CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    +++ ดูแล้วมาคุยกัน ... The Good Shepherd , จะลงเรือทั้งที คิดให้ดีก่อนตัดสินใจ +++

      ชอบมาก ห้ามพลาด (2 คน)
      ชอบ (6 คน)
      เฉยๆ (1 คน)
      ไม่ชอบ (0 คน)
      ไม่ชอบมาก เสียดายตังค์ (0 คน)

    จำนวนผู้ร่วมโหวตทั้งหมด 9 คน

     22.22%
     66.67%
     11.11%
     0.00%
     0.00%


    manชวนเพื่อนๆมาเป็นแนวร่วมความคิดเห็น ต่อระบบเซ็นเซอร์และการจัดเรตหนัง ครับ ที่

    จาก 300 สู่กรณี 'มีนมมีเบลอ' + ตลกหยาบคายและความรุนแรง + เด็กๆในโรงหนัง ...ควรหรือยังกับการจัดเรตหนังบ้านเรา
    http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A5241346/A5241346.html




    .... เลือกอ่านบทความนี้พร้อมรูป พร้อมอ่านความเห็นอื่นๆ และ เชิญชวนมาแสดงความเห็นเพิ่มเติมที่ http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=aorta&month=03-2007&date=27&group=1&gblog=227


    ...ทุกครั้งที่เห็นแมตต์ เดมอน ผมจะต้องนึกถึง สตีฟ ฟินแนน

    สตีฟ ฟินแนน คือ นักเตะตำแหน่งแบ็กขวาของลิเวอร์พูลที่ผมรู้สึกว่าหน้าตาช่างละม้ายคล้ายคลึงกับเขามาก

    สองคนนี้ยังมีส่วนร่วมกันอีกคือ สตีฟ ฟินแนน เป็นนักเตะที่รักษาระดับมาตรฐานของตัวเองดีมาก เขาอาจไม่ใช่ดาวดังอย่าง สตีเวน เจอรราด , อองรี หรือ โรนัลดิญโญ่ แต่เขาคือนักเตะที่ทุกๆทีมต้องการมี เพราะทุกครั้งที่เขาลงสนาม คะแนนค่าเฉลี่ยความสามารถจะอยู่ แปด หรือ เก้า อยู่เรื่อยๆ

    แมตต์ เดมอน ก็เช่นกัน เขาอาจไม่ได้อยู่ตำแหน่งเดียวกับ แบรด พิตต์ หรือ ทอม ครูซ แต่ไม่มีหนังเรื่องไหนที่เขาฝากฝีมือไว้ชนิดต่ำกว่ามาตรฐาน เขาเป็นได้ทั้ง นักต้มตุ๋นอ่อนหัดในทีมของโอเชี่ยน หรือ สายลับระดับพระกาฬที่ดันลืมชื่อตัวเอง

    ...ในหนังเรื่องนี้ เขาเป็น เอ็ดเวิร์ด วิลสัน

    เอ็ดเวิร์ด เป็นนักเรียนชั้นดีของมหาวิทยาลัย ถูกชักชวนเข้าเป็นหนึ่งในสมาคมกะโหลกไขว้ในมหาวิทยาลัยเยล สมาคมลับที่ว่ากันว่าเหล่าคนดังล้วนเคยเป็นสมาชิก

    เขาเริ่มต้นอยู่กับ ความลับ นับตั้งแต่นั้น

    การก้าวเข้าสู่องค์กรนี้ เป็นการเดินตามรอยพ่อของเขา พ่อของเขาเคยมีประวัติเป็นคนทรยศขององค์กรและหนีโลกไปด้วยการฆ่าตัวตาย โดยเขาในวัยเด็กได้เห็นศพเป็นคนแรก แน่นอนว่า คนเป็นลูกอย่างเขาย่อมฝังใจคิดว่าตัวเองจะไม่เดินซ้ำรอยเดิมและจะทำหน้าที่ให้ดียิ่งกว่า

    เขาไม่รู้หรอกว่า การทำหน้าที่ให้ดียิ่งกว่า ย่อมนำมา ซึ่งการสูญเสียที่กินวงกว้างมากกว่า

    ...คำสามคำที่วนเวียนในชีวิตของเอ็ดเวิร์ด คือ “ความปลอดภัย(safe)” , “หลอกลวง(lie)” และ “ความไว้วางใจ(trust)”

    เขาเริ่มงานในซีไอเอก็ต้องเกี่ยวข้องกับคำสามคำนี้ เพราะ เขามีหน้าที่ในหน่วยข่าวกรอง คอยแยกแยะข่าวจริง คอยสร้างข่าวลวง คอยดูว่าใครที่ไว้ใจได้หรือไว้ใจไม่ได้

    เขา ประสบความสำเร็จในเรื่อง ความหลอกลวง และ เชี่ยวชาญที่จะแยกว่าใครไม่น่าไว้วางใจ และ สร้างความปลอดภัยให้กับประเทศชาติ

    เขาอาจช่วยชาติได้ แต่ ไม่สามารถช่วยชีวิตครอบครัว คนในครอบครัวไม่ว่าภรรยาหรือลูก เต็มไปด้วยความรู้สึกถึงความไม่มั่นคง(insecure) อาศัยอยู่กับความลับและการหลอกลวง และ ไม่สามารถไว้ใจอะไรได้เลย



    น่าสงสารตรงที่แม้จะรู้ทั้งรู้ แต่ เอ็ดเวิร์ด ก็ไม่สามารถจะทำอะไรได้เลย

    เพราะ


    .... วินาทีที่เขาก้าวมาเป็นส่วนหนึ่งของสมาคมและไปร่วมงานกับซีไอเอ ก็เหมือนกับ การตัดสินใจก้าวลงเรือ





    ก่อนจะเลือกลงเรือลำใด จำต้องตัดสินใจให้ดี เพราะ เมื่อเราลงเรือแล้วออกเดินทาง เราไม่สามารถกระโดดหนีกลางคัน เช่นเดียวกับ การร่วมงานกับใครก็ตามหากไม่พินิจพิเคราะห์ เกิดจับพลัดจับพลูไปอยู่กับคนโกงๆแล้วเราเองก็ต้องมีส่วนร่วม จะถอนตัวก็เป็นเรื่องยาก เพราะ เรื่องโกงๆเหล่านั้นก็เป็นชนักที่ติดหลังเราไปด้วยแล้ว

    เรือของเอ็ดเวิร์ดเป็นเหมือนเรือจำลองที่เขาชอบประดิษฐ์

    เป็นเรือที่พาตัวเองเข้าไปในขวดได้ แต่ไม่สามารถออกมาได้ ถ้าคิดจะออก ก็จำเป็นต้องทำลายเรือให้ย่อยยับเท่านั้น

    คนเก๋าๆในวงการนี้บอก เอ็ดเวิร์ด ระหว่างทางแล้วว่า

    “ออกเสียตั้งแต่ยังมีโอกาส”

    คำเชิญชวนนี้ ถ้าผมจำไม่ผิด พระเอกจากหนังเรื่อง Munich ก็เคยได้รับ

    แต่ หลายคนไม่ยอมถอนตัวเป็นเพราะ

    -กลัวว่าตัวเองจะเดือดร้อน เพราะมีชนักเกี่ยวติดมาด้วย
    -กลัวว่าตัวเองจะลำบากเพราะถูกตามเก็บ
    -เชื่อมั่นเทิดทูนในองค์กรหรือในงานของตัวเองโดยขาดสติ

    ด้วยเหตุนี้ เราจึงเห็นหลายๆคน ที่ต้องสูญเสียสิ่งดีๆในชีวิต ไม่ว่าจะเป็นคนจริงๆในสังคมที่หลงไปกับบางองค์กรบางบริษัท จนลืมเพื่อนหรือครอบครัว หรือจะเป็นตัวละครในแวดวงแฟชั่นใน The Devil wear prada หรือว่า สองสายลับจาก Munich และ เรื่องนี้

    คนดูทุกคนนั่งดู การสูญเสียของ เอ็ดเวิร์ด เช่นเดียวกับ พระเอกในมิวนิค ที่การสูญเสียนั้นค่อยๆเกิดจากภายนอกที่เราเห็นได้ชัด (พระเอกในมิวนิค สูญเสียเพื่อนร่วมงาน , เอ็ดเวิร์ดสูญเสียครอบครัว) ซึ่งเกิดขึ้นพร้อมๆกับการสูญเสียภายในที่ตัวละครไม่ทันรู้ตัว นั่นคือ การสูญเสียจิตวิญญาณ

    จากคนหนุ่มจิตใจดีที่รังเกียจการฆ่า หรือจะทำก็ด้วยเหตุผลเฉพาะคนในรายชื่อ พระเอกใน Munich กลายเป็นคนที่พร้อมจะฆ่าเพื่อล้างแค้นและไม่รู้สึกเสียใจ

    จากคนหนุ่มเฉลียวฉลาด ซื่อๆ ดูจริงใจ เอ็ดเวิร์ด กลายเป็น คนที่เต็มไปด้วยความลับและพร้อมจะสละทุกอย่างเพื่อให้งานรุดหน้า


    ...สำหรับประเด็นการบ้างานจนสูญเสียนี้ มีจุดที่ผมชอบจาก The good sheperd ตรงที่ทำให้เราได้เห็นมากไปกว่า Munich คือ หนังทำให้เราได้เห็นอนาคตต่อๆไป ว่า การเลือกลงเรือของเอ็ดเวิร์ดเช่นนี้ มีผลกระทบต่อลูกชายที่เติบโตมาได้อย่างไร ชีวิตบ้างานอย่างไม่ลืมหูลืมตา หรือ ชีวิตของคนเป็นพ่อแม่ ส่งผลกระทบต่อลูกได้โดยที่ตัวเองไม่ทันคิด

    เพราะ ลูกของเอ็ดเวิร์ด ต้องเติบโตมากลายเป็น คนที่ขาดความมั่นใจ(low self esteem) ทำอะไรต้องคอยดูว่าพ่อจะรับรองหรือไม่ อยากได้การ approve จากพ่อ

    ลูกชายโดยส่วนใหญ่ก็พยายามจะสร้างตัวตน หรือพยายาม identified คนเป็นพ่อ ลูกชายหลายๆคนจึงพยายามที่จะเลือกงานเหมือนๆพ่อ เพื่อให้พ่อภาคภูมิใจ พยายามไปให้ถึง ภาพลักษณ์ในอุดมคติ(ego-ideal)ที่อยากจะเป็น

    เขายิ่งไม่เข้าใจเมื่อพ่อพยายามจะบอกให้เขาถอยห่างออกมา

    สุดท้ายแล้ว เมื่อเขาไม่สามารถไปถึง เมื่อเขาพบกับสิ่งที่ทำให้รู้สึกปลอดภัยได้มากกว่า เขาจึงมองว่า พ่อนั้นพยายามกีดกัน และ คำพูดของพ่อนั้นเป็นคำโกหกเหมือนที่ผ่านๆมา

    และ ความบ้างานของคนเป็นพ่อ ไม่ใช่แค่ทำลายชีวิตครอบครัวแค่ครอบครัวตัวเองครอบครัวเดียว แต่มันส่งต่อการทำลาย ได้อย่างน่ากลัวราวกับยีนที่ถ่ายทอดกัน ลูกของเอ็ดเวิร์ดยังต่อได้รับผลกระทบชิ่งจากงานของพ่อด้วย สุดท้ายแล้ว จึงเป็นการสูญเสียที่ไม่มีใครสามารถช่วยเหลือ

    ...เขาอาจจะเป็น The Good Shepherd ของ ซีไอเอ แต่ เขาคือ The Bad Shepherd สำหรับคนในครอบครัว

    (Shepherd - a person who protects, guides, or watches over a person or group of people.)







    ….The Good Shepherd เล่าเรื่องตัดสลับสองช่วงเวลา

    เริ่มตั้งแต่ ช่วงลงเรือของเอ็ดเวิร์ด และ ช่วงเวลาที่เรือรั่ว

    ...หนังเปิดฉากในเวลาปัจจุบัน ซึ่งเป็นเอ็ดเวิร์ดในช่วงปลายของชีวิต ได้รับเทปลับที่จะช่วยให้เขารู้ว่า ใครเป็นคนทำให้ข่าวขององค์กรรั่วไหล ใครเป็นหนอนบ่อนไส้ หรือ ใครเป็น คนทำเรือที่เขานั่งมาตลอดสามสิบปีนี้รั่ว

    เขาจึงพยายามเร่งหาตัวการคนนั้น ไปพร้อมๆกับ องค์กรตัวเองที่กำลังจะถูกปิดฉากเนื่องจาก สงครามได้จบลงแล้ว หน่วยงานของเขาก็กำลังจะไร้ความจำเป็น และ เขาเองก็กำลังถูกหมายหัวเนื่องจากเป็นคนที่กุมความลับสำคัญหลายๆอย่างมาตลอดสามสิบปี


    หนังจะตัดสลับไปกับ ช่วงมหาวิทยาลัย ที่เอ็ดเวิร์ดเริ่มก้าวลงเรือ (ซึ่งช่วงแรกของหนังทำเอาผมงงอยู่ไม่น้อย ต้องอาศัยลักษณะกรอบแว่นของพระเอกจึงจะจำได้ แถมตัวละครยังเยอะชนิดสมาธิหลุดก็ลืมแน่ๆ)

    จากจุดนั้น ความสูญเสียแรกๆที่เขาต้องแลกกับงานที่เขาเลือก เริ่มต้นตั้งแต่สูญเสียความรักที่อ่อนหวานบริสุทธิ์สดใสของ ลอร่าและต้องยอมสละอาจารย์ตัวเอง ก่อนจะเป็นการต้องทิ้งครอบครัวไปอยู่ดินแดนห่างไกล ไม่อาจอยู่ดูลูกเกิด และ ให้ลูกเติบโตกับภรรยาเพียงสองคนนานกว่าห้าปี

    ...เขาเชื่อว่า เขาทำเพื่อชาติ สามสิบปีต่อมา เขาจึงต้องมาพบว่า สิ่งที่เขาทำอาจไม่ใช่เพื่อประเทศชาติอย่างที่คิด

    งานของเขาท้ายที่สุดในบั้นปลายอาจเป็นเพียงแค่ ความว่างเปล่า

    มันไม่ใช่การรักษาประเทศชาติ แต่เป็น ความหมกมุ่นและความบ้าของกลุ่มคน ที่พยายามสร้างเรื่องเพื่อจะรักษาให้มี ‘องค์กร’ การมีมิใช่เพื่อให้ชาติอยู่รอด แต่พยายามให้มี เพื่อให้ตัวเองมี’งาน’ทำสืบต่อไป

    ดังนั้นสิ่งที่เขารับใช้อาจเป็นเพียง ความบ้าและหมกมุ่นของคนบางคนเท่านั้นเอง





    (มีต่อ)

    จากคุณ : "ผมอยู่ข้างหลังคุณ" - [ 28 มี.ค. 50 09:27:58 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | PanTown.com | BlogGang.com