ความคิดเห็นที่ 1 ตามความเชื่อของเผ่า Wiccan วงกลมที่แบ่งเป็นสี่ส่วนแสดงถึง “ขอบเขตอันศักดิ์สิทธิ์” หรือ “โลกอันศักดิ์สิทธิ์”  เส้นทั้งสี่ที่แบ่งแยกวงกลมสื่อถึงทิศทั้งสี่ หรือธาตุทั้งสี่นั่นเอง รูปทรงกลมต่าง ๆ (sphere)เป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ที่เก่าแก่ที่สุด  ในวิชาเล่นแร่แปรธาตุ วงกลมเป็นสัญลักษณ์ของ Alum (double Aluminum sulphate and another metal)  มีความเชื่อมากมายที่กล่าวว่าวงกลมสื่อความหมายถึงความเป็นนิรันดร์  บางครั้งใช้รูปวงกลมเป็นสัญลักษณ์หนึ่งของธาตุลม นอกจากนี้วงกลมยังสื่อความหมายถึงความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน  ความครบถ้วนสมบูรณ์  ความเป็นนิรันดร์  พระเจ้า  อำนาจและจิตวิญญาณแห่งเพศหญิง รวมไปถึงเขตแดนอันศักดิ์สิทธิ์อีกด้วย   อีกทั้งยังมีความเชื่อเก่าแก่ที่เชื่อมโยงวงกลม (ที่ครบวง ไม่มีส่วนแยกจากกัน) กับ “อสรพิษแห่งโลก” ที่สร้างรูปร่างของวงกลมขึ้นมาด้วยการกินหางตัวเอง (ใครที่คิดไม่ออกให้นึกถึงสัญลักษณ์ของโฮมุนคูลัสอะจ้า  เป็นอันเดียวกันเลย) ส่วนรูปวงกลมที่มีจุดอยู่ตรงกลางก็เป็นสัญลักษณ์เก่าแก่อีกอย่างหนึ่งที่สื่อถึงพระอาทิตย์  ในวิชาเล่นแร่แปรธาตุสัญลักษณ์นี้หมายถึงทอง  ในศตวรรษที่ 19 ใช้สัญลักษณ์นี้แทนไฮโดรเจนในวิชาเคมี นอกจากนี้ในศาสนาฮินดูและศาสนาพุทธ เครื่องหมายจุด (พิณฑุ) สื่อถึงพลังของเพศชาย  ซึ่งเมื่อนำวงกลมและพิณฑุมารวมกันจะหมายถึง การประสานกันของพลังแห่งเพศหญิงและพลังแห่งเพศชาย นั่นเอง จากคุณ : SHil2O - [ 20 พ.ค. 50 11:58:29 ]

ความคิดเห็นที่ 2 มีตำนานกล่าวว่า ซาลาแมนเดอร์ เป็นสัญลักษณ์ของไฟ  ตามความเชื่อที่ว่า ซาลาแมนเดอร์ทำรังอยู่บนกองไฟและจะมีชีวิตชีวาเมื่ออยู่ในกองเพลิง  เนื่องจากเมื่อถึงฤดูหนาวซาลาแมนเดอร์จะจำศีลในโพรงขนาดใหญ่ และเมื่อพวกมันได้รับความร้อนจากไฟก็จะปรากฎตัวออกมาท่ามกลางกองเพลิงทันที  ในรอยสักบนหลังริซ่ามีสัญลักษณ์ของไฟอยู่ใต้ซาลาแมนเดอร์ (ต้องดูแบบกลับหัวอะค่ะ)  ซึ่งสัญลักษณ์สองอย่างนี้รวมกันแสดงถึงการทำทองให้บริสุทธิ์ จากคุณ : SHil2O - [ 20 พ.ค. 50 11:59:09 ]

ความคิดเห็นที่ 3 The Caduceus หรือสัญลักษณ์รูปอสรพิษสองตัวขดตัวกันเป็นเกลียวรอบแกน  เป็นสัญลักษณ์เก่าแก่อันหนึ่งในวิชาเล่นแร่แปรธาตุ  ซึ่งแสดงถึง Mercury (ทั้งที่หมายถึง ปรอท และเทพเจ้าแห่งการสื่อสารของโรมัน)  เนื่องจากหนึ่งในชื่อที่ใช้เรียกวิชาเล่นแร่แปรธาตุ คือ “ศาสตร์แห่งเฮอร์เมส (The Art of Hermes)” (เฮอร์เมสเป็นชื่อกรีกของเมอร์คิวรี่  และเป็นผู้ที่ริเริ่มตำนานของวิชาเล่นแร่แปรธาตุ)  จะเห็นได้ว่าสัญลักษณ์นี้มีช่องว่างระหว่างอสรพิษทั้งสองตัวอยู่สี่ช่อง (ช่องที่เกิดจากการขดตัวพันกัน)   ซึ่งช่องว่างสี่ช่องนี้มีความหมายถึงธาตุทั้งสี่  และยังสื่อถึงกระบวนการทั้งสี่ในการแปลงสภาพวัตถุ (ตามหลักความเชื่อ Emerald Tablet -- หลักความเชื่อของวิชาเล่นแร่แปรธาตุอียิปต์โบราณที่นับถือไฟและดวงอาทิตย์) อันประกอบด้วย   Calcination (การเผาวัตถุให้เป็นเถ้าถ่าน) , Dissolution (การสลายตัว) , Separation (การแยกออกจากกัน)  และ  Conjunction (การรวมตัวเป็นวัตถุขึ้นใหม่)  อีกด้วย จากคุณ : SHil2O - [ 20 พ.ค. 50 11:59:50 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ในรอยสักของริซ่า หากมองแนวกระดูกสันหลังเป็นแกนกลางจะเห็นเป็นสัญลักษณ์ The Caduceus  กลับหัว จากคุณ : SHil2O - [ 20 พ.ค. 50 12:00:42 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ไฟเป็นหนึ่งในองค์ประกอบที่สำคัญที่สุดในวิชาเล่นแร่แปรธาตุ  Basil Valentine (นักเล่นแร่แปรธาตุในศตวรรษที่ 15) เชื่อว่า ไฟเป็นสิ่งที่บริสุทธิ์ที่สุด  นอกจากนี้หากเราพิจารณาถึงการทดลองแปลงสภาพวัตถุ จะเห็นได้ว่าไฟมีบทบาทสำคัญมากเนื่องจากเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของวัตถุและทำให้การทดลองดำเนินไปได้ (คล้าย ๆ กับเป็นตัวเร่งปฏิกิริยา)  นักเล่นแร่แปรธาตุใช้ไฟในการเผาวัตถุเพื่อทำการเรียนรู้  และได้สร้างเครื่องมือต่าง ๆ ขึ้นเพื่อใช้ในการทดลองซึ่งล้วนแล้วแต่ใช้ไฟในการแยกองค์ประกอบของสารและควบคุมปฏิกิริยาในหลาย ๆ รูปแบบ (ตามรูปประกอบ ^^) จากคุณ : SHil2O - [ 20 พ.ค. 50 12:01:16 ]

ความคิดเห็นที่ 6 เมื่อย้อนกลับมาดูรอยสักของริซ่า  จะเห็นรูปของขวดคอยาว (ที่ใช้ในการทดลอง) ตั้งอยู่บนกองไฟ (เหมือนภาพเครื่องมือชนิดหนึ่งที่ใช้ทดลองแปรธาตุ)  นอกจากนี้หากสังเกตดี ๆ จะเห็นเว่ารูปขวดบนกองไฟปรากฎอยู่ทั้งสองทิศทาง (ตามรูปประกอบ) จากคุณ : SHil2O - [ 20 พ.ค. 50 12:01:58 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ในที่สุดก็ได้เข้าเรื่องเสียที (หลังจากเกริ่นมานาน ^^’) ก่อนอื่นก็ต้องเอารูปรอยสักบนแผ่นหลังมาแผ่ออก และลบรอยแผลเป็นออก  จะได้ตามรูปนี้อะค่ะ CREDIT : angelelegna (ใครอยากได้รูปใหญ่สะใจให้ตามลิงค์ไปเลยจ้า  ) http://ic1.deviantart.com/fs14/f/2007/110/a/9/Riza_Tattoo_by_angelalegna.png จากคุณ : SHil2O - [ 20 พ.ค. 50 12:02:59 ]

ความคิดเห็นที่ 8 เราจะแบ่งรอยสักออกเป็นแปดส่วนแล้วแยกอธิบายทีละส่วนค่ะ [คลิกเพื่อชมภาพขนาดจริง] จากคุณ : SHil2O - [ 20 พ.ค. 50 12:03:28 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ^ ^ ย่อรูปพลาด แหะแหะ ส่วนที่ 1 : บริเวณรอบ ๆ วงกลมวงใหญ่ตรงกลาง ส่วนนี้ประกอบด้วยสัญลักษณ์ของจักรราศีทั้ง 12 ซึ่งนอกจากจะใช้แทนปฏิทินในการโคจรรอบดวงอาทิตย์ของโลก (ตามที่เรารู้กัน) แล้ว  สัญลักษณ์เหล่านี้ยังมีความหมายในวิชาเล่นแร่แปรธาตุอีกด้วย ปล. เพิ่งเห็นว่าในรูปสะกดคำว่า ราศีพฤษภ ผิดง่ะ  แก้ไม่ได้ด้วย -*- แก้ไขเมื่อ 20 พ.ค. 50 12:22:27 จากคุณ : SHil2O - [ 20 พ.ค. 50 12:04:43 ]

ความคิดเห็นที่ 10 รูปส่วนที่ 1 แบบซูม ๆ ^^ จากคุณ : SHil2O - [ 20 พ.ค. 50 12:05:38 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ส่วนที่ 2 : บริเวณระหว่างหางของอสรพิษทั้งสอง บนกางเขนของศาสนาคริสต์มักจะมีตัวอักษร INRI จารึกอยู่  ซึ่งในศาสนาคริสต์หมายถึง “Iesu Nazarinus Rex Iudorem” (แปลว่าอะไรไม่รู้ -3-)  ในวงแหวนมนตรา (แปลตามภาคมูฟวี่ส์ค่ะ) บางวง ก็มีจารึกอักษร INRI เช่นกัน  หากแต่ไม่ได้มีความหมายเหมือนกับของศาสนาคริสต์  INRI ที่จารึกบนวงแหวนสามารถถอดความได้ว่า “Igne Natura Renovatur Integra” (nature is completely renewed by fire), (ธรรมชาติได้รับชีวิตใหม่จากไฟ) “Ignis Natura Renovat Integram (fire completely renews nature), (ไฟคืนชีวิตให้ธรรมชาติ) “Ignem Natura Regenerating Integrat” (by regeneration, nature maintains the integrity of fire) or (การเกิดใหม่ ทำให้ธรรมชาติยังคงรวมเป็นหนึ่งกับไฟ)  หรือ “Igne Nitrum Roris Invenitor” (by fire salt is extracted from dew). (ไฟแยกผลึกเกลือออกจากหยาดน้ำค้าง) อักษรส่วนที่เหลือเป็นข้อความที่คัดมาจากโคลงละตินร่วมสมัยของ Flumen Viride ชื่อ “Rites of the four elements” (พิธีกรรมแห่งธาตุทั้งสี่) ซึ่งมีใจความหลัก คือ การสรรเสริญไฟ  ส่วนที่คัดลอกมากล่าวว่า (ไม่รู้ความหมายเหมือนเดิม ^^’) : ignis saves spiritus in flamma cerei you video twelve mihi intellegere vis ignis alteros ET vindicate me ab morte in flammis noli adiuvare hos incendarios - incendium dolosum serious delictum est cohabitemus placide, fove in frigore, gives mihi lucem me in obscuritate spiritus ignis, you saluto ET tibi gratias ago. จากคุณ : SHil2O - [ 20 พ.ค. 50 12:06:23 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ส่วนที่ 3 : บริเวณซีกบนซ้ายรอบ ๆ วงกลมใหญ่ ส่วนนี้เป็นส่วนที่อธิบายถึงคุณสมบัติของพลังงานไว้อย่างชัดเจน   ขอบนอกสุด (บรรทัดแรกนับจากนอกวงกลม) กล่าวว่า “indestructible  quantitatively, qualitatively convertible” (ปริมาณ (ของพลังงาน) คงอยู่ชั่วนิรันดร์ , แต่คุณสมบัติสามารถเปลี่ยนแปลงได้) บรรทัดที่สองเป็นสมการของทฤษฎีสัมพันธภาพของไอน์สไตน์ (สังเกตว่ามี  E=mc2 ด้วย -- -ขอสารภาพว่าคืนอาจารย์ไปเกือบหมดแล้ว ^^’)   (ต้นฉบับมาแบบนี้ค่ะ  total energy = energy in rest + kinetic energy) ส่วนสามบรรทัดที่เหลือแสดงปฏิกิริยาฟิวชั่นของไฮโดรเจน รอยสักส่วนนี้เป็นส่วนที่ถูกทำลายมากที่สุด  แสดงให้เห็นว่าน่าจะเป็นส่วนที่มีข้อมูลที่อันตรายที่สุดบันทึกอยู่  ซึ่งจะต้องเป็นข้อมูลที่สามารถนำมาใช้เป็นอาวุธหรือใช้เป็นส่วนหนึ่งในกระบวนการผลิตอาวุธอย่างไม่ต้องสงสัย  ข้อสันนิษฐานนี้สอดคล้องกับหลักฟิสิกส์ที่ว่าปฏิกิริยาฟิวชั่นของไฮโดรเจนเป็นปฏิกิริยาลูกโซ่ที่ทำให้เกิดการระเบิดและเผาไหม้อย่างต่อเนื่อง (จะเห็นได้ว่าในสมการที่อยู่บนรอยสักใช้สัญลักษณ์วงกลมที่มีจุดตรงกลางซึ่งสัญลักษณ์นี้สามารถสื่อถึง  อาวุธ  การทำลายล้างที่รุนแรง  ดวงอาทิตย์  ความร้อน  ไฟ  พลังงาน ไฮโดรเจน  และฮีเลียม ได้) จากคุณ : SHil2O - [ 20 พ.ค. 50 12:06:58 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ส่วนที่ 4 : บริเวณซีกบนขวารอบ ๆ วงกลมใหญ่ ส่วนนี้กล่าวถึง ความร้อน และกฎข้อที่ศูนย์ของ Thermodynamics จากคุณ : SHil2O - [ 20 พ.ค. 50 12:07:23 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ส่วนที่ 5 : บริเวณซีกล่างซ้ายรอบ ๆ วงกลมใหญ่ ส่วนนี้กล่าวถึงส่วนหนึ่งของกฎข้อที่สองของ thermodynamics  ที่ว่า “ความร้อนไหลจากบริเวณที่มีอุณหภูมิสูงไปยังบริเวณที่มีอุณหภูมิต่ำกว่าเสมอ” (ความร้อนจะไม่สามารถไหลจากที่ที่มีอุณหภูมิต่ำไปยังที่ที่มีอุณหภูมิสูงกว่าได้หากไม่มีพลังงาน หรืองานอื่นเข้ามาเสริม) จากคุณ : SHil2O - [ 20 พ.ค. 50 12:07:43 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ส่วนที่ 6 : บริเวณซีกล่างขวารอบ ๆ วงกลมใหญ่ ส่วนนี้เป็นกฎข้อแรกของ thermodynamics ค่ะ (/me ปาดเหงื่อ   กว่าจะแปลเสร็จสงสัยได้ความรู้ฟิสิกส์กลับมาเพียบ เนื่องจากต้นฉบับเขียนอธิบายมาแค่นี้  ก็เลยขอข้ามเรื่องรายละเอียดคร่าว ๆ นะคะ-- ความจริงคือ จำไม่ได้แล้ว 555) จากคุณ : SHil2O - [ 20 พ.ค. 50 12:08:05 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ส่วนที่ 7 : บริเวณครึ่งวงกลมใต้วงกลมใหญ่ ส่วนนี้เป็นส่วนหนึ่งที่คัดมาจากโคลงละตินซึ่งพรรณนาถึงเทพวีนัสว่างดงามเหมือนเป็นผู้นำฤดูใบไม้ผลิมาเยือน เจ้าของบทความวิเคราะห์ว่าเนื้อหาส่วนนี้เป็นข้อความที่พ่อของริซ่าฝากทิ้งไว้เป็นนัย ๆ ทั้งเรื่องของอานุภาพของวิชาที่ตนได้จารึกไว้บนแผ่นหลังของลูกสาว  และคำขอโทษที่พ่ออยากบอกกับริซ่า—ลูกสาวอันเป็นที่รัก อันนี้เป็นบางส่วนของโคลงค่ะ “he is totally armed just as he is nude” (เขามีอาวุธครบมือทั้ง ๆ ที่ร่างกายเปลือยเปล่า) “Love tomorrow, loveless ones! And you who have loved, love tomorrow!” (ขอให้คนที่ปราศจากความรักจงรักวันพรุ่ง  และขอให้ผู้ที่มีหัวใจรักจงรักวันพรุ่งด้วยเช่นกัน) “I lost my Muse by being silent, and Apollo does not care for me. Thus the silence destroyed Amylcae, when they did not speak." (ข้าสูญเสียเทพธิดามิวส์ไปเพราะมัวแต่นิ่งเงียบ และเทพอพอลโลก็ไม่เหลียวแลข้า เฉกเช่นการที่ความเงียบทำลายนคร Amylcae  ---  Amylcae  เป็นชื่อเมืองในตำนานที่ถูกข้าศึกบุกทำลายจนพินาศเพราะคนเฝ้าประตูเมืองไม่ยอมเอ่ยปากเตือนภัยเมื่อเมืองตกอยู่ในอันตราย) “pardon” (ขอโทษนะ) จากคุณ : SHil2O - [ 20 พ.ค. 50 12:08:38 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ส่วนที่ 8 : บริเวณที่อยู่ระหว่างหัวของอสรพิษทั้งสอง ส่วนนี้เป็นส่วนที่มีวลีภาษาละตินสามสี่วลี  ซึ่งกล่าวถึงแสงสว่าง  และรูปแบบของพลังงาน “The light is law”; (แสงสว่างคือกฏ) “the light is truth”; (แสงสว่างคือสัจจะ) “There’s light after the darkness”; (มีแสงสว่างเบื้องหลังความมืด) “In light we see light”; (แม้อยู่ท่ามกลางแสงสว่าง  พวกเราก็ยังเห็นแสงสว่าง) “In your light we will see light”. (เราจะมองเห็นแสงสว่างอยู่ในแสงสว่างของท่าน) จากคุณ : SHil2O - [ 20 พ.ค. 50 12:09:21 ]

ความคิดเห็นที่ 18 หมดแล้วค่ะ  ทั้งแปดส่วนของรอยสัก (จริง ๆ ส่วนที่สี่มีกล่าวถึงแนวคิด phlogiston ของกรีกด้วยค่ะ  ว่าเป็นความเชื่อที่ผิด  แต่ก็ไม่ซีเรียสอะไรมากก็เลยไม่ได้แปลมาลง ^^') ถ้าอ่านแล้วงงยังไงก็ขอโทษด้วยจ้า >"< จากคุณ : SHil2O - [ 20 พ.ค. 50 12:13:49 ]

ความคิดเห็นที่ 19 //shock  ไม่เคยคิดเลยนะเนี่ยว่าภาพเล็ก ๆ จะจุรายละเอียดไว้มากขนาดนี้ (ถ้าอาราคาว่า เกินช่วงศตวรรษที่ 14 15 มีหวังโดนหาว่าเป็นแม่มด แล้วโดนจับเผาแหงม) จากคุณ : กิ่งกัลปพฤกษ์ - [ 20 พ.ค. 50 12:15:43 ]

ความคิดเห็นที่ 20 โหคนเขียนแกละเอียดจริง!!! ผลieltsผมได้5.5เอง อิอิ จากคุณ : y2thumb - [ 20 พ.ค. 50 12:15:57 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ละเอียดเเบบสุดๆ ขอบคุณมากครับ จากคุณ : ไล่ฮก - [ 20 พ.ค. 50 12:17:24 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ขอบคุณคร้าบบบบบบบบบบ>.< ชอบนะ มีแบบนี้บ่อยๆก็ดี 55555   ละเอียดดีจริงๆ ได้เห็นแนวคิดของอาจารย์แกด้วย ถ้าอ่านเรื่องนี้แบบศึกษาละเอียดๆคง....ตายแหงมๆ จากคุณ : Robonin S.knight - [ 20 พ.ค. 50 12:24:31 ]

ความคิดเห็นที่ 23 สุดยอด!! ได้ความรู้อีกเพียบ จากคุณ : CMV - [ 20 พ.ค. 50 12:38:00 ]

ความคิดเห็นที่ 24 การ ์ตูนเรื่องนี้จบหรือยังหรอ ดูอเนเม ถึงตอน 51 เเล้วมีต่อไหม จากคุณ : hydrophobia - [ 20 พ.ค. 50 12:40:34 ]

ความคิดเห็นที่ 25 โหวต  ได้ใจคนอ่าน จากคุณ : ..::Larc-ru-Ku::.. - [ 20 พ.ค. 50 13:05:21 ]

ความคิดเห็นที่ 26 คะ...คารวะ 10 จอก >[]<!!!! อึ้งค่ะ >_< จากคุณ : kokoro13-5-50 (kuryu) - [ 20 พ.ค. 50 13:13:26 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ไม่คิดว่ารอยสักที่แผ่นหลังจะมีรายละเอียดเยอะขนาดนี้นะเนี่ย ขอบคุณมากที่ทำให้ได้ความรู้อีกเยอะเลย จากคุณ : daine - [ 20 พ.ค. 50 14:38:48 ]

ความคิดเห็นที่ 28 สุดยอดเลยครับ จานแกหาข้อมูลอะไรจะบ้าคลั่งปานฉะนี้ จากคุณ : GrooVe_(t -_-)t - [ 20 พ.ค. 50 14:53:38 ]

ความคิดเห็นที่ 29 สุดยอดดด ทั้งคนเขียน และคุณ SHil2O ที่อุตส่าห์แปลมา จากคุณ : corfinia - [ 20 พ.ค. 50 15:05:08 ]

ความคิดเห็นที่ 30 โอ เก็บเข้าคลังกระทู้เก่าเลยค่ะ สุดยอดจริงๆ จากคุณ : Dek[N]a[R]o[K] - [ 20 พ.ค. 50 15:21:56 ]

ความคิดเห็นที่ 31 O________O" จากคุณ : แม่มดพันปี - [ 20 พ.ค. 50 15:38:51 ]

ความคิดเห็นที่ 32 #24 อนิเมจบตอน 51 ไม่มีต่อแล้ว หนังสือการ์ตูน ยังไม่จบค้าบ คุณSHil2O ขยันจริงๆ ขอบคุณมากๆ ค่า จากคุณ : kamiw - [ 20 พ.ค. 50 16:02:36 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ขอบคุณมากค่า เดี๋ยวว่างๆจะมาไล่อ่านอีกที จากคุณ : tor_toey - [ 20 พ.ค. 50 16:09:32 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ส..สุดยอด จากคุณ : Takinachan - [ 20 พ.ค. 50 16:22:15 ]

ความคิดเห็นที่ 35 ไม่รู้ว่าใครจะเก่งกว่ากันแฮะ ระหว่างจขกท.กับอ.อาราคาวะ ฮิโรมุ คนเขียน หาข้อมูลได้แน่นปึ๊กสุดๆทั้งคู่ จากคุณ : NetNN - [ 20 พ.ค. 50 16:43:50 ]

ความคิดเห็นที่ 36 โอ้ว... [คลิกเพื่อชมภาพขนาดจริง] จากคุณ : Kul-ChaN - [ 20 พ.ค. 50 16:54:34 ]

ความคิดเห็นที่ 37 สุดยอดดดด จากคุณ : ToPe - [ 20 พ.ค. 50 16:56:32 ]

ความคิดเห็นที่ 38 โอ้วววววว สุดยอดดดดด ทคนเขียนละเอียดจริงๆ คนที่หาก็ช่างขยันจริงๆ ~><~ เยี่ยมมาก โหวตดีกว่า จากคุณ : pakoro - [ 20 พ.ค. 50 17:19:48 ]

ความคิดเห็นที่ 39 คนเขียน แกคลั่งจริงด้วย ถ้าไม่ได้ ระดับคลั่ง ไม่ได้มีข้อมูลขนาดนี้แน่ จากคุณ : Bombay Sapphire - [ 20 พ.ค. 50 17:46:25 ]

ความคิดเห็นที่ 40 ผมเห็นคำว่า phoebus ด้วย ฟีบัส คือเทพผู้งามที่สุดในเหล่าเทวา มีพระนามอื่นคือ อะพอลโล่ ซอล ฮีลิออส ซินทีอัส ไพทีอัส และเป็นสุริยเทพ เทพแห่งเวชกรรม ดนตรี บทกวี วิจิตรศิลป์ครับ อพอลโล่(ฟีบัส)เป็นบุตรของจูปิเตอร์(ซุส)กับเทพีลาโทนา(เลโท)ราชนีแห่งความมืด ทำให้คู่แค้นของจูปิเตอร์(ซุส)ซึ่งก็คือจูโน่(เฮร่า)กริ้วเป็นยิ่งนักจึง กลั่นแกล้งเทพีลาโทน่ามิให้ใครได้ช่วยเหลือเธอ จนกระทั้ง เนปจูนได้เข้าช่วยเหลือให้หลบหนีมาได้ในเวลา่ต่อมา อะพอลโล่ มีปัญหาด้ามมิตรภาพอย่างแรง เพราะคบเพื่อคนไหนคนนั่นม่องในเวลาไม่นาน และในด้านคู่ครองเองก็นับว่าเป็นเรื่องน่าเศร้าของอะพอลโล่เช่นกันเพราะผุ้ใดที่เทพอะพอลโล่ หมายปองจะต้องจบชีวิตไม่ก็ถูกสาปให้กลายเป็นสิ่งอื่น ๆ เช่น แดฟนี่ก็กลายเป็นต้อนลอเรล ไม่รู้ชะตาของ ริซ่าก็จะเป็นแบบนี้แฮะ จากคุณ : devil amature2 - [ 20 พ.ค. 50 18:56:54 A:58.181.181.54 X: TicketID:139465 ]

ความคิดเห็นที่ 41 โหยละเอียดมากมาย มาช่วยจขกท.นิดหน่อยเท่าที่ได้ละกัน ^ ^ จาก rep 11โคลงอันนี้น่าจะเป็นภาษาละตินนะครับ ผมอ่านได้บรรทัดแรกอะ ignis saves spiritus ignis = ignite spiritus = spirit ก็จะได้ประมาณว่า เปลวเพลิงปกปักษ์วิญญาณ มั้งครับ ส่วนที่เหลือขี้เกียจเปิดดิกอะ ^ ^" แล้วก็กฏของ thermodynamics (เพิ่งไปสอบสอวน.มาความรู้ยังแน่น ^ ^) 1. พลังงานรวมของระบบจะมีค่าคงที่เสมอไม่ว่ากรณีใดๆ ซึ่งก็คือกฏอนุรักษ์พลังงานนั่นเองครับ 2. เมื่อถึงจุดสมดุลของปฏิกิริยาค่าเอนโทรปี(ค่าที่แสดงถึงการกระจายตัวขอบอนุภาคสารใดๆ) ของจักรวาล(หมายถึงค่ารวมทั้งหมด)จะต้องมีค่าคงที่เสมอ 3. ค่าเอนโทรปีของธาตุใดๆ ในรูปที่เสถียรที่สุด(เป็นรูปที่มีมีพลังงานต่ำสุดเพราะบางธาตุมีได้หลายรูป เช่น โลหะเกือบทุกชนิด) ที่อุณหภูมิ 0 องศาสัมบูรณ์ (-273.15๐c)จะมีค่าเป็น 0 เสมอ และการใช้ไฟในการทำปฏิกิริยาตาม rep 5 ก็เป็นไปตามทฤษฎีจลน์ครับ เพราะปฏิกิริยาบางอย่าง นั้นไม่สามารถเกิดเองได้ (ส่วนการคำนวณนั้นต้องใช้ความรู้เกี่ยวกับ thermodynamics และ สมการอาร์เรเนียสในการคำนวณ ซึ่งจะไม่ขอกล่าวละครับ มันหนักหัว - -") ซึ่งถ้าต้องการให้ปฏิกิริยานั้นดำเนินไปได้ จะต้องให้พลังงานจำนวนหนึ่งที่มากพอที่จะทำให้เกิดปฏิกิริยาได้ ซึ่งส่วนใหญ่แล้ว ก็มักจะใช้ความร้อนหรือการเผานั่นเองครับ หนักเกินไปมั้ยเนี่ย -_-"a แก้ไขเมื่อ 20 พ.ค. 50 20:06:46 จากคุณ : เพลงดาบจันทรา - [ 20 พ.ค. 50 19:58:48 ]

ความคิดเห็นที่ 42 ^ ^ ขอบคุณที่ช่วยเข้ามาตอบค่ะ ความจริงก็เคยเรียน  แต่ก็ผ่านมาหลายปีแล้ว เมื่อคืนนั่งแปลไป ทบทวนความรู้เดิมไป รู้สึกว่าเมื่อก่อนเราเรียนอะไรยากขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย (แต่ก็เพลินดีเหมือนกัน อิอิ) ^^' จากคุณ : SHil2O - [ 20 พ.ค. 50 20:15:44 ]

ความคิดเห็นที่ 43 โห หาได้สุดยอดมากๆ ข้าน้อยขอคารวะ 1จอก จากคุณ : novad - [ 20 พ.ค. 50 21:08:55 ]

ความคิดเห็นที่ 44 สุุดยอดครับ ขอคารวะ~* จากคุณ : akuchan - [ 20 พ.ค. 50 21:17:55 ]

ความคิดเห็นที่ 45 อะ...อึ้ง จากคุณ : ตี๋หน้าซื่อ - [ 20 พ.ค. 50 21:45:50 ]

ความคิดเห็นที่ 46 อะไรมันจะขนาดนั้น อุตส่าห์สังเกตุและไปหาข้อมูลมาเยอะแยะขนาดนั้น ได้ตายเถอะ....นายว่างั้นไหมเจมส์....ชั้นก็ว่างั้นแหละปัง.....- -" จากคุณ : นักเลง (NoahComeBack) - [ 20 พ.ค. 50 21:48:10 ]

ความคิดเห็นที่ 47 สุดยอด !!! ขอบคุณมากๆเลยอ่ะ เราสงสัยมานานแล้วว่ามันมีความหมายอะไรกันแน่ แต่ดูงงๆ เลยไม่ได้สนใจ จากคุณ : MinIEs - [ 20 พ.ค. 50 22:28:17 ]

ความคิดเห็นที่ 48 คุณเจ้าของกระทู้ครับ ช่วยผมทำวิทยานิพนธ์ได้มั้ยครับ ค้นลึกจัง ^^" จากคุณ : Merlinz - [ 20 พ.ค. 50 22:39:20 ]

ความคิดเห็นที่ 49 เข้ามาทึ่ง จากคุณ : สุขกันเถอะเรา - [ 21 พ.ค. 50 01:27:34 ]

ความคิดเห็นที่ 50 ---ถอดรหัสลับ อัลเคมิส สินะ ---ปล. ถามหน่อยครับ ทำไม เครื่องหมาย caduceus ถึงได้นำมาใช้ในสัญลักษณ์วงการแพทย์ละครับ มีนัยยะอย่างไรครับ จากคุณ : Macatre - [ 21 พ.ค. 50 01:41:46 ]

ความคิดเห็นที่ 51 ^ ^ ลองเข้าไปอ่านดูค่ะ ^^ http://www.endicott-studio.com/rdrm/forcaduc.html สรุปย่อ ๆ ก็คือ   caduceus เป็นเครื่องหมายของเทพ Mercury หรือ Hermes ซึ่งเป็นเทพแห่งการสื่อสาร  ดังนั้นในช่วงศตวรรษที่ 16-17 พวกโรงพิมพ์จึงใช้ caduceus เป็นสัญลักษณ์ ต่อมาในศตวรรษที่ 19  พวกโรงพิมพ์ที่พิมพ์หนังสือเกี่ยวกับการแพทย์ได้ใช้เครื่องหมาย caduceus เป็นสัญลักษณ์บน text book  อย่างชัดเจน  caduceus จึงเริ่มเข้ามาเกี่ยวพันกับการแพทย์ ต่อมาในปี 1902 กองทัพสหรัฐก็เริ่มใช้ caduceus เป็นเครื่องประดับยศของหมอทหาร   ซึ่งเมื่อเกิดสงครามโลกครั้งที่ 1  กองนายแพทย์ทหารของสหรัฐมีบทบาทมากขึ้น  ผู้คนเห็นเครื่องหมาย caduceus ในฐานะเครื่องยศของหมอทหารอย่างแพร่หลาย   caduceus จึงถูกเชื่อมโยงกับการแพทย์โดยปริยาย (caduceus เป็นเครื่องหมายแสดงถึง ภูมิปัญญา  ความมีวาทศิลป์  และการติดต่อสื่อสาร  จึงกลายมาเป็นเครื่องหมายของผู้ประกอบวิชาชีพแพทย์ในปัจจุบัน --- เค้าคงอยากสื่อว่าหมอควรมีลักษณะแบบนี้มั๊งเนอะ) ปล.มีต่ออีกค่ะ  แต่ตอนนี้ง่วง max  จนเริ่มเบลอ ๆ แล้ว ^^' ที่เหลือก็ลองอ่านดูในลิงค์ได้เลย  เป็นตำนานกรีกโบราณ อ่านแล้วก็เพลิน ๆ ดี (จะดีกว่านี้ถ้ามันเป็นภาษาไทย อิอิ) จากคุณ : SHil2O - [ 21 พ.ค. 50 03:25:39 ]

ความคิดเห็นที่ 52 จริงๆน่าเอาข้อมูลของเรื่องFMA มาตีแผ่ทีละส่วนอย่างถึงพริกถึงขิงบ้างนะ รับรองว่ากลายเป็นกระทู้ซีรี่ย์หรือรวมเล่มเป็นหนังสือใหญ่ๆเล่มหนาๆได้เลย แก้ไขเมื่อ 21 พ.ค. 50 03:47:45 จากคุณ : Robonin S.knight - [ 21 พ.ค. 50 03:46:53 ]

ความคิดเห็นที่ 53 เก่งจริงๆค่ะ เก่งทั้งคนเขียน ทั้งคนแปล การ์ตูนนี่ ต้องใช้"สมอง"ในการเขียนมากจริงๆ รู้ไว้ซะด้วย"ท่าน"ทั้งหลาย จากคุณ : ban_ri - [ 21 พ.ค. 50 11:54:19 ]

ความคิดเห็นที่ 54 การ์ตูนที่มีอะไรมากกว่าการ์ตูน เออ เจ๋งสุดๆ จากคุณ : เอ็นไก่ (เอ็นไก่) - [ 21 พ.ค. 50 12:37:05 ]

ความคิดเห็นที่ 55 ยอดเยี่ยมมากกกค่ะ เป็นการ์ตูนที่ลึกซึ้งจิงๆ เกินคำจะบรรยาย จากคุณ : kresiana - [ 22 พ.ค. 50 04:08:38 ]

ความคิดเห็นที่ 56 เยี่ยมครับ จากคุณ : Cat's tail - [ 22 พ.ค. 50 09:54:00 ]

ความคิดเห็นที่ 57 สุดยอดเลย ว้าว ทึ่งโคตร จากคุณ : Red Rose Like Love - [ 22 พ.ค. 50 19:29:16 ]

ความคิดเห็นที่ 58 ไม่ใช้ซะหน่อยที่จริงแล้วรอยใช้ไฟรักต่างหาก จากคุณ : ทำไมล่ะ - [ 23 พ.ค. 50 07:01:38 A:58.8.86.27 X: ]