CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    ดู{หนัง} วิธ มายเซลฟ์ ; "เมล์นรก หมวยยกล้อ" ... ฮาสาดไม่สุด แต่ไม่หลุดความเป็น 'Real'

      เกรด A -> 9-10 คะแนน (10 คน)
      เกรด B -> 7-8 คะแนน (7 คน)
      เกรด C -> 5-6 คะแนน (1 คน)
      เกรด D -> 3-4 คะแนน (1 คน)
      เกรด E -> 1-2 คะแนน (4 คน)

    จำนวนผู้ร่วมโหวตทั้งหมด 23 คน

     43.48%
     30.43%
     4.35%
     4.35%
     17.39%


    ถ้าจะบอกว่า บ้านแห่งที่สองของคนกรุงเทพฯ นั้นอยู่บน'รถ' แล้ว เห็นทีคงจะไม่มีใครกล้าเถียงเรื่องนี้แหงๆ ...และถ้าเวลาปัจจุบันของชาวเรา ให้มือถือเป็นสิ่งสำคัญปัจจัยที่ 5 ก็ต้องมี รถ เป็นเหมือนปัจจัยที่ 6 เป็นของที่ต้องพึ่งพาต้องใช้งาน ไม่ต่างอะไรไปกับ บ้าน เสื้อผ้า อาหาร ยารักษาโรค

    การใช้ชีวิตของคนเมืองทุกวันนี้ เลี่ยงไม่พ้นกับการใช้รถใช้รา จะไปไหนต่อไหนก็อาศัยเจ้าโครงเหล็กวิ่งได้เสียตลอด ซึ่งถ้าเป็นสมัยก่อนแล้ว คนไทยก็จะยังเห็นการเดินคือวิธีการเดินทางที่ดีที่สุด จะใกล้หรือไกลก็ไปได้ไม่มีบ่น แต่กับในวันนี้แล้ว ขนาดแค่จะออกไปซื้อของที่ตลาดหน้าปากซอย ก็ไม่เว้นที่จะขอจ้างมอไซค์วิน ช่วยไปส่งให้หน่อยซี้ ทั้งๆที่ให้เดินไปใช้เวลาแค่ 10 นาทีก็ถึงแล้ว ...ก็ช่วยไม่ได้ที่ ความต้องการสะดวกสบาย จะทำให้เกิดเครื่องผ่อนแรงที่นับวันๆยิ่งทำให้คนเราใช้แรงน้อยลงไปเรื่อยๆ (และสุขภาพก็อ่อนแอผกผันตามไปด้วยซะอย่างงั้น)

    สำหรับผมผู้เป็นเด็กกรุงขนานแท้และดั้งเดิมนั้น ...ก็เห็นว่า การใช้รถ เป็นเรื่องที่เลี่ยงไม่ได้(จริงๆ) เพราะต่อให้ใจลึกๆอยากจะรักษารากเหง้าวิถีคนเดินดินซะแค่ไหน แต่ในความคิดมันก็ยากจะห้าม การชอบความเร็วที่ฝังอยู่ในสัญชาตญาณคนเมืองได้ ...ลองถ้าให้เลือกวิธีการไปตลาดหน้าปากซอยด้วย จักรยาน หรือว่าเดินแล้ว ผมก็แน่ใจว่าจะใช้วิธีปั่นไปอย่างแน่นอน

    แม้ในวันนี้ผมเองจะขับรถไปไหนต่อไหนเองได้แล้ว แต่ผมก็ยินดีจะเลี่ยงความสบายนิดหน่อย ยอมตรากตรำอาศัยรถสาธารณะเสียดีกว่า ...ถือคติ ขอเป็นคนจ่ายตังค์ค่าตั๋ว จะดีมากไปกว่าการเป็นคนเสียเงินซื้อน้ำมันมาใช้เอง    

    โดยเฉพาะกับการโดยสารรถขสมก. หรือที่เรียกแบบติดปากว่า 'รถเมล์' ...เป็นการเดินทางที่ใช้บริการบ่อยๆ โดยมีเหตุผลสำคัญอยู่ตรงที่ มันถูกกว่าการโดยสารอย่างอื่นๆ เอาเพียงคุณมีเงินแค่ 7 บาท คุณก็สามารถซื้อความสะดวกสบายได้แล้ว (แต่ถ้าอยากไฮโซขึ้นซักหน่อยก็พกแบงค์ 20 สักใบ ไปตากแอร์รถปอ.หลบร้อนซะเลย)

    ไม่ใช่แค่ความสะดวกสบายที่เราจะได้จากรถเมล์เท่านั้น ถ้าเราลองมองดูรอบกายๆที่นั่งที่ยืนของเราจะเห็นว่า ในนั้นมันมีข้อคิดมากมายให้เราได้เรียนรู้ มีประสบการณ์ดีๆชวนจดจำที่ถูกเอาซ่อนเอาไว้ในพื้นที่ซอกหลืบของรถ 2 ประตู 20 หน้าต่าง คันนี้ ...ถ้าเราโชคดี ก็จะได้ขึ้นรถที่กระเป๋ารถเมล์อารมณ์ดี ร้องเพลงลูกทุ่งเพราะๆขับกล่อมให้ท่านผู้โดยสารฟัง ...ถ้าเราสายตาดี เราก็คงจะได้เห็นภาพของคนหนุ่มคนสาวลุกขึ้นเสียสละที่นั่งให้คนเฒ่าคนแก่ ...ถ้าเรามีดวงที่สมพงษ์กันพอ ก็อาจจะได้เนื้อคู่เป็นคุณผู้หญิงที่นั่งอยู่ข้างเราๆ ...หรือถ้าบังเอิญวันนั้นดวงมันกุดขึ้นมา ก็มีความเป็นไปได้ว่า เราจะเจอคุณผู้โดยสารโคตรกั๋ง ควักปืนออกมา ทำการปล้นรถซะอย่างงั้น

    "เมล์นรก หมวยยกล้อ" เล่าเรื่องชุลมุนหัวหมุน เหตุเกิดในวันหยุดแห่งชาติ ...วันสงกรานต์ของรถเมล์สาย 39 คันหนึ่งที่บังเอิญพับผ่ามีป๋าเทพสุดซ่าส์ เป็นคนขับ ให้เฮียโน้ตจอมเซี้ยม รับหน้าที่กระเป๋า และ จับเอา ซูโม่กิ๊กโคตรเก๋า มาเป็นผู้โดยสาร  

    ความน่าดูของเรื่องชุลมุนคราวนี้ มันอยู่ตรงที่ การจับเอา 3 ดาวตลกจาก 3 ยุค โคจรมาเจอกัน ในหนังที่เป็นงานกำกับของ เรียว-กิตติกร ...ยิ่งพี่เรียว เขาได้รับการขนานนามว่าเป็นผู้กำกับหนังไทยเน้นความแนว(แอบบันเทิง)มือหนึ่งอยู่ด้วย มันก็ยิ่งน่าสนใจว่า เมล์นรกคันนี้ จะให้บริการความตลกซิ่งความมันส์ได้สนุกถึงใจขนาดไหน

    หลังจาก พรางชมพู เป็นต้นมา* ผมก็ได้ตามดูหนังของพี่เรียวอย่างครบหมดจดตลอด แม้จะไม่ได้ประทับใจจนถึงขั้นขอเป็นแฟน แต่ก็เห็นดีในฝีมือเขาอยู่ ให้มีความรู้สึกว่าหนังของเขามันจะมีความน่าสนใจในตัวของมัน ถึงแม้ว่าความน่าสนใจในที่นี้ จะไม่ได้หมายความว่า ต้องดูไปซะทุกครั้ง ...ซึ่งความรู้สึกนี้ก็ต้องรวมไปถึง เมล์นรก เรื่องนี้ เพียงแค่วัดจากการได้ดูตัวอย่าง ก็เคยทำให้ผมคิดจะเมินตัวเต็มของมันซะแล้ว ...ก็คิดอยู่ว่าหน้าหนังมันดูน่าสนุกไปตามอัตภาพของเหตุการณ์วุ่นๆ แต่การได้เห็นตัวอย่างส่วนสั้นๆ ของหนังที่รวมดาวตลกเรื่องนี้แล้ว กลับไม่ทำให้ผมรู้สึกอยากจะหัวเราะ ไปกับความบ้า ความกวน ของตัวหนังเลย พาลไปให้เกิดความคิดแง่ลบ และหมดอารมณ์จะตีตั๋ว

    แต่สุดท้ายก็ต้องกลืนน้ำลายตัวเอง เพราะความเชื่อคน(เฉลิมไทย)ง่าย ...และในท้ายที่สุด ก็ต้องมาทำให้คนอื่นรู้สึกอยากเชื่อไปด้วย ว่า เมล์นรก มีดีในตัวของมันเองจริงๆ

    แม้หนังจะตั้งนิยามตัวเองว่า เป็นหนังฮาสาด แต่ความเป็นจริงแล้ว หนังก็ไม่ตลกสุดๆเท่าที่ควรเป็น ...แต่ในความฮาเพียงพอพุงกระเพื่อมของ เมล์นรก มันก็ยังมีองค์ประกอบในการเป็นหนังด้านอื่นๆ ที่ช่วยพยุงความน่าติดตาม และกระทุ้งความน่าเบื่อออกไปจากหัว

    นี่เป็นงานของพี่เรียว ที่ดูสนุกมากที่สุด เท่าที่เคยดูหนังเขามาตั้งแต่ พรางชมพู ...แม้เรื่องของการสื่อสารจะไม่เด็ดไม่โดนเท่า อหิงสา จิ๋กโก๋มีกรรม แต่หนังก็สื่อความดีของมันเป็นเรื่องเป็นราวที่ทำให้หนังตัวเต็มของมันดูเพลินเกินคาดคิด มากกว่าที่หวังตอนเห็นจากตัวอย่าง ...ซึ่งต้องขอบคุณในการเดินทางสุดอลวนของบทหนัง นักแสดง และงานด้านภาพด้วย ที่ทำให้ เมล์นรก คันนี้ ขับเคลื่อนไหลลื่น เดินเครื่องไม่มีดับ

    การเขียนบทของพี่เรียว ล้วนแต่เน้นความ 'Real' สมชื่ออยู่เสมอในหนังของเขา ...เรื่องราวที่กลั่นกรองออกมาจากความคิด แม้จะได้รับการแต่งแต้มสีสันความบันเทิงลงไปมาก แต่มันก็ไม่มีหลุดจากความจริงของสังคมปัจจุบัน เช่น พรางชมพู กับเรื่องของกระเทย และการยอมรับของสังคม หรือจะเป็น อหิงสา กับเรื่องของเด็กวัยรุ่น และความเชื่อในกฎแห่งกรรม ...เมล์นรก ของเขายังคงความจริงจังในการสร้างพลอต ผูกเรื่อง และใส่สัญลักษณ์ต่างๆลงไปตามสไตล์ของเขา แต่ในงานนี้ พี่เรียวรู้สึกจะสนุกกับความคิดของตัวเองเป็นอย่างแรง เลยสามารถผนวกสามสิ่งเข้ามาได้อย่างลงตัว มีความพอดีในตัวของมัน แตกต่างออกไปจากเรื่องก่อนๆ ที่จะต้องมีส่วนใดส่วนหนึ่งซึ่งมากเกินไปหน่อย พาลให้หนังโดยรวมหย่อนความสนุกดูเพลินของมันไปด้วย  
     
    ทีมนักแสดงดาวตลกที่มารวมตัวกันบนเมล์นรกคันนี้ ก็ล้วนแต่สนุกในการเล่นเป็นบทบาทของตัวเอง และความสามัคคีในการรับ-ส่ง ก็ยังผลให้คนดูรู้สึกสนุกตามไปด้วย ...การประสานงานของพวกเขาเป็นทีมเวิร์คที่ดูเวิร์คสุดๆ การเฉลี่ยบทของพี่เรียวให้กับคนแต่ละคนก็ดูมีน้ำหนักที่เท่าๆกัน แม้บทบาทสำคัญจะถูกถ่วงเน้นไปยัง ป๋าเทพ-พี่โน้ต-ซูโม่กิ๊ก ซะมากกว่า แต่ผู้โดยสารคนอื่นๆ ก็ยังได้มีนาทีที่เป็นของเขาเอง และนาทีนั้นก็เป็นนาทีที่ทำให้บทบาทของเขาไม่ถูกลืมเลือนไปจากหนังเรื่องนี้ (เว้นแต่ บททอม คู่รักของอิม ที่แทบไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่าเป็นก้างขวางคอของพี่แว่นหื่น)  

    ป๋าเทพ ดูมีความพอดีในการเล่นตลก กับมาดกวนๆของเขา / พี่โน้ต อินกับการเป็นกระเป๋าจนคนดูเชื่อ / ซูโม่กิ๊ก แสดงมีมิติสร้างภาพให้คนดูทั้งอยากหมั่นไส้ในช่วงแรก และเห็นใจในช่วงสุดท้าย / ป้าจิ๊ก เต็มที่กับการสวมวิญญาณอาเจ๊ปากดี / คุณอิม เล่นได้เหมือนและฮามากๆกับการอั้นอุจจาระของเธอ / พี่คมสัน หื่นสุดๆกับใบหน้าและกิริยาท่าทาง / ซ้ง-อ้น บทจะกัดหรือจะห่วง ก็เล่นเนียนอย่างกับเป็นคู่รักกันจริงๆ / คุณเฟรช พูดเหน่อได้น่ารัก ทำตัวเซ็กซี่ได้น่าคิด(จริงๆว่าเธอเป็นหมออะไรกันแน่) / น้องเฟิร์น เป็นคนสำคัญคนเดียวที่ไม่อยู่บนรถ การโวยวายและหลบมานั่งเศร้าของเธอ ทำให้ตัวละครนี้มีอะไรมากไปกว่าการเป็นไม้ประดับ

    งานด้านภาพ สร้างความตื่นเต้นในเรื่องราว และให้ความตื่นตัวกับคนดู รู้สึกเสมือนว่าเราได้เข้าไปมีส่วนร่วมในเหตุการณ์ชุลมุนครั้งนี้ด้วย ...การที่ผมได้รู้ได้เห็นเบื้องหลังของการถ่ายทำหนัง ก็ยิ่งทำให้ผมรู้สึกทึ่งนิดๆ ว่านี่เป็นหนังทุนน้อยกะจ้อยหร่อ แต่งานที่ออกมาดูจริงจังและตั้งใจเกินตัว ไปได้สวยมากไปกว่าหนังบางเรื่องที่ทุนมาก แต่คุณภาพงานกลับแปรผกผันซะอย่างงั้น (ยกตัวอย่าง บอดี้การ์ด 2)

    แม้โดยรวม ตัวหนังจะทำออกมาได้ถึงคุณภาพ เข้าขั้นดีมาก แต่หนังก็ยังขาดส่วนเติมให้เต็มบางอย่างไป ...อย่างที่หนึ่ง คือ ตอนจบที่ดูง่ายไปหน่อย บทจะต้องจบ หนังก็ตัดบทเร็วเกินไป ในเมื่ออุตส่าห์โยงใยความอลวนชวนคิดชวนอินมาได้จวนจะถึงปลายทางแล้ว แต่หนังก็เลือกจะหยุดรถให้พบกับบทสรุปที่ลงเอยกันแบบกั้กๆ ผกก.เรียวน่าจะเลือกทำการขยี้เหตุและผลอีกสักหน่อย พร้อมใส่รอยต่อที่หายไปเล็กน้อยนั้นเข้าไป นั่นจะช่วยเติมให้ความบริบูรณ์ของหนัง สิ้นสุดลงโดยสวัสดิภาพทางอารมณ์ของคนดู ...อย่างที่สอง คือ หนังดูสั้นเกินไป จนผมแอบบ่นในใจว่า "เฮ้ย ทำไมรีบจบซะงั้นเนี่ย กะลังได้ใจเลย"

    "เมล์นรก หมวยยกล้อ" ... ถ้าผมสนใจแต่ตัวอย่าง ไม่คิดคำนึงถึงคำวิจารณ์ของคนแถวนี้แล้ว ก็อาจจะทำให้ผมพลาดหนังคุณภาพดีๆ ดูเพลินเกินคาดเรื่องนี้ไป ...แม้มันจะล่วงเลยวันสงกรานต์มาได้หลายเวลาแล้ว แต่ก็คงไม่นานเกินที่จะย้อนกลับไปอิน ไปฮาสาดกับควันหลงสนุกๆที่หนังเรื่องนี้น่าจะเป็นน้ำช่วยสาดทลายคลายร้อนให้คุณได้

    เกรด B+
         
    * ขอสารภาพว่าหนังเรื่องก่อนหน้าสร้างชื่ออย่าง Goal Club ผมยังไม่ได้ดูเลย ...ไม่รู้ว่าตัวผมเอง ปล่อยความอยากดูให้มันหลุดหายไปจนถึงวันนี้ได้เยี่ยงไร

    สำหรับทุกคนที่ได้เผลอเข้ามาในกระทู้รีวิวนี้ ...อย่าเพิ่งรีบออกไปนะครับ อยากขอให้ช่วยลง ความเห็นของคุณกับความรู้สึกต่อหนังเรื่องนี้ ได้ประทับเก็บไว้ในกระทู้นี้ด้วย ... "1 Comment ของคุณ มีค่าเท่ากับ 1 Happy ของจขกท."

    ขอบคุณครับ รักคนอ่าน

    แก้ไขเมื่อ 26 เม.ย. 50 00:23:38

    แก้ไขเมื่อ 25 เม.ย. 50 13:59:51

    แก้ไขเมื่อ 25 เม.ย. 50 13:35:31

    แก้ไขเมื่อ 25 เม.ย. 50 13:33:57

     
     

    จากคุณ : OncE UPoN'-'a MaN - [ 25 เม.ย. 50 13:24:43 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | PanTown.com | BlogGang.com