CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    ดู{หนัง} วิธ มายเซลฟ์ ; "Spider-Man 3" ... พลังอัน'ดำมืด' มาพร้อมกับ'ความรู้ผิดชอบชั่วดี'

      เกรด A -> 9-10 คะแนน (15 คน)
      เกรด B -> 7-8 คะแนน (16 คน)
      เกรด C -> 5-6 คะแนน (4 คน)
      เกรด D -> 3-4 คะแนน (2 คน)
      เกรด E -> 1-2 คะแนน (0 คน)

    จำนวนผู้ร่วมโหวตทั้งหมด 37 คน

     40.54%
     43.24%
     10.81%
     5.41%
     0.00%


    ในสองภาคที่ผ่านมาของ "Spider-Man" ... เราคงจะได้เรียนรู้ความหมายของคำพูด "พลังอันยิ่งใหญ่ มาพร้อมกับความรับผิดชอบที่ใหญ่ยิ่ง" กันมาเป็นอย่างดีแล้ว

    คำพูดของ ลุงเบน ปาร์คเกอร์ ที่พร่ำสอน หนุ่มน้อย ปีเตอร์ ปาร์คเกอร์ ก่อนจะลาลับโลก ไปด้วยคำนี้ ...เป็นการเตือนสติให้รู้ว่า ความสามารถเกินมนุษย์ที่เขามีอยู่นั้น มันไม่ได้มีไว้เพื่ออวด เพื่อโอ่โชว์อำนาจสิ่งที่ได้เลือกเขามาและเขาถูกกำหนดให้เป็น ก็เพื่อจะให้มีไว้ใช้ต่อกรกับความเห็นแก่ตัวที่อยู่ภายในใจลึกๆของเขามากไปกว่าอื่นใด ...

    ถ้าเรายังจำความเดิมในภาคแรกได้ ...ในฉากที่ปีเตอร์ได้ปล่อยให้คนร้ายลอยนวลไป นั่นยังแสดงให้เห็นว่าคำพูดที่ลุงเบนพร่ำสอนเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน ไม่ได้ทำให้เขาเข้าใจสัจธรรมการเป็นฮีโร่แต่อย่างใด มันก็จริงที่ว่าการตายของลุงเบน จะเป็นแรงจูงใจที่ทำให้ ปีเตอร์ เลือกจะเดินทางสายใหม่ (สายที่เขาจะเป็นผู้ชายที่แข็งแรงบนโลกใบนี้ และละทิ้งร่างของเด็กอ่อนแอคนเก่าทิ้งไป) ...แต่ถึงยังไงก็ใช่ว่า การตายของคนๆหนึ่ง จะสามารถสร้างฮีโร่ที่สมบูรณ์แบบเป็นที่สุดได้เลยในทันที (ลองมองดูกรณีคล้ายๆกัน อย่าง Batman...เขาก็ไม่ต่างอะไรกับปีเตอร์ ที่ต้องการจะฆ่าคนพรากชีวิตพ่อแม่ เหนือไปกว่าเหตุและผลที่ควรอโหสิให้)

    จากเหตุการณ์ที่ปีเตอร์เริ่มต้นเป็นสไปเดอร์แมนด้วยการสนองตัณหา(ล้างแค้น) มันก็มีความต่อเนื่องทางจิตเรื่อยมาในทุกขณะที่เขาสวมหน้ากากปราบอธรรม ...ผมคิดและเชื่อว่าในใจลึกๆดวงนั้นของปีเตอร์ ยังคงจะมีกิเลสซ่อนรูปเก็บไว้อยู่เสมอมา ...เขายังยึดมั่นในความเป็นมนุษย์ปุถุชนคนหนึ่งที่ปล่อยให้ความเห็นแก่ตัว อยู่เหนือเหตุผลการกระทำอันสมควร ...แม้พลังอันร้ายกาจของจิตใจคน มันจะไม่ได้ส่งผลกระทบอันร้ายแรงต่อหน้าที่ใดๆในสองภาคที่แล้ว แต่เราก็จะยังแอบเห็นได้ว่า บางครั้งเอง ปีเตอร์ ก็มีภาวะทางความคิดที่รุนแรงเหนือไปกว่าการกระทำ (มันก็ดีที่เขายังคงสามารถพอจะเก็บงำมันไว้ ไม่ให้ออกมาเพ่นพ่านเกะกะมือ เท้า และใยของเขา)

    มาถึงในภาคสาม ในคราวนี้ ก็ถึงทีที่ สไปเดอร์แมน ของเรา จะได้ประจัญหน้ากับบททดสอบที่สำคัญที่สุดในการสวมบทเป็นซูเปอร์ฮีโร่ผู้ผดุงธรรม ...บททดสอบที่ว่าด้วยเรื่อง 'ความรู้ผิดชอบชั่วดี'

    "Spider-Man 3" ... เริ่มต้นต่อจากจุดจบของภาคก่อน ที่ทุกอย่างกำลังไปได้สวยในชีวิตของ "ปีเตอร์ ปาร์คเกอร์" ...เขาสามารถเอาชนะใจ "เอ็ม.เจ. วัตสัน" ผู้หญิงที่เขารักและมั่นคงมาตลอดได้ เขากลายเป็นคน(สวมหน้ากาก)ที่ถูกรัก เป็นเพื่อนบ้านที่ประชาชนคนนิวยอร์กทุกคนไว้วางใจ และเขาก็คือฮีโร่ ที่อาชญากรตัวน้อยๆทุกคนขยาดกลัวจะต่อสู้ด้วย

    แต่อะไรที่มันสวยงาม ย่อมแอบแฝงพิษร้ายอยู่ภายในเสมอ ...และพิษร้ายที่ว่านี้ ก็มาในรูปของสารเคมี ที่มีส่วนผสมของ เพื่อน/ศัตรู(ตัวจริง)/คู่แข่ง/รักสามเส้า/ความหลงระเริง นำมารวมเคี่ยวข้นให้กลายเป็น ของเหลวสีดำจากต่างดาว ที่อันตรายถึง(การใช้)ชีวิต

    เพื่อน... "แฮร์รี่ ออสบอร์น" ยังคงฝังคมแค้นคิดแต่จะจัดการคนที่ฆ่าพ่อให้ตายเพียงสถานเดียว เขาไม่สนคำพูดปฏิเสธของเพื่อนรัก ไม่ไตร่ตรองว่าความจริงแล้ว "นอร์แมน" ต้องตายเพราะการกระทำของตัวเองทั้งสิ้น ...(การใช้)ชีวิตของสไปเดอร์แมนถึงจุดอันตราย เพราะความลำบากที่จะชั่งใจว่า เขาควรจะฆ่าเพื่อน หรือปล่อยเพื่อนให้ตามฆ่าตัวเองไปอย่างนี้

    ศัตรู(ตัวจริง)... "ฟลิ้นท์ มาร์โก" คือ ฆาตกร(ตัวจริง)ที่จบชีวิตลุงเบน ตามหลักฐาน(ตัวจริง)ของตำรวจ ...เมื่อปีเตอร์ได้รู้ความจริงข้อนี้ เขาจะอดได้หรือกับการตามฆ่าล้างแค้น อย่างเช่นที่เขาเคยทำกับศัตรู(ตัวปลอม) ...(การใช้)ชีวิตของสไปเดอร์แมนถึงจุดอันตราย เพราะตัณหาดิบที่เก็บงำเอาไว้ กำลังกดดันให้เขาต้องทำอะไรสักอย่าง กับตัวการ(ตัวจริง)คนนี้

    คู่แข่ง... "เอ็ดดี้ บร็อค" พยายามทุกวิถีทางเพื่อจะให้ได้ภาพสวยๆเท่ห์ๆของฮีโร่ขวัญใจเดลี่ บูลเกอร์ มาเรียกเรตติ้งยอดขายให้พุ่งกระฉูด ...เขาใช้สัญชาตญาณหมาล่าเนื้อ ยื้อแย่งอาหารจาก ปีเตอร์ ทุกชิ้นทุกอัน โดยไม่คิดถึงความชอบธรรม และจรรยาบรรณของนักข่าว ...(การใช้)ชีวิตของสไปเดอร์แมนถึงจุดอันตราย เพราะทุกสิ่งทุกอย่างที่ปีเตอร์โดนแย่ง มันมีค่าเท่ากับความแค้นที่สไปเดอร์แมนต้องการเอาคืน

    รักสามเส้า... "เกว็น สเตซี่" เป็น มือที่สามผู้บังเอิญเข้ามาข้องเกี่ยวกับสมการความรักที่ยังไม่ลงตัวของ ปีเตอร์ และ เอ็ม.เจ. ...เธอคือตัวแปร ที่ทำให้ใจของเอ็ม.เจ.ผันเปลี่ยน เพียงแค่ความร้อนใจในความสนิทสนมที่มีมากเกิน (เกว็น เป็นคนที่ได้รับการช่วยเหลือจากสไปดี้ ไม่ต่างกับที่เอ็ม.เจ.เคยได้รับ และ เกว็นก็ยังเป็นเพื่อนร่วมห้องคู่บัดดี้ที่มหาลัยของปีเตอร์อีกด้วย) ...(การใช้)ชีวิตของสไปเดอร์แมนถึงจุดอันตราย เพราะ ความรักที่เขาศรัทธา กำลังโดนทำลายด้วยน้ำมือของผู้หญิงที่เขายอมเทใจให้ และจริงจังถึงขั้นจะขอแต่งงาน เขารับไม่ได้ถ้าจุดจบของชีวิตคู่จะลงเอยด้วยการเข้าใจผิดเช่นนี้

    ความหลงระเริง... "สไปเดอร์แมน" กำลังไปได้สวยกับการเป็นยอดฮีโร่ที่ทุกคนต่างยอมรับ เขานึกถึงแต่คำสรรเสริญเยินยอมากไปกว่าความนอบน้อมที่เขาเคยเป็น ปีเตอร์ตกอยู่ในภวังค์หลงมัวเมากับความเชื่อที่คิดว่าเขาคือคนที่ทุกคนพอใจ โดยไม่เคยเหลียวมามองว่า เอ็ม.เจ. นั้นกำลังไม่พอใจในการเปลี่ยนไปในตัวตนและความคิด ...เธอมองออกว่าเขาคิดถึงแต่ตัวเอง มากกว่าจะคิดถึงคนอื่น เธอนึกได้ว่าพลังและอำนาจกำลังทำให้คนที่เธอรักเปลี่ยนแปลงไป

    (การใช้)ชีวิตของสไปเดอร์แมน ถึงคราวที่จะได้ประจัญหน้ากับบททดสอบที่มนุษย์ปุถุชนทั่วไป มีเอาไว้เพื่อใช้ชี้วัดความเห็นแก่ตัว ...บททดสอบที่ว่าด้วยเรื่อง 'ความรู้ผิดชอบชั่วดี'

    'ความรู้ผิดชอบชั่วดี' มีอยู่ในจิตใจคนเราทุกขณะจิต เราคิดถึงมันโดยตลอดในตอนที่เรากำลังแสดงพฤติกรรมที่ส่อไปถึงจิตใต้สำนึกลึกๆที่เรารู้ตัว ...ยกตัวอย่างเช่น เวลาเราเห็นคนแก่กำลังเดินข้ามถนน ในตอนนั้น เราจะมีความคิดที่เป็นทั้งขั้วบวกและขั้วลบเกิดขึ้นในใจ การขัดแย้งระหว่างขั้วทั้งสอง ต่างก็จะพยายามสร้างประเด็นหาเหตุหาผลที่เหมาะที่สมกับจิตใต้สำนึกที่เรามี และเมื่อเราได้แสดงความรู้ออกในรูปของพฤติกรรมแล้ว ในตอนนั้นเองที่ขั้วใดเพียงขั้วหนึ่งจะได้เป็นผู้ชนะ ...

    'ความรู้ผิดชอบชั่วดี'ต่อชีวิตของคนแก่ จะจบลงแบบไหนล้วนขึ้นอยู่กับจิตใจของคุณเอง ที่สามารถเลือกได้ว่า จะยอมรับในขั้วบวก (ช่วยประคองคนแก่ให้ข้ามถนนไปได้โดยปลอดภัย) หรือ ยอมแพ้ให้ขั้วลบ (ทำได้แค่มอง และเดินบนฟุตบาทต่อไป ปล่อยให้มันสิ้นสุดตามยถากรรมของชีวิตคนอื่นที่ไม่ใช่ชีวิตเรา) ก็แค่นั้น...

    "แซม ไรมี่" ผู้กำกับอภิมหาไตรภาค เลือกจะปิดท้ายหนังซูเปอร์ฮีโร่จักรวาลมาร์เวล(ที่ดีที่สุด) ด้วยการตอบโจทย์ที่เขาได้แอบตั้งทิ้งเอามาตั้งแต่ภาคแรก ...โจทย์ที่ว่าด้วยเรื่องของ 'ความรู้ผิดชอบชั่วดี' กับจิตใต้สำนึก และการเลือกกระทำ

    ในภาคแรก เรื่องราวของ สไปดี้ เริ่มต้นด้วยการปรับตัวและเปลี่ยนแปลงตัวเอง เพื่อยอมรับตัวตนฮีโร่ที่ ปีเตอร์ ปาร์คเกอร์ ถูกเลือกให้เป็น ...ส่วนภาคสอง ก็ถลำเขาไปในส่วนของจิตใจ ที่ซูเปอร์ฮีโร่คนหนึ่งจะต้องทนอยู่ และอยู่ทนกับความสามารถเหนือมนุษย์ที่เขาต้องเป็นไปตลอดชีวิต ...และภาคสรุปปิดท้าย ก็คือ การแสดงออกระหว่างดี/ชั่ว ขาว/ดำ ที่ซูเปอร์ฮีโร่ผู้มีกิเลสเยี่ยงมนุษย์ทั่วไปต้องแยกแยะให้ออก

    ผกก.ไรมี่ กำหนดแนวทางของ สไปเดอร์แมน ให้เป็นไปตามสเต็ป มีความเข้มข้นในจังหวะชีวิตที่ถูกเร่งเร้าขึ้นเรื่อยๆ จากระดับที่หนึ่งสู่สูงสุดที่สาม ...แม้การเพิ่ม volumn จะให้ผลงานที่แรงขึ้น แรงขึ้นในทุกๆภาค แต่สิ่งหนึ่งที่ทั้งสามภาคคงที่และไม่เปลี่ยนแปลงไป ก็คือ การที่ไรมี่ ยังคงรักษาและซื่อสัตย์ในจิตวิญญาณของตัวการ์ตูนคอมมิคส์ตัวนี้ ...ยังคงนับถือ สไปเดอร์แมน และความเป็นมนุษย์ปุถุชน เหนือสิ่งอื่นใด

    อ่านต่อข้างล่าง...ครับ

    แก้ไขเมื่อ 04 พ.ค. 50 12:37:39

    จากคุณ : OncE UPoN'-'a MaN - [ 4 พ.ค. 50 12:14:26 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | PanTown.com | BlogGang.com