ความคิดเห็นที่ 1 เพราะเรามีประวัติศาตร์ที่สั้น ไม่ชอบอะไรเรื่องเหนือจริง ไม่ชอบเรื่องการเมือง ไม่ชอบความรุนแรง ไม่สามารถแสดงภาพไม่เหมาะสม แล้วจะมีหนังซักกี่แนวที่เหลือให้ทำ เหลือแค่ ตลกผีและความรัก จากคุณ : twish - [ 23 เม.ย. 50 02:58:33 ]

ความคิดเห็นที่ 2 เพราะ"เชื้อชาติไทย" เป็นสิ่งที่ถ่วงความเจริญครับ orz orz orz จากคุณ : VoidOne - [ 23 เม.ย. 50 03:04:20 ]

ความคิดเห็นที่ 3 เรื่องประวัติศาสตร์สั้นไม่น่าจะเกี่ยว เพราะอเมริกาประวัติศาสตร์สั้นกว่าเรามาก จากคุณ : ชาเขียว - [ 23 เม.ย. 50 03:06:11 ]

ความคิดเห็นที่ 4 มีคนมักจะด่าผู้กำกับหรือเจ้าของค่ายหนัง ว่าทำไมชอบทำแต่หนังผี หนังตลก หนังคำหยาบ หนังตลกคาเฟ่ รวมทั้งหนังห่วย ทำให้วงการหนังไทยไม่พัฒนาไปไหนไกล ผมขอบอกว่า "ไม่มีค่ายหนังค่ายไหนอยากทำหนังห่วยหรอกครับ" และ "ผู้กำกับและผู้อำนวยการสร้างทุกคน รู้ว่าหนังดีๆมีลักษณะอย่างไร" "ทุกค่ายล้วนอยากทำหนังดี และผู้กำกับหนังจำนวนมากมายในไทย ก็มีความเก่ง มีความสามารถที่จะทำหนังดีๆได้" ถามตัวคุณเอง หากคุณได้เป็นเจ้าของค่ายหนัง หรือได้เป็นผู้กำกับหนัง คุณอยากให้ชาวบ้านตราหน้าคุณว่า "เป็นคนทำหนังไม่ดี หรือทำแต่หนังย่ำอยู่กับที่" หรือ ถ้าคุณได้ลองไปคุยกับผู้กำกับหนังไทยหลายๆคนที่ทำหนังออกมาไม่ดี หรือทำแต่หนังตลก หนังผี (รวมทั้งคุยกับเจ้าของค่ายหนัง) คุณจะรู้ว่า "พวกเขามีความสามารถกว่าที่พวกคุณคิด" พวกเขามีความรู้ความสามารถในวิชาชีพจริงๆ สายตาและมุมมองเขาก็กว้างไกลกว่าที่เราคิด และเขาไม่ได้ชอบหนังตลกหนังผีแบบที่เขาทำเลยด้วยซ้ำ ขอโทษที่ต้องพูดตรงๆว่า "ค่ายหนังและผู้กำกับจำนวนมาก ถูกคนดูบีบ ให้จำต้องทำหนังไม่ดี หรือทำหนังแนวเดิมๆย่ำอยู่กับที่" หนังไทยหนึ่งเรื่อง ใช้เงินในการลงทุนไม่ต่ำกว่า 10 ล้าน ทุกเรื่อง สมมุติ ค่ายหนังทำหนัง 5 เรื่องต่อปี เท่ากับลงทุนไป 50 - 100 ล้าน ถ้าหนัง 5 เรื่อง เป็นหนังที่ดีหมด แต่คนไทยไม่ไปดู เพราะไม่ถูกรสนิยม ค่ายหนังก็จะขาดทุน เมื่อค่ายหนังขาดทุน ค่ายหนังก็จะอยู่ไม่ได้ เจ๊ง และไม่มีเงินเอามาให้ใครทำหนังอีก ทีนี้ ประเทศไทยก็จะไม่มีหนังไทยให้ดู ไม่มีทั้งหนังดี ไม่มีทั้งหนังห่วย แต่ในทางกลับกัน ถ้าหนังไทย 5 เรื่อง เป็นหนังดีแต่เจ๊ง 2 เรื่อง และ เป็นหนังห่วย แต่ทำเงิน 3 เรื่อง (เพราะถูกรสนิยมคนดู) ค่ายหนังก็จะได้กำไร และ มีเงินเอามาทำหนังต่อไปได้อีก "ค่ายหนังไม่ใช่มูลนิธิ แต่เป็นหน่วยงานที่ประกอบธุรกิจ อยู่ได้ด้วยผลกำไร วิธีที่จะทำให้ค่ายหนังอยู่รอดได้ คือต้องทำหนังที่ได้กำไรแน่ๆ ซึ่งต้องยอมทำหนังห่วยๆ แม้ว่าในใจแล้ว ทุกค่ายล้วนอยากทำหนังดี" สรุปแล้ว คนที่ทำให้วงการหนังไทยวนอยู่กับที่ ไม่พัฒนาไปไหนก็คือ "คนดู" นั่นแหละ จากคุณ : flim man - [ 23 เม.ย. 50 03:17:06 A:125.25.74.131 X: TicketID:135795 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ในความเป็นจริง คนดูกำหนดตลาด แต่ค่ายหนังเองก็น่าจะเลือกที่จะเป็นฝ่ายกำหนดความต้องการของคนดูเหมือนกัน อาจไม่ใช่เปลี่ยนปุ๊บปั๊บ แต่ต้องหาวิธีที่จะเปลี่ยนมัน และในส่วนของการผลิตถ้าเป็นระบบการทำงาน การจัดการ ที่มีประสิทธิภาพอย่างน้อยที่สุดในเชิงเทคนิคก็จะได้หนังที่ค่อนข้างมีมาตรฐาน จากคุณ : the author - [ 23 เม.ย. 50 03:39:58 ]

ความคิดเห็นที่ 6 จริงๆ ไม่เฉพาะ วงการหนังไทยหรอก ทั้ง กีฬาไทย วิทยาศาสตร์ไทย การศึกษาไทย ก็ไม่ต่างกัน ไม่พัฒนาไปไหนเลย จากคุณ : UnlimitedDreams - [ 23 เม.ย. 50 03:43:19 ]

ความคิดเห็นที่ 7 เห็นด้วยกะคคห.ที่4 จากคุณ : -zzz- - [ 23 เม.ย. 50 03:43:33 ]

ความคิดเห็นที่ 8 อเมริกาใช้ประวัติศาตร์กรีกเป็นพื้นฐานวัฒธรรมครับ จากคุณ : twish - [ 23 เม.ย. 50 04:28:00 ]

ความคิดเห็นที่ 9 เพราะคนแก่ ซึ่งมีเป็นจำนวนมากในสังคม  นิยมชมชอบครับ  ปรับตัวกันไม่ค่อยจะทัน จากคุณ : นู๋น้อย (NuyPond) - [ 23 เม.ย. 50 05:44:10 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ที่หนังไทย  พัฒนาได้ช้า   ในความคิดเรา  ก็เป็นเพราะว่า  คนไทยด้วยกันเองน่ะค่ะ  ที่มักจะพูดว่า  หนังไทย  หรือละครไทยน้ำเน่า  น่าเบื่อ   ก็เลยไม่ดู  แล้วหันไปดูของต่างชาติกันหมด ตราบใดที่คนไทย  ไม่สนับสนุนหนังไทย ก็จะทำให้หนังไทย  พัฒนาไปได้ช้า เพราะขาดเงินทุน  ขาดกำลังใจในการพัฒนา จึงทำให้เกิด หนังในลักษณะเดิม ๆ ที่ทำแบบนี้แล้วมีคนดูแน่ ๆ น่ะค่ะ ปล.. แต่โดยส่วนตัวแล้ว  เราเป็นคนที่ชอบดูทั้งหนังไทย  และเทศน่ะค่ะ   . . จากคุณ : ลาบไก่ใส่ตับหมู - [ 23 เม.ย. 50 05:53:47 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ตอบ....ถูกทุกข้อ และ........ เพราะ คนไทยไม่กล้าเสี่ยง ชอบก๊อปมาตั้งแต่บรรพบุรุษ จากคุณ : Dollygirl de Paris - [ 23 เม.ย. 50 06:05:27 ]

ความคิดเห็นที่ 12 เพิ่มเติมครับ จากคห.ที่ 4 จากที่ผมบอกว่า "คนดู" เป็นคนบีบบังคับให้ค่ายหนังกับผู้กำกับต้องทำหนังแย่ๆ (แต่ถูกรสนิยมคนดูส่วนใหญ่) เมื่อถามว่า แล้วปัญหานี้จะแก้ได้ไหม คำตอบคือ แทบเป็นไปไม่ได้เลย เพราะความนิยมในหนังตลกคาเฟ่ หรือหนังผีตลกๆ เป็นการถ่ายทอดส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น ปู่ย่าชอบ ก็จะสอนให้พ่อแม่ชอบ พ่อแม่ชอบก็จะสอนให้ลูกชอบ ลูกชอบก็จะสอนให้หลานชอบ ต่อไปเรื่อยๆ ยอมรับความจริงเถอะว่า ลักษณะการดูหนังของคนไทยเป็นแบบนี้ v v หนังดราม่า หนังชีวิต หนังสะท้อนสังคม = ไม่ชอบ ไม่สนุก ฉันไปดูหนังเพื่อความบันเทิง ความบันเทิงในความหมายของฉันคือ ต้องตลก ถ้าหนังไม่ตลก คือไม่สนุก หนังผี หนังตลก = ชอบมาก ฉันดูแล้วฉันสนุก ฉันได้หัวเราะ ฉันสนุก ฉันได้กรี้ดผี ฉันสนุก นี่แหละคือความบันเทิงในความหมายของฉัน หนังตลกที่ขำเพราะบทสนทนา (ตลกแบบคาเฟ่) = ขำมาก ฉันชอบมาก เก็ททันที ไม่ต้องใช้ความคิดมาก หนังตลกที่ขำเพราะเล่าด้วยภาษาภาพ = ไม่ค่อยขำ เพราะฉันคิดตามไม่ทัน ฉันอยากขำแบบไม่ต้องใช้ความคิด หนังตลกเสียดสี มุขแบบใช้ความคิด = ไม่เก็ท ไม่ขำ เพราะฉันคิดตามไม่ทัน หรือ ฉันไม่ได้คิดเลย หนังถ่ายภาพสวย นักแสดงเล่นดี ตัดต่อดี เล่าเรื่องดี บทดี = ฉันไม่สนใจหรอก ฉันต้องการแค่ความสนุก ความขำ หนังถ่ายภาพแย่ นักแสดงเล่นแข็ง ตัดต่อแย่ บทห่วย = ฉันไม่สนใจหรอก ถ้าหนังออกมาขำมากๆ ฉันก็ยินดีจ่ายเงินให้ จากคุณ : film man - [ 23 เม.ย. 50 06:07:50 A:125.25.74.131 X: TicketID:135795 ]

ความคิดเห็นที่ 13 13 เกมสยอง เป็นหนังสาระ หนังดี ได้รางวัล แต่รายได้แย่ เพราะคนไทยไม่ชอบอะไรที่มันซีเรียสๆ หนังที่ขายในไทยได้ = ตลก ผี บู๊ไม่มีเหตุผล แค่นี้แหละครับ จากคุณ : TonyMao_NK51 (TonyMao_NK51) - [ 23 เม.ย. 50 06:43:43 ]

ความคิดเห็นที่ 14 บ้านเรา ไม่ได้มีอุตสาหกรรม"ภาพยนต์" เป็น รายได้ของประเทศนี่ ไม่เหมือน มะกัน หรือ อื่นๆ ที่เค้าทำ หนัง เป็น อุตสาหกรรมส่งออก จะซีเรียส ทำไมกัน อย่างว่า หนังดีๆ ไม่ทำเงิน รางวัลเพียบ แต่คนทำ ท้องแห้งตายคาที่ หนังห่วย ( เอาอะไรมาตัดสิน ) ทำเงิน คนทำหน้าบาน พุงกาง จากคุณ : the palmmint - [ 23 เม.ย. 50 08:01:37 ]

ความคิดเห็นที่ 15 คคห.13 พูดผิดครับ 13 เกมสยองเป็นหนัง "โคตะระดี" ต่างหาก น้อยมากกับหนังสไตล์นี้ในไทย แต่ทำไมไม่ค่อยฮิตก็ไม่รู้ (ตั้งแต่ คน ผี ปิศาจแล้วอ่ะ เราว่ามันน่าจะดังได้มากกว่านี้นะ) จากคุณ : ทิดสึกใหม่ไฟแร๊งแรง - [ 23 เม.ย. 50 08:31:53 ]

ความคิดเห็นที่ 16 เรารู้สึกว่าเดี๋ยวนี้หนังฝรั่งมันก็วนๆอยู่กับที่เหมือนกันนะแหละ คนบางคนไม่ใช่ว่าเค้าไม่อยากทำหนังดีๆ แต่มีอะไรรับรองได้ว่าหนังดีลงทุนสูงจะได้รับความนิยม เมื่อรายได้ของหนังขึ้นอยู่กับจำนวนคนดู คนทำหนังจึงต้องเลือกความเสี่ยงที่น้อยที่สุด นั่นคือ...ตอบสนองความต้องการของตลาดส่วนใหญ่ จากคุณ : Princess of Laugh - [ 23 เม.ย. 50 08:33:46 ]

ความคิดเห็นที่ 17 2+3+4+6 จากคุณ : nanoguy - [ 23 เม.ย. 50 08:33:57 ]

ความคิดเห็นที่ 18 คนดูๆๆๆๆๆๆๆๆ คำเดียวจริงๆ จากคุณ : ... - [ 23 เม.ย. 50 09:17:42 A:222.123.25.10 X: TicketID:117106 ]

ความคิดเห็นที่ 19 รัฐบาลไม่ให้การสนับบสนุนนะสิ ทุกวันนี้ค่าเล่าเรียนสาขาภาพยนต์แพงมากๆแถมจบมายังโอกาสเตะฝุ่นสูงจึงไม่คอยมีคนเรียนกัน หนังไทยจึงขาดบุคลากร  รัฐควรสนับสนุนมากกว่านี้เหมือนๆเกาหลีที่หนังเค้าได้ฉายไปทั่วโลก จากคุณ : zombieman - [ 23 เม.ย. 50 09:25:28 ]

ความคิดเห็นที่ 20 จริงๆ ทุกข้อมันมีอิทธิพลต่อวงการหนังไทยทั้งนั้น ต่อความเห็นที่ว่า คนดู เป็นตัวกำหนดทิศทางตลาดนั้น มันก็ไม่ใช่ทั้งหมด  นายทุนผู้สร้างก็มีอิทธิพลอยู่มากในการกำหนดทิศทางของวงการ  การผลิตงาน commercial arts นั้น จำเป็นต้องอาศัยทั้งความคิดสร้างสรรค์และการตลาดควบคู่กันไป  รวมไปถึงการพัฒนายกระดับคนดูไปด้วย  วงการหนังเมืองนอกถึงให้โอกาสกับหนังหลากแนว  หนังนอกกระแส ฯลฯ เพราะเขาถือว่าเป็นการสร้างบุคลากรใหม่ มุมมองและโลกทัศน์ใหม่ๆ  เป็นการพัฒนาอนาคตวงการให้ก้าวต่อไป   บางความเห็นก็พูดถูก..วงการของเขาเน้นที่ความคิดสร้างสรรค์ที่ใหม่ๆ และเป็นต้นแบบ (original) แต่บ้านเรานิยมครูพักลักจำ ลอกเลียนแบบเป็นหลัก  คือมันชินกันมาตั้งแต่เล็กแต่น้อย  ต้องแก้กันตั้งแต่ระบบการศึกษา ปัญหาคือ บุคลากรในวงการหนังไทยเราที่มีคุณภาพจริงๆ มีอยู่ไม่มากนัก  โอเค เข้าใจดีว่าทุกคนรู้ว่าหนังดีเป็นยังไง  แต่การผลิตหนังให้ดีนั้นต้องอาศัยคนมีฝีมือเป็นทีม  ตั้งแต่ Producer, Scriptwriter, Director...ไปยันเด็กจัดไฟ  บ้านเรามันยังกระพร่องกระแพร่งอยู่  โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาเรื่องรสนิยมและทัศนคติของนายทุน   การที่หนังตลกคาเฟ่ หนังผีเลียนแบบ หนังแอคชั่นฝืดๆ ฯลฯ กลายเป็นสูตรสำเร็จสำหรับนายทุนสร้างหนังทุกวันนี้  เป็นเรื่องวิถีการตลาดที่ขาดรสนิยมโดยแท้  ดูตัวอย่างง่ายๆ จากหนังผี หนังตลก หนังสยองขวัญบ้าบออะไรก็ได้ของเมืองนอก จะเห็นได้ว่าวิธีการเล่าเรื่องของเขาอย่างน้อยก็ราบรื่นหนุกหนานชวนดู ด้วยมาตรฐานการสร้างที่ได้ระดับ ถัวเฉลี่ยแล้วก็ยังมีหนังที่ดูได้มากกว่าหนังอุบาทว์ๆ แต่คนทำหนังบ้านเรา (ที่มีโอกาสได้ทำหนังตอนนี้) มาจากวงการไหนกันบ้าง? คนที่ทำโดยสายอาชีพจริงๆ มีสักเท่าไร?  หนังไทยถึงดูกระโดกกระเดก ไม่เนียน ไม่มันสะใจจริง ไม่สนุกสนานประทับใจอย่างที่ควรจะเป็น จะบอกให้ตรงๆ ก็ได้ว่า นั่นเพราะส่วนใหญ่แล้วยังมือไม่ถึงทั้งนั้น   ความสนุกของหนังทุกวันนี้ ก็เลยกลายเป็นเรื่องสองแง่สองง่าม คำหยาบกระจายเกลื่อน หรือกะเทยโลกแตก..มันจะไม่มีวิธีสนุกแบบอื่นเลยมั่งเหรอ?? ที่ชาวบ้านเขาดูกันทุกวันนี้  เพราะมันไม่มีทางเลือกสักกี่มากน้อย  นายทุนยัดเยียดอะไรมาก็ต้องดูไป   เออ..เพิ่งได้ข่าวว่า หนังหมาๆ ก็กำลังทำเงินนี่ น่าจะเป็นตัวอย่างอันดีทีเดียวว่าโลกมันกำลังเปลี่ยนไป  คนดูเริ่มอยากดูอะไรใหม่ๆ ในวงการมั่งแล้ว แต่ก็ไม่ใช่ว่าเมืองไทยจะไร้คนมีฝีมือ ก็ยังมีคนทำหนังที่ควบคุมทิศทางโปรดักชั่นตัวเองได้อยู่หมัดหลงเหลืออยู่(บ้าง)  แต่คนเหล่านั้นมักจะไม่ค่อยมีโอกาสสักกี่มากน้อย เพราะคนในวงการที่มีโอกาสตอนนี้ กลายเป็นมาจากสายอาชีพอื่นทั้งสิ้น สรุปแล้ว อาจจะยังขาดอีกข้อนึง..หุๆๆ คือรสนิยมของนายทุนและภาครัฐ ที่ต้องพัฒนาให้ทันโลก หันมาสนับสนุนสร้างสรรค์ชิ้นงานใหม่ๆ กับคนใหม่ๆ ที่มีฝีมือ  ด้วยนโยบายที่ชัดเจนในการยกระดับภาพยนตร์ไทยเป็นอุตสาหกรรม ไม่ใช่อยู่ในมือของคนไม่กี่คนในสมาพันธ์ แก้ไขเมื่อ 23 เม.ย. 50 09:42:35 จากคุณ : Bkkbear - [ 23 เม.ย. 50 09:29:47 ]

ความคิดเห็นที่ 21 คห.12 ถูกต้องที่สุด แม้แต่คนใกล้ตัวผมบางคนก็ยังเป็น ชอบดูอะไรที่ไม่เครียด เบาสมอง แต่ว่านะ บางทีการทำหนังบันเทิงมันก็ควรจำกัดสาระและความเป็นเรื่องเป็นราวมันบ้าง ไม่ใช่สักแต่ว่ายัดมุขตลกติงต๊องที่ซ้ำซากกันมาไม่รู้กี่สิบเรื่อง ดูไปก็เบื่อครับ ไม่รู้สึกว่ามีการพัฒนาเลย แก้ไขเมื่อ 23 เม.ย. 50 09:35:19 จากคุณ : นักกวีจากเงามืด - [ 23 เม.ย. 50 09:32:54 ]

ความคิดเห็นที่ 22 รสนิยมคนดูคับ จากคุณ : PHX-EnixmA - [ 23 เม.ย. 50 09:42:40 ]

ความคิดเห็นที่ 23 เพราะช่อง7คับ ปลูกฝังให้คนชอบดูละครน้ำเน่า ดาราต้องเล่นแข็ง ต้องแต่งโป๊ ต้องสวยหล่อตลอดเวลาแม้ตอนทำนายังผูกเน๊คไท แม่กะลูกหน้าตาต้องไม่ต่างกันมาก เดี่ยวไม่สวย นางร้ายต้องกรี๊ด ฉลาดร้ายลึกแบบละครเกาหลีญี่ปุ่นไม่ได้เดี๋ยวจะดูไม่รักชาติ กระแสใครมาแรงก็จับมายัดเยียดให้คนดูดูจนสำลักถึงแม้บทจะไม่เข้ากันก็ตาม สิ่งเหล่านี้ช่อง7ปลุกฝังคนไทยมาอย่างยาวนานเพราะสัญญาณมีทั่วไทย จิงๆจะบอกว่าหนังไทยเราก็ไมได้พัฒนาช้าเลยนะคับ ออกจะเร้วด้วยซ้ำ เพียงแต่ประเทศเรามันล้าหลังฝรั่งอยู่แล้ว ได้แค่นี้ก็ดีถมไป จากคุณ : 55+ - [ 23 เม.ย. 50 09:44:16 A:58.9.66.153 X: ]

ความคิดเห็นที่ 24 อยากรู้ว่าหนังไทยเรื่องสุดท้ายก่อนมีนางนากคือเรื่องอะไร จากคุณ : Dr.slump - [ 23 เม.ย. 50 10:15:02 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ไม่เห็นด้วยกับ คห.4 บางประเด็นครับ ถ้านักทำหนังมีความสามารถจริงๆ แต่ถูกบีบให้ต้องทำแต่หนังตลก หรือผีเอาใจตลาด เราก็ควรจะได้ดูหนังผี หรือหนังตลกชั้นดี แล้วหนังอย่าง ผีช่องแอร์ หอแต๋วแตก ผีสามบาท แนวโกยๆ มันมีได้ไงค่อนวงการ จากคุณ : Gow27 - [ 23 เม.ย. 50 10:18:13 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ^ ^ ตอบ 25 เพราะว่าผู้กำกับบางคน เขาเก่ง มีความสามารถก็จริง แต่เขาไม่ถนัดทำหนังตลก ไม่ถนัดทำหนังผี ผู้กำกับหลายๆคน เขาถนัดทำหนังสะท้อนสังคม หนังดราม่า หนังชีวิต หนังรัก แต่ไม่มีโอกาสได้ทำ เพราะถูกบีบให้ต้องทำหนังตลกเพื่อเอาใจตลาดแทน พวกเขา "จำต้องทำ" ทั้งๆที่ไม่มีหัวทางนี้เลย (แต่ผู้กำกับบางคนก็ไม่เก่งจริงๆ อันนี้ยอมรับ ยกตัวอย่างเช่น ผู้กำกับที่มาจากอาชีพตลก หรือมาจากอาชีพแมวมองดารา) จากคุณ : film man - [ 23 เม.ย. 50 10:54:44 A:125.25.74.131 X: TicketID:135795 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ผมตอบว่าอื่นๆครับ จริงๆอยากตอบว่า เพราะรสนิยมคนไทยส่วนใหญ่ชอบ"ดู"หนังที่วนเวียนอยู่กับที่ คือ ตลก กับ ผี แต่จริงๆแล้วผมว่าคนไทยส่วนใหญ่ชอบ"สร้าง" หนังตลก กับ ผี มากกว่า มันเลยวนเวียนอยู่แค่นี้ จากคุณ : ฮีชอล - [ 23 เม.ย. 50 11:00:26 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ผมว่าเป็นทุกชาติแหละ หนังกระแสมักจะมีพล๊อตซ้ำซากและสร้างได้แย่พอ ๆ กัน เพียงแต่พวกฮอลลีวู้ดถึงหนังห่วยยังไง โปรดักชั่นก็ยังจะดีกว่าหนังไทยอยู่ดีเพราะทุนสูงกว่า. ในขณะที่หนังไทย ก็มีหนังดี ๆ แทรกมาเรื่อย ๆ เป็นระยะ ๆ ในสัดส่วนที่ไม่น้อยจนเกินไป แต่ถ้าเอาจำนวนพวกฮอลลีวู้ดก็จะหนังอาร์ตดี ๆ ออกมามากกว่าก็เพราะตลาดกว้างกว่า. ผมว่าปัญหาไม่ได้อยู่ที่ผู้สร้าง มีผู้สร้างที่ผลิตผลงานออกมาดีไม่น้อยเลยในเมืองไทย เพียงแต่ผู้ชมยังให้โอกาสน้อยเกินไปหน่อย. จากคุณ : LittleTiger - [ 23 เม.ย. 50 11:08:34 ]

ความคิดเห็นที่ 29 สองคำง่ายๆ มักง่าย และ ได้ตังค์ จากคุณ : EMO - [ 23 เม.ย. 50 11:28:20 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ที่นี่อาจมีคำตอบครับ FREE THAI CINEMA MOVEMENT วันจันทร์ที่ 23 เมษายน 2550 ขอเชิญท่านผู้สนใจ ร่วมฟังการแถลงข่าว และการเสวนา เรื่อง "จากกรณี แสงศตวรรษ ถึง เครือข่ายรณรงค์เพื่อเสรีภาพของภาพยนตร์" ณ โรงภาพยนตร์ HOUSE RCA พระราม 9(ตึกเดียวกับ UMG และ Tops) ผู้ร่วมเสวนา คุณอภิชาติพงศ์ วีระเศรษฐกุล ผู้กำกับภาพยนตร์ คุณปรัชญา ปิ่นแก้ว นายกสมาคมผู้กำกับไทย คุณชลิดา เอื้อบำรุงจิต มูลนิธิหนังไทย คุณพันธุ์ธัมม์ ทองสังข์ โปรดิวเซอร์และผู้กำกับ คุณไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ อดีตสมาชิกวุฒิสภา และคุณธนชัย อุชชิน(ป๊อดโมเดิร์นด็อก) ดำเนินรายการโดย คุณพิมพกา โตวิระ ลงทะเบียนเวลา 15.00น.เริ่มแถลงข่าวและสัมมนา เวลา 16.00 น. The seminar will be held at HOUSE theatre RCA rama 9(UMG&TOPS Building) on Monday 23rd April 2007, at 4 PM. Speakers include Apichatpong Weerasatetakul, Prachya Pinkeaw (director of Ong Bak), Pantham Tongsang (Syndroms's producer), Chalida Uabumrungjit  (Thai Film Foundation) , Kraisak Choonhawan and Thanachai Ucchin(a lead vocal of Modern Dog). Moderated by filmmaker Pimpaka Toweera. จากคุณ : marx (Der_Marx) - [ 23 เม.ย. 50 12:08:53 ]

ความคิดเห็นที่ 31 น่าสนใจนะ ผมว่า ในประเด็นพล็อตหนังไทย ประวัติศาสตร์ไทยต้องทำในเชิงบวกเท่านั้น เราคงไม่กล้าจับเอาตอนที่เชื้อสายราชวงศ์ชิงบัลลังค์กันฆ่ากันตายเป็นเบือ แบบที่มีเรียนอ้อมๆในหนังสือแบบเรียนว่าทำให้บ้านเมืองอ่อนแอพม่าจึงยกทัพมาเอามาทำหนังแบบหนังจีนแน่ๆ  ในแง่บทภาพยนตร์ คนเก่งๆก้ไม่สามารถอย่รอดได้จริงๆถ้ารับจ้างเขียนบทอย่างเดียวเพราะเขียนแล้วไม่ค่อยได้ตังส์ นอกจากจะมีศักยภาพเป็นผ้กำกับด้วย อย่างยุทธเลิศ พิงลำพระเพิง   ต่อมาในแง่การสนับสนุน เกาหลีใต้ภาครัฐบังคับให้โรงหนังต้องฉายหนังเกาหลีปีละ173วัน(ถ้าจำไม่ผิด) หนังเกาหลียุคแรกๆจึงก็อปหนังทั่วโลกแทบทุกพล็อต จนกระทั่งเขายืนได้ เริ่มเปลี่ยนเป็นพล็อตแบบประยุกต์ อย่างเช่น การย้อนเวลาจากเรื่องfrequencyเป็นแนวแอคชั่นแฟนตาซี เกาหลีก็เอามาเล่าแบบหนังรัก เกาหลีนี่รัฐบาลอุ้มสุดๆ มีกองทุนสารพัดให้กู้ยืม ผมว่าช่วงแรกๆคนดูเกาหลีคงเบื่อสุดๆเหมือนกันเพราะเกาหลีสกัดกั้นหนังต่างชาติและสินค้าต่างชาติมากๆ แต่โวยไม่ได้  (อุตสาหกรรมหนักยุคแรกๆของเขา สหรัฐก็อุ้มสุดๆในฐานะประเทศหน้าด่านสกัดกั้นคอมมิวนิสต์ แต่ของไทยเราส่วนใหญ่ต้องดิ้นรนเอาเอง จึงไม่ยุติธรรมถ้าจะเอามาเปรียบเทียบกัน) จนกระทั่งเขายืนได้ในปัจจุบัน  แต่หนังไทยเรา คนทำหนังทำออกมาแล้วเสียเป็นสิบล้าน ยังไม่รู้เลยว่าจะมีโรงฉายหรือเปล่าเพราะโรงหนังกลายเป็นกลุ่มผูกขาดไปซะแล้ว  อุปสรรคในการดตของหนังไทยมันเยอะเหลือเกิน อย่าว่ากันนักเลยครับ จากคุณ : พ่อมดหมอดู - [ 23 เม.ย. 50 12:32:21 ]

ความคิดเห็นที่ 32 นึกแล้วเสียดายเรื่อง แสงศตวรรษ จากคุณ : PHX-EnixmA - [ 23 เม.ย. 50 12:34:27 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ผมว่า ฝีมือ ยังไม่ถึงครับ ผู้กำกับส่วนใหญ่ จะเก่ง อยู่แค่เรื่องแรก หรือเรื่องที่เขาตั้งใจ แต่เรื่องหลัง ๆ ฝีมือตก หรือไม่ก็กร่าง ดูถูกคนดู คิดอะไรบ้า ๆ นึกว่าเจ๋งแล้ว ประมาณนั้น จากคุณ : โหน่ง side-N - [ 23 เม.ย. 50 13:53:32 ]

ความคิดเห็นที่ 34 เพราะความเข้าใจแบบผิดๆของคนทำหนัง พอหนังไม่ทำเงิน ก็บบอกว่า คนไทย ไม่ดูหนังดี เคยนั่งถามตัวเองมั้ยว่า หนังตัวเอง ดี จริงหรือ พอหนังทำเงินก็บอกว่า หนังไม่ดี คนดูไม่มีคุณภาพ หนังมันต้องมีส่วนดีอยู่บ้างหล่ะ คนมันถึงเข้าไปดู กลุ่มลูกค้าเขามี เขาจับอยู่ นั่นก็ต้องถือว่า ok นะ หนังที่ทำเงิน และ (จัดว่า)เป็นหนังดี ก็มีนี่ ทำไมไม่พูดถึง แฟนฉัน ดีไหม บางคนว่าดี บางคนว่า ไม่ดี ทำเงินไหม ... เห็นว่าได้กำไรนี่ เคยเอางานตัวเองกลับไปวิเคราะห์ บ้างไหมว่ามีความผิดพลาดตรงไหนบ้าง มี ความดี และ ความเลวตรงไหนบ้าง ไอ้ที่มานั่งตะโกนปาวๆ บอกว่าหนังของตนดี แต่ไม่ทำเงิน เพราะคนดู ดูหนังดีไม่เป็น นะ ขอทีเหอะ หนัง ห่วย ทั้งนั้น ไม่รู้สำนึก แล้ว จะ พัฒนาได้อย่างไร จากคุณ : ยังอยากเป็นคนไทยอยู่ - [ 23 เม.ย. 50 14:24:16 ]

ความคิดเห็นที่ 35 คุณ film man เป็นคนในวงการหรอครับ เขียนได้ดี เข้าใจทั้ง คนดู และ คนทำ จิงๆ ผมเห็นด้วยเลย กับคนที่ทำหนังเป็น แต่ต้องทำหนังที่ไม่ถนัด ถ้าตลาดมันกว้าง หลายๆคนจะรู้ว่า หนังไทยดีๆ หลายๆแนว จะมีให้ดูอีกเยอะ ทุกวันนี้ ที่ หนังดีๆ คนชมๆ เพระอะไร เพราะ ผกก เหล่านั้น ได้ทำสิ่งที่ถนัดไง ส่วนพวกที่จำต้องทำก็โดน สหบาทา เข้าไป ขอบคุณ film man ที่ยังเห็นค่า คนกลุ่มนี้บ้าง จากคุณ : rotcerid (romeora) - [ 23 เม.ย. 50 14:43:46 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ผมกลับมองตรงกันข้ามนะว่า คนไทย ค่อนข้าง เปิดกว้าง ดูหนังทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นดราม่า แอ๊กชั่น ผี รักโรแมนติก ตลก ย้อนยุค กำลังภายใน ซามูไรฟันดาบ หรือ แม้แต่หนังอินเดีย ประเภทวิ่งร้องเพลงข้ามภูเขา ไม่อย่างนั้น หนังฮ่องกง หนังเกาหลี หนังญี่ปุ่น คงเจาะตลาดในประเทศไทยไม่ได้หรอกครับ ถ้าคนไทย นิยมเลือกดูเฉพาะ หนังผี กับ หนังตลก คำถามว่า ทำไม หนังไทย ถึงขายได้เฉพาะ หนังตลก กับ หนังผี ผมคิดว่า น่าจะเป็นเพราะ หนังตลก กับ หนังผี มันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ที่คนไทยหาเสพไม่ได้กับหนังต่างประเทศเสียมากกว่า พูดง่ายๆ คือ มันเป็นมุขแบบไทยๆ ที่คนไทยดูเข้าใจ ไม่ใช่มุขเกาหลี ญี่ปุ่น ฮ่องกง ฮอลลีวู๊ด ที่มีให้เห็นให้ชมกันดื่นดาด ส่วน หนังไทย ประเภทอื่นๆ ควรต้องยอมรับความจริงว่า มาตรฐานไม่ถึง ไม่มีความแปลกใหม่ ดังนั้น การที่ หนังไม่ประสบความสำเร็จ จึงไม่ใช่เรื่องแปลก จากคุณ : กาเหว่า (จอมกระบี่ไร้พ่าย) - [ 23 เม.ย. 50 17:03:56 ]

ความคิดเห็นที่ 37 film man #12 ใช่เลย #4 ก็ชอบนะ แต่#12 ตรงกว่า แถมอีก.... คนดูบ้าการโฆษณา ถ้ามีงบมาโปรดักชั่นโฆษณาอย่างจริงจัง และทำหนังออกมาให้รู้เรื่องง่ายๆหน่อย เนื้อหาต้องดาดๆด้วย ให้ชาวบ้านคนชอบดูละครดูรู้เรื่อง ก็จะกลายเป็นหนังที่ทำเงินแล้วล่ะครับ และกลายเป็นหนังดีในสายตาคนหลายๆคนด้วย พวกที่ดูหนังมาน้อยอ่ะ ทุกคนอยากดูหนังดีหมดแหละ คนทำหนังคงไม่อยากก๊อปเขามาหรอก แต่เขาดูหนังเยอะ อ่านโน่นอ่านนี่มาเยอะ พอทำหนัง มันก็ต้องมีประสบการณ์ในอดีตที่ผ่านมาเข้ามาบ้าง เนื้อหาบางอย่างอาจจะทำซ้ำโดยที่เขาไม่รู้ตัวหรือรู้และไม่ได้แก้ไขเพราะเนื้อหาอย่างนี้ดีอยู่แล้ว ถ้าเป็นอย่างอื่นอาจจะไม่ลงตัวก็ได้ และปัจจุบันนี้ การจะคิดอะไรใหม่ๆที่ไม่มีใครเคยเจอะเจอมันค่อนข้างยาก คิดมาก็ซ้ำ ไปว่าเขาไม่ได้หรอก แต่ผกก.บางคนก็ไม่ได้คิดอะไรเลย เอาของเดิมๆนี่ล่ะ ขายได้แล้ว มีปัญญาคิดได้แค่นี้ เหอเหอ ผมก็มีปัญญาคิดได้แค่นี้อ่ะ จบเลยละกัน ปล.ชอบพวกหนังกำกับศิลป์สวยๆอ่ะ ศิลปะด้านอึมครึม จะว่าสว่างก็ไม่สว่าง จะว่ามืดก็ไม่มืด (...นอกเรื่องอ่ะ) ------------ เพิ่มๆ ไม่ได้แก้ตัวให้ผกก.นะ อยากเพิ่มว่า ถ้าคิดงานออกมาเยอะๆ มานก็ต้องมีไม่ซ้ำสักอันล่ะ เงินทุนต่ำก็ต้องอาศัยพล๊อตเรื่องดีๆโดนใจคนดูทดแทนอ่ะนะ ไม่เหมือนหนังฮอลลีวู้ดบางเรื่อง ทุนสูงเนื้อเรื่องเดิมๆเขาก็ว่าดี แต่หลายๆเรื่องทุนสูงพล๊อตดีเขาก็ว่ายิ่งดี ทุนต่ำพล๊อตดีทำเงินเขาก็ว่ายิ่งดีใหญ่ ... ถ้าคิดเนื้อเรื่องเนื้อหาบทหนังดีดีได้แล้ว คิดออกมายาก อย่าเอามาทำเสียของตอนถ่ายทำล่ะ คุมจังหวะคุมโทนเรื่องไม่ดี มันจะกลายเป็นหนังไม่ดีในทันที ขึ้นอยู่กับฝีมือ ผกก.อ่ะแหละ แก้ไขเมื่อ 23 เม.ย. 50 18:14:04 แก้ไขเมื่อ 23 เม.ย. 50 18:09:53 จากคุณ : บอมบ้าดู - [ 23 เม.ย. 50 17:52:36 ]

ความคิดเห็นที่ 38 ผมว่ามันน่าจะเริ่มจากประชาชนคนดูหนังเนี้ยแหละ เพราะว่าเวลาสร้างหนัง เค้าก็ต้องทำมาให้คนเค้าอยากดู ต้องรู้ว่าคนดูชอบแบบไหน ไม่งั้นส่วนใหญ่เค้าไม่ทำหรอก ถึงมีแต่หนังผีกับตลอกออกมา ก็เพราะว่าทำมาไงๆก็ตีตลาดได้แน่นอน ส่วนเหตุผลที่สำคัญอีกอันก็คือเรื่องเงินทุน เมืองไทยเงินทุนมันกระจายอยู่แค่ในวงแคบๆ ซึ่งผมว่ามันไม่ค่อยจะช่วยอะไรเท่าไหร่ เช่น ถ้าเกิดจะสร้างหนังฟอร์มยักษ์ทุน100ล้าน ถ้าเราเอามากระฉายสร้างหนังฟอร์มเล็กๆที่ไม่ต้องการอะไรมาก เอาไปเรื่องละ20ล้าน เราก็จะได้หนังมา5เรื่องแล้ว แทนที่จะได้แค่เรื่องเดียว ก็ประมาณนี้แหละ จากคุณ : SSMkung - [ 23 เม.ย. 50 19:25:22 ]

ความคิดเห็นที่ 39 เพราะ#4 เลยมี#3 ไง จากคุณ : gingerel - [ 23 เม.ย. 50 19:26:21 ]

ความคิดเห็นที่ 40 หลวงพี่เทง่ได้141ล้าน,หอแต๋วแตก60ล้าน,บอดี้การ์ด100ล้านแล้วหนังไทยจะไปไหนครับ จากคุณ : จัมโบ้A (จัมโบ้A) - [ 23 เม.ย. 50 20:45:48 ]

ความคิดเห็นที่ 41 อยากตอบว่า ถูกทุกข้อจัง จากคุณ : ninjathai - [ 24 เม.ย. 50 00:38:49 ]

ความคิดเห็นที่ 42 ^ ^ คุณได้สิทธิ์นั้นเดี๋ยวนี้ - -" จากคุณ : COLORS - [ 24 เม.ย. 50 00:41:42 A:58.8.87.91 X: TicketID:126556 ]

ความคิดเห็นที่ 43 การศึกษาเท่านั้นครับ พัฒนาทุกวงการตั้งแต่เลือกที่จะดูหนังยันเลือกส.ส. ผมว่าแก้ที่ต้นเหตุดีมั้ยเร่งให้การศึกษาไทยพัฒนา..เรียนฟรีถึงมหาวิทยาลัย ปรับระบบการเรียนการสอนใหม่ให้รู้จักคิดตั้งแต่ยังเด็ก เดี๋ยวทุกอย่างตามมาเอง..แต่ต้องทำตั้งแต่วันนี้และรอนานหน่อนนะครับ กว่าจะเห็นผลก็ตั้งแต่6-10ปีขึ้นไป..แต่ทุกวันนี้ใครมาเป็นรัฐบาลเห็นเอาแต่จะสร้างโน่นนี่รถไฟฟ้าบ้างสนามบินบ้าง...แต่เด็กไทยเฉลี่ยทั่วประเทศความรู้ยังไม่ไปถึงไหนเลย..เดี๋ยวโตมาก็จะบ่นกันอีกว่า ทำไมดูแต่หนังห่วยแตก ทำไมเลือกคนโกงเข้าสภา..เฮ้อ...วนเป็นลูปอยู่เนี่ยไม่รู้จะแก้ยังไง...แก้กันซะทีเถอะพ่อ..สาธุ จากคุณ : yuttanot - [ 24 เม.ย. 50 01:13:27 ]

ความคิดเห็นที่ 44 ผมไม่เห็นด้วยกับการ โทษ คนดูนะ คนดูพร้อมจะ รับ หนังดี อยู่แล้ว (ถ้ามัน ดี จริง นะ) เคยมีคนบอกว่า หนังเด็ก ขายไม่ได้ แล้วก็มี แฟนฉัน เคยมีคนบอกว่า หนังเกี่ยวกับสัตว์ ขายไม่ได้ แล้วก็มี มะหมา คนทำหนังบอกว่า หนังดีต้องลงทุนสูง ลงไปกับ ฉาก และ เทคนิคพิเศษ แล้วก็ เจ๊งไม่เป็นท่า ไปสรุปเอาเองว่า "กูทำหนังดีแล้ว พวกมรึงไม่ดูกันเอง" คนทำหนัง เข้าใจ อะไร ผิด หรือเปล่า จากคุณ : ยังอยากเป็นคนไทยอยู่ - [ 25 เม.ย. 50 11:08:05 ]

ความคิดเห็นที่ 45 เพราะข้อจำกัดทางสังคมมันเยอะนะเราว่า เสียดสีการเมือง หรือ องค์กรใดๆก็ไม่ได้ วาบหวิวไปก็ไม่ได้ ฆ่ากันตายก็ไม่ได้ มันก็เลยเหลือให้สร้างอย่างที่เห็นๆกัน จากคุณ : padme' amidala - [ 28 เม.ย. 50 22:02:17 ]

ความคิดเห็นที่ 46 อยู่ที่คนดูอ่ะ แบบ คคห บนๆ ผมว่า 13 เกมส์สยองหนังดีจะตาย ไม่อยากเชื่อว่ารายได้จะแย่ขนาดนั้น ปล ผมเป็นคนไม่ค่อยดูหนังไทยด้วยเหตุผลว่าหนังไทยมีแต่หนังแบบอย่างว่า แต่พอมีหนังที่แหวกแนวออกมาผมก็ดู แต่คนส่วนใหญ่ไม่ดู - -" ล่าสุดอย่างเรื่องpan ก็ไม่เห็นมีกระแสเลย(อันนี้หนังนอกแต่เห็นวิจารณ์กันว่าดีสุดๆ) จากคุณ : Alovera - [ 29 เม.ย. 50 10:16:12 ]