Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    [Review]My...Myself ขอให้รักจงเจริญ :: ทางชีวิต...ที่ลิขิตเอง[Spoiler]

    ก่อนอื่นต้องขอออกตัวและยอมรับกันแต่เนิ่นๆ ไว้ ณ ที่นี้เลยว่าสำหรับตัวของผม นักดูหนังแถว G นั้น หลายต่อหลายครั้งในห้วงความคิดก็อดที่จะรู้สึกสับสนและมึนงงต่อความเป็นไปของตนเองไปเสียไม่ได้ ก็แน่ล่ะ กับหนทางที่เคยตั้งใจ ชื่อเสียงลาภยศที่เคยคาดหวังไว้ กลับเบี่ยงเข็มและฉีกแนวมาเป็นอย่างที่เป็นอยู่ในทุกวันนี้ (เปลี่ยนคณะจากสายวิทย์มาสายศิลป์ เปลี่ยนความฝันจากโปรแกรมเมอร์มาสู่เส้นทางตัวอักษร) มันฉีกแนว ผิดรูป และโค้งหักศอกจนเกินคาด และก็ทำให้ผมอดถามตัวเองไปเสียไม่ได้ว่า แท้จริงแล้ว ณ จุดที่เรากำลังหยั่งพื้นและตั้งรกราก ณ ขณะนี้นั้น มันเกิดขึ้น และเป็นไปด้วยความตั้งใจอย่างแรงกล้า หรือเป็นเพียงความดื้อรั้นที่ปราศจากเหตุผลของความอ่อนเชิงในทางโลกของตัวผมในช่วงขณะเวลานั้นกันแน่

    และนั่นอาจจะเป็นคำถามเดียวกันกับที่เกิดขึ้นในคู่หนุ่มสาวตัวละครเอกในภาพยนตร์เรื่อง Me…Myself ขอให้รักจงเจริญ ผลงานการกำกับชิ้นแรกของนักร้องนักแสดงมากฝีมืออย่างพงพัฒน์ วชิรบรรจง ที่พกเอาประสบการณ์ทางแวดวงบันเทิงมาเต็มตะกร้า ประสานร่วมงานกับคงเดช จาตุรันต์รัศมี ผู้เขียนบทภาพยนตร์เรื่อง The Letter ที่น่าจะพอไขข้อข้องใจและความสับสนของคนหนุ่มสาวในช่วงยุคเปลี่ยนผ่านนี้ได้ค่อนข้างดีในระดับหนึ่งทีเดียว

    Me…Myself นี้ เริ่มต้นด้วยตัวละครอย่างอุ้ม (แอม ฉายนันท์ มโนมัยสันติภาพ) นักการโฆษณาสาวมากความสามารถ ที่แม้จะมีหลายต่อหลายสิ่งที่ทุกคนใฝ่ฝัน แต่สิ่งที่เธอต้องแบกรับนั้นก็มากไม่แพ้กัน ทั้งปัญหาความรัก ความไม่มั่นใจในการงาน ขาดการดูแลตัวเองอย่างเหมาะสม และภาระเลี้ยงดูหลานชายกำพร้าพ่อแม่ตัวน้อย ที่ดูหนักหน่วงเกินกว่าหญิงสาววัยอย่างเธอจะทนรับไหว แต่แล้วเหตุไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อเธอขับรถชนกับแทน (อนันดา เอเวอริ่งแฮม) ชายหนุ่มแปลกหน้าจนกลิ่งโคโล่ลงกับพื้น จนเป็นภาระที่เธอต้องนำเขาส่งโรงพยาบาล (ตัวหนังไม่ได้อธิบายเหตุการณ์ระหว่างนั้นมากนัก แต่คิดว่าคงจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่าการขับรถชนแล้วหนีแน่ๆ)

    โชคดีที่แทนไม่เป็นอะไรมากทางกายภาพ แข็งแรงสมบูรณ์เป็นปกติทุกอย่าง แต่ความโชคร้ายของอุ้มก็ยังไม่หมดแต่เพียงเท่านั้น เมื่อหมอวินิจฉัยว่าชายหนุ่มมีอาการของความจำเสื่อมอย่างสมบูรณ์แบบติดตัวอยู่ก่อนหน้าที่จะประสบอุบัติเหตุ และก็เป็นอุ้มอีกนั่นเองที่ต้องมารับภาระดูแลชายแปลกหน้า จนกว่าเขาจะหายดีและได้ความทรงจำกลับคืนมา ทำให้เธอต้องรับเขามาอยู่ร่วมชายคาไปอย่างเสียไม่ได้ และนั่นเอง ที่เป็นจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์อันแปลกๆ ของหญิงสาวมากภาระทางโลก กับชายหนุ่มแปลกหน้าที่ตัดขาดจากโลกในอดีตไปทุกประการ ที่นำไปสู่บทสรุปที่พวกเขาคาดไม่ถึงในตอนท้าย

    ในจุดนี้ แม้ว่าตัวหนังจะไม่ได้เกริ่นนำกับสภาวะเบื้องต้นของเหตุการณ์ในตัวหนังไว้อย่างชัดเจนมากนัก ดูหลายอย่างมันไม่เข้าที่ทางหรือลงกับร่องกับรอยสักเท่าไหร่ (สรุปอุ้มรับแทนไปส่งโรงพยาบาลได้อย่างไร หรือทำไมตอนแรกอุ้มต้องร้องไห้จะเป็นจะตายกับอดีตแฟนเก่าที่ร้างลากันไป) แต่ทั้งหมดก็แทนที่ด้วยสิ่งที่ผมชื่นชอบในช่วงครึ่งแรกของหนัง นั่นคือกิจกรรมที่เชื่อมความสัมพันธ์ของคนสองคนที่แปลกหน้าเข้าไว้ด้วยกัน สำหรับตัวของอุ้มเองนั้น ด้วยภาระการเป็นนักโฆษณามือเอก ทำให้การงานนั้นยุ่งเหยิงและยุ่งยากเกินกว่าจะมาใส่ใจในรายละเอียดปลีกย่อยของชีวิต ทั้งไม่แต่งตัว ไม่เอาใจใส่การกิน ไม่ดูแลหลานชายตัวน้อยให้ดีเท่าที่ควร อย่ากระนั้นกระนี้เลย แค่ห้องหับก็แทบจะไม่มีเวลาเก็บ ปล่อยให้หนังสือมันกองล้มระเนระนาดจนอดสงสัยไปด้วยไม่ได้ว่าอยู่ไปได้อย่างไรกัน ยังไม่นับรวมถึงปัญหาความรักที่กลายเป็นปมในใจ ที่ทำให้เธอเอาแต่โทษตัวเองว่าเป็นเพราะเธอนั้นอ่อนด้อยความสามารถ รูปไม่งาม จนไม่คู่ควรกับคนอย่างเขา

    ทั้งหมดในตัวของอุ้มสะท้อนภาพของคนหนุ่มสาววัยทำงานในยุคที่ทุกสิ่งเปลี่ยนผ่านรวดเร็วปานติดจรวด การเป็นนักโฆษณาของเธอทำให้การใส่ใจกับรายละเอียดสิ่งละอันพันละน้อยรอบๆ ตัวพร่าเลือนหายไป ไหนจะภาระการเลี้ยงดูหลานชายตัวน้อยด้วยอีก และด้วยค่าที่เธอคิดว่าคงสามารถอดทนอยู่กับชีวิตไปแบบตายซากเหล่านี้ได้ ผลที่ออกมาคือความเปลี่ยวเหงาอย่างลึกซึ้ง ต้องทนออกมาเดินซูเปอร์มาร์เก็ตที่เปิด 24 ชั่วโมง ใช้สิ่งของที่ไม่มีชีวิตอันละลานตาในชั้นวางขายคอยอยู่เป็นเพื่อนเพราะคนที่มีชีวิตรอบตัวมันเหมือนต้นไม้แห้งๆ บอดใบ้ มีแต่เสียงแต่ไร้คำพูดและความเข้าใจไปเสียอย่างนั้น สำหรับผมแล้ว สภาวะเหล่านี้มันสุดจะทานทนเหลือกำลังจริงๆ

    แต่ทุกอย่างก็เปลี่ยนไปเมื่อชายแปลกหน้าที่ไม่มีแม้แต่อดีตเพราะความจำเสื่อมขั้นรุนแรงอย่างแทนเข้ามาในชีวิตของเธอ เขาเปรียบเสมือนคนที่เวลาของโลกทั้งโลกหยุดนิ่ง ความขัดแย้ง การแข่งขัน หรืออะไรต่อมิอะไรที่ถือเป็น ‘สาระ’ ของชีวิตของคนเมือง กลายเป็นเพียงความว่างเปล่าในความคิดของเขา นั่นทำให้เขามีสายตาที่เปิดกว้างยอมรับอะไรใหม่ๆ และเอาใจใส่ในรายละเอียดเล็กๆน้อยๆ ได้โดยตลอด ทั้งอาหารการกินของหลานชายตัวน้อยของอุ้ม การเก็บกวาดห้องหับ รวมไปถึงการดูแลสุขภาพกายและสุขภาพจิตของทั้งตนเอง รวมถึงให้ความเชื่อมั่น และความมั่นใจกับคนที่อยู่เคียงข้างอย่างอุ้ม ให้พร้อมเดินหน้าต่อไปในความสับสนและความไม่มั่นใจที่ประดังประเดเข้ามาอย่างไม่รู้จบ

    แบบนี้กระมัง ที่คนเขาเรียกกันว่าเพื่อนคู่คิด มิตรคู่ใจ เพราะแทนได้เข้ามาชดเชยในส่วนที่อุ้มไม่สามารถหา และไม่มีเวลาแม้แต่จะหา จนสามารถเติมชีวิตของเธอให้ครบพร้อมสมบูรณ์ และกลายมาเป็นความผูกพัน และความรักที่บังเกิดขึ้นกับคนทั้งสอง

    มาจนถึงวรรคนี้ ฟังดูดีและโรแมนติกสมกับเป็นหนังรักหวานๆ ชั้นดีเรื่องหนึ่งได้เลยทีเดียว ถ้าไม่ใช่เพราะโจทย์ที่ตัวหนังได้ทิ้งเอาไว้มาโดยตลอดตั้งแต่ต้นเรื่องอย่างกรณีความทรงจำเสื่อมขั้นรุนแรงของแทนนั้น ได้ขยายประเด็นและดึงหนุ่มสาว และพวกเราเหล่าคนดู ให้มาสู่โลกของความเป็นจริงกันอีกครั้ง

    (ต่อที่โพสท์ล่าง)

    จากคุณ : บ้าเกม - [ 13 พ.ค. 50 01:30:52 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom