CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    +++ ดูแล้วมาคุยกัน ... I'm a Cyborg, But That's OK , แต่ I ไม่ค่อย OK +++

      ชอบมาก ห้ามพลาด (26 คน)
      ชอบ (11 คน)
      เฉยๆ (3 คน)
      ไม่ชอบ (2 คน)
      ไม่ชอบมาก เสียดายตังค์ (12 คน)

    จำนวนผู้ร่วมโหวตทั้งหมด 54 คน

     48.15%
     20.37%
     5.56%
     3.70%
     22.22%


    เลือกอ่านบทความนี้พร้อมรูป อ่านความเห็นอื่นๆ และ เชิญชวนมาแสดงความเห็นเพิ่มเติมที่ http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=aorta&month=03-2007&date=29&group=1&gblog=228


    ...ผมเชื่อว่า คนที่หมายมั่นปั้นมือแน่วแน่ ว่าจะไปดูหนังเรื่องนี้ มีสองกลุ่มใหญ่ๆ

    กลุ่มแรก เป็นกลุ่มที่ผมเจอหน้าโรงกำลังจับกลุ่มซุบซิบชี้รูปเรนกันใหญ่ ก่อนจะเข้าไปเจอหน้าผมที่นั่งข้างๆแล้วก็เงียบกริบ จนเรนโผล่มาให้เห็นหน้าก็เริ่มกรี๊ดและส่งเสียงด้วยความดีใจ เหมือนที่ผมได้ยินว่า "ว๊าย เธอ เรน กระต่ายน้อยมาแล้ว" จากนั้นก็จะยิ้มร่าเฮฮากรั่กๆแทบทุกฉากที่มีเรน

    กลุ่มสอง เป็นกลุ่มที่นิยมชมชอบ หนังเลือดสาดสุดเท่ ที่มีทั้งคีมงัดฟัน กรรไกรตัดลิ้น กินปลาหมึกดิบ ฯลฯ แถมบทสรุปสุดท้ายยังวิปริตสุดขีด อย่าง Old Boy และ บรรดาหนังในชุดความแค้น 3+1 นั่นคือ 3 เรื่องจากหมวดไตรภาคของความแค้นอันได้แก่ Old Boy , Sympathy For Mr.Vengeance, Sympathy For Lady Vengeance และ หนึ่งเรื่องที่มาจากหนึ่งตอนที่ชื่อ Cut ใน Three Extreme ทั้งหมดนี้เป็นฝีมือการกำกับของ ปาค ชานวุค


    ผมไม่ได้ กรี๊ด กับ เรนกระต่ายน้อย ผมจึงอยู่ในกลุ่มหลัง

    ...ผมเคยผ่านตา ปาคชานวุค ให้สัมภาษณ์ว่า เขาอยากจะสร้างหนังสักเรื่องที่ลูกของเขาสามารถดูได้ แต่เมื่อผมนั่งดูหนังเรื่องนี้จนจบ ผมมั่นใจเหลือเกินว่า ว่า ปาคชานวุค คงไม่สามารถสลัดความรุนแรงออกไปจากตัวตนของเขาได้ เพราะแม้แต่หนังที่เขาว่าจะสร้างขึ้นมาด้วยหวังว่าลูกชายจะมีโอกาสได้ดูเรื่องนี้นั้น ก็ยังคงมีแอบโหด แอบเลือดนอง แอบมีเรื่องเพศ(แม้จะบริสุทธิ์งดงามก็ตาม) ปนไปกับเนื้อเรื่องที่ค่อนข้างสับสนตามอาการป่วยของตัวละคร จนผมสงสัยว่าลูกชายของเขาน่าจะดู ซี่รี่ส์ไตรภาคความแค้นได้เข้าใจมากกว่า


    ...ประเด็นของหนังเรื่องนี้ทำให้ผมคิดถึงหนังเรื่อง The Other Sister ที่มี จูเลียต ลิวอิส แฟนเก่าของแบรด พิตต์เล่นเป็นนางเอกที่ปัญญาอ่อน และ พบกับชายอีกคนที่ป่วยทางจิตไม่แพ้กัน ทั้งคู่พยายามที่จะฝ่าฟันเอาตัวรอดในโลกใบนี้ ท่ามกลางเสียงคัดค้านของคนทั่วไป


    เช่นเดียวกับ I'm a Cyborg, But That's OK ก็พยายามจะเล่าชีวิตของ ผู้ป่วยโรคจิตสองคน ซึ่งก็เสมือนคนที่มีโลกส่วนตัว ใช้ชีวิตอยู่กับจินตนาการ ได้มาพบกัน และคอยช่วยเหลือกันให้มีชีวิตอยู่รอดในโลกความเป็นจริง

    โลกส่วนตัวของนางเอก ที่คิดว่าตัวเองเป็นไซบอร์ก ไม่สามารถกินอาหารเพราะอาหารจะทำให้ร่างกายพัง แต่ เมื่อต้องใช้ชีวิตเช่นนี้ในโลกของความเป็นจริง มันคืออาการทางจิต ที่กำลังจะทำให้เธอต้องเสียชีวิตเพราะขาดอาหาร

    ความพยายามของหมอและพยาบาลคือการให้ยา การป้อนอาหารผ่านสายทางจมูก จนถึงขั้น รักษาด้วยไฟฟ้า แต่อาการของเธอไม่กระเตื้องขึ้น

    จนพระเอกของเราก้าวเข้ามาในโลกของเธอ และ ค้นหาวิธีการที่จะช่วยเธอในแบบฉบับของคนที่ ไม่ปกติ เช่นเดียวกัน การก้าวมาอย่างยอมรับและเข้าใจ ทำให้เขาไม่พยายามจะดึงดันฝืนให้เธอเป็น ‘คน’ เพราะสำหรับเขา แม้เธอจะเป็น ‘ไซบอร์ก’ เขาก็ OK





    ...ความสัมพันธ์ของคนสองคน ที่คนทั่วไปอย่างเราๆ เข้าไม่ถึงโลกส่วนตัวของพวกเขา เมื่อทั้งคู่มาเจอกัน ก็สานสัมพันธ์คอยช่วยเหลือ เพื่อเอาตัวรอดในสภาพสังคมปกติ ที่พวกเขาคือ คนไม่ปกติ

    และนั่นเป็นการประกาศยืนยันทางอ้อมให้เราได้เข้าใจว่า

    ถึงจะป่วยทางจิต ถึงจะถูกเรียกว่า คนบ้า แต่ มิได้แปลว่า พวกเขาไร้ความรู้สึก ไร้น้ำใจ ไร้ความผูกพัน มิหนำซ้ำ สิ่งที่เรียกว่า น้ำใจ หรือ ความรู้สึกนั้น พวกเขายังมีมากกว่าคนปกติหลายๆคนที่อยู่กันอย่างชาชินและเห็นแก่ตัว

    ...โรคจิตเภท(Schizophrenia) ทำให้คนป่วยต้องมีชีวิตอยู่ในโลกของตัวเองที่ต่างไปจากโลกของคนอื่น และ คนก็จะเข้าใจผิดๆว่า อาการเหล่านี้คือ การบ้าที่ไม่มีความหมาย

    จากความเข้าใจผิดนี้เอง ที่เป็น อีกจุดซึ่งหนัง ทำการบ้านมาดี คือ การทำให้คนทั่วไปได้เข้าใจว่าอาการป่วยทางจิต เช่น พูดคนเดียว ประสาทหลอน ฯลฯ แม้จะมีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ในปัจจุบันแล้วว่า เกิดจากสารเคมีในสมองบางชนิดเกิดการแปรปรวน

    แต่นั่น ไม่ได้แปลว่า ทุกรายที่ป่วยจะไร้สาเหตุที่มาทางจิตใจ

    มีศัพท์เฉพาะทางจิตวิทยา ว่า Psychodynamic นั่นคือ ทุกพฤติกรรม หรือ ทุกอาการ มีการเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลาและมีที่มาที่ไป จากอดีตมาสู่ปัจจุบัน เหมือนกับเรายืนอยู่ตรงกลางลำธาร ถ้าเราไล่เลาะย้อนไปต้นน้ำ เราก็จะพบว่า เพราะเหตุใด ลำธารสายนี้จึงเลือกไหลมาอยู่จุดที่เรายืนอยู่

    เช่น อาการชอบขโมยนิสัยและของคนอื่นของ พระเอก หนังก็อธิบายได้ว่าป็นอาการที่มาชดเชยความรู้สึกเสมือนไม่มีตัวตน เสมือนไร้ค้า การขโมยของพระเอก เป็นสัญลักษณ์ของความต้องการให้ได้มาซึ่งการมีตัวตน เพราะ สิ่งที่เธอพระเอกขโมย คือ บุคลิกลักษณะ ข้าวของ ที่เป็นตัวแทนของคนๆนั้น มันก็เท่ากับ การขโมย อัตลักษณ์หรือตัวตนของคนอื่นมา

    ...อาการป่วยเป็น ไซบอร์ก ของนางเอก ก็เป็นเหมือนการปฏิเสธที่จะเป็น คน ของเธอ

    ถามว่า ทำไมเธอถึงต้องเป็น ไซบอร์ก  

    อาจพอตอบได้ว่า การเป็นไซบอร์ก ไม่ต้องมีความรู้สึก ไม่มีจิตใจ เธอจะได้หลีกหนีความรู้สึกเจ็บปวด และ การเป็นไซบอร์ก อาจบ่งบอกความไม่ต้องการเป็นมนุษย์ของเธอ ซึ่ง เมื่อหนังเล่าย้อนไปก็จะเข้าใจเธอได้ว่า ในวัยเด็กของเธอนั้น มนุษย์ทุกผู้ทุกคนกระทำต่อเธออย่างไม่แคร์เธอ ที่แรงที่สุด คือ พรากคนสำคัญที่สุดในชีวิตของเธอไป

    การหมกมุ่นของนางเอกก็มีที่มาจากวัยเด็กที่เคยสูญเสียบุคคลสำคัญที่สุดในชีวิตไปแบบกระชากความรู้สึกและ ไม่มีใครรับฟังเธออีกเลย เธอจึงต้องการแยกตัว แยกอารมณ์ และ การยิงคนด้วยปืนของไซบอร์ก ก็มาจากจิตใต้สำนึกที่ได้โอกาสปลดปล่อย ความโกรธแค้น ความรุนแรงฝังใจ ที่มีต่อมนุษย์ (น่าสงสารเด็กตัวเล็กๆที่อาศัยอยู่กับยายที่หลงลืม ที่ตลกขมขื่นคือ หนังก็ทำให้เห็นว่า แม่เธอก็ป่วยไม่แพ้กัน)

    ดังนั้นการเป็นคนก็ไม่มีความหมายใดๆสำหรับเธอ เธอจึงไม่สามารถตามหาคำตอบ ของ การมีชีวิตอยู่ได้

    เมื่อทั้งคู่มาพบกัน นางเอกก็จะได้เรียนรู้การมีชีวิตอยู่โดยไม่จำเป็นต้องไซบอร์ค การที่โลกนี้ยังมี’คน’ที่รักและห่วงใย ส่วน พระเอกก็จะรู้ว่า การมีตัวตนไม่จำเป็นต้องขโมยจากคนอื่น เราสามารถสร้างตัวตนของตัวเองขึ้นมาได้เอง

    ... จากผลงานเก่าๆ ทำให้เราได้เห็นตัวตนของ ปาคชานวุค เหมือนมีลายเซ็นอยู่ในหนัง โดยเฉพาะ ‘ความช่างคิด’ เรื่องราวธรรมดาๆจึงถูกนำเสนอแบบไม่ธรรมดา แต่ความช่างคิดของผู้กำกับก็เหมือนดาบสองคม เพราะ หลายฉากเขาโชว์ไอเดียเก๋ไก๋ได้น่าทึ่งน่าประทับใจ เช่น ฉากเปิดเรื่องที่แสดงเหตุของการเข้ารพ.ของนางเอกที่เข้าถึงความคิดของคนป่วยได้เป็นภาพอย่างดี หรือ ฉากนางเอกเปลี่ยนเป็นไซบอร์กก็เข้าท่า

    ความช่างคิดของผกก. ที่เป็นดาบสองคม ส่งผลลบออกมาก็ตรงที่ว่า เขาทำให้หนังดูยากจนเกินความจำเป็น ยากที่จะเข้าใจ และ ภาพตัวละครคนไข้ในสถานพยาบาลนั้น เป็นภาพที่ดูบ้ากันแบบสุดขั้วชนิดดูห่างไกลจากความเป็นจริงมากพอสมควร แต่ในส่วนนี้ เข้าใจได้ว่า หนังคงพยายามจะทำให้เป็นแฟนตาซี แต่ หากมองแบบวิเคราะห์เจาะลึก ก็ยังจะพบว่า ความช่างคิดของผกก.แอบแฝงประเด็นดีๆ ไว้ในตัวละครอื่นๆเหมือนคู่พระนางอีกด้วย แต่ต้องขออภัยที่ต้องขอบอกผ่าน เพราะขอสารภาพว่า ช่วงแรกที่แนะนำตัวละครต่างๆนั้น ผมเผลอผล็อยสะลึมสะลือหลับไป จึงไม่ทันได้เก็บส่วนของตัวละครอื่นๆมาเติมเต็ม

    แฟนๆเรนน่าจะดีใจที่ได้เจอเขาบนจอใหญ่ เขาเองเล่นได้ดีพอสมควร คนที่เด่นมากสุดและเป็นองค์ประกอบที่ผมชอบสุดจากหนังเรื่องนี้คือ นางเอกลิม ซู จุงจากตู้ซ่อนผีและ Sad movie ลองสังเกตฝีมือของเธอเทียบผลงานก่อนๆพบว่า เธอยิ่งเล่นยิ่งน่าจับตามอง เธอมีพัฒนาการที่ดีขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งในหนังเรื่องนี้เธอเล่นชนิดไม่ห่วงสวยพร้อมจะต๊องจะบ้าอย่างที่บทเขียนให้เป็น

    สิ่งที่ชอบsmile

    1.นางเอก ... เล่นได้ใจจริงๆ

    สิ่งที่ไม่ชอบmad

    1.ยากเกินไป ... ผมเชื่อว่า ถ้าหนังลดความยากลงไปอีกนิด ไม่จำเป็นต้องตลาดจ๋ามากมาย สื่อที่หนังนำเสนอจะเข้าถึงคนได้มากกว่านี้ และ ความยากในหนังบางตอนมันก็ไม่จำเป็นเลย ลองเทียบกับ เรื่องเก่าๆของเขาดูก็จะพบว่า ปัญหายากนี้มีอยู่ใน Sympathy For Lady Vengeance เช่นกัน ทีหนังพยายามใส่ลูกเล่นลีลา แต่ว่า กลับเทียบไม่ได้กับ Old Boy และ Sympathy For Mr.Vengeance ที่หนังก็มีบทซับซ้อนไม่แพ้กัน แต่ เล่าเรื่องได้เข้าใจง่ายและได้ผลลัพธ์ที่น่าจดจำมากกว่า

    2.ไม่สนุก ... ดูหนังเรื่องนี้ผมเพลิดเพลินการแสดง + ไอเดียสร้างสรรค์ในแต่ละฉาก แต่หนังขาดความสนุกที่ชวนให้ติดตามไปจนหนังจบ

    สรุป ... I'm a Cyborg, But That's OK แต่ผมไม่ค่อยOK เท่าไหร่ หนังเก๋ไก๋ไอเดียเลิศ มีฉากสวยๆมากมาย แถมยังล้นด้วยประเด็นดีๆให้ตีความเพียบ แต่ด้วยเหตุผลที่ว่ามาแล้วข้างต้น ทำให้ผมดูหนังเรื่องนี้ ไม่สนุกเท่าเรื่องเก่าๆของผู้กำกับคนนี้ อดคิดไม่ได้ว่าเรื่องหน้า ช่วยกลับมาเลือดสาดหรือโหดไม่ยั้งเหมือนเดิมเถิด เรื่องนี้แฟนๆเรนห้ามพลาด แฟนๆปาคชานวุคก็น่าจะสะสมมาดูให้ครบ เพราะถึงจะไม่สนุกผมเองก็ยังมองว่า มันดีกว่า ตอนไปทำหนึ่งในสามเรื่อง Three Extreme สำหรับเรื่องนี้จะรอแผ่นก็ได้อยู่

    ป.ล. หลายคนดูหนังเรื่องนี้จบจะสงสัย แล้วทำไม หมอๆทั้งหลายถึงไม่ยอมทำแบบเรน คือ ทำคล้อยตามเสมือนว่า เธอเป็นไซบอร์ก ก็จบกัน ในความเป็นจริงแล้ว อาการของนางเอกอยู่ในข่าย หลงผิด(delusion) จนทำให้หลุดออกจากความเป็นจริง (out of reality) การส่งเสริมเธอยิ่งจะเท่ากับการผลักให้เธออยู่ในโลกของการหลงผิดต่อไป จริงอยู่ที่ว่าการคล้อยตามอาจแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้บางครั้ง แต่มันยิ่งฝังความเชื่อผิดๆ และ สุดท้ายด้วยความเชื่อผิดๆ ปัญหาใหม่ที่ยากกว่าก็จะยิ่งตามมา ( เช่นต่อไป นางเอกปวดท้อง อาจคิดว่า เครื่องของพระเอกเสีย ก็ไปกรีดท้องเพื่อเอาเครื่องออกมาซ่อม , หรือ ถ้าปวดหัวก็คิดว่า เครื่องรวนก็จะเอามีดไปเปิดหาจุดที่เสีย ฯลฯ) ดังนั้น การรักษาคือ ต้องพยายาม ดึงเธอให้ออกมาสู่โลกของความเป็นจริง แต่ก็ไม่ใช่วิธีไปโต้แย้งกับเจ้าตัว


    haha ดู(อ่าน)หนัง(สือ) ให้ข้อคิด ชวนคุณคลิกไปอ่าน ไปคุย และ ร่วมเป็น 1 ความคิดเห็นในหนังที่คุณเคยดู ที่ http://aorta.bloggang.com

    The Good Shepherd , จะลงเรือทั้งที คิดให้ดีก่อนตัดสินใจ
    http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=aorta&month=03-2007&date=27&group=1&gblog=227

    Bridge to Terabithia , Just close your eyes but keep your mind wide open
    http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=aorta&month=03-2007&date=22&group=1&gblog=226

    Sympathy for Lady Vengeance , (แดจัง)กึมจาทวงแค้น
    http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=aorta&group=7&month=04-2006&date=04&blog=1

    Sympathy for mr. vengeance, จุดเริ่มต้นของความแค้นก่อนมาถึงOld Boy
    http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=aorta&month=01-2005&date=25&group=2&blog=41

    Running boy (Marathon) , ทุกชีวิตล้วนมี"หัวใจ"
    http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=aorta&month=08-2006&date=15&group=1&blog=1




    รักคุณ ขอฝาก"หนังสือรัก" พ็อกเก็ตบุ้คเล่มแรก ที่หยิบยกความรักและความสัมพันธ์ในภาพยนตร์ มาช่วยให้คุณเข้าใจตัวเองและคนรอบข้าง ได้มากขึ้นและลึกซึ้งกว่าเดิม โดย "ผมอยู่ข้างหลังคุณ" จ้า

    ในงานหนังสืองวดนี้ ไปหยิบยืนลองอ่านแล้วเก็บไว้ในครอบครองได้ ที่ บู๊ท
    M12 zone C1
    O16 Zone C1
    Q42 Zone C2

    แก้ไขเมื่อ 30 มี.ค. 50 12:16:07

     
     

    จากคุณ : "ผมอยู่ข้างหลังคุณ" - [ 30 มี.ค. 50 09:38:54 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | PanTown.com | BlogGang.com