CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    ดู{หนัง} วิธ มายเซลฟ์ ; "300" ... เถื่อน ดิสม์ ติสต์ ได้ใจ

      เกรด A -> 9-10 คะแนน (32 คน)
      เกรด B -> 7-8 คะแนน (8 คน)
      เกรด C -> 5-6 คะแนน (1 คน)
      เกรด D -> 3-4 คะแนน (0 คน)
      เกรด E -> 1-2 คะแนน (0 คน)

    จำนวนผู้ร่วมโหวตทั้งหมด 41 คน

     78.05%
     19.51%
     2.44%
     0.00%
     0.00%


    ถามเหตุผลของคนส่วนใหญ่ที่เลือกดูหนังเรื่องนี้ เชื่อได้ว่า เกินครึ่งคงจะบอกว่า "อยากดูภาพสวยขั้นเทพ" ซะมากกว่า ...ซึ่งถ้าพูดกันตามตรงแล้ว "300" มันก็ดูจะไม่มีอะไรที่แปลกใหม่ในความเป็นหนังสงครามเลย มันเหมือนกับสิ่งที่เราเคยเห็นมาแล้วเป็นสิบๆปี เป็นภาพลักษณ์เก่าๆที่ถอดไม่ออกของเรื่องเล่าสงครามสมัยกรีก-โรมันบนจอที่ซ้ำจนดูช้ำ เมื่อเอามาเล่าอีกเรื่อยๆ อารมณ์เรื่อยๆมันก็เลยพาลมีมากขี้นไป ...ยกตัวอย่างดูได้จาก Troy เวอร์ชั่นพี่แบรด ซึ่งต้องยอมรับว่าฉากอลังการงานสร้างต่างๆที่หนังทุ่มเททุ่มทุนมาดูยิ่งใหญ่จนน่าขนลุก แต่พอหนังจบแล้วก็ไม่มีอะไรให้น่าจดจำเลย กับอะไรๆที่น่าจะอัศจรรย์ใจมันก็กลายเป็นสิ่งที่เคยคุ้นมักจักกันมาก่อนจากหนังสงครามคลาสสิค หลายๆเรื่อง

    เอาบรรทัดฐานมาวัดจากตัวผมเองที่เป็นคนชอบดูหนังสงครามแล้ว มุมมองแรกที่เคยเห็นต่อ 300 ก็คิดไปว่า มันคงเป็นอะไรที่ซ้ำซากจำเจเดิมๆ พาลรู้สึกไม่อยากดูตั้งแต่แรกรู้จัก ...จนเมื่อมาเห็นและได้รู้จักกับวิธีการสร้างหนังในรูปแบบที่แปลกใหม่ของเขานั่นเอง (สตอรี่บอร์ดภาพร่าง และภาพตัวอย่างเล็กๆน้อยๆ) ถึงได้เริ่มเกิดความคิดที่อยากจะลองดูลองชม วิธีคิดแนวใหม่ของผู้สร้าง

    "300" คือ จำนวนนายทหารของกองทัพกรีก ผู้มีบุตรสืบสกุลแล้ว ที่ลุกขึ้นมาจับอาวุธพร้อมสู้ ร่วมเป็นร่วมตายกับกษัตริย์ "ลีโอไนดัส" แห่ง เมืองหน้าด่าน สปาร์ตา ...พวกเขาทั้ง 300 คนต้องรับมือป้องกันการรุกรานจากกองทัพเปอร์เซีย ไม่ให้ก้าวผ่านข้ามพ้นไปยังเขตบ้านอันเป็นที่รักของพวกเขา อันเป็นปราการด่านแรกที่จะนำพาให้เปอร์เซียกลายเป็นใหญ่ในดินแดนกรีก ทั้งหมดทั้งมวล

    หลังจากผลงานนิยายภาพเลื่องชื่อนาม Sin City ได้กลายสภาพไปเป็นหนังบนจอใหญ่อันโด่งดังด้วยฝีมือของคู่หูสองผู้กำกับหนังคัลต์เยี่ยมยุทธ์  เควนติน ทาแรนติโน่ & โรเบิร์ต รอดริเกวซ ... 300 ก็คือ วัตถุดิบสุดรักสุดหวงชิ้นต่อมาที่ "แฟรงค์ มิลเลอร์" ยอมให้ฮอลลีวู้ด ได้นำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ ...ด้วยความที่เขาคือนักเขียนเรื่องที่มีอารมณ์ติสต์สุดขั้ว บวกกับไม่ชอบให้ใครเอาสิ่งที่เขารักไปทำปู้ยี่ปู้ยำเล่นๆ มิเช่นนั้นการจะกลายมาเป็นหนังแต่ละเรื่องเลย จึงเป็นเรื่องที่สาหัสสากรรจ์สำหรับคนริจะทำหนังอันเป็นเรื่องของเขา

    แต่ "แซ็ค สไนเดอร์" ก็สามารถฝ่าด่านอรหันต์ของมิลเลอร์มาได้อย่างสำเร็จ กลายเป็นผู้กำกับหนังสงครามที่ดูสนุก และเร้าใจ ในทุกๆนาที ที่ภาพจากแผ่นฟิล์มกำลังลื่นไหลไปบนจอหนัง ...สไนเดอร์ จัดการเรื่องราวในนิยายได้อย่างมีประสิทธิภาพ สิ่งที่เคยมีในต้นฉบับของมิลเลอร์ทั้งหมดไม่ได้ขาดตกหล่นพร่องไปไหน เขานำมาเล่าให้กลายเป็นหนังได้ครบถ้วน เรียกได้ว่า ภาพต่อภาพ-ฉากต่อฉาก

    แม้โดยภาพรวมของตัวหนังจะมีความอ่อนด้อยในเรื่องของบท ที่ดูบางทีก็ง่ายไป บางครั้งก็ไม่มีรายละเอียดบอกเล่า ... แต่ความเป็นภาษาหนังก็สามารถกลบเรื่องเหล่านี้ไปได้พ้นจากใจคนที่คาดหวังจะมาบันเทิงกับมันอย่างเต็มที่

    ความบันเทิงทั้งหลายทั้งแหล่ ที่เราจะได้รับจาก 300 เกิดขึ้นมาจาก 3 ส่วนหลักๆ ที่หนังสงครามทั่วไปต้องมีเป็นองค์ประกอบสำคัญ คือ

    1. ฉากสงครามที่มันส์ถึงลูกถึงคน ...ถ้าขาดส่วนนี้ไป จะเป็นหนังสงครามที่ดีได้อย่างไร
    2. ตัวละครผู้นำและฮีโร่ของคนดู ...ใน 300 ก็คือ กษัตริย์ ลีโอไนดัส
    3. ความลึกซึ้งกินใจ ...ดรามาภาคบังคับที่จะต้องมี ให้ใส่มาเป็น พลอต หรือว่า ไดอะล็อก รูปแบบไหนก็ได้แล้วแต่

    ฉากสงคราม คือ ส่วนขายไฮไลท์ที่หนังเรื่องนี้ตั้งใจพรีเซนต์ ...เวลาของ 300 หมดไปกับภาพ เถื่อน-ดิสม์-ติสต์ เหล่านี้ ราวๆ 70 เปอร์เซ็นต์ ทั้งหมดทั้งมวลของเรื่องราวเรต R ถูกเล่าออกมาเป็นภาพที่ไม่ต้องบรรยายสรรพคุณอะไรมากถึงความโหด แต่งดงาม ความน่ากลัว แต่ขึงขัง ศิลปะจากซีจีถูกสร้างสรรค์ให้กลายเป็นพระเอกตัวจริง ที่แบกรับหนังทั้งเรื่องไว้บนบ่าและสองอุ้งมือ กับภาพที่สร้างขึ้นมาไม่ต้องการความสมจริงน่าเชื่อถือ แต่ต้องการความละเอียดอ่อนในทุกอณูสเปเชียลเอฟเฟกต์ ...เทคนิคการเล่นภาพกับ แสง สี เสียง ที่เห็นและได้ยินในหนัง สามารถสะท้อนอารมณ์ของหนังในฉากนั้นๆ ได้อย่างยอดเยี่ยม เพราะต่อให้ตัวละครไม่ต้องพูดอะไรเลยสักคำ คนดูก็ยังรู้อยู่ว่า เขา/เธอกำลังคิดอะไร หรือรู้สึกอย่างไร

    "เจอราร์ด บัตเลอร์" สวมบทบาท "ลีโอไนดัส" ได้สมบทบาท เขาสลับหน้าเป็นได้ทั้ง ผู้นำที่ยิ่งใหญ่ และคนธรรมดาที่น่าเกรงขาม ในเวลาเดียวกัน ...ในตอนแรก เราคนดูจะเห็นว่าเขาคือคนนำทัพ แต่ในตอนต่อๆมา ความรู้สึกจะกลับกลายเปลี่ยนแปลงให้ ธีโอไนดัส เป็นเสมือนนักรบตัวเล็กๆคนหนึ่งที่มีความสัตย์ซื่อรักถิ่นยิ่งชีพ เห็นลูกน้องอีก 300 ในความภักดีกลายเป็นผองเพื่อนร่วมสาบานที่พร้อมจะแลกเลือดหลั่งชีวิตเพื่อกอบกู้เอกราชสปาร์ตาให้คงอยู่ ...นอกจากร่างที่กำยำ จะทำให้ภาพของเขาดูขึงขังแล้ว การแสดงออกผ่านหัวใจที่อยู่ในร่างของบัตเลอร์ ยังทำให้เราเชื่อในความคิดและการกระทำของธีโอไนดัส อย่างเต็มร้อย

    แม้ 300 จะเน้นตัวเอก ลีโอไนดัส อย่างเกินหน้าเกินตาเพื่อนร่วมจอ แต่ก็ยังละเว้นความทรงจำไปไม่ได้กับบทบาทตัวประกอบคนอื่นๆ ซึ่งล้วนให้การแสดงเป็นทีมเวิร์กที่ดีด้วยเช่นกัน โดยมีที่เป็นความประทับใจมากกว่าใครหน่อย ก็คือ ตัวละครมเหสี "ราชินีกอร์โก้" ...ลีน่า ฮีดลี่ย์ ทำหน้าที่ของเธอในฉากสำคัญอีกหนึ่งฉากได้อย่างทรงพลัง และน่าขนลุกกับผลลัพธ์ของพลังหญิงที่ต่ำต้อยในสภาสูงของเธอ    
     
    ช่วงเวลาสุดท้ายที่ 300 มี ก็คือ ดรามาภาคบังคับที่หนังสงครามทุกเรื่องจงใจต้องมี ...ช่วงเวลาที่เป็นจุดพีคของเรื่องราวอันขึงขัง และสร้างพลังความฮึกเหิมกับคนดู ทุกสิ่งทุกอย่างที่หนังต้องการสื่อจะมาบรรจบพบกันในฉากจบของสงครามที่พร้อมจะสะเทือนใจทุกๆคน หรือต่อให้คุณจะรู้มาก่อนว่าหนังจะจบลงเช่นนี้แล้ว มันก็ยังต้องมีห้วงอารมณ์ที่ใจหายไปอยู่ดี ...ซึ่งผมก็คือคนในกรณีหลัง ที่ล่วงรู้ตอนจบของหนัง และก็ไม่มีผลปฏิกิริยาอะไรที่จะทำให้ความอินลดลงไปตามลมปากของคนที่บอก

    300 อาจจะดูเป็นหนังที่ว่ากันด้วยเรื่องของความสามัคคีและรักชาติยิ่งชีพ เพียงแค่นี้ในเปลือกนอก แต่เนื้อในลึกๆของมันยังมีแอบสะท้อนภาพปัจจุบันไว้ได้อย่างแนบเนียน ...พลอตเรื่องประกอบหนึ่งพลอตที่หนังใส่เข้ามาแบบซ่อนๆ กระทบใจดังปังไปกับการเสียดสีแดกดัน ไว้อาลัยให้กับคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็น 'หนอนบ่อนไส้' ...หนังแสดงออกผ่านสองตัวละคร หนึ่งนักการเมือง และหนึ่งนักสู้ตัวประหลาด สองสปาร์ตันที่นอกรีตเพราะเงิน และความอาภัพ ต่างคนต่างมีแรงจูงใจในการทรยศของตัวเอง คนหนึ่งต้องการความยิ่งใหญ่ อีกคนต้องการแค่การยอมรับ แต่เมื่อต่างคนต่างมีอุปสรรคขวางกั้นในสิ่งที่คาดหวัง และโดนขัดคอด้วยอุดมการณ์ที่คิดไม่เหมือน พวกเขาจึงล้างแค้นคืนด้วยการนำพาความหายนะมาสู่แดนสปาร์ตัน ยื่นมือขอความเห็นใจให้เปอร์เซียตอบแทนพวกเขาด้วยการเปิดทางนำพาเข้าไปสู่บ้านเกิดเมืองนอนที่พวกเขาหลงลืมที่จะรักมัน ...ตัวละครทั้งสอง ก็เหมือนเช่นคนบางคนในปัจจุบัน ที่หาเรื่องหาอันตรายนำพาความหายนะมาสู่ดินแดนเคยพักพิงอาศัยมาแต่อ้อนแต่ออก กว่าจะรู้ตัวอีกที ทุกวันนี้ บ้านแห่งนั้นก็ไม่ใช่ที่ของเขาอีกต่อไปแล้ว

    "300" เป็นหนังสงครามที่ เถื่อน ดิสม์ ติสต์ ดูมันส์ และสนุก จนได้ใจ ใครไปหลายๆคน รวมถึงผม ที่ออกจากโรงมาด้วยความรู้สึกที่ค้างคา หลงเหลือ ความอัศจรรย์ใจให้น่าจดจำ ทั้งภาพและเสียง ...ประโยคสั้นๆว่า "This is Sparta!!!" กลายเป็นแฟชั่นคำติดปากพูดเล่นกับเพื่อนด้วยความคะนองใจ และภาพของทูตเปอร์เซียโดนทีบจะต้องเป็นภาพติดอันดับประทับ(สะ)ใจในรอบปี ของผมแน่นอน ...นี่แหละ คือหนัง เถื่อน ดิสม์ ติสต์ ได้ใจ ที่อยากให้คุณๆไปสะอารมณ์ด้วยกันครับ

    ขอแนะนำให้ดูแบบดิจิตอล โนเซ็นเซอร์ เห็นหน่มน้ม...ครับ  

    เกรด A-

    สำหรับทุกคนที่ได้เผลอเข้ามาในกระทู้รีวิวนี้ ...อย่าเพิ่งรีบออกไปนะครับ อยากขอให้ช่วยลง ความเห็นของคุณกับความรู้สึกต่อหนังเรื่องนี้ ได้ประทับเก็บไว้ในกระทู้นี้ด้วย ... "1 Comment ของคุณ มีค่าเท่ากับ 1 Happy ของจขกท."

    ขอบคุณครับ รักคนอ่าน

    แก้ไข : ขอขอบคุณ คุณ LezionE และ Chouylai ที่ท้วงเข้ามาถึงข้อมูลที่ถูกต้องด้วย ...เบลอหนักไปหน่อย ก็เลยจำเพี้ยนนิดนึงส์ ขอโทษด้วยครับ

    แก้ไขเมื่อ 26 มี.ค. 50 14:27:22

    แก้ไขเมื่อ 26 มี.ค. 50 13:41:39

    แก้ไขเมื่อ 26 มี.ค. 50 13:40:03

    แก้ไขเมื่อ 26 มี.ค. 50 13:38:30

     
     

    จากคุณ : OncE UPoN'-'a MaN - [ 26 มี.ค. 50 13:36:18 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | PanTown.com | BlogGang.com