็ ถึงผลสรุปจะออกมาว่ารพินทร์ไม่มีความผิดก็ตาม (ไม่มีกล่าวถึงโดนทำโทษเลย) แต่ก็ขอบายละครับ คับที่อยู่ได้ คับใจอยู่ยาก เรื่องปกติของวงการนี้ครับ ******* ประเภทของรพินทร์นี่ ภาษานักเรียนนายร้อยจะเรียกว่า พวก ตู้ ครับ คือพวกที่ยึดอะไรก็จะไม่เปลี่ยนแปลงอะไรง่ายๆ ไม่กลิ้งไม่กลม ดังนั้น พวกตู้ทั้งหลาย มักจะ แป๊ก ครับ ******* ส่วนเรื่องที่ แงซาย เข้ามาบอกเป็นนัยเตือนนี่ ถือว่าเป็น การบกพร่องหรือประมาทไหม ถ้ารพินทร์มีการวางเวรยามไม่มีการประมาทเลินเล่อตามปกติ กรณีนี้ถือว่า รพินทร์ไม่ได้ประมาทหรือเลินเล่อเลยครับ ดังนั้น จะบอกว่า รพินทร์ต้องรับผิดชอบโดยตรงก็คงจะไม่ได้ ก็ต้องถือว่า รพินทร์ไม่มีความผิดในกรณีค่ายแตกครับ สู้จนเต็มแล้ว แล้วอีกฝ่ายมีกำลังเหนือกว่า ยังไงก็แพ้ครับ ฝ่ายที่ต้องรับผิดชอบในกรณีที่ต้องทำสงครามกันจริงๆ นั้น ต้องเป็นฝ่ายข่าวกรองและฝ่ายที่วางยุทธวิธีในการรบครับ ลองดูเรื่อง แบรนด์ออฟบราเธอร์ ดูก็ดีครับ เผื่อจะเข้าใจมากขึ้นครับ จากคุณ : monjangja - [ 22 มี.ค. 50 11:46:46 ]

ความคิดเห็นที่ 55 นิดนึงครับ ยังไงต้องให้สอดคล้องกับประวัติแงซายด้วยครับ ตาม http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A5243568/A5243568.html จากการสรุปของสลัดดำ ๒๔๙๕-๒๔๙๗ (๒๕-๒๗) ในขณะที่กำลังจะต่อโทที่มหาวิทยาลัยออกฟอร์ด ประเทศอังกฤษ ในปีการศึกษา ๒๔๙๕ ก็ถูกหลวงตาเรียกตัวกลับ ให้มาเป็นทหารกองโจรกะเหรี่ยง ซึ่งเป็นอยู่ ๒ ปีเศษ ก็หนีทัพ (น่าจะบุกขยี้ค่ายหมีดำของผู้กองรพินทร์ในปี ๒๔๙๗ นั่นเอง) ปู่ก็ยังไม่แก่ครับ จากคุณ : อุปนิกขิต - [ 22 มี.ค. 50 11:47:43 ]

ความคิดเห็นที่ 56 โว่ว ... แก่กว่าระบบ ป.7 - มศ. 5 ย้อนไปถึงระบบ ป. 4 - มอ. ๘ เลยหรือนี่ ... แม่เจ้า ขออำภัยค่ะ พอดีเกิดไม่ทัน ก็บอกแล้วววว ว่ายังไม่แก่ ยังไม่แก่ วุ้ยยย ! ฮิฮิ อ้อ คุณ เอฟริดีน เอ๊ย ! คุณ Epinephrine คะ แล้วถ้าเรียนระบบนั้น อายุรพินทร์ตอนสอบตำรวจจะเป็นเท่าไหร่คะ สมัยนี้การสอบตำรวจ คือสอบเข้าเตรียมทหารเนี่ย เค้าจะกำหนดวุฒิไว้ ว่าจบอะไรถึงจะมาสมัครได้ แต่ถ้าปีแรกที่จบ คุณสอบไม่ติด ก็สามารถสอบในปีต่อๆ มาได้อีก จนกว่าจะอายุเกิน ไม่รู้สมัยนั้นเป็นแบบนี้หรือเปล่านิ ? จากคุณ : Nymph~* - [ 22 มี.ค. 50 11:51:16 ]

ความคิดเห็นที่ 57 อำพล พลากร บอกว่า ...เหตุผลในทางการเมืองและการหมั่นผลัดเปลี่ยนเจ้านายทำให้เขาถูกปลด เขาไม่มีความรู้ความชำนาญอะไรมากไปกว่าการยิงปืน และการเดินป่า... คือ เราน่าจะสนใจว่า รพินทร์มีประวัติตาม 6 ข้อของซีไอเอ ได้อย่างไรน่ะครับ แต่จริงๆน่าจะเหลือ 5 ข้อ เพราะเรื่องความแข็งแรงนี่คงไม่ต้องดีเทลมากครับ ความแม่นปืนขนาดจอมพรานน่าจะมีที่มาที่ไปครับ เอาเถอะ ถ้าแกเป็นสายลับก็ไม่มีใครรู้มากหรอกครับว่าแกทำงานระดับชาติหรือไม่ มีแต่พวกเรานี่แหละครับที่ทราบ จากคุณ : อุปนิกขิต - [ 22 มี.ค. 50 11:52:20 ]

ความคิดเห็นที่ 58 หมายเหตุ : ในเล่มสุดท้ายของ แต่ปางบรรพ์ มีตอนหนึ่งที่รพินทร์หนีผูงหมาไปติดอยู่บนซอกอกสิงห์ หน้าสุสานจิตรางคนางค์กับกษัตริย์ มหิทธิเดชะ (ชื่อนี้ถูกไหมคะ) รพินทร์ไปเจอภาพจิตรกรรมที่ผนังคูหา แล้วตะลึง นึกถึงอินทรวิเชียรฉันท์บทหนึ่งขึ้นมา ที่เป็นบทชมเมือง ในเล่มรู้สึกจะกล่าวไว้ว่า "รพินทร์นึกถึงฉันท์บทนี้ได้ เพราะเคยเรียนมาจากแผนกอักษรศาสตร์ ก่อนที่เขาจะเข้าสู่การเรียนตำรวจ" นึกขึ้นมาได้เลยรีบมาบอกให้ช่วยกันคิดค่ะ ตกลงรพินทร์ของเรา เคยเรียนคณะอักษรฯ หรือเปล่าคะ ??? (นึกถึงภาพรพินทร์เรียนอักษรแล้วฮา) จากคุณ : Nymph~* - [ 22 มี.ค. 50 11:58:55 ]

ความคิดเห็นที่ 59 คุณ monjangja ตามความเข้าใจของผมก็ไม่ได้หมายความว่า รพินทร์มีความผิดตามหน้าที่ครับ แต่ผมหมายถึงความรู้สึกผิดทางใจต่างหาก  ที่ตัวเองกลับหนีรอดได้แต่ลูกน้องตายเกือบหมด ทำไห้ลูกผู้ชายอย่างเขาเลือกที่จะรับผิดชอบ โดยออกจากราชการ ผมเปลี่ยนมาใช้คำว่า ชะล่าใจแทนคำว่าประมาทต่อหน้าที่แล้วนะครับ  ถ้าคำว่าประมาทมันดูรุนแรงไป คล้ายๆกับว่าแงซายมาเตือนแล้วแต่ไม่ยอมเชื่อ เพราะความชะล่าใจ จึงทำให้ค่ายแตกครับ ประมาณนี้ คงพอได้นะ คล้ายๆกับที่แงซายเตือนรพินทร์เรื่องมดขนไข่ ให้ย้ายที่นอนเถอะ  รพินทร์ก็บอกว่ารอให้ถึงตอนนั้นก่อน  พอถึงตอนนั้นก็เลยหนีน้ำป่าไม่ทัน  เราจะเรียกว่าชะล่าใจหรือประมาทดีล่ะ บางทีก็ดูยากอยู่นะระหว่างคำว่าชะล่าใจ กับคำว่าประมาท   อิอิ...หาเรื่องแทรกให้ปวดหัวเล่น แก้ไขเมื่อ 22 มี.ค. 50 12:09:53 จากคุณ : โอจิ (Oji_yoyo) - [ 22 มี.ค. 50 12:08:34 ]

ความคิดเห็นที่ 60 รพินทร์เรียนมัธยมปลายสายสิญจน์ เอ๊ย แผนกคณิต-ศิลป์ กระมังครับ ก่อนไปทำงานขอชงอีกเรื่องครับ ปู่คิดมานานแล้วว่า ความรู้ระดับรพินทร์ ทำไมถึงเลือกไปเป็น/หรือถูกส่งไปเป็นตชด.แม่ฮ่องสอน ในยุคความขัดแย้งไทย-กระเหรี่ยง นอกจากใกล้บ้านแล้วมีเหตุผลอื่นหรือไม่ ด้วยความเป็นนักแม่นปืน-ชำนาญในการเดินป่า(จากความรู้เดิมที่ได้จากบิดา/หนานไพร)ของเขาหรือไม่ จากคุณ : อุปนิกขิต - [ 22 มี.ค. 50 12:09:36 ]

ความคิดเห็นที่ 61 เทียบกับตอนที่คุณแม่จบปกศ (หลักสูตรครู) อายุ 17 ครับ คาดว่าตอนที่รพินทร์ไปเรียน น่าจะไม่เกินนี้ (จบม. 6 สมัยนั้น คาดว่าไม่ต้องต่อ 7-8) เพราะถ้าเข้าป. 1  7 ขวบ ก็จะจบ ม. 6 ตอน 16 ปี ครับ และการสอบสมัยนั้นไม่น่าจะเหมือนสมัยนี้ (ปีที่ผมสอบ นรร ปีสุดท้าย ที่สอบไม่ติด อัตราส่วน 1: 100 ครับ) จึงน่าจะไม่ีปัญหาเรื่องสอบไม่ติด ทีนี้ถ้าบอกว่าไปเรียน 6 ปี กลับมาก็อายุแค่ 22 เองนะครับ ทำงานอีก 5 ปี จะเป็นไรไป พอ 27 ลาออก ก็มาเป็นพราน 7 ปี 34 พอดีคร้าบบบบบ พี่น้องงงง แต่...อายุ 22 ตอนจบ ผมว่าน้อยไปนิดนะครับ แต่สมัยนั้นไม่รู้เป็นไงนะครับ เห็นมีแต่คนหนุ่มๆ เป็นนายทหารเสียด้วย จากคุณ : Epinephrine - [ 22 มี.ค. 50 12:17:19 ]

ความคิดเห็นที่ 62 โหย น้ำจ๋า ขนาดไม่พกหนังสือเป็นของตัวเองน่ะนี้ น้ำยังปึ๊กปั๊ก ขนาดนี้ ถ้าพก นี้ วีไม่อยากจาคิดเลยอ่ะ ปล. เด็กสมัยนี้ก็ไม่ได้เรียนเร็วหมดน่อ ถ้าจะเข้าป 1 รัฐบาล ก็ต้อง 7 ขวบก่อนอ่ะ ถ้าเรียนเอกชน ก็ต้องอนุบาล 3 ปีแน่ะ ปล. 2 อีก ที อายุ เค้าก็ไม่มากน่อ น้อยกว่า รพินทร์ ชัวร์ แต่มากกว่า ดาริน อ่ะ งุงิ งุงิ จากคุณ : สงครามกวี - [ 22 มี.ค. 50 12:35:13 ]

ความคิดเห็นที่ 63 เข้ามาให้กำลังใจพวกคุณปู่ คุณอาที่ตรากตรำ กรำแดด กรำฝนทำงานอย่างหามรุ่งหามค่ำขอรับ จากคุณ : หนองบัวบาน - [ 22 มี.ค. 50 12:37:47 ]

ความคิดเห็นที่ 64 จุ๊ๆ วีจ๋า ที่จำได้เพราะเพิ่งอ่านรอบ 2 จบไปหมาดๆ จ้า ไม่แปลกที่ยังจำได้อยู่ ความจำของเด็กสาวก็แม่นยำแบบเนี้ยละจ้ะ กรั่กๆๆๆ อืม คิดไปคิดมา ยืดระยะเวลาทำงานของรพินทร์ออกเป็น 5 ปี ให้สอดคล้องกับแนวคิดคุณ เอฟริดีน ก็โอเคกว่าค่ะ รพินทร์จะได้ไม่รับราชการป๊อบๆ แป๊บๆ จนเกินไป จากคุณ : Nymph~* - [ 22 มี.ค. 50 12:51:37 ]

ความคิดเห็นที่ 65 จากที่ปู่อุปชงมาแล้ว  ขอฟาดต่อละกัน ความรู้ระดับรพินทร์ ทำไมถึงเลือกไปเป็น/หรือถูกส่งไปเป็นตชด.แม่ฮ่องสอน ในยุคความขัดแย้งไทย-กระเหรี่ยง มันน่าจะมีอะไรมากกว่านั้นนะ ดูแล้วประวัติแงซายนี่ดูเหลื่อมกว่ารพินทร์มาก   ถ้าเราสร้างเงื่อนไขเพิ่มขึ้นให้สูสีกัน เป็นต้นว่า -ถ้ารพินทร์เป็นเพียงแค่นายพรานธรรมดาหรือเป็นเพียงแค่ตำรวจค่ายแตกคนหนึ่ง  จะมีประวัติอยู่ในบัญชีของซีไอเอว่ามีการศึกษาดีที่สุด ยิงปืนแม่นที่สุด ได้อย่างไร - ด้วยความเป็นนักแม่นปืน-ชำนาญในการเดินป่า จึงทำให้รพินทร์ได้รับหน้าที่เป็นนักเด็ดหัวมือฉมัง มีเบื้องหลังสังกัดอยู่กับหน่วยราชการลับให้ปฏิบัติหน้าที่เฉพาะกิจ โดยมีค่ายกองร้อยหมีดำเป็นหน่วยสังกัดบังหน้า -ผู้บังคับกองยินตองหัวหน้าของแงซาย อาจถูกรพินทร์เด็ดหัวก็เป็นไปได้ พร้อมกับจับแงซายได้  แต่แล้วเพราะอะไรสักอย่างนี่แหละจำบ่อได้ จึงทำให้รพินทร์ปล่อยตัวแงซายไป  (ถ้าเหตุการณ์เป็นดังนี้  จะทำให้รพินทร์ดูสูสีหรือเหนือกว่าแงซายนิดๆ ซึ่งจะทำให้ประวัติของรพินทร์โชกโชนไม่ด้อยไปกว่าแงซายแต่อย่างใด) -หลังจากนั้นจึงเป็นเหตุให้ทหารกองโจรกระเหรี่ยงกองร้อยเสือดาว บุกมาถล่มค่าย ต.ช.ด.กองร้อยหมีดำของรพินทร์ - ซึ่งก่อนหน้านั้นแงซายได้เข้ามาบอกข่าวให้รพินทร์ทราบแล้ว  แต่รพินทร์ไม่เชื่อจึงทำให้ค่ายแตก ทั้งหมดนี้น่าจะทำให้น้ำหนักของรพินทร์ดูเป็นคนที่เก่งขึ้นอีกพะเรอเกวียน  พอจะสูสีกับแงซายหน่อย ทุกท่านเห็นเป็นเช่นไร แก้ไขเมื่อ 22 มี.ค. 50 13:22:36 จากคุณ : โอจิ (Oji_yoyo) - [ 22 มี.ค. 50 13:17:56 ]

ความคิดเห็นที่ 66 เห็นด้วย 1 เสียงค่ะ จากคุณ : Nymph~* - [ 22 มี.ค. 50 13:26:53 ]

ความคิดเห็นที่ 67 ู^ ^ ^ อีพิเนฟรินค้าบบบบ มะช่าย เอฟีดรีน --' -------------------------------------------------------------------- จริงๆ ก็เป็นไปได้อย่างคุณโอจิว่านะครับ ด้วยประวัติรพินทร์ (ที่ผมลืมๆ ไปเกือบหมดแล้ว) ไม่น่าจะธรรมดา ประวัติการศึกษาที่ผ่านมา ไม่แน่ว่ารพินทร์อาจจะเป็นคนกลางในการเชื่ออังกฤษกับรัฐบาลไทยก็ได้ ^^ จากคุณ : Epinephrine - [ 22 มี.ค. 50 13:42:40 ]

ความคิดเห็นที่ 68 วิเคราะห์กันสนุกเลยนะครับ ดีๆๆ ยกมือเห็นด้วยกับคุณโอจิครับ (คห. 65) จากคุณ : ChocolateMousse - [ 22 มี.ค. 50 13:52:50 ]

ความคิดเห็นที่ 69 เดี๋ยวรอปู่อุปมาฟันธง  ตอนนี้ขอตัวไปทำงานก่อนแป๊ป  พอดีแอบหนีงานมา..อิอิ เอาล่ะทีนี้ก็เหลือแค่ว่า จะเรียบเรียงประวัติรพินทร์กันยังไง ใครก็ได้ลองช่วยร่างประวัติคร่าวๆของรพินทร์ให้หน่อยซิครับ   คุณสลัดดำและท่านอื่นช่วยต่อยอดได้เลยคร๊าบ แก้ไขเมื่อ 22 มี.ค. 50 14:09:21 จากคุณ : โอจิ (Oji_yoyo) - [ 22 มี.ค. 50 14:08:32 ]

ความคิดเห็นที่ 70 เหอ..เหอ..เหอ..รอดีใจอย่างเดียวได้ป่ะ ..^_^.. จากคุณ : pakem - [ 22 มี.ค. 50 14:57:37 ]

ความคิดเห็นที่ 71 รพินทร์บอกเชิดวุธในภาคสองว่า เคยบวชเณรที่วัดช้างไห้สมัยเด็ก อืม...แสดงว่าบ้านเกิดรพินทร์อยู่ปัตตานีหรือนี่ - บวชเรียนที่วัดช้างไห้ - เข้ารับการศึกษาชั้นกลาง (สวนกุหลาบ ?) - เมื่ออายุถึงเกณฑ์ก็สอบเข้าเตรียมทหาร (นายร้อย จปร? สามพราน?) - มีผลการเรียนยอดเยี่ยม จนได้ทุนไปเรียนต่างประเทศ - ๓ ปีที่แซนเฮิร์สท - ๒ ปีที่ Westpoint - ๑ ปีในเยอรมัน - กลับมาเป็นนายตำรวจตระเวณชายแดน - ยศสุดท้าย ร้อยตำรวจเอกตระเวณชายแดน - มรสุมชีวิต...ค่ายแตก หนีตายมาได้ก็โดนสอบสวน ถูกบีบจนต้องลาออกจากราชการ แฟนทิ้ง - ประกอบอาชีพพรานป่า ดักสัตว์ให้นายอำพล ซึ่งรู้จักกันตั้งแต่ครั้งที่ยังคบกับแสงโสม ประวัติไม่น่าจะซับซ้อนมาก แต่ปัญหาก็คือ รพินทร์จะเจอหนานไพรตอนไหน แล้วพ่อรพินทร์ล่ะ เสียตอนไหน แต่ไม่ควรจะก่อนหน้าที่จะสอบติด ร.ร. เตรียมทหารนะ จากคุณ : สลัดดำ - [ 22 มี.ค. 50 14:58:34 ]

ความคิดเห็นที่ 72 พอดีพึ่งกลับมาถึงบ้าน ยังอ่านไม่จบกระทู้เลยค่ะ ขอแอบฟังไปก่อนนะค่ะ จากคุณ : Par&Par (Par&Par) - [ 22 มี.ค. 50 15:02:14 ]

ความคิดเห็นที่ 73 คุณพ่อของรพินทร์น่าจะเสียหลังจากที่รพินทร์เข้ารับราชการทหารแล้วนะค่ะ   อันนี้ไม่มีประวัติ?  ทราบแต่ว่าเสียด้วย โรคมาลาเรีย จากคุณ : Par&Par - [ 22 มี.ค. 50 15:06:51 ]

ความคิดเห็นที่ 74 เอ่อ ผมรู้สึกว่า คุณลุงพนมเทียนนำประวัติของท่านส่วนหนึ่งมาใส่ไว้ในรพินทร์ กับแงซายน่ะครับ งั้นเราลองสืบประวัติคุณลุงพนมเทียนดูเป็นยังไง ? จากคุณ : สลัดดำ - [ 22 มี.ค. 50 15:09:44 ]

ความคิดเห็นที่ 75 คุณสลัดดำค่ะ  จะเป็นไปได้เหรอค่ะที่รพินทร์โดนแสงโสมทิ้งแล้ว  ยังจะไปทำงานกับคุณอำพลได้อีก  รพินทร์ไม่น่าจะทำอย่างนั้นนะค่ะ  ยิ่งอกหักมาก  ก็ยิ่งอยากจะออกให้ห่างมาก  ไม่อยากแม้แต่จะเข้าใกล้  (วิเคราะห์ตามคำพูดของบุญคำเอานะค่ะ) เป็นไปได้ไหมค่ะว่า  หลังจากถูกกดดันให้ลาออกจากราชการแล้ว  ก็คิดมาเป็นพราป่าอาชีพของบรรพบุรษ  รู้จักกับแสงโสมแล้วก็ขอแต่งงาน  แต่ปรากฎว่าแสงโสมไปแต่งงานกับเศรษฐีเสียก่อน  รพินทร์เลยประชดชีวิตตัวเองต่างๆนานา แก้ไขเมื่อ 22 มี.ค. 50 15:25:55 แก้ไขเมื่อ 22 มี.ค. 50 15:24:48 จากคุณ : Par&Par - [ 22 มี.ค. 50 15:22:08 ]

ความคิดเห็นที่ 76 ผมว่ารพินทร์ต้องรู้จักกับแสงโสมตั้งแต่รับราชการแล้วครับ วิเคราะห์จากที่บุญคำบอกกับดาริน ในดงมรณะเล่ม ๑ ปัญหาคือ ได้คบกับแสงโสม จึงรู้จักกับนายอำพล หรือว่า เพราะรู้จักนายอำพลก่อนแล้ว จึงได้รู้จักกับแสงโสม และเป็นแฟนกันในที่สุด แก้ไขเมื่อ 22 มี.ค. 50 15:37:22 แก้ไขเมื่อ 22 มี.ค. 50 15:36:53 แก้ไขเมื่อ 22 มี.ค. 50 15:29:19 จากคุณ : สลัดดำ - [ 22 มี.ค. 50 15:27:57 ]

ความคิดเห็นที่ 77 อีกประการหนึ่งรพินทร์ก็บอกเป็นนัยๆ กับคุณหญิงเรื่องนี้อยู่แล้วครับ ตอนที่คณะหนีไอ้แหว่งขึ้นไปอยู่บนหน้าผา...คราวที่คุณชายโดนหินบาดขานั่นแหละ "ผู้หญิงเพียงคนเดียว ทำไมต้องเอาชีวิตมาดักดานทั้งชีวิตเสียอย่างนี้" "ป่าดงพงไพร คือยารักษาแผลหัวใจของผม" แปลว่ารพินทร์ต้องรู้จักแสงโสมก่อนจะมาเป็นพรานป่าแล้วครับ จากคุณ : สลัดดำ - [ 22 มี.ค. 50 15:44:37 ]

ความคิดเห็นที่ 78 พนมเทียน เริ่มเรียนหนังสือเมื่อ อายุ 5 ขวบที่โรงเรียนเขมะสิริอนุสสรณ์ จากนั้นย้ายไปเรียนที่โรงเรียนประสานอักษร และโรงเรียนวันรับสิน จบชั้นประถมศึกษาชั้นปีที่ 4 เมื่อ พ.ศ. 2484 และเข้าเรียนต่อที่โรงเรียนวัดสุทธิวนาราม จบชั้นมัธยมปีที่ 6 เมื่อ พ.ศ. 2489 เข้าเรียนต่อในชั้นเตรียมอักษรศาสตร์ที่โรงเรียนสวนกุกลาบวิทยาลัย จบการศึกษาปี พ.ศ. 2492 และเข้าเรียนต่อที่โรงเรียนพลตำรวจระยะหนึ่ง จากนั้นเข้าทำงานเป็นเลขานุการที่บริษัทอินเตอร์เนชั่นแนลแอสชัวร์รันซ์ จนถึง พ.ศ. 2494 ลาออก แล้วดินทางไปศึกษาวิชาสันสกฤต ที่คณะอักษรศาสตร์ มหาวิทยาลัยบอมเบย์ ประเทศอินเดีย จบการศึกษาเมื่อปี พ.ศ. 2498 http://www.petchprauma.com/authors/pnt.html ถ้าเราจะให้รพินทร์เรียนที่ ร.ร. สวนกุหลาบ จนอายุ ๑๗ แล้วไปต่อ ร.ร. เตรียมทหาร จะดีรึเปล่า จากคุณ : สลัดดำ - [ 22 มี.ค. 50 15:48:22 ]

ความคิดเห็นที่ 79 หรือว่า  จะเป็นเพราะรพินทร์รู้จักกับคุณอำพลอยู่แล้ว  เพราะยังไงกิจการของคุณอำพลก็ทำมาตั้งแต่สมัยปู่ย่าตาทวด  กอปรกับบรรพบุรุษของรพินทร์ก็เป็นพรานมาตั้งนานนม  รพินทร์น่าจะรู้จักคุณอำพลก่อนแสงโสมนะค่ะ แสงโสมรู้จักรพินทร์ตอนที่ยังเป็นตำรวจ  แล้วพอลาออกจากตำรวจมาก็คิดจะมาแต่งงานกับแสงโสม  มาทำงานกับคุณอำพลได้ระยะหนึ่ง  แล้วก็ขอแต่งงานกับแสงโสมแต่กลับรู้ว่าแสงโสมไปแต่งงานกับคนอื่นแล้วจึงเศร้า  และประชดชีวิตเรื่อยมา Par เดาเอาแบบนี้ ได้ไหมค่ะ จากคุณ : Par&Par - [ 22 มี.ค. 50 15:49:47 ]

ความคิดเห็นที่ 80 สมัยนั้นการเขาสอบโรงเรียนนายร้อย  ต้องอายุเท่าไรค่ะ จากคุณ : Par&Par - [ 22 มี.ค. 50 15:54:39 ]

ความคิดเห็นที่ 81 คุณลุงพนมเทียนเคยเป็นสายลับของกรมตำรวจครับ ลองดูนะครับ - รพินทร์  ไพรวัลย์ เกิดวันที่ 20 มีนาคม 2468 - บิดาเป็นชาวแม่ฮ่องสอน - มารดาเป็นชาวปัตตานี (งั้นรพินทร์ก็ต้องออกแขกๆ ซิ อิๆ ช่างเถอะ รพินทร์อาจค่อนมาทางบิดาก็ได้) - อดีตร้อยตำรวจเอกตระเวณชายแดน ผู้บังคับกองร้อยค่ายหมีดำ แม่ฮ่องสอน จนถูกปลดเมื่ออายุ 27 ปี - แต่มีประวัติในแฟ้มของซีไอเอว่า 1. เป็นคนหนุ่มแข็งแรง 2. สถิติในการเดินป่าปีนเขายอดเยี่ยมที่สุด 3. เคยรับจ้างนำทางมหาวิบากมาแล้วอย่างได้ผลที่สุด 4. ยิงปืนแม่นที่สุด 5. ซื่อสัตย์สุจริตที่สุด 6. การศึกษาดีที่สุด 7. สถิติในการล่าสัตว์ป่าดุร้ายมาแล้วมากที่สุด - การที่มีประวัติในซีไอเอได้ก็แสดงว่ารพินทร์จะต้องผ่านหลักสูตรคอมมานโด และด้วยการศึกษาระดับนี้แต่ไปฝังตัวอยู่ที่ตะเข็บชายแดนไทย-พม่า จึงสันนิษฐานว่าน่าจะมีราชการลับที่รพินทร์ทำงานอยู่ด้วย - สังเกตจากแฟ้มระบุว่าเป็นนักแม่นปืน และเป็นผู้ชำนาญในป่าสาละวิน จึงเชื่อได้ว่าหลังฉากน่าจะทำงานลับเป็นมือสังหาร ทำงานให้กับรัฐบาลจอมพลป. ในสมัยนั้น จากคุณ : อุปนิกขิต - [ 22 มี.ค. 50 15:55:02 ]

ความคิดเห็นที่ 82 ความคิดเห็นที่ 58   หมายเหตุ : ในเล่มสุดท้ายของ แต่ปางบรรพ์ มีตอนหนึ่งที่รพินทร์หนีผูงหมาไปติดอยู่บนซอกอกสิงห์ หน้าสุสานจิตรางคนางค์กับกษัตริย์ มหิทธิเดชะ (ชื่อนี้ถูกไหมคะ) รพินทร์ไปเจอภาพจิตรกรรมที่ผนังคูหา แล้วตะลึง นึกถึงอินทรวิเชียรฉันท์บทหนึ่งขึ้นมา ที่เป็นบทชมเมือง ในเล่มรู้สึกจะกล่าวไว้ว่า "รพินทร์นึกถึงฉันท์บทนี้ได้ เพราะเคยเรียนมาจากแผนกอักษรศาสตร์ ก่อนที่เขาจะเข้าสู่การเรียนตำรวจ" นึกขึ้นมาได้เลยรีบมาบอกให้ช่วยกันคิดค่ะ ตกลงรพินทร์ของเรา เคยเรียนคณะอักษรฯ หรือเปล่าคะ ??? (นึกถึงภาพรพินทร์เรียนอักษรแล้วฮา) จากคุณ : Nymph~* --------------------------------- ถ้างั้นก็เข้าเค้ามากครับ ถ้ารพินทร์จะเรียนที่ ร.ร. สวนกุหลาบวิทยาลัย แผนกเตรียมอักษรศาสตร์ จากนั้นจึงเข้า ร.ร.ตำรวจ ตามประวัติของผู้ประพันธ์ จากคุณ : สลัดดำ - [ 22 มี.ค. 50 15:56:07 ]

ความคิดเห็นที่ 83 เหตุผลแวดล้อมเพิ่มเติมว่ารพินทร์น่าจะเป็นมือสังหาร 1) พิจารณาจากการชอบยิงสัตว์ที่แสกหน้าแบบประจันหน้า อาจเป็นด้วยความเคยชินจากการฝึก/การทำงาน 2) รพินทร์เป็นนักแม่นปืนมาตั้งแต่แรกก่อนที่จะมาเป็นพราน เพราะเป็นพรานแค่ 5 ปี (2497-2502) ลำพังถ้ามาแม่นตอนเป็นพรานระยะเวลายังน้อยไป 3) รพินทร์มีลักษณะปัจเจกสูง มีความเป็นผู้นำได้แค่ในระดับเล็ก (เมื่อเทียบกับพันโทเชษฐา) เรื่องแสงโสมอะไรนั่นปู่ไม่ค่อยถนัดครับ อิๆ จากคุณ : อุปนิกขิต - [ 22 มี.ค. 50 16:03:43 ]

ความคิดเห็นที่ 84 มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรนี่ครับ ถ้ารพินทร์จะเป็นตำรวจพร้อมกับเป็นพรานไปด้วยในตัว ช่วงที่เป็นตำรวจ อาจจะเป็นนายพรานเพื่อเหตุผลอื่นนอกจากการยังชีพ เช่น ความชอบ หรือไม่ก็ รักชีวิตในไพร ชีวิตการเป็นตำรวจตะเวณชายแดน มันก็ต้องอยู่ในป่าในดงอยู่แล้ว ไหนๆก็ไหน หาลำไพ่พิเศษ จับสัตว์ส่งขายนายอำพลซะเลย ดีซะอีก ได้เงินใช้มากขึ้น พวกเราก็ต้องไม่ลืมว่ารพินทร์เองก็ไม่ใช่คนตัวเปล่า ยังมีแม่เป็นภาระที่ต้องเลี้ยงดูอยู่ ลำพังเงินเดือนตชด.บ้านนอก คงให้ความสุขสบายกับแม่ได้ไม่เท่าไหร่หรอก อีกอย่าง เท่าที่รู้ กฏหมายเีกี่ยวกับการล่าสัตว์สมัยนั้นไม่เหมือนปัจจุบัน พรานสมัยนี้อาจจะดูแย่มากๆ ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต หรือดีไม่ดีกลายเป็นบุคคลที่สังคมรังเกียจ แต่พรานสมัยนั้น นอกจากสังคมจะไม่รังเกียจแล้ว กีฬาล่าสัตว์ก็ได้รับความนิยมในหมู่ชนชั้นสูงด้วย ในขณะที่เป็น ตชด. รพินทร์อาจจะรับจ๊อบเป็นพราน ที่ไม่ได้มีแค่จับสัตว์อย่างเดียว อาจรับจ้างนำทางให้นักท่องเที่ยวด้วยก็เป็นได้ ในวันเสาร์-อาทิตย์ หรือเวลาว่างจากราชการ และคงพบกับ"แสงโสม"ในช่วงนั้น ถ้าเป็นอย่างที่ผมว่าทุกอย่างก็ลงตัว - รพินทร์รู้จักกับนายอำพลก่อน ตั้งกะสมัยเป็นตชด.เพราะลำไพ่พิเศษ - นายอำพล ขอให้รพินทร์รับจ๊อบเพิ่ม เป็นพรานนำทางให้นักท่องเที่ยวด้วย - แสงโสมมาเที่ยวป่า นายอำพลคงไม่ไว้ใจใครนอกจากรพินทร์อยู่แล้ว น่าจะลงตัวมั๊ยอ่ะครับ จากคุณ : ฟาฬ - [ 22 มี.ค. 50 16:04:28 ]

ความคิดเห็นที่ 85 รบกวนคุณสลัดดำและท่านอื่นๆ  อ่าน คห. 46-47 โรงเรียนเตรียมทหาร เกิดปี 2501 ดังนั้น ระบบเตรียมทหาร ต่อด้วยโรงเรียนนายร้อยสามพราน ใช้กับรพินทร์ไม่ได้ค่ะ จากคุณ : Nymph~* - [ 22 มี.ค. 50 16:04:31 ]

ความคิดเห็นที่ 86 มือสังหารแบบไหนครับ ถ้ามือสังหารประเภทนักฆ่า หรือมือปืน คงไม่เหมาะกับรพินทร์หรอกครับ อีกอย่าง ผมว่ารพินทร์ไม่น่าจะเป็นพวกที่ลอบกัดได้หน้าตาเฉย อีกประการหนึ่ง มือสังหารของรัฐบาลน่าจะทำงานอย่างลับๆ มากกว่าครับ ความลับของรัฐบาล ต่อให้เป็นซีไอเอก็ไม่น่าจะสืบได้ง่ายดายนักนะ อาจจะเป็นแบบนี้ก็ได้ครับ คืออาจจะผ่านหลักสูตรอะไรซักอย่าง หรือมีผลงานมาในสมัยที่ฝึกต่างประเทศ จากคุณ : สลัดดำ - [ 22 มี.ค. 50 16:06:00 ]

ความคิดเห็นที่ 87 ปีที่ถูกปลด 2497 ลบปีที่เกิด 2468 เท่ากับ อายุ 29 รพินทร์ต้องถูกปลดตอนอายุ 29 ซิค่ะ  คุณปู่? จากคุณ : Par&Par - [ 22 มี.ค. 50 16:07:38 ]

ความคิดเห็นที่ 88 ความจริงอยากจะฟันธงด้วยว่า ที่รพินทร์ถูกปลด เพราะเขาไม่เห็นด้วยกับนโยบาย ภายใต้ดวงอาทิตย์นี้ไม่มีอะไรที่ตำรวจไทยทำไม่ได้ ของพลเอกผ. ในยุคต่อมาครับ ดังนั้น จุดแข็งของรพินทร์คือ - เป็นอดีตมือสังหารหน่วยแม่นปืน (จากการฝึกฝน/การทำงาน) - ชำนาญป่าสาละวิน จากการเป็นคนพื้นที่/พราน - มีคุณธรรม มนุษยธรรมสูง อันนี้ติดตัวมาตั้งแต่อดีตแต่ปางบรรพ์ อัคนีรุทร์ รวมถึงการอบรมสั่งสอนในปัจจุบัน - มีลูกน้องที่ดี สลัดดำ (อะไรดำ?) ลองลงพ.ศ. ด้วยสิครับ จากคุณ : อุปนิกขิต - [ 22 มี.ค. 50 16:10:38 ]

ความคิดเห็นที่ 89 อีกนิดนะครับปู่ฯ  รพินทร์ไม่ได้เป็นพรานแค่ 5 ปี (2497-2502) นะครับ ก่อนหน้านั้น พ่อของเค้าก็เคยถ่ายทอดสรรพความรู้ในด้านนี้ให้เขาตั้งแต่เด็ก จะเรียกว่า "พรานฝึกหัด"ก็ไม่ผิด แต่ถึงยังไงก็คงสถานะภาพของพรานแล้ว ในห้าปีที่ปู่ว่า รพินทร์ได้เป็น"พรานอาชีพ" เพราะต้องหาเลี้ยงชีพด้วยอาชีพนี้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า ช่วงที่เป็น"พรานฝึกหัด"เค้าจะไม่มีทักษะอะไรเลยนี่ครับ เรื่องพวกนี้มันอยู่ในสายเลือดครับ ความแม่นยำมันเป็นทักษะที่สะสมมาเรื่อยๆ แต่เรื่องการยิงเ้ข้าแสกกระบาลเนี่ย อาจจะเป็นอุปนิสัยส่วนตัวที่สร้างขึ้นมาเองก็เป็นได้ จากคุณ : ฟาฬ - [ 22 มี.ค. 50 16:11:17 ]

ความคิดเห็นที่ 90 อ้อ ครับ ผมก็ไม่เชี่ยวชาญเรื่องระบบทหารตำรวจเท่าไหร่ แต่ก็อีกล่ะครับ ต้องสันนิษฐานให้ตรงกับประวัติแงซายด้วย ถ้าตามที่คุณว่ามาก็เป็นไปได้อยู่ แต่ผมวิเคราะห์ว่าแงซายน่าจะเข้าตีค่ายหมีดำเมื่อปี ๒๔๙๗ ก็ต้องอาจให้รพินทร์ออกจากราชการมา ๕ ปี ไม่ใช่ ๗ แก้ไขเมื่อ 22 มี.ค. 50 16:17:15 จากคุณ : สลัดดำ - [ 22 มี.ค. 50 16:15:33 ]

ความคิดเห็นที่ 91 - เอ้อจริงครับ 29 แหะๆ - พวกที่เรียกว่า สไนเปอร์ หรืออะไรทำนองนี้ครับ ใช้ไรเฟิลติดกล้องยิงในระยะข้ามแม่น้ำสะโตงสบายๆ - ซีไอเอก็น่าจะรู้แค่ว่าเป็นนักแม่นปืนจากประวัติการอบรมครับ แล้วก็คงสงสัยว่ามือระดับนั้นแล้วไปทำอะไรแถวตะเข็บชายแดนนั้น(วะ) - งานครับ อย่าเรียกแบบนั้น อาจทำให้แกเบื่อก็ได้นะ - ที่ค่ายแตกก็เพราะแบบนี้มังครับ มัวแต่ทำงานลับ ไม่ฟังคำเตือนของแงซาย ต่อกันไปก่อนนะครับ จากคุณ : อุปนิกขิต - [ 22 มี.ค. 50 16:16:23 ]

ความคิดเห็นที่ 92 นั่นแหละฟาฬ ปู่หมายถึงอย่างนั้น เพราะ 5 ปี มันน้อยไประดับจอมพราน ส่วนเรื่องชอบยิงกบาล มันก็อาจจะเป็นนิสัยส่วนตัว หรือถูกฝึกก็ได้ แต่เรากำลังคิดกันว่า รพินทร์เก่งกว่าแงซายตรงไหนบ้างน่ะ ลำพังถ้าไม่มีแรงกดดันจากการฝึกฝน/การทำงาน คนมันจะเก่งเองลำบากนาครับ คอมมานโดนี่ยิงกบาลทั้งนั้นแหละ ไปล่ะ ชะแว๊บ จากคุณ : อุปนิกขิต - [ 22 มี.ค. 50 16:20:49 ]

ความคิดเห็นที่ 93 ไม่เห็นแปลกถ้ารพินทร์จะเป็นนักฆ่า หรือมือปืนนี่ครับ หรือเรื่องลอบกัดก็ไม่แปลกเช่นกัน ต้องไม่ลืมว่า พ่อพรานไพรของเราเนี่ย เคยเป็น "ทหาร"นะครับ จะฆ่าคนมาก็เป็นเรื่องธรรมดา การศึกสงคราม เราคงเลือกไม่ได้หรอกครับว่า อยากจะปล่อยคนโน้น อยากจะฆ่าคนนี้ (ถ้าเป็นแงซายก็ว่าไปอย่าง มีอย่างที่ไหนปล่อยศัตรูหนีซะเฉยๆ)คนที่เลือกได้จริงๆ คือ ผู้บังคับบัญชาของ ทหารเหล่านั้น ทหารมีหน้าที่เพียงทำตามคำสั่ง ถ้าทหารมัวเลือกว่า ตนไม่อยากลอบกัด หรือตนไม่อยากเป็นมือสังหาร คาดว่าทัพนั้นคงล่มจม คนนั้นก็ไม่อยากทำอย่างนี้ คนนี้ก็ไม่อยากทำอย่างนั้น สุดท้าย ก็ไม่มีใครอยากทำอะไรสักอย่าง ตชด.ก็คงไม่มีสิทธิ์เลือกนักหรอกครับ เพราะเค้าคงต้องมองถึงภาพรวมมากกว่าความคิดส่วนตัว จากคุณ : ฟาฬ - [ 22 มี.ค. 50 16:21:42 ]

ความคิดเห็นที่ 94 ใช่ค่ะ  รพินทร์ออกจากการเป็นตำรวจมา 5 ปี  แต่ทว่าน่าจะรู้จักกับบุญคำ 7 ปี  ตั้งแต่สมัยยังเป็นตำรวจ (ตอนที่มายิงเสือให้บุญคำอะค่ะ)   ดังนั้นหมายความว่า2495  รพินทร์ก็เป็นตำรวจชายแดนอยู่อะค่ะ จากคุณ : Par&Par - [ 22 มี.ค. 50 16:22:33 ]

ความคิดเห็นที่ 95 มาช่วยถกต่อคร๊าบ   ว่าแล้วเชียว ประวัติของรพินทร์นี่ลึกลับสำหรับพวกเรามากกว่าแงซายซะอีก จะอ้างอิงตามบทประพันธ์ก็ไม่ค่อยได้ระบุไว้มากนัก หรือจะให้เกี่ยวโยงกับประวัติศาสตร์ก็ทำได้ยาก  เพราะข้อมมูลที่เฉพาะเจาะจงค่อนข้างจำกัด แต่ผมว่าเราน่าจะปูคาแร็กเตอร์ของรพินทร์ให้สูสีกับแงซายนะ  ไม่งั้นแล้วประวัติของแงซายจะกลบประวัติของรพินทร์หมด คุณฟานพอจะเห็นด้วยกับความคิดเห็นของปู่อุปและของผม(น่าจะเหมือนกันนะ) ในช่วงที่รพินทร์เป็นตำรวจไหมครับ คห.ที่ 65 แก้ไขเมื่อ 22 มี.ค. 50 16:48:06 แก้ไขเมื่อ 22 มี.ค. 50 16:47:19 แก้ไขเมื่อ 22 มี.ค. 50 16:44:42 จากคุณ : โอจิ (Oji_yoyo) - [ 22 มี.ค. 50 16:38:47 ]

ความคิดเห็นที่ 96 ผมไม่ได้หมายความแบบนั้นครับ ถ้าเป็นการสังหารศัตรู นั่นก็อีกเรื่อง ที่จริงผมอยากจะเลี่ยงที่จะพูด แต่ช่วยไม่ได้ สมมุตินะ สมมุติว่า มีคนคนหนึ่ง ทำงานขัดกับผลประโยชน์ผู้มีอำนาจ วันดีคืนดี เบื้องบนเลยมีคำสั่ง"เก็บ"มันซะ ผมไม่คิดว่ารพินทร์จะยอมทำงานเป็นสุนัขรับใช้แบบนั้นหรอกครับ จากคุณ : สลัดดำ - [ 22 มี.ค. 50 16:50:59 ]

ความคิดเห็นที่ 97 ระบบประมวลผลทำงาน -  พ.ศ. 2468 เด็กชายรพินทร์ ลืมตาดูโลก -  พ.ศ. 2475 ด.ช. รพินทร์ เข้าเรียน ป. 1 ตอนอายุ 7 ขวบ -  พ.ศ. 2479 ด.ช. รพินทร์ จบ ป. 4    และได้เข้ากรุงมาเรียนมัธยมที่สวนกุหลาบ แผนกอักษรศาสตร์ ชั้น ม.1-ม.6 -  ระหว่างที่เรียนประถม ด.ช. รพินทร์ได้บวชสามเณรภาคฤดูร้อน    ที่วัดช้างไห้   โดยอาจจะบวชช่วงปิดเทอม ติดต่อกันเป็นเวลาหลายปี -  พ.ศ. 2487 นายรพินทร์ ไพรวัลย์ สอบไล่ได้ชั้น ม.6    แต่ไม่ได้เรียนต่อ ม.7-ม.8 เพราะสอบได้ทุนตำรวจของรัฐบาลไปเรียน ตปท. -  พ.ศ. 2490  เรียนจบเตรียมตำรวจ แซนเฮิร์สท์ -  พ.ศ. 2492  เรียนจบโรงเรียนนายร้อย เวสท์พ้อยท์ -  พ.ศ. 2493  เรียนจบโรงเรียนตำรวจที่เยอรมัน   และเดินทางกลับมารับราชการที่ประเทศไทย   จากความสามารถส่วนบุคคล ทักษะเฉพราะตัว และการศึกษาที่ดีเยี่ยม   จึงได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติราชการลับในแนวชายแดน อันเป็นพื้นที่อันตราย   มีการปะทะกับกองกำลังทหารกะเหรี่ยงบ่อยครั้ง โดยสันนิษฐานว่า   น่าจะเป็นสายลับ / มือสังหาร โดยมีตำแหน่งหัวหน้าหน่วยคอมมานโดบังหน้า   ระหว่างปฏิบัติราชการได้ขัดแย้งกับ ผู้บังคับบัญชาบ่อยครั้ง เปลี่ยนนายบ่อย   ตำแหน่งหน้าที่เลยไม่รุ่ง แถมโดนเขม่นอีกต่างหาก ระหว่างนี้ เวลาว่างก็แบกปืนเข้าป่า   และรับจ๊อบเป็นพรานนำทางให้คุณอำพลแก้เซ็ง จึงมีโอกาสได้พบรักกับแสงโสม -  พ.ศ. 2493-2497 อยู่ในราชการ ได้ยศท้ายสุด ร.ต.อ.    แต่ถูกทหารกะเหรี่ยงตีค่ายแตก ถูกสอบและให้ออกจากราชการ   ในปี 2497 นี่เอง แถมยังโดนแม่แสงโสมประโลมใจหักอก หนีไปแต่งงานกับคนอื่น    อายุก็ 29 แล้ว แต่ความซวยเข้าขั้นเบญจเพส -  พ.ศ. 2497-98 เริ่มเข้าป่า ประกอบอาชีพพรานเต็มตัว -  พ.ศ. 2501 รับนำทางให้กับคณะเดินทางตามหาคนหาย พอจะเข้าเค้ามั้ยคะ แก้ไขเมื่อ 22 มี.ค. 50 16:59:31 จากคุณ : Nymph~* - [ 22 มี.ค. 50 16:51:28 ]

ความคิดเห็นที่ 98 รร. เตรียมทหารตั้งปี 2500 จริงครับ แต่เรามีรร. เตรียมแต่ละเหล่าอยู่ก่อนหน้านั้นแล้ว ^^ ตามคุณ Nymph~* ก็ไม่เลวเลยนะครับ...หรือว่าไง?? แต่ผมว่าช่วงที่เป็นพรานอาชีพสั้นไปนิดหรือเปล่าครับ??? จากคุณ : Epinephrine - [ 22 มี.ค. 50 17:01:46 ]

ความคิดเห็นที่ 99 เหอๆ คห.65ใช่มั๊ยครับ ถ้าเป็นไปตามนั้น เกรงว่าเราต้องเปลี่ยนชื่อภาพยนตร์กันนิดหน่อยนะขอรับ อาจจะเป็น"ทรชนคนพันธุ์เพชร" หรือไม่ก็ "Tripple PPU" อะไรเทือกๆนั้นน่ะครับ รู้สึกว่า ถ้าเป็นไปตามที่ คห.65ว่าเนี่ย มันจะออกแนวสายลับมากไปหน่อยกระมังครับ ถ้าความเห็นของผมนะ รพินทร์"ไม่จำเป็น"ต้องเหนือกว่าแงซายนี่ครับ ไม่จำเป็นเลย และในเนื้อเรื่องก็ไม่มีอะไรที่ รพินทร์จะ"เหนือกว่า"แงซาย สักอย่างเดียว ไม่ว่าจะ เรื่องหน้าตา (กินขาด เทพบุตร กับเก้ง) หรือจะเป็นเรื่องฐานะ (กินขาดอีก ราชา กะยาจก) หรือเรื่องสำคัญอย่างการศึกษากับฝีมือเชิงพราน รพินทร์ก็ไม่มีอะไรที่เหนือกว่าแงซายเลยสักอย่างเดียว ถูกมั๊ยครับ ?? แต่สิ่งสำคัญมันอยู่ที่ รพินทร์ทำยังไง ให้คนที่เหนือกว่าทุกด้านอย่างแงซาย ยอมตัวให้ได้ ใช่มั๊ยครับ ? สิ่งหนึ่งที่ รพินทร์มีเหนือคนอื่นคือ "น้ำใจ" กับ "ความสัตย์" ครับ สองอย่างนี้กินก็ไม่ได้ จับต้องก็ไม่ได้ มองก็ไม่เห็น  วัดประเมินค่า ก็ไม่ได้ แต่กลายเป็นคุณสมบัติที่ไม่มีใครทำได้ ไม่มีใครเหมือน และทำให้รพินทร์"เหนือ"กว่าคนอื่นครับ จากคุณ : ฟาฬ - [ 22 มี.ค. 50 17:04:41 ]

ความคิดเห็นที่ 100 ลองเอาประวัติของคุณลุงพนมเทียนมาเปรียบครับ (ปีเกิด ๒๔๗๔) ๒๔๘๙ - จบมัธยมศึกษาปีที่ ๖ โรงเรียนวัดสุทธิวราราม (๑๕ ปี) ๒๔๙๒ - จบมัธยมศึกษาปีที่ ๘ โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย (๑๘ ปี) รพินทร์สามารถเรียนต่อถึง ม.๘ ได้ เทียบกับอายุของคุณลุงพนมเทียนในขณะจบ ม.๘ เข้าใจว่าแผนกอักษรศาสตร์ น่าจะคล้ายๆ กับแผนกวิทย์/ ศิลป์ ใน ม.ปลายปัจจุบันมากกว่าครับ ก่อนหน้านั้น (ม.๑-ม.๖) น่าจะเป็นการเรียนขั้นพื้นฐานทั่วๆ ไป อย่างไรก็ตาม ต้องให้คนแก่...เอ้ย ผู้รู้ช่วยยืนยันอีกที จากคุณ : สลัดดำ - [ 22 มี.ค. 50 17:04:46 ]

ความคิดเห็นที่ 101 ผมเห็นด้วยกับคุณฟาฬว่า เรื่องฝีมือล้วนๆ รพินทร์ไม่จำเป็นต้องเหนือกว่า แต่ก็จำเป็นต้องไม่ด้อยกว่าเช่นกัน ประมาณว่าข้าก็หนึ่งเหมือนกัน ต้องให้คนดูมีความรู้สึกว่า "ฟ้าให้รพินทร์มาเกิดแล้ว ไฉนจึงให้แงซายมาเกิดอีก" อย่างไรก็ตาม ถ้าตามความรู้สึกของผมคนเดียว รพินทร์ยังเหนือกว่าแงซายอยู่นิดๆ ครับ แงซายอาจจะมีความสารถในทางกว้างมากกว่า แต่ในเชิงลึกแล้ว ผมว่ารพินทร์เหนือกว่าล่ะ จากคุณ : สลัดดำ - [ 22 มี.ค. 50 17:10:17 ]

ความคิดเห็นที่ 102 จากที่ถามมา จบ 6 ก็เหมือนกับจบม. ต้นครับ ส่วน 7-8 จะเป็นเตรียมอุดมฯ เตรียมอื่นๆ หรือสายอาชีพ ส่วนประวัติรพินทร์อื่นๆ ก็อย่างที่คุณฟานบอกครับ ไม่จำเป็นต้องให้ไปเหนือกว่าพ่อเทพบุตร แต่เป็นคนดีที่สุดอย่างที่พรานใหญ่จะเป็นก็พอ จากคุณ : Epinephrine - [ 22 มี.ค. 50 17:12:17 ]

ความคิดเห็นที่ 103 แสดงความคิดเห็นได้เยี่ยมมากครับคุณฬาฬ ถ้ามองในมุมนี้ ผมก็ยอมรับในความคิดเห็นนี้เช่นกันครับ จากคุณ : โอจิ (Oji_yoyo) - [ 22 มี.ค. 50 17:14:02 ]

ความคิดเห็นที่ 104 แต่เรื่องภารกิจลับนี่ผมก็ยังไม่อยากตัดประเด็นนี้ทิ้งนะครับ รพินทร์อาจมีหน้าที่ตรงนี้  แต่ไม่ยอมทำตามคำสั่งเจ้านาย เพราะความมีมนุษยธรรม  จึงถูกเจ้านายเพ่งเล็ง   จนถูกกดดันจากเจ้าหน้าที่ระดับสูง  จึงต้องตัดสินใจลาออกในที่สุด   จะได้จบสวยหน่อย  เพราะยังไงก็ไม่อยากให้รพินทร์ถูกไล่ออกจากการเป็นตำรวจครับ น่าจะชิงลาออกเองซะมากกว่า ถ้ามองในมุมนี้น่าจะตรงกับบุคลิกของรพินทร์หน่อยนะครับ  แบบว่ายอมหักแต่ไม่ยอมงอ คิดไปคิดมาชักปวดกบาลแฮะ จากคุณ : โอจิ (Oji_yoyo) - [ 22 มี.ค. 50 17:23:28 ]

ความคิดเห็นที่ 105 ถ้ารพินทร์เป็นสายลับ...รพินทร์ก็ต้องเป็นเพื่อนกับคมน์สรคุปต์+ฤทธี นฤบาล+กงจักร กมลาศ อะไรเทือกนี้แน่ๆ ระยะเวลาก็ใกล้กัน เรียนมาก็แนวๆเดียวกัน  สมัยเด็กๆตัวละครเหล่านี้ก็เคยอยู่ปัตตานีมาเหมือนกัน อาจเคยเป็นเพื่อนกันมาก็ได้ เหอเหอ *** รพินทร์เคยเป็นพรานฝึกหัดก่อนไปเรียนนายร้อยตำรวจบ้างไหมคะ?? แบบตามคุณพ่อไปเดินป่าหรืออะไรทำนองนี้ เพราะถ้าคุณพ่อของรพินทร์เป็นนายพราน ก็น่าจะหัดลูกตัวเองไปในตัวอยู่แล้ว.... เสาร์อาทิตย์ไม่ได้ไปโรงเรียนก็เข้าป่า อะไรทำนองนั้นน่ะค่ะ แล้วเดิมรพินทร์มีพื้นเพเป็นคนอยู่ในป่าแถบตะนาวศรีอยู่แล้วใช่ไหม? เพราะพูดภาษาชาวเขาชาวดอยได้ทุกแขนง หัดมาตอนไหน? ถ้ารพินทร์หัดมาแต่เล็กแต่น้อย รวมถึงการเดินป่ามาเรื่อยๆ การเป็นนายพรานเต็มตัวแค่5ปีก็ไม่น่าจะน้อย เพราะเคยทำพาร์ทไทม์มาก่อนตั้งแต่เด็ก อะไรประมาณเนี้ยค่ะ จากคุณ : captainhyuk - [ 22 มี.ค. 50 17:25:18 ]

ความคิดเห็นที่ 106 ผมสงสัยอยู่อย่าง   กับตันฮุค กับ สลัดดำเนี่ย เค้าไม่ถูกกันใช่มั๊ยครับ ??? จากคุณ : ฟาฬ - [ 22 มี.ค. 50 17:28:23 ]

ความคิดเห็นที่ 107 คุณกัปตันฮุค ถถถถ..ถูกต้องน๊ะ..คร๊าบๆๆๆๆ  (เลียนแบบให้เหมือนคุณปัญญาหน่อย..อิอิ) อุแหม่!!  มีคู่แข่งแฟนพันธ์แท้ตัวจริงมาแสดงความคิดเห็นแล้วแฮะ แก้ไขเมื่อ 22 มี.ค. 50 17:33:45 จากคุณ : โอจิ (Oji_yoyo) - [ 22 มี.ค. 50 17:28:51 ]

ความคิดเห็นที่ 108 ฮ่าๆๆๆ คุณฬาฬคิดได้ไงนี่  2 คนนี่คู่อริกันเลยครับ จากคุณ : โอจิ (Oji_yoyo) - [ 22 มี.ค. 50 17:30:21 ]

ความคิดเห็นที่ 109 อ่านะ.. จากคุณ : captainhyuk - [ 22 มี.ค. 50 17:35:09 ]

ความคิดเห็นที่ 110 เรื่องการออกจากราชการเนี่ย ก็น่าคิดนะ ถ้าเราต้องการให้พระเอกของเราเจ๋ง!ขึ้นมาอีกหน่อย เพราะถ้าว่ากันตามบทประพันธ์จริงๆแล้ว เหตุผลการออกจากราชการของรพินทร์ก็มาจากการลาออกของเจ้าตัวเอง ที่มีเหตุผลมาเกื้อหนุนนิดหน่อยว่า เป็นเพราะ"เบื้องบน" ซึ่งก็อาจจะเป็นได้หลายกรณี หลายรูปแบบ การถูกดอง หรือการขัดแข้ง ขัดขา เป็นเรื่องธรรมดา สำหรับสังคม "คอขวด"อย่างนี้ ทางขึ้นมันแคบอ่ะเนอะ ใครก็อยากขึ้นไป แต่ก็อย่างว่า ทางมันแคบ จะขึ้นไปก็ต้องมีคนคอยฉุด คอยดึง ถ้าไม่มีคนคอยดึงขึ้นไป ซ้ำไอ้คนที่อยู่ข้างบนยังเอามือมาปิดปากขวด ใครมันจะขึ้นไปได้ ผมไม่รู้หรอกว่าผู้เขียนต้องการประชดใครหรือ ระบายความอัดอั้นตันใจอย่างไรหรือเปล่า แต่โดยส่วนตัว ผมก็ชอบนะ เหตุผลการลาออกที่"ระบาย"ความรู้สึกอัดอั้นต่อระบบราชการอย่างนี้น่ะ จากคุณ : ฟาฬ - [ 22 มี.ค. 50 17:41:23 ]

ความคิดเห็นที่ 111 ลองมาปรับปรุงใหม่ ขออนุญาตคุณ Nymph~* นะครับ -  พ.ศ. 2468 เด็กชายรพินทร์ ลืมตาดูโลก -  พ.ศ. 2474 ด.ช. รพินทร์ เข้าเรียน ป. 1 ตอนอายุ 6 ขวบ -  พ.ศ. 2478 ด.ช. รพินทร์ จบ ป. 4   และได้เข้ากรุงมาเรียนมัธยมที่สวนกุหลาบ ชั้น ม.1-ม.6 -  ระหว่างที่เรียนประถม ด.ช. รพินทร์ได้บวชสามเณรภาคฤดูร้อน   ที่วัดช้างไห้ โดยอาจจะบวชช่วงปิดเทอม ติดต่อกันเป็นเวลาหลายปี -  พ.ศ. 2484 นายรพินทร์ ไพรวัลย์ สอบไล่ได้ชั้น ม.6   เรียนต่อ ม.7-ม.8 แผนกเตรียมอักษรศาสตร์ -  พ.ศ. 2486 สำเร็จการศึกษาจาก ร.ร. สวนกุหลาบวิทยาลัย   สอบได้ทุนตำรวจของรัฐบาลไปเรียน ตปท. -  พ.ศ. 2489 เรียนจบเตรียมตำรวจ แซนเฮิร์สท์ -  พ.ศ. 2491  เรียนจบโรงเรียนนายร้อย เวสท์พ้อยท์ -  พ.ศ. 2492  เรียนจบโรงเรียนตำรวจที่เยอรมัน  และเดินทางกลับมารับราชการที่ประเทศไทย  จากความสามารถส่วนบุคคล ทักษะเฉพราะตัว และการศึกษาที่ดีเยี่ยม  จึงได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติราชการลับในแนวชายแดน อันเป็นพื้นที่อันตราย  มีการปะทะกับกองกำลังทหารกะเหรี่ยงบ่อยครั้ง โดยสันนิษฐานว่า  น่าจะเป็นสายลับ / มือสังหาร โดยมีตำแหน่งหัวหน้าหน่วยคอมมานโดบังหน้า  ระหว่างปฏิบัติราชการได้ขัดแย้งกับ ผู้บังคับบัญชาบ่อยครั้ง เปลี่ยนนายบ่อย  ตำแหน่งหน้าที่เลยไม่รุ่ง แถมโดนเขม่นอีกต่างหาก ระหว่างนี้ เวลาว่างก็แบกปืนเข้าป่า  และรับจ๊อบเป็นพรานนำทางให้คุณอำพลแก้เซ็ง จึงมีโอกาสได้พบรักกับแสงโสม -  พ.ศ. 2492-2497 อยู่ในราชการ ได้ยศท้ายสุด ร.ต.อ.   แต่ถูกทหารกะเหรี่ยงตีค่ายแตก ถูกสอบและให้ออกจากราชการ  ในปี 2497 นี่เอง แถมยังโดนแม่แสงโสมประโลมใจหักอก หนีไปแต่งงานกับคนอื่น   อายุก็ 29 แล้ว แต่ความซวยเข้าขั้นเบญจเพส -  พ.ศ. 2497-98 เริ่มเข้าป่า ประกอบอาชีพพรานเต็มตัว -  พ.ศ. 2502 รับนำทางให้กับคณะเดินทางตามหาคนหาย เป็นไงครับ ? แก้ไขเมื่อ 22 มี.ค. 50 17:51:38 จากคุณ : สลัดดำ - [ 22 มี.ค. 50 17:50:28 ]

ความคิดเห็นที่ 112 ถามอะไรนิดนึงนะคะ.... รพินทร์มีความจำเป็นในการใช้ตังค์มากไหมคะ? จำได้ว่าเคยอ่านสำภาษณ์คุณลุงพนมเทียน ตัวท่านว่าที่ต้องเขียนเรื่องยาวเพราะเงินดีกว่า...ดูจากที่หลายๆครั้งลุงอี๊ดก็เอาเรื่องของตัวเองไปเขียนน่ะค่ะเลยทำให้คิดว่า.. แล้วอย่างรพินทร์เนี่ย นอกจากจะคับแค้นใจในเรื่องผบ.แล้ว เป็นได้ไหมว่ารพินทร์ก็มีปัญหาทางการเงินด้วย เลยลาออกมาเป็นพรานดีกว่า รายได้ดีกว่า ทำนองนั้น จากคุณ : captainhyuk - [ 22 มี.ค. 50 17:52:14 ]

ความคิดเห็นที่ 113 พ่อรพินทร์น่าจะเสียในช่วง ๒๔๘๖ ถึง ๒๔๙๗ ถ้าไม่เป็นการซ้ำเติมมากเกินไป ให้เป็นปี ๒๔๙๗ ก็ไม่เลวนะ จากคุณ : สลัดดำ - [ 22 มี.ค. 50 17:56:14 ]

ความคิดเห็นที่ 114 ไม่น่าจะเป็นแบบนั้นนะครับ กัปตันฮุค ถ้าแค่เลี้ยงดูคุณแม่ที่บ้านอย่างเดียว ลำพังกินเงินเดือนก็น่าจะพออยู่นะ แถมยังมั่นคงด้วย ได้มากได้น้อย ก็ต้องได้แน่นอน แถมยังมีลำไพ่พิเศษจากการนำเที่ยวป่า หรือดักสัตว์ขายด้วย...ถ้ายอมรับกันแบบนั้นนะ เรื่องเงินจึงไม่ใช่ปัญหาสำหรับรพินทร์ในเวลานั้นแน่ๆ แก้ไขเมื่อ 22 มี.ค. 50 18:09:42 จากคุณ : สลัดดำ - [ 22 มี.ค. 50 18:08:01 ]

ความคิดเห็นที่ 115 มีประเด็นเพิ่มเติม  เพื่อเพิ่มน้ำหนักให้เห็นว่ารพินทร์น่าจะได้รับหน้าที่ภารกิจลับจากทางรัฐบาลครับ จำได้ว่าหนานอินก็เป็นสายให้กับรพินทร์แบบลับๆนะครับ   คุณสลัดดำมีข้อมูลในหนังสือเพิ่มเติมไหมครับ แก้ไขเมื่อ 22 มี.ค. 50 18:23:04 จากคุณ : โอจิ (Oji_yoyo) - [ 22 มี.ค. 50 18:21:27 ]

ความคิดเห็นที่ 116 สงสัยจัง ว่ารพินทร์เอาเงินสองแสนไปทำอะไร ถ้าฝากธนาคารไว้ป่านนี้ได้ดอกเบี้ยเท่าไหร่เนี่ย?? *** สงสัยความคิดเห็นของพี่น้ำนิดนึง ตรงที่ -  ระหว่างที่เรียนประถม ด.ช. รพินทร์ได้บวชสามเณรภาคฤดูร้อน  ที่วัดช้างไห้ โดยอาจจะบวชช่วงปิดเทอม ติดต่อกันเป็นเวลาหลายปี บวชติดต่อกันหลายปีนี่คือทุกๆปิดภาคฤดูร้อนก็มาบวช หรือว่าบวชรวดเดียวเลยหลายๆปี ..<< มันทำให้เวลาหายไปป่าวนั่น?? จากคุณ : captainhyuk - [ 22 มี.ค. 50 18:21:37 ]

ความคิดเห็นที่ 117 นายทะเบียน เข้ามาสืบประวัติรพินทร์จ้า สงสัยต้องให้รพินทร์ เป็นสายลับ อย่างที่ว่ากัน ออกมาเป็นพรานให้คุณอำพล  แต่แอบทำงานสายลับ เบื้องหน้าพรานจนๆ เบื้องหลัง 007 อุ้ย...คิดอะไรเนี่ย คงไม่เก่งเท่าคุณๆในกระทู้ล่ะ ซะแว๊ป จากคุณ : เป๋าตังค์เป๋าตุง - [ 22 มี.ค. 50 18:43:33 ]

ความคิดเห็นที่ 118 เรื่องนี้มีกล่าวถึงแค่ว่า หนานอิน เป็นสายของตำรวจตระเวนชายแดนไทย ขึ้นตรงกับ ร.ต.อ. รพินทร์ ไพรวัลย์ เข้าๆ ออกๆ ติดต่อกับพวกกะเหรี่ยงอยู่ตลอดเวลา รวบยอดจากตอนป่าโลกล้านปี #๑ และแงซายจอมจักรา #๑ (ในตอนป่าโลกล้านปี รพินทร์พูดกับแงซายเรื่องนี้อย่างสองต่อสอง แต่ตอนแงซายจอมจักรา คณะนายจ้างกลับบอกว่ารพินทร์พูดเรื่องนี้กับแงซายต่อหน้าคณะนายจ้างทุกคน ซึ่งขัดแย้งกัน) แก้ไขเมื่อ 22 มี.ค. 50 19:04:55 จากคุณ : สลัดดำ - [ 22 มี.ค. 50 18:56:26 ]

ความคิดเห็นที่ 119 ขอคารวะทุก ๆ ความเห็น -/\- ทุกคนเก่งจังค่ะ เราขอเข้ามาอ่านอย่างเดียวละกันนะ เรื่องนี้ช่วยไม่ได้อ่ะ เกินความสามารถ ข้าน้อยขอไปตามหาซีเรชั่นอย่างเดิมดีก่า จากคุณ : Die unendliche Geschichte - [ 22 มี.ค. 50 19:03:51 ]

ความคิดเห็นที่ 120 โอเคแล้วค่ะ  ประวัติรพินทร์  แต่ดูจืดกว่าแงซายมากเลยค่ะ ขอถามคำถามหนึ่งนะค่ะ  รพินทร์เคยเข้ารวมรบกับสงครามไหนบ้างไหมค่ะ  Par คุ้นๆๆว่าจะเคยรวมรบกับทหารอเมริกัน  หรืออะไรเนี่ยแหละค่ะ  หรือว่าไม่มีก็ไม่รู้??? จากคุณ : Par&Par - [ 22 มี.ค. 50 20:28:12 ]

ความคิดเห็นที่ 121 รอปู่อุปมาเสริมอีกทีครับ   ว่าเห็นควรเพิ่มเติมประวัติรพินทร์เพื่อเพิ่มสีสันดีหรือไม่ จากคุณ : โอจิ (Oji_yoyo) - [ 22 มี.ค. 50 20:43:58 ]

ความคิดเห็นที่ 122 มีด้วยเหรอครับคุณป้า ผมไม่ค่อยคุ้นเท่าไหร่นะ 6- -" จากคุณ : สลัดดำ - [ 22 มี.ค. 50 20:48:42 ]

ความคิดเห็นที่ 123 แก้ไขเมื่อ 22 มี.ค. 50 21:07:11 จากคุณ : Par&Par - [ 22 มี.ค. 50 21:06:01 ]

ความคิดเห็นที่ 124 อยากช่วยคับแต่ยังอ่านไม่จบอ่า  การค้นหาประวัติ นายรพินทร์  ไพรวัลย์ ในครั้งนี้ ไม่ธรรมดา เลย เอาใจช่วยคับ จากคุณ : คุณนายขาวมณี - [ 22 มี.ค. 50 21:18:43 ]

ความคิดเห็นที่ 125 เพิ่มเติมข้อมูล เกี่ยวกับ พ่อของรพินทร์นะคะ ในภาค 1 ระบุว่า พ่อของรพินทร์เสียชีวิตเพราะมาเลเรียขึ้นสมอง นอนหลับไปอย่างสงบ ค่ะ ในภาค 2 ระบุว่า พ่อของรพินทร์เสียชีวิตด้วย เส้นเลือด(ใหญ่)ในสมองแตก เสียชีวิตอย่างสงบ ตอนอายุ 72 ปี ค่ะ ส่วน แม่ของรพินทร์ ป่วยเป็นโรคชรา ความดันโลหิตสูง ประสาท และเบาหวาน   ถ้าจำไม่ผิดรู้สึกจะอาศัยอยู่ในบ้านในตัวอำเภอกับหลานค่ะ จากคุณ : เ จ้ า ตั ว ร้ า ย - [ 22 มี.ค. 50 21:42:53 ]

ความคิดเห็นที่ 126 เอ๋!!...  วันนี้คุณพี่เจ้าตัวร้ายว่างมาเล่นได้แฮะ หวัดดีครับคุณพี่   คุณพี่ช่วยไปตอบกระทู้รูปถ่ายข้างบนหน่อยจิ  ช่วยเป็นหน้าม้าให้หน่อย   แล้วตกลงพ่อรพินทร์ตายด้วยโรคอะไรกันแน่นี่? จากคุณ : โอจิ (Oji_yoyo) - [ 22 มี.ค. 50 21:52:32 ]

ความคิดเห็นที่ 127 เหอๆ มีเน็ตเล่นแล้วเว้ย มาถึงก็ว่าด้วยพ่อรพินทร์ตายเลย ประวัติรพินทร์นี่โอ้โห  ท่าจะยาวแฮะ ว่าแต่หลานรพินทร์นี่ลูกใคร? รพินทร์มีน้ามั้ย แม่รพินทร์นี่เลี้ยงลูกน้ารึเปล่า  หรือลูกลุง ลูกป้า  แต่คงม่ใช่อาแน่นอน ชะแว๊ป...ไปก่อนโดนเจ้าโอจิยิงด้วยไนโตร จากคุณ : เป๋าตังค์เป๋าตุง - [ 22 มี.ค. 50 22:21:45 ]

ความคิดเห็นที่ 128 ตกลงว่า พ่อของรพินทร์ เสียชีวิตอย่างสงบ ด้วยโรคมาเลเรียขึ้นสมอง ทำให้เส้นเลือดในสมองแตก  แหะๆ เรื่องพ่อของรพินทร์ พอดีว่าอ่านเจอ ในภาค 2 เลยจดเอาไว้ กะจะเอาไปถามปู่อุปฯ เล่น  มาเปิดกระทู้นี้เจอพอดี เลย มาใส่ข้อมูลไว้ก่อน อิอิ ------ จุ๊บๆ พี่เป๋าตุงฯ ขอบคุณค่ะ แก้ไขเมื่อ 22 มี.ค. 50 22:33:30 จากคุณ : เ จ้ า ตั ว ร้ า ย - [ 22 มี.ค. 50 22:26:17 ]

ความคิดเห็นที่ 129 มาแจมครับ ยอดเยี่ยมเลยครับ ประวัติรพินทร์เรื่องการศึกษาผมว่าเคลียร์นะครับ สำหรับคำถามของปู่อุปที่ว่ารพินทร์ไปทำงานอยู่ที่แนวตะเข็บชายแดนทำไม ถ้าไม่เกี่ยวกับภารกิจ หรือนอกจากใกล้บ้านแล้ว ผมคิดว่าเกี่ยวกับตำแหน่งเมืองของอัคนีรุทธ์และนิทรานครเดิมด้วยครับ หากคิดว่าท้ายที่สุดแล้วเรื่องนี้ มีความผูกพันเป็นมาในเชิงอดีตชาติอย่างลึกซึ้ง จากคุณ : P Q BOY - [ 22 มี.ค. 50 22:50:54 ]

ความคิดเห็นที่ 130 เดามั่ง ******* เรื่องรพินทร์เป็นมือสังหารนั้น ตัดไปได้เลยครับ ยศ รตอ นี่ต้องเป็นฝ่ายวางแผนไม่ใช่ฝ่ายปฏิบัติการครับ โดยหลักของระบบทหารหรือ ตร ก็ตาม ถ้าจะเป็นมือสังหาร (นึกถึง SEAL ก็ล่าย) จะไม่ทำงานอยู่ในหน่วย จะไม่เป็นหัวหน้าหน่วย แต่จะแยกตัวออกมาทำงานเฉพาะกลุ่ม แต่ระดับของรพินทร์แล้ว เป็น รตอ. นี่ ทางราชการถือว่าเป็นการไม่คุ้มค่าเสี่ยงเลยที่จะให้ชั้นสัญญาบัตรที่มียศขนาดนั้นเป็นมือสังหาร หรือเป็นสายลับเลย ถ้าเป็นแค่ชั้นประทวนก็ว่าไปอย่าง แต่ถ้าให้รพินทร์เป็นหัวหน้าหน่วยคอยบังคับบัญชา สายลับต่างๆ ที่ปลอมตัวไปหาข่าว ในพื้นที่อีกฝ่ายหนึ่ง แล้ววิเคราะห์เหตุการณ์ต่างๆ ส่งข้อมูลไปให้หน่วยเหนือนี่ แบบนี้ค่อยคุ้มค่ากับตำแหน่งคุ้มกับที่ส่งไปเรียนมาหน่อยครับ ******* เรื่องยิงปืนแม่นยำนั้น ในเรื่องก็บอกตลอดว่า สมัยเด็กๆ รพินทร์ก็เป็นพรานไปกับป๊ะตลอด เรื่องยิงปืนนั้นก็ไต่เต้าตั้งแต่หนังกะติ๊กยิงนก ปืนลูกกรดยิงกระรอก ปืนไรเฟิ้ลยิงหมูป่า ยิงสัตว์ป่าล่าสัตว์กับป๊ะตลอด คนที่มีโอกาสฝึกความแม่นตั้งแต่เด็กก็ย่อมได้เปรียบเวลาไปเรียนยิงปืนตอนเป็นทหารอยู่แล้วครับ ******* ปู่คิดมานานแล้วว่า ความรู้ระดับรพินทร์ ทำไมถึงเลือกไปเป็น/หรือถูกส่งไปเป็นตชด.แม่ฮ่องสอน ในยุคความขัดแย้งไทย-กระเหรี่ยง - น่าจะถูกส่งไปเพื่อบังคับบัญชาหน่วยหาข่าวของอีกฝ่าย ตามที่ได้เรียนวิธีการหาข่าวจากที่ไปเรียนเพิ่มเติมมาจาก ตปท มาครับ การเรียนทหารก็เหมือนกับการเรียนปริญญาธรรมดา ยิ่งเรียนสูงเท่าไหร่ ก็ยิ่งเรียนเจาะเฉพาะเรื่องเท่านั้น อย่างที่แงซายจะทำธนูระเบิดก็บอกว่า ระดับเขาเรียนแค่การโจมตีเท่านั้น พวกยุทธวิธีนี่เป็นระดับที่สูงกว่า ซึ่งรพินทร์น่าจะเข้าใจดีกว่าตัวเขา ดังนั้น การที่รพินทร์ไปเรียนมาหลายประเทศนั้น น่าจะเป็นการเรียนเฉพาะเรื่องที่หน่วยเหนือส่งไป เมื่อเรียนจบแล้วก็ต้องมาทำงานให้ตรงกับที่ส่งไปเรียนครับ และถ้าเป็นฝ่ายแงซาย ถ้าจะโจมตีระหว่างหน่วยบังคับบัญชากับหน่วยรบนี่ หน่วยบังคับบัญชาสำคัญกว่า หน่วยนี้มีแต่คนสำคัญ ดังนั้น ถ้าจะทำลายหน่วยนี้ซึ่งเป็นหน่วยบังคับบัญชาระดับกองร้อยละก็ ถ้าใช้ระดับกองร้อยเหมือนกัน คงตีได้ยาก (ความสามารถในการวางแผนรบผิดกัน) ดังนั้น ต้องใช้กำลังรบระดับกองพัน (การแบ่งกำลังรบ ถ้าเป็นหน่วยระดับกองพัน จะมีกองร้อยอาวุธหนักผสมอยู่ด้วย) ถึงจะถล่มกำลังรบระดับกองร้อยที่มีความฉลาดกว่าได้ครับ ******* เรื่อง รพินทร์ มีประวัติกับทาง CIA นั้น สำหรับผมถือเป็นเรื่องปกติ ไม่แต่เฉพาะรพินทร์เท่านั้น แม้แต่คนอื่นๆ ในคณะที่ CIA ส่งมา ก็เป็นคนที่ CIA ต้องการเฉพาะด้านนั้นๆ เมื่อ CIA ต้องการจะหาคนที่มีลักษณะเฉพาะที่ต้องการก็ต้องหาข้อมูลของคนเหล่านั้นมาเลือกหาคนที่เหมาะสมที่สุดก่อนที่จะนำไปใช้งาน อย่างที่จะหาเครื่องบินตกในป่าบริเวณประเทศไทย จะต้องหาพรานที่เคยไปในบริเวณนี้มาก่อน CIA ก็ต้องหาข่าว ไม่ว่าจะเป็นการปลอมตัวไปสอบถามชาวบ้าน หาว่าใครมีลักษณะใกล้เคียงกับคนที่ต้องการ ถ้าหาได้แล้วไม่ว่าจะมีกี่คนก็ตาม ก็จะเริ่มหาประวัติของบุคคลนั้นๆ เมื่อทาง CIA ต้องการประวัติของรพินทร์ ซึ่งเคยรับราชการมาก่อน ง่ายที่สุดก็คือติดต่อกับทางราชการไทย ขอประวัติทั้งหมดของรพินทร์ที่มีทั้งหมด เป็นการขอร้องโดยตรงจากรัฐบาลสหรัฐถึงรัฐบาลไทย จึงไม่แปลกที่ CIA จะมีประวัติของรพินทร์ตั้งแต่เกิด อาจจะรวมถึงพรานคู่ใจทั้ง 4 คนด้วยครับ ******* เรื่องการหาประวัตินั้น ถ้าเป็นปัจจุบันง่ายสุดๆ สำหรับผมไม่ต้องไปติดต่อราชการเลย เคยแกล้งเพื่อนเหมือนกัน แค่ไปหาน้าที่เป็น ตร แล้วไปนั่งเล่นคอมที่ทำงานน้า คีย์ชื่อเพื่อนเข้าไป ฐานข้อมูลต่างๆ ก็จะขึ้นมาให้ทันที เลยแกล้งโทรหาเพื่อนบอกว่ามีอะไรจะถามหน่อยว่า เธออยู่บ้านเลขที่นี้ พ่อแม่พี่น้องชื่อนี้ เกิดวันที่อะไร เกิดที่ไหน เรียนที่ไหนมาบ้าง มีรถกี่คัน สีอะไร รุ่นไหน ทะเบียนอะไร มีบ้านที่ไหนบ้าง ฯ เพื่อนงงไปเลยว่ารู้ได้ยังไง 666666 จากคุณ : monjangja - [ 22 มี.ค. 50 22:54:35 ]

ความคิดเห็นที่ 131 หลักการรบข้อนึงคือ ทำสิ่งที่เหนือความคาดหมายครับ จากคุณ : อุปนิกขิต - [ 22 มี.ค. 50 23:17:05 ]

ความคิดเห็นที่ 132 อืมมม พ.ศ.น่าจะโอเคนะครับ แต่มันยังดูขาดๆประวัติด้านที่ทำให้เห็นความเฉียบขาดและคุณธรรมของจอมพรานไปนิดน่ะครับ เจ้าตัวร้ายมาแล้วเรอะ...อิๆ จากคุณ : อุปนิกขิต - [ 22 มี.ค. 50 23:24:45 ]

ความคิดเห็นที่ 133 มาคราวนี้คุณพี่เจ้าตัวร้ายมีอะไรหนุกๆให้เล่นหรือเปล่าครับ กำลังรออะไรเล่นหนุกๆจากคุณพี่น่ะ ส่วนประเด็นคุณสมบัติของจอมพรานรพินทร์ของเรานี่ ดูท่าจะยาวแฮะ ดูแล้วความคิดเห็นม่ายลงตัว...รึยังไงปู่อุป คุณสลัดดำครับ  ไม่ง่ายอย่างที่คิดเลยใช่ป่าวครับ พี่เป๋า ระวัง.458 วินเชสเตอร์ จากพรานโอจิให้ดีล่ะกัน สงสัยคุณ McGy แอบอ่านอยู่แน่ๆ คุณมาริษอยู่หน๋าย... สวัสดีรอบดึกคร๊าบทุกท่าน จากคุณ : โอจิ (Oji_yoyo) - [ 22 มี.ค. 50 23:35:37 ]

ความคิดเห็นที่ 134 คือมันยังดูไม่ค่อยขลังยังไงไม่รู้ครับ แต่เรื่องพ.ศ.โอเคครับ แต่สิ่งที่เล่นได้น่าจะเป็นคนมีความรู้ระดับรพินทร์ ไพรวัลย์ ทำไมมาเป็นแค่ตชด.ผู้บังคับกองร้อยธรรมดา กับ ประวัติที่บันทึกในซีไอเอแหละครับ ไม่ว่าจะหามายังไงก็ตาม ลองติดทำเนียบจอมพรานระดับเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ ก็ไม่ธรรมดาล่ะครับ ถ้าคิดไม่ออกก็ช่วยไม่ได้ครับ แงซายครบเครื่องกว่า รพินทร์เก่งเอง มีคุณธรรมดีเพราะดีมาตั้งแต่เกิด ปู่ประชดครับ ความจริง หนานอินเคยพูดถึงเรื่องนี้ตอนที่คุณหญิงดารินถามว่าระหว่างแงซายกับรพินทร์ใครเก่งกว่ากัน คำตอบคืออะไรครับ ขอใครโค้ดชัดๆทีเถอะครับ จากคุณ : อุปนิกขิต - [ 22 มี.ค. 50 23:55:41 ]

ความคิดเห็นที่ 135 สงสัยต้องทำความเข้าใจกันใหม่อีกครั้งกระมัง  คือสิ่งที่เราทำจะอ้างอิงตามบทประพันธืเป๊ะไม่ได้หรอกครับ   ตอนนี้เรากำลังปูเรื่องเพื่อบทภาพยนตร์อยู่นะครับ  ต้องมองประเด็นนี้ด้วยครับ ภาพยนตร์นั้นสิ่งที่สำคัญอยู่ที่การปูคาแรกเตอร์หลักของเรื่อง  ว่ามีความเป็นมายังไง  เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือให้มากที่สุด มีน้ำหนักอ้างอิงได้ชัดเจนว่าใครผ่านอะไร ตรงไหน จุดไหน และเวลาใดมาบ้าง จะได้อธิบายกับคนดูได้ และเพื่อความเข้มข้นในการเชือดเฉือนกันชนิดมีดจ่อคอหอยของแต่ละฝ่ายระหว่างรพินทร์กับแงซาย ผู้ผ่านประสบการณ์ทั้งบู้และบุ๋นกันมาอย่างโชกโชน ซึ่งตรงนี้เราจำเป็นจะต้องเพิ่มคาแร็กเตอร์รพินทร์ให้เทียบเท่าหรือสูสีกับแงซายครับ จากคุณ : โอจิ (Oji_yoyo) - [ 23 มี.ค. 50 00:15:01 ]

ความคิดเห็นที่ 136 เอ...ผมก็จำไม่ได้ว่าหนานอินพูดเรื่องนั้นกับคุณหญิงดารินในตอนไหนของหนังสือ ภาคสองนี่ ใครพูดว่าอย่างไร ผมจำค่อยไม่ได้ว่ามันอยู่ตรงไหน เพราะเนื้อเรื่องมันเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา อยู่ในเช้าของวันที่มีงูมันขึ้นไปขดนอนบนหน้าอกของหนานอินหรือเปล่าน้า ชักสับสน ถ้าหากันจริงๆ ก็มีหวังได้เปิดหากันตาเหลือก จำได้คร่าวๆ ว่า หนานอินบอกว่า เวลาเกิดเรื่องอะไรขึ้น คนที่แก้ตกก็คือพรานใหญ่นั่นเอง แงซายเป็นเพียวส่วนประกอบเท่านั้น และถ้าแงซายเก่งจริงจะต้องพึ่งพรานใหญ่ทำไม อะไรเทือกๆ นั้น ส่วนประวัติเรื่องคุณธรรมของรพินทร์ อ้างจากแงซายได้ไหมครับ "ผู้กองเป็นคนยุติธรรม และมีวาจาเป็นสัจจะน่านับถือ ไม่โหดร้ายทารุณเหมือนนายตำรวจตระเวนชายแดนบางคน ตำรวจเหล่านั้น แม้จะเพียงสงสัยว่า ใครเป็นสายของโจรกะเหรี่ยง ก็จะยิงทิ้งทันที หรือมิฉะนั้นก็ทำทารุณ ไม่เพียงแต่พวกกะเหรี่ยงผู้ชายเท่านั้น มันเดือดร้อนไปถึงหมู่บ้านกะเหรี่ยงที่เป็นผู้หญิงด้วย ผู้กองไม่เคยทำอย่างนั้น ใครจำนนยอมแพ้ ผู้กองก็จะจับโดยดีไม่เคยฆ่า ใครบริสุทธิ์ไม่เกี่ยวข้องกับกองโจรก็จะไต่สวนแล้วปล่อย ไม่เคยอสัตย์หลอกลวงกะเหรี่ยงคนใด ในครั้งนั้นผู้กองไม่รู้จักผม แต่ผมสืบทราบประวัติผู้กองมาได้ทุกระยะเป็นอย่างดี และผมก็มีโอกาสได้คุยกับผู้กองในวันก่อนหน้าที่จะเข้าตีค่ายหมีดำ ผมเตีอนให้ผู้กองทราบว่า ค่ายจะถูกโจมตีด้วยอาวุธหนักจากกำลังทหารโจรเป็นกองพัน แต่ผู้กองไม่เชื่อผม เพื่อนของผู้กองคนหนึ่งชักปืนจะยิงผมทิ้ง โดยอ้างว่าผมจะต้องเป็นสายโจร แต่ผู้กองเป็นคนห้ามไว้ และไล่ผมไป ผู้กองก็ช่วยชีวิตผมไว้เหมือนกัน" แก้ไขเมื่อ 23 มี.ค. 50 00:23:27 จากคุณ : สลัดดำ - [ 23 มี.ค. 50 00:19:35 ]

ความคิดเห็นที่ 137 ก็ว่ากันไปครับ หลากความเห็น แต่สุดท้ายก็ต้องเลือกใช้ตามที่เห็นว่าพอสมเหตุสมผลครับ ว่าแต่ปู่ไม่มีหนังสือตอนหนานอินที่บอกข้างต้นอยู่ตอนนี้ครับ (จริงๆคือไม่มีซักเล่มตอนนี้ แหะๆ) ใครมีช่วยนิดสิครับ เผื่อจะได้ฉันที่รักครับ จากคุณ : อุปนิกขิต - [ 23 มี.ค. 50 00:21:03 ]

ความคิดเห็นที่ 138 งั้นนำเอา #104 มาเป็นประเด็นหลักดีไหมครับปู่ จากคุณ : โอจิ (Oji_yoyo) - [ 23 มี.ค. 50 00:24:40 ]

ความคิดเห็นที่ 139 จุดธูปถามแงซายมา เล่มที่ 35 จิตรางคนางค์ 3 บทที่ 99 ครับ จากคุณ : อุปนิกขิต - [ 23 มี.ค. 50 00:27:21 ]

ความคิดเห็นที่ 140 "******* เรื่องการหาประวัตินั้น ถ้าเป็นปัจจุบันง่ายสุดๆ สำหรับผมไม่ต้องไปติดต่อราชการเลย เคยแกล้งเพื่อนเหมือนกัน แค่ไปหาน้าที่เป็น ตร แล้วไปนั่งเล่นคอมที่ทำงานน้า คีย์ชื่อเพื่อนเข้าไป ฐานข้อมูลต่างๆ ก็จะขึ้นมาให้ทันที เลยแกล้งโทรหาเพื่อนบอกว่ามีอะไรจะถามหน่อยว่า เธออยู่บ้านเลขที่นี้ พ่อแม่พี่น้องชื่อนี้ เกิดวันที่อะไร เกิดที่ไหน เรียนที่ไหนมาบ้าง มีรถกี่คัน สีอะไร รุ่นไหน ทะเบียนอะไร มีบ้านที่ไหนบ้าง ฯ เพื่อนงงไปเลยว่ารู้ได้ยังไง 666666" โอ้โฮ.........ตำรวจนี่มีระบบรักษาความปลอดภัยทางเอกสารห่วยมากจังครับ ใครๆสามารถเข้าถึงชั้นความลับได้ง่ายๆ มิน่า โจรใต้ถึงรู้แผนตำรวจหมด..จึงได้ฆ่าเป็นว่าเล่น จากคุณ : monjangja - [ 22 มี.ค. 50 22:54:35 ] จากคุณ : เด็กน้อยขี่ม้าก้านกล้วย - [ 23 มี.ค. 50 00:33:24 ]

ความคิดเห็นที่ 141 ตามสลัดอะไรดำว่ามาก็ดีครับ เพราะตามเนื้อเรื่อง แต่ถ้าให้สุดโต่งเลยนะ ปู่คิดคล้ายโอจิครับ อันนี้ยอมรับว่าสุดโต่ง คือ ภารกิจลับของรพินทร์อาจเป็นสังหารยินตอง ซึ่งน่าจะโอเคนะครับ ถือเป็นศัตรู แต่เมื่อมีการเปลี่ยนรัฐบาล พลเอกผ สั่งให้รพินทร์ลอบสังหารนายเก่าของตนคือจอมพล... เอ้อ ใช้ตัวย่อก็รู้สิ แลกกับความก้าวหน้าทางราชการ หรือบีบบังคับ หรือทั้งสองอย่าง อ้อ กรุณาอย่าถามเรื่องนี้ว่ามีในประวัติศาสตร์เล่มไหนนะครับ เพราะเป็นภารกิจลับสุดยอด รพินทร์ตัดสินใจไม่ทำครับ เลยถูกปลดจากราชการ แกเลยกลายเป็นคนโรคจิต เอ๊ย ขวางโลกแอนตี้ฮีโร่นิดๆ มาตั้งแต่บัดนั้น จากคุณ : อุปนิกขิต - [ 23 มี.ค. 50 00:34:11 ]

ความคิดเห็นที่ 142 อ้อ ดารินถามหนานอินที่ห้วยเสือร้องครับ สลัดดำ - ถ้าเห็นปู่นิ่งไปก็ปกตินะครับ มีงานด่วนอีกแล้ว แหะๆ - อัพเดตข่าวสารครับ ตอนนี้กำลังจะได้ซองปืน .44 และ .357 ครับ แถมจะได้ 300 เวเธอร์บีเร็วๆนี้ คืออาวุธพระเอกกับนางเอกจะครบแล้วครับ ไม่แน่อาจมีเซอร์ไพรส์ครับ จากคุณ : อุปนิกขิต - [ 23 มี.ค. 50 00:52:35 ]

ความคิดเห็นที่ 143 เพิ่งจะได้มีโอกาสมานั่ง อ่าน/พิมพ์ ครับ คุณ โอจิ (Oji_yoyo) ความคิดเห็นเพิ่มถึง ๑๐๐ ความคิดเห็น หลังจากที่อ่านครั้งสุดท้าย ขยันกันจริงๆ !!!!!! จำเป็นอย่างยิ่งหรือครับที่จะต้องเล่าให้ละเอียดถึงเพียงนี้ในภาพยนตร์ เดี๋ยวจะกลายเป็น เพชรนายรพินรทร์กับแงซาย แทนที่จะเป็น เพชรพระอุมา ถ้าจะถกกันเพื่อหา วัน เดิน ปี เกิด ที่แน่นอนก็แล้วไปครับ จากคุณ : MERRISS - [ 23 มี.ค. 50 01:24:57 ]

ความคิดเห็นที่ 144 แหมว่าจะหนีไปทำงาน เราไม่เล่าหมดหรอกครับคุณมาริษ แต่มันจะทำให้ธีมมันชัดเจนที่สุดเท่าที่จะทำได้ นักแสดงก็สบายใจครับ ตัวละครแข็งแรงมีเลือดมีเนื้อ ศัพท์หนังเขาเรียกว่าดอสสิเอร์น่ะครับ ปูมหลังตัวละคร โดยเฉพาะหนังของท่านมุ้ยนี่ ท่านเน้นมากครับ แล้วยังมีประโยชน์กับรายละอียดอื่นๆอีกครับ ยกตัวอย่างตำนานฯ นะครับ มีหนังสือตามรอยฯออกมา ถามว่าใช้เป็นรูปธรรมหมดมั๊ยในหนัง ไม่หมดครับ แต่ถ้าสังเกตดีเทลส่วนประกอบต่างๆ จะเห็นชัดเลยว่าละเอียดยิบครับ บทที่ดีไม่ได้ลอยมาเองแน่นอนครับ ที่จริงอย่างประวัติรพินทร์นี่ เราก็ลองคิดให้สุดโต่งกันไปครับ ส่วนจะใช้แค่ไหนก็อีกเรื่อง แต่ถ้าเราทำให้รพินทร์มีเลือดเนื้อมีวิญญาณขึ้นมาได้ก็เยี่ยมครับ เดี๋ยวถ้ายังไม่หมดแรงก็ว่าจะต่อให้ครบทั้ง 12 คนครับ ความจริงผมก็ทำไว้แล้วแต่ก็ลืมครับ แล้วจะเห็นว่าความละเอียดครั้งนี้ ละเอียดกว่าเดิมมากครับ http://topicstock.pantip.com/chalermthai/topicstock/2006/01/A4062845/A4062845.html http://topicstock.pantip.com/chalermthai/topicstock/2006/02/A4070915/A4070915.html จากคุณ : อุปนิกขิต - [ 23 มี.ค. 50 01:56:55 ]

ความคิดเห็นที่ 145 อ้าวนิ่งกันไปเลย ถ้าอย่างนั้นก็ทุบโต๊ะตาม #111 ครับ แล้วค่อยเสริมกันอีกที จากคุณ : อุปนิกขิต - [ 23 มี.ค. 50 10:34:36 ]

ความคิดเห็นที่ 146 ******* ตำรวจนี่มีระบบรักษาความปลอดภัยทางเอกสารห่วยมากจังครับ ใครๆสามารถเข้าถึงชั้นความลับได้ง่ายๆ มิน่า โจรใต้ถึงรู้แผนตำรวจหมด..จึงได้ฆ่าเป็นว่าเล่น - ไปเล่นที่ทำงานของน้าน่า ตร หน่วยสืบนะผมรู้จักหมดแหละ และน้าเป็นหัวหน้าหน่วยน่า ม่ายช่ายลูกน้อง ตอนนี้ก็ทำงานตรงกับเสรี (บอกไปแค่นี้ ใครที่เป็น ตร ก็รู้แล้วว่า น้าผมเป็นใคร) ส่วนเรื่องเอกสารนะ สมัยนี้ง่ายกว่าสมัยก่อน สมัยก่อนต้องการเอกสารต่างหน่วยงาน ก็ต้องเดินไปขอตามที่ต่างๆ แต่สมัยนี้ ข้อมูลทุกอย่างจะบันทึกเข้าคอมฯ ของแต่ละหน่วยงาน จึงไม่แปลกที่จะสามารถดึงข้อมูลของหน่วยงานต่างๆ มาดูได้ครับ เพียงแต่ว่า สามารถดึงข้อมูลที่ทำการลิงค์กับของ ตร ได้เท่านั้น ทุกอย่างยังไม่สมบูรณ์ตามที่วางแผนไว้ครับ แต่เท่านี้ก็ง่ายและสะดวกกว่าเก่าเยอะครับ อย่างเห็นรถต้องสงสัย ไม่ว่าจะเป็นรถเถื่อน รถที่คนร้ายใช้ ก็โทรไปหาลูกน้องให้หาข้อมูลที่ขนส่งให้หน่อย ไม่ถึง 5 นาทีก็ได้คำตอบแล้ว ดังนั้นเรื่องจับคนร้ายก็ง่ายกว่าเก่าเยอะครับ ******* ห้องนี้เป็นห้องที่คนรัก เพชรพระอุมา เล่นกัน ถกเถียงกันเรื่องข้อมูลต่างๆ นะครับ อย่าเอาเรื่องไร้สาระของบางห้องมายุ่งในห้องนี้เลยครับ ขอร้องละครับ จากคุณ : monjangja - [ 23 มี.ค. 50 10:51:28 ]

ความคิดเห็นที่ 147 ในเรื่อง รพินทร์เบื่อหน่ายลาออกเองอยู่แล้วนี่ครับ จากคุณ : monjangja - [ 23 มี.ค. 50 10:59:30 ]

ความคิดเห็นที่ 148 -  ระหว่างที่เรียนประถม ด.ช. รพินทร์ได้บวชสามเณรภาคฤดูร้อน ที่วัดช้างไห้ โดยอาจจะบวชช่วงปิดเทอม ติดต่อกันเป็นเวลาหลายปี เป็น สามเณร ก็ ไป โรงเรียนได้ นะ ครับ เพราะ ช่วง ที่ พระ ทำวัตร์ มัก่อนเข้าเรียนและ หลังเลิกเรียนนะครับ ช่วงที่ผม บวชอยู่ ต่างจังหวัด สามเณรที่วัดยังไป โรงเรียนอยู่ เลย ดังนั้น เป็น ไป ได้ ว่า ตอนที่เรียนประถม บวชเป็นสามเณรอยู่ จากคุณ : thanapatpp - [ 23 มี.ค. 50 11:13:03 ]

ความคิดเห็นที่ 149 อ่านจบแล้วก็สงสัยนิดนึงนะครับ ในเมื่อรพินทร์ได้บวชเรียนเป็นสามเณรตั้งแต่เด็กแล้วจะเอาเวลาที่ไหนมาฝึกเป็นพรานกับพ่อล่ะครับ หรือว่าฝึกเป็นพรานไปซักพักแล้วมีเรื่องต้องมาบวชเรียนแบบว่าทำบุญล้างบาปอะไรทำนองนั้นหรือเปล่าครับ จากคุณ : kittipat - [ 23 มี.ค. 50 11:49:45 ]

ความคิดเห็นที่ 150 โอจิ...ถ้าไม่เหนื่อยก็ต่อประวัติดารินเลยนะ อิ อิ แกล้งให้ตาเป็นหมีแพนด้ากันไปเลย ไปไหนๆก็ทำเรื่องประวัติก็ ให้จบไป 12 คนเลยดีมั้ย จากคุณ : เป๋าตังค์เป๋าตุง - [ 23 มี.ค. 50 12:12:22 ]

ความคิดเห็นที่ 151 กรั่กๆๆๆๆ ถกกันไปถกกันมา มันจะไปกันใหญ่ซะแล้ว ครือ ที่ดิชั้นเขียนว่า บวชสามเณรภาคฤดูร้อนนี่ ก็มั่วเอาน่ะค่ะ ก็ไม่รู้ว่าจะเอาช่วงที่แกบวชไปแทรกไว้ตอนไหนนี่นา อย่าถือสาหาความอะไรกับคนแก่นักเลย งั่กๆๆๆ ถ้าให้เดา ก็คงปิดเทอมที บวชที แต่ไม่ได้บวชทุกปี เพราะใจแกรักยิงนกยิงหนู เก้งกวาง บ่าง ชะนี มากกว่าใฝ่ธรรมะ ดังนั้นอีตารพินทร์แกก็คงไม่ถึงกับเป็นเณรต่อเนื่องยาวนานนักหรอกค่ะ ส่วนเรื่องออกจากราชการ เห็นจริงตามความเห็น 147 คุณ monjangja ว่ามา นายรพินทร์คนหยิ่งในศักดิ์ศรี เขาลาออกเอง ไม่ได้ถูกให้ออกนี่นา ข้าน้อยขออภัยและยอมรับผิดแต่โดยดีค่ะ ว่าแต่ทำไมถึงจำว่าถูกให้ออกไปได้น้า ?? และจากความเห็นของคุณ monjangja ก็ทำให้ฉุกคิดขึ้นมาได้อีกว่า มันไม่ได้มีบอกไว้ตรงไหนเลย ว่ารพินทร์เรียนหลักสูตรทั้งหมด ติดต่อกัน เป็นไปได้สูง ที่พอรพินทร์เรียนจบเวสท์ป้อยท์ กลับมาทำงานอยู่พักหนึ่ง ผลงาน ความสามารถ และความเฉียบขาดเฉพาะทาง เกิดโดดเด่นไปเข้าตากรรมการ ที่กำลังคัดเลือกหน่วยลับเพื่อปฏิบัติภารกิจสำคัญ แกเลยได้ไปเรียนเพิ่มที่เยอรมันอีกครั้ง เพื่อกลับมาปฏิบัติภารกิจเด็กแนว (แนวตะเข็บชายแดน) ซึ่งภารกิจนั้น จะเป็นอะไรเราก็ไม่รู้ เพราะมันลับสุดยอดจริงๆ แต่ ประวัติการศึกษา .... ตามความเห็น 97 และ 111 ก็อาจจะต้องคิดกันใหม่ซะแล้ว เมื่อเจอแต่ปางบรรพ์ เล่ม 5 เข้าไป (ตอนที่พาเบลหนีฝูงหมามาอยู่ตรงสิงห์คู่หน้าสุสานจิตรางคนางค์) ไปจด wording เป๊ะๆ มาแล้ว อ่านดีๆ นะคะ "... กวีนิพนธ์บทหนึ่งในลักษณะของฉันทลักษณ์ สมัยที่ยังเรียนอยู่ใน มหาวิทยาลัยแผนกอักษรศาสตร์ ก่อนที่จะ ย้ายมาเรียนทางวิทยาศาสตร์การทหาร ผ่านเข้ามาในเซลล์สมอง..." ตกลงแกเข้ามหาวิทยาลัย แผนกอักษร แล้วสอบทุน ติดวิทยาศาสตร์ทางทหาร แล้วกลับมาเป็นตำรวจ หรือไงคะเนี่ย ??? จากคุณ : Nymph~* - [ 23 มี.ค. 50 12:36:14 ]

ความคิดเห็นที่ 152 พี่ เป๋าตังค์เป๋าตุง  ไม่ต้องห่วงนะค่ะ  Par ตั้งกระทู้  -----สืบประวัติดาริน-----  ไว้ให้แล้ว  5555+ http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A5252046/A5252046.html แล้วก็สำหรับรพินทร์กับแงซายนั้น  ถ้าดูจากประวัติแล้ว  แงซายเหมือนจะเหนือกว่ารพินทร์  แต่ Par ว่าความสามารถของทั้งสองไม่เท่ากันนะค่ะ  ดังนั้น  จึงตั้งกระทู้เปรียบเทียบความสามารถของทั้งสองเอาไว้ http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A5252065/A5252065.html จากคุณ : Par&Par - [ 23 มี.ค. 50 14:12:49 ]

ความคิดเห็นที่ 153 ตัดปัญหา ให้เหมือน#111 ดีกว่าไหมครับ รายละเอียดปลีกย่อยมันมากเหลือเกินไป หาจุดได้ไม่ค่อยลงตัว จากคุณ : โอจิ (Oji_yoyo) - [ 23 มี.ค. 50 14:14:06 ]

ความคิดเห็นที่ 154 สงสัยขำๆนะคะ ต่อยอดจาก #151 ไปจด wording เป๊ะๆ มาแล้ว อ่านดีๆ นะคะ "... กวีนิพนธ์บทหนึ่งในลักษณะของฉันทลักษณ์ สมัยที่ยังเรียนอยู่ใน มหาวิทยาลัยแผนกอักษรศาสตร์ ก่อนที่จะ ย้ายมาเรียนทางวิทยาศาสตร์การทหาร ผ่านเข้ามาในเซลล์สมอง..." ตกลงแกเข้ามหาวิทยาลัย แผนกอักษร แล้วสอบทุน ติดวิทยาศาสตร์ทางทหาร แล้วกลับมาเป็นตำรวจ หรือไงคะเนี่ย ??? ถ้าเรียนสายศิลป์มาตั้งแต่ต้น ก็ต้องไม่เคยได้เรียน ฟิสิกส์ เคมี ชีวะ (ตามหลักการเรียนแบบสมัยปัจจุบัน) หรือถ้าได้เรียนวิทยาศาสตร์มันก็น่าจะเป็นวิทยาศาสตร์ชั้นไม่เกินมัธยมต้น ไม่ได้เจาะลึกเป็น3วิชาที่ว่ามา แล้วทำไมถึงสามารถกระโดดจากอักษรศาสตร์ ไปเป็นวิทยาศาสตร์ทางการทหารได้ล่ะ??เพราะอย่างน้อยๆก็น่าจะมีความรู้ชั้นต้นในด้านวิทยาศาสตร์มาก่อนบ้าง.....?@? จากคุณ : captainhyuk - [ 23 มี.ค. 50 14:44:51 ]

ความคิดเห็นที่ 155 ถ้าเป็นหลักสูตรปัจจุบัน ก่อนที่จะเข้าโรงเรียนเตรียมทหารจะต้องเรียนสายวิทย์-คณิต อยู่แล้ว สำหรับรพินทร์เราน่าจะอนุมานได้ว่ารพินทร์เรียนสายวิทย์ แต่เรียนเสริมสายศิลป์แผนกอักษรดีไหมครับ โดยตัดปัญหาเรื่องเรียนมหาวิทยาลัยให้เป็นเรียนตอนมัธยมแทน ตามบทประพันธ์ถือซะว่าเป็นข้อบกพร่องโดยสุจริตไป...อิอิ  จะได้ไม่ปวดหัว... แก้ไขเมื่อ 23 มี.ค. 50 14:58:02 จากคุณ : โอจิ (Oji_yoyo) - [ 23 มี.ค. 50 14:57:12 ]

ความคิดเห็นที่ 156 อืมม... ประเด็นเรื่องสายการเรียน เดี๋ยวเย็นนี้กลับไปถามแม่ก่อน (ครูรุ่นเก่าครับ) เสนอไอเดียเรื่องพบรักกับแสงโสม... เราน่าจะพอสันนิษฐานได้ ว่า ครอบครัวของรพินทร์ น่าจะคุ้นเคยกับคุณอำพลมาตั้งแต่รพินทร์ยังเด็ก พ่อของรพินทร์ อาจเคยรู้จัก หรือเคยทำงานให้คุณอำพลมาก่อน ทีนี้.. พอรพินทร์ได้ทุนไปเรียน ตปท. อาจจะมีช่วงเวลาที่กลับมาพักผ่อนระหว่างปิดภาค ก็จะมาออกป่า อาจต้องขออาศัยเรื่องปืน เรื่องเสบียง จากคุณอำพลบ้าง คุณอำพลก็อาจจะแนะนำแสงโสมให้รู้จักในตอนนี้.. ในฐานะ นายตำรวจหนุ่ม นักเรียนนอก อนาคตไกล.. พิมพ์นิยมของสาวสังคมแบบแสงโสม จึงเกิดสมัครรักใคร่กันขึ้น.. แต่ด้วยความที่รพินทร์ต้องกลับไปเรียนต่อ รวมทั้งภารกิจหน้าที่ ทำให้ห่างกันไป.. แถมจบกลับมาแล้ว แทนที่จะไปเป็นนายร้อยอยู่ในกรม กลับมากลายเป็นตชด. สาวสังคมอย่างแสงโสม ก็เลย.. ทิ้ง ... ส่วนเรื่องภารกิจลับ... เป็นไปได้ไหม ว่า รพินทร์ เป็นส่วนหนึ่งของ "เสรีไทย สายอังกฤษ"... จากคุณ : Wobbegong - [ 23 มี.ค. 50 17:12:29 ]

ความคิดเห็นที่ 157 ตกลงรพินทร์เป็น"สายลับ"จริงๆเหรอครับ   คนดูเค้าจะไม่สับสนเหรอครับ -*-? จากคุณ : ฟาฬ - [ 23 มี.ค. 50 17:32:17 ]

ความคิดเห็นที่ 158 ดูเหมือนรพินทร์จะเคยบอกว่า ติดเชื้อมาลาเรียที่หุบหมาหอนเมื่อ ๕-๖ ปีก่อน ก็เป็นไปได้ว่า ติดมาเมื่อตอนที่ยังรับราชการ หรือตอนที่ออกมาใหม่ๆ จากคุณ : สลัดดำ - [ 23 มี.ค. 50 17:36:06 ]

ความคิดเห็นที่ 159 ไม่น่าจะสับสนนะครับคุณฟาฬ...ถ้าเป็นภาพยนตร์นะ  ประวัติของรพินทร์เราไม่จำเป็นต้องพูดถึงรายละเอียดมากนักก็ได้ เพียงแค่บอกว่าเป็นสายลับผ่านประสบการณ์มาโชกโชน...แต่เพื่อความมีมนุษยธรรมจึงทำให้ม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่งได้  จึงถูกกดดันทำให้ลาออก(หรือไล่ออก)ในที่สุด... ปูคาแร็กเตอร์รพินทร์ให้สูสีกับแงซายสักหน่อย...จะได้เพิ่มน้ำหนักและอรรถรสในการดำเนินเรื่องครับ... จากคุณ : โอจิ (Oji_yoyo) - [ 23 มี.ค. 50 19:19:35 ]

ความคิดเห็นที่ 160 ปู่ เอ๊ย อำพลเป็นคนบอกเองครับว่า ...เหตุผลในทางการเมืองและการหมั่นผลัดเปลี่ยนเจ้านายทำให้เขาถูกปลด เขาไม่มีความรู้ความชำนาญอะไรมากไปกว่าการยิงปืน และการเดินป่า... ให้ถูกไล่ออกก็ดีครับ เครียดดี หลังจากสอบประวัติกันแล้ว เชษฐาผู้สุขุมอาจถามต่อว่า "เอ มันแปลกๆนะคุณอำพล การศึกษาดีขนาดนี้ มาอยู่ทำไมชายแดน" อำพลอาจจะมองซ้ายมองขวา แล้วบอกคุณชายว่า "อย่าเอ็ดไปครับคุณชาย ชาวบ้านป่าแถวนี้เขารู้กันทั้งนั้นแหละครับว่าเบื้องหลังแกเป็นมือสังหารมือหนึ่งของทางราชการ ส่งมาเป่าพวกมีปัญหาชายแดนโดยเฉพาะ ที่แกชอบยิงแสกหน้าน่ะ แกคงติดนิสัยมาครับ" (เน้นความแม่นปืน ความโรคจิต เอ๊ย นิสัยเดิม) แถมอาจดีเทลว่า "ที่แกถูกปลดก็เพราะเรื่องการเมืองโดนสั่งให้ลอบยิงเจ้านายเก่าครับ แกไม่ยอมหักหลังคน ขัดคำสั่งก็เลยถูกปลด" ส่วนเรื่องอักษรศาสตร์ ยังไงก็น่าจะต้องมัธยมครับ เรายอมแม้กระทั่งว่ารพินทร์สตรอพวกอเมริกันก็แล้วกันครับ หรือแกอาจจะอิสคีเมียขึ้นแถมสับสนจากการทำงานสายลับมานานเลยบอกไปอย่างนั้น อิๆ แก้ไขเมื่อ 23 มี.ค. 50 20:17:24 จากคุณ : อุปนิกขิต - [ 23 มี.ค. 50 20:10:57 ]

ความคิดเห็นที่ 161 เท่าที่รู้มา...ปลดนายตำรวจชั้นสัญญาบัตรนี่เรื่องใหญ่นะครับ คือ ต้องทำผิดร้ายแรงอะไรแบบนี้ จากคุณ : สลัดดำ - [ 23 มี.ค. 50 21:38:07 ]

ความคิดเห็นที่ 162 ปกติก็จริงนะครับ เพียงแต่ตอนนั้นพลเอกเผ่าเป็นผู้นำตำรวจ สโลแกน ไม่มีอะไรภายใต้ดวงอาทิตย์ที่ตำรวจไทยทำไม่ได้ อะไรที่ยากก็ง่ายนะผมว่า โดยเฉพาะการขัดคำสั่งผู้นำ ยิ่งถ้าเรามองว่ารพินทร์คือมือสังหารระดับต้นๆในสมัยนั้น จากคุณ : อุปนิกขิต - [ 23 มี.ค. 50 22:12:15 ]

ความคิดเห็นที่ 163 ปู่..เอ้ย...นายอำพลจะซุบซิบบอกนายจ้างหยั่งงั้นเลยเหรอ รพินทร์กลายเป็นจิตนิดๆไปเลยซิเนี่ย  ระวังถูกส่งศรีธัญญานะ จากคุณ : เป๋าตังค์เป๋าตุง - [ 23 มี.ค. 50 23:00:41 ]

ความคิดเห็นที่ 164 อย่าว่ากานเน้อ ถ้าผมจะขอแย้งนิดนึง ******* ระดับสัญญาบัตร ในวงการนี่ไม่ให้ไปยุ่งกับคดีโดยตรงเด็ดขาด (ยุ่งโดยตรงทีไร สื่อตามไม่จบซักที เหมือนกับคดีดังที่จบไม่ลงตอนนี้นะแหละครับ แต่ข้อมูลที่รู้กันภายในไม่ขอบอกครับ) แต่ให้ใช้ประทวนทำแทน (ให้สังเกตนิดนึงว่า กรณีวิสามัญฆาตกรรมนะ ชั้นประทวนเป็นคนลงมือทั้งหมด ส่วนที่มาของการวิสามัญนั้นผมไม่ขอบอกก็แล้วกันครับ มือวิสามัญของกรมตำรวจมียศจ่าครับ เคยกินเหล้ากับผมเหมือนกัน) ชั้นสัญญาบัตรมีหน้าที่หาคนไปทำหน้าที่ในงานนั้นๆ เพราะ ถ้าเกิดกรณีผิดพลาดขึ้นมา ถ้าเป็นชั้นประทวนก็บอกได้ว่า เป็นการทำเกินหน้าที่หรือเป็นเรื่องส่วนตัว ฯ แต่ถ้าเป็นชั้นสัญญาบัตรไปทำละก็ ไม่มีข้อแก้ตัวกับสื่อมวลชนเลยนะครับ สำหรับผมแล้ว เมื่อรพินทร์จบมานี่ น่าจะเป็นหัวหน้าคุมหน่วยมากกว่าไปลงมือทำเอง และในคนที่มีลักษณะ ตู้ แบบรพินทร์ เมื่อมีความดีความชอบก็จะยกให้ลูกน้อง ถ้ามีการผิดพลาดก็จะขอรับไว้เองครับ จึงไม่แปลกถ้าเมื่อค่ายโดนตีแตก ถึงรพินทร์จะไม่มีความผิด แล้วให้กลับไปทำงานแบบเดิม แต่ก็อยู่ได้อีกไม่นานเช่นกันครับ อึดอัดน่า ******* เรื่องความสนิทกับคุณอำพลนั้น น่าจะมีตั้งแต่สมัยของป๊ะรพินทร์แล้วนะครับ คุณอำพลน่าจะทำธุรกิจค้าสัตว์มานานแล้ว เมื่อทำมานานก็ต้องรู้จักกับพรานรุ่นเก่าๆ ติดต่อค้าขายทำงานกันมาเรื่อยๆ เมื่อแสงโสมมาหาลุงแล้วมาเจอรพินทร์ตอนที่ยังเป็นนักเรียนธรรมดาอาจจะไม่สนใจนัก แต่เมื่อรพินทร์เป็นนักเรียนนายร้อยนี่ ตามลักษณะนิสัยของแสงโสม จึงไม่แปลกที่จะชอบนักเรียนนายร้อย (อาจจะมีไม่กี่คนในจังหวัด) ก็คงติดต่อกันมาเรื่อย เพราะเห็นว่าอนาคตไกล แต่เมื่อรพินทร์ออกจากราชการแล้ว แสงโสมคิดว่า รพินทร์ไม่มีอนาคตอีกเลยจากไป ซึ่งก็คงเป็นสาเหตุที่ทำให้รพินทร์เกลียดผู้หญิงทุกคน เพราะ คิดว่าผู้หญิงทุกคนชอบที่เงิน อนาคต ไม่ชอบที่ตัวตนของเขาครับ ******* เรื่องเข้าป่าของรพินทร์นั้น ก็ให้นึกถึง ตารางการเรียนของนักเรียนปกติก็แล้วกัน วันหยุดเสาร์อาทิตย์ ปิดเทอม รพินทร์ไม่มีที่ไปไหน ถ้าอยู่กับแม่ในตัวอำเภอก็ไม่สนุกตามภาษาลูกผู้ชาย งั้นก็ต้องไปเข้าป่ากับป๊ะ ดีกว่า สนุกดี การเรียนรู้ต่างๆ น่าจะเกิดและสะสมมาจากช่วงนี้นะครับ จากคุณ : monjangja - [ 23 มี.ค. 50 23:05:36 ]

ความคิดเห็นที่ 165 เรื่องการเรียนมัธยมของรพินทร์ ผมเห็นด้วยกับคุณ โอจิ ที่ 155 นะครับ ผมเองก็เรียนสายวิทย์คณิต เสริมศิลปะเหมือนกันครับ อีกอย่างหนึ่ง สำหรับภาษาและวรรณคดีนั้น คนที่ชอบโดยส่วนตัว ก็อาจเข้าเรียนในคณะอักษรได้ แม้จะเรียนวิทยาศาสตร์มาก็ตาม (ถ้าสามารถสอบได้นะครับ) ดังนั้นการที่รพินทร์จะมีความรู้หรือเคยศึกษามาทั้งสองด้าน ไม่น่าใช่เรื่องแปลกเลยครับ จากคุณ : P Q BOY - [ 25 มี.ค. 50 01:18:52 ]

ความคิดเห็นที่ 166 ข้อมูลเพียบ สุดยอดคะ ไม่มีความเห็น ตอนนี้ขออ่านอย่างเดียวก่อนนะคะ จากคุณ : ในรอยทราย - [ 28 มี.ค. 50 00:53:41 ]