CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    ++Vote++ ถ้าคุณริจะเป็นผู้อำนวยการสร้างหนังอินดี้ฮอลลีวู้ด ด้วยงบประมาณ 10 ล้านเหรียญ คุณจะจ้างใครให้มากำกับหนังของคุณ ?

      สตีเว่น สปีลเบิร์ก ...กับหนังคัลต์แนวๆ ที่มีสไตล์การเดินเรื่องแบบ Pulp Fiction (3 คน)
      เจมส์ คาเมรอน ...กับ Titanic 2 ที่ไม่ฟู่ฟ่าซีจีและเอฟเฟกต์ ใช้เทคนิคแบบหนัง 40 ปีก่อนล้วนๆ (1 คน)
      จอร์จ ลูคัส ...กับหนังการเมือง ที่ว่าด้วยเรื่องนักการเมืองหนุ่ม ที่ถูกด้านมืดครอบงำ จนกลายเป็นประธานาธิบดีที่เสียผู้เสียคน (1 คน)
      แซม ไรมี่ ...กับหนังซอมบี้เกรดบี ที่เขาเคยถนัด โดยมีพลอตเรื่องคล้ายๆ Spider-Man (3 คน)
      ปีเตอร์ แจ๊คสัน ...กับหนังผจญภัย ที่ตัวละครจะต้องเอาของสำคัญในชีวิตไปทิ้งไว้ ในที่ไกลสุดขอบโลก (5 คน)
      มาร์ติน สกอร์เซซี่ ...กับหนังสารคดี ที่ตีแผ่ เรื่องราวของแก็งมาเฟีย ในยุคปัจจุบัน (1 คน)
      ไมเคิล มัวร์ ...กับหนังดรามา(ไม่ใช่สารคดี) ที่ว่าด้วยเรื่องของประธานาธิบดี ที่หวังจะทำลายล้างประเทศตัวเอง ด้วยการแฉเรื่องราวของคนรอบข้าง (1 คน)
      อัง ลี ...กับหนังโรแมนติก ของผู้หญิงรักผู้หญิง (4 คน)
      หว่องคาไว ...กับหนังที่พระเอกกำลังตามหาเพื่อนแท้ด้วยการเดินทางไปที่ต่างๆ แต่แล้วสุดท้ายในตอนจบก็ยังคงเหงาอยู่ดี (2 คน)
      เควนติน ตารันติโน่ ...กับหนังอินดี้เน้นเอาใจตลาด มากกว่าหวังรางวัล ทำออกมาเป็นหนังตลกอุจาดตา ด้วยคำหยาบ และ S.E.X. (11 คน)

    จำนวนผู้ร่วมโหวตทั้งหมด 32 คน

     9.38%
     3.13%
     3.13%
     9.38%
     15.63%
     3.13%
     3.13%
     12.50%
     6.25%
     34.38%


    เพิ่มเติมรายละเอียด ที่(อาจจะ)ทำให้คุณนึกภาพได้ง่ายขึ้น...

    ข้อ 1 ต่อรองขอลดค่าตัวกับ "สตีเว่น สปีลเบิร์ก" ...กับการแลกให้เขาได้มีอิสระทางความคิด ทำหนังคัลต์แนวๆ ที่มีสไตล์การเดินเรื่องแบบ Pulp Fiction เน้นความงงๆเข้าไว้ ...จะใส่พลอต War of the Worlds เข้ามาปนกับ Saving Private Ryan แอบผสม Jurassic Park แล้วใส่ตัวละคร E.T. ให้มาเป็นเพื่อนคู่หูกับ Indiana Jones และแบ๊คกราวนด์ทั้งหมดเกิดขี้นที่ Munich เข้าไปก็ไม่ว่า ขอเพียงแต่ให้หนังออกมาพิกลสุดๆ เท่าที่พ่อมดฮอลลีวู้ดจะเคยทำมา  

    ข้อ 2 ต่อรองขอลดค่าตัวกับ "เจมส์ คาเมรอน" ...กับการแลกให้เขาได้ลองสานต่อหนังโคตรยิ่งใหญ่ตลอดกาลเรื่องนี้ ให้ออกมาเป็นภาคต่อที่กินใจ และซาบซึ้ง อาจจะเป็นเรื่องของโรส(วัยแก่) ที่ลงทุนสร้างเรือดำน้ำ ไว้ตามหาร่างของแจ๊ค ด้วยเพียงต้องการเอาศพขึ้นมาสตาฟฟ์ไว้ เผื่อทำให้หายคิดถึงไปได้บ้าง ก็ได้ ส่วนงานเทคนิคก็ขอให้เน้นความเนียนแบบที่หนัง 40 ปีที่แล้ว เขาทำกัน และหวังเพียงแค่สุดท้าย หนังทำเงินในระดับที่สูง กำไรบานเบอะก็พอแล้ว

    ข้อ 3 เจรจาให้ "จอร์จ ลูคัส" เปลี่ยนใจกลับมากำกับหนังให้อีกซะเรื่อง ด้วยการทำดรามาสะท้อนสังคมปัจจุบัน ที่ว่าถึงเรื่องของประธานาธิบดีที่หลงระเริงกับอำนาจที่มี จนลืมไปว่าอะไรเป็นความถูกต้องต่อชาติ (เอ๊ะๆ คุ้นมะ ว่าเหมือนใครบางคน) หนังจะย้อนเรื่องไปตั้งแต่สมัยเป็นเด็กน้อย ที่อยู่ในชนบทอันห่างไกลความเจริญจนโตมา พบกับความกดดันที่ต้องแบกรับจากคนรอบข้าง และเรื่องเก็บกดที่ทำให้เขาเลือกจะเปลี่ยนเส้นทางไปสู่ด้านมืด (เอ๊ะๆ คุ้นมะ ว่าเหมือนพลอตของหนังบางเรื่อง)

    ข้อ 4 "แซม ไรมี่" เคยพร่ำบ่นว่าจะพักทำหนังใหญ่ ก็เลยได้ทีที่เราจะให้ทำหนังเล็กๆซะเลย แต่ทว่าเพื่อความสนุกน่าสนใจ และความถนัดของไรมี่เองแล้ว ก็ขอคิดเรื่องราวให้เป็นหนังทริลเลอร์ดิบๆ เรื่องราวของพระเอกนักฆ่าที่ตามล่าซอมบี้ แต่ก่อนหน้าที่เขาจะได้มาเป็นนักฆ่า เขาเคยโดนคำสาปแช่งให้เขากลายเป็นผู้มีพลังอันยิ่งใหญ่ ที่ต้องมีความรับผิดชอบอันยิ่งใหญ่มาแบกรับไว้ทั้งชีวิต เขาต้องพบกับอุปสรรคมากมายในชีวิตที่ทำให้เขาท้อกับการเป็นนักฆ่า และบางครั้งความยิ่งใหญ่ที่เขามีก็ทำให้เขาถลำตัวไปเป็นคนบ้าเลือด ไม่มีสติยั้งคิดเลยทีเดียว แต่สุดท้ายเขาก็กลายเป็นฮีโร่นักปราบซอมบี้ที่ยิ่งใหญ่กว่าใครๆทุกคน ...หนังจะมีซอมบี้ตัวร้ายมากมายมาเป็นศัตรูคู่ต่อสู้ (3 ตัวไม่สะใจผู้สร้าง ยัดเยียดเอาเป็นร้อยเป็นพัน ตัวไปเลย ฮะฮ่าๆ)

    ข้อ 5 ขอให้ "ปีเตอร์ แจ๊คสัน" มาทำหนังผจญภัยทุนสร้างต่ำๆ โดยให้มีแนวทางการเดินเรื่องแบบ The Lord of the Rings แต่ใช้ตัวละครเดินทางเพียงคนเดียว (ไม่ต้องหาพันธมิตรแห่งของ ให้เสียเวลายืดยาด) ...ให้เขาเดินทางตะลอนๆ เอาของสำคัญในชีวิตที่เขาอยากจะลืมแต่ลืมไม่ลงไปทิ้งในที่ที่ไกลจากที่ที่เขาอยู่ ระหว่างทาง เขาต้องต่อสู้ฝ่าฟันกับอุปสรรคต่างๆ ทั้งผู้คนที่คอยขวาง(เกลี่ยกล่อมให้เขาเปลี่ยนใจ)กั้นอยู่กลางทาง และจิตใจของเขาที่ยังคงยึดติดกับของสิ่งนี้อีกด้วย ...สุดท้ายในตอนจบ เขาก็ทิ้งมันได้ลงคอ และต้องตายไปอย่างทรมานเพราะขาดของสิ่งนี้ (คิดจินตนาการต่อไปกันเองนะครับ ว่าของสิ่งนี้คืออะไร)

    ข้อ 6 ไหนๆ ลุง"มาร์ติน สกอร์เซซี่" ก็ได้ออสการ์หนังยาวไปแล้ว ก็เลยชวนลุงให้มาทำหนังสารคดีคว้าออสการ์ดูบ้าง ...เรื่องราวก็แบบคล้ายๆกับหนังที่เขาได้ออสการ์ไปนั่นแหละ เพียงแต่คราวนี้จะตีแผ่ออกมาเป็นเรื่องจริง ชีวิตจริง ของคนเป็นแก๊งสเตอร์ในดินแดนอเมริกา โดยตามติดชีวิตของตัวเอกหลักๆสองคน คนหนึ่งคือมาเฟียที่ตั้งใจจะทำตัวเป็นคนดี กับอีกคนที่เป็นตำรวจผู้อยากจะทำตัวร้ายกาจเยี่ยงมาเฟีย มีแนวคิดหลักของเรื่องที่ต้องสอดคล้อง "การทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว" ตามหลักพระพุทธศาสนา (ถอดโครงเรื่องของ "2คน 2คม" มาทำอีกที เพื่อเป็นการขอโทษที่เคยทำหนังรีเมคเหมือนเป็นหนังก๊อปปี้)

    ข้อ 7 อุตส่าห์แจ้งเกิดสุดๆ ได้จากหนังแฉประธานาธิบดีทั้งที ...ก็เลยต้องขอจ้างให้ "ไมเคิล มัวร์" เปลี่ยนจากการทำสารคดี ให้มาทำหนังเมคๆเรื่อง ดูบ้าง แต่แนวทางก็ยังเป็นแนวที่ถนัดอยู่ดี ...กำหนดให้มีตัวละครเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ(ที่ไม่มีตัวตนบนโลก) เป็นคนที๋โป้ปด เลวร้าย ชอบรังแกให้ผู้อื่นต้องเจ็บช้ำน้ำใจ นิยมที่จะแฉเรื่องราวของคนรู้จักรอบๆตัว ให้ต้องกลายเป็นที่คนโจษจันในแง่ลบของประชาชนทั้งประเทศ ...บางคนทนไม่ได้ ต้องฆ่าตัวตายหนีความจริง แต่กับบางคนเลือกที่จะอดทน และรอวันสางแค้นด้วยความคลั่ง ...ตอนจบประธานาธิบดีต้องพบกับความเจ็บปวดรวดร้าวสุดๆ และทำให้คนทั้งประเทศสมน้ำหน้า จนสุดท้ายต้องหนีไปตายอยู่ในดินแดนที่ไม่มีใครรู้จักว่าเขาเคยเป็นประธานาธิบดีมาก่อน

    ข้อ 8 ชวน "อัง ลี" มาทำภาคแยกของ Brokeback Mountain โดยเปลี่ยนเรื่องระหว่างผู้ชายให้กลายเป็นผู้หญิง ...เหตุเกิดความรัก จะเกิดขึ้นในหุบเขา และหลืบซ่อง ก็ได้ ขอแต่ให้รักทั้งสองคนนั้น เป็นรักต้องห้ามที่คนรอบข้างต่างก็รับไม่ได้ และพวกเธอใช้ชีวิต อย่างหลบๆซ่อนๆ ด้วยการโกหก และแสดงความไม่จริงใจในความรู้สึกต่อกันและกัน ...ในตอนจบอาจจะทำให้สมหวัง หรือเป็นโศกนาฏกรรมก็ได้ เพียงแต่ต้องสะเทือนใจ เรียกน้ำตาจากคนดูเป็นกะละมังให้ได้เท่านั้นพอ

    ข้อ 9 อยากจะทำหนังที่เหงาๆ บาดจิตสักเรื่อง ก็คงต้องเลือก "หว่องคาไว" มาเป็นตัวเลือกแรก ...หนังที่จะให้กำกับมีโครงเรื่องที่เกี่ยวกับ การใช้ชีวิตของตัวละครตัวหนึ่ง ที่ตั้งแต่เกิดมายังไม่มีใครเป็นคนที่เรียก "เพื่อน" ได้สักคน เขาได้ออกเดินทางตามหามิตรภาพไปทั่วทุกที่ รอบโลก เพียงหวังว่าจะมีสักคนที่เป็นเพื่อนให้เขาได้ เพียงแต่ทุกคนที่เขารู้จักไม่มีใครจริงใจ ไม่มีใครอยากเป็นเพี่อนเขาสักคน จนแล้วจนรอด ตอนจบของหนัง เขาก็ต้องกลับบ้านมาอยู่อย่างเหงาๆ เช่นที่เคยเป็น (อะไรจะอาภัพ รันทด ขนาดนี้เนี่ย) ...เชื่อได้ว่า หนังเรื่องนี้จะต้องเป็นหนังที่เศร้าที่สุดเท่าที่ประวัติศาสตร์วงการหนังเคยมีหนังเศร้ามาเลยทีเดียว (อาจจะมีคนเสียชีวิตในโรง เนื่องจากสูญเสียน้ำในร่างกายมาก ก็เป็นไปได้)

    ข้อ 10 อยากจะทำอินดี้ ก็ต้องจ้างคนที่เก่งอินดี้สิ ยิ่งได้ "เควนติน ทาแรนติโน" มาเป็นผู้กำกับให้ ยิ่งหายห่วงว่าหนังจะไม่อินดี้สมใจอยาก และเมื่อได้เควนตินมาร่วมงานแล้วทั้งที มีหรือที่จะทำอะไรที่ธรรมดา ...แน่นอน ที่มันจะต้องเป็นหนังที่อินดี้จ๋ามากๆ มีแนวเป็นหนังตลกเน้นฮาบ้าสุดๆ ไม่ต้องคิดหาเหตุผลความเป็นมาอะไรเลย จะยัดเยียดความหยาบคาย ก็ยัดให้สุดๆ (เรต NC-17 ที่ว่าสูงสุดแล้ว หนังเรื่องนี้ต้องสูงสุดกู่ยิ่งกว่านั้น) จะ พูด F**K หรือมี S.E.X. แทบทุกฉาก ก็ไม่ต้องกลัวผู้สร้างจะว่า ขอเพียงแค่หนังโดนใจตลาด และทำเงินแบบมโหฬารมหาศาล เหนือคาดยิ่งกว่าสไปเดอร์แมน จะได้ร้อยล้าน กันไปเลย

    10 ผู้กำกับต่อไปนี้ คุณอยากให้ใครมาทำหนังอย่างนั้นให้คุณ ?

    ขอบคุณครับ รักคนโหวต...

    แก้ไขเมื่อ 08 พ.ค. 50 19:37:28

    แก้ไขเมื่อ 08 พ.ค. 50 19:34:00

    จากคุณ : OncE UPoN'-'a MaN - [ 8 พ.ค. 50 18:12:33 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | PanTown.com | BlogGang.com