ความคิดเห็นที่ 2
ผมว่าการที่ Michael Bay ได้แยกกับ JB นั้น ถือว่าเป็นข้อดีอย่างนึง ที่เราจะได้เห็นพัฒนาของเขามากขึ้นมากกว่าที่เราเห็นในหนังก่อนๆของเขา แน่นอนเราได้เห็นส่วนนี้ไปแล้วใน The Island แต่กลับ Transformers อันนี้ท่าทางจะย้ำเป็นพิเศษเลยล่ะครับ คือ "KU ไม่พึ่ง Meung แล้วเว๊ย!" จะเห็นได้ชัดกับฉากแอ็คชั่นหลายๆฉากของหนังที่ดันทำได้มันส์กว่า The Rock, Armageddon และ Bad Boys II จนลืม Pearl Harbors ซะด้วยซ้ำ ที่สำคัญเรื่องนี้ Bay ได้พยายามจะเน้นเรื่องราวทางเพศให้น้อยลง กว่าหนังเรื่องก่อนๆของเขา เพื่อที่จะสามารถเป็นหนังที่ดูได้ทั้งครอบครัว โดยเพิ่มช่วงหรือบทตลกมากขึ้น กว่าหนังเรื่องก่อนๆของเขาซะเยอะ ซึ่งถ้าลองสังเหตุดูสมัยตอนที่ Bay ยังอยู่กับ JB หนังของเขาเอง จะต้องมีเรื่องราวส่วนน้ำเน่าเกี่ยวข้องด้วย ก็ตั้งแต่ Bad Boys, The Rock (ก็มีด้วยนะ อย่านึกว่ามันไม่มีอะไร), Armageddon, Pearl Harbors (อันนี้ยอมรับว่า เกือบทั้งเรื่อง) และ Bad Boys II รวมถึงเรื่องก่อนของเขาเช่นกัน The Island ซึ่งหลายๆคนอาจจะเอาความน้ำเน่าในหนังของเขา ไปเปรียบกับละครน้ำเน่าไทยก็มีเยอะอยู่เหมือนกัน ฉนั้นจึงไม่แน่แปลกถ้าหากว่า Transformers จะไม่มีเรื่องราวน้ำเน่าอยู่ในหนังแม้แต่นิดเสียเลย สังเหตุดีๆนะครับ เรื่องราวระหว่าง Sam และ Mikaela เป็น Love Story อันนี้จริงอยู่! แต่ถามว่าเน่ามั๊ย ผมว่าไม่ แต่กลับซึ้งใจกว่า แล้วเรื่องราวความสัมพันธ์ระหว่าง Sam และ Bumblebee นี่ก็ซึ้งแบบมิตรภาพระหว่างเพื่อนจริงๆ หลายๆคนอาจจะบอกว่า Transformers ไม่ซึ้งเท่ากับหนังก่อนๆของ Bay แต่ผมขอยืนยันเลย ไม่ก็ซึ้งไปคนละแบบแหละ! แถมมันไม่เน่าและจำเจแบบที่เคยเป็นใน Pearl Harbors เพราะ Transformers ทำให้ผมลืมสิ่งเน่าเฟ๊ะจาก Bay ไปเรียบร้อยแล้ว แม้กระทั่ง Pearl Harbors ยังลืมไปเลยว่าเนี๊ยเป็นหนังของเขา
พวกหุ่นยนตร์ทำได้ดีมากๆ ดัดแปลงจากความเป็นการ์ตูนต้นฉบับได้ดี พูดจริงๆไม่ผิดหวังเลยซักนิด เพราะสิ่งที่ผมจินตรการนั้น ไม่ค่อยต่างจากที่ Bay ทำเลยซักนิด เช่น Optimus Prime ในการ์ตูนและในหนังก็ไม่ได้ต่างอะไรเลยซักนิด Megatron ในหนังก็ทำได้ดีกว่าในการ์ตูนหลายๆเท่า แถมยังทำเหมือนว่าจะน่ากลัวกว่าฉบับการ์ตูนซะกด้วยซิ! Bumblebee เป็นตัวละครที่อาจจะคล้ายๆกับการ์ตูนเกือบเป๊ะๆหน่อย แต่หลับหลายเป็นตัวละครหุ่มยนตร์ที่คนดูรู้สึกผูกพันธ์ Star Scream, Blackout, Devastator, Barricade, Frenzy, Bonecrusher กับ Scorponok แจ๋วกว่าในการ์ตูนเสียอีก Ironhide กับ Ratche ไม่ค่อยเด่นเท่าในการ์ตูน แต่พอเมื่อเวลาแปลงร่างหรือตอนต่อสู้ทำได้เท่ห์และเจ๋งไม่เบาเหมือนกัน และก็ Jazz บทบาทไม่ค่อยกับการ์ตูน หรืออาจจะแจ๋วน้อยกว่าตัวละครอื่นในหนัง แต่ก่อนตายนี่แจ๋วมากๆ "เอ็งทำได้แค่นี้เหรอวะ แค่นี้เองเหรอวะ" ที่ดีก็คือฉากแปลงร่างจากพาหะนะกลายเป็นหุ่นขนาดยักษ์นั้น ทำเอาคนดูขนลุกสั่นๆไปทั้งตัวเลยล่ะครับ รวมถึงฉากที่ Bumblebee อัพเกรดเป็น Chevrolet ก็ทำเอาคนดูทึ่งไปตามๆกัน ฉากแอ็คชั่นนี่ผมว่าคนดูอินกับมันวุดๆ แล้วคนดูก็คงจะขำกับฉากพวก Autobot กำลังหาทางหลบพ่อแม่ของ Sam ชัวร์ๆล่ะครับ นี่ถือว่าเป็นหนังหุ่นยนตร์ทำได้ดีไม่แพ้กัน (หนังหุ่นยนตร์สนุกจริงๆก็คงเป็น I'Robot แต่ยอมรับว่า Transformers ดันสนุกกว่าอีก)
นักแสดงของหนังพูดจริงๆนะ แสดงได้ดีแทบทุกๆคนจริงๆ ไม่มีคนไหนที่แสดงด้อยกว่าใครเลย เริ่มจาก Shia LaBouf คนนี้ผมคงยกให้เป็นนักแสดงดาวรุ่งประจำปีนี้เลยล่ะครับ เพราะว่าใครๆก็พยายามจะดันให้เขาดังในที่สุด จนตอนนี้ใครๆก็จำชื่อและหน้าของเขาได้อย่างเรียบร้อยแล้ว เขาเป็นนักแสดงที่เล่นได้ธรรมชาติมากๆ และบทส่วนใหญ่จะเป็นผู้ชายที่มีความมั่นใจ แต่ออกแนวเชยๆหลายต่อหลายเรื่องนะ ซึ่งถึงแม้เราอาจจะได้เห็นบทแนวเดิมของเขา ค่อนข้างซ้ำเยอะแล้ว แต่ความจริงเรากลับไม่เบื่อของเขาเลยซักนิด รวมถึงบท Sam ใน Transformers ด้วย ผมรู้สึกว่าถ้าไม่ให้ไอ้หมอนี่เล่นไม่รู้ว่าจะให้ใครเล่นได้สมบทเท่าเขาอีกแล้ว! (เหมือนกับพากย์ไทย ใครอ่ะเสียงได้เข้ากับหน้ามากๆเลย!) ผมว่าหมอนี่เล่นได้ออกแนวปั้มๆเป๋อๆกว่านักแสดงในวัยเดียวกับเขาหลายๆคนเลยนะ แต่ที่สำคัญถึงแม้เราจะได้พิสูจน์บทบาทของเขาจากหนังเรื่องนี้ เราก็ยังรอ (รอแล้วรอเล่า) ที่จะพิสูจน์บทบาทของเขาใน Disturbia และ รอพิสูจน์บทบาทที่จะเปลี่ยนแปลงลุคเขาตลอดไป กับบทผู้ช่วยของ Indianna Joens ในภาค 4 อีกด้วย ผมคิดว่าจากนี้ ถ้าใครไม่รู้จักชื่อ SHia LaBouf คงจะเชยโคตรๆแล้วล่ะครับ! (ความจริงแล้ว Sam ก็เป็นคนเดียวกับ Spike ในฉบับการ์ตูนแหละครับ ถ้าแฟนๆ Transformers จำได้!)
Megan Fox อิๆๆๆ หลายๆคนอาจจะพึ่งรู้จักเธอในหนังเรื่องนี้ แต่ความจริงแล้วผมรู้จักเธอนานแล้วแหละ ถ้าใครติดซีรี่ส์หลายเรื่องแบบที่ผมดู ก็น่าจะคุ้นๆหน้าเธอแหละ โดยเฉพาะถ้าใครได้ดู Hope & Faith (ซึ่ง Canceled ไปเรียบร้อยแล้ว) คงจะคุ้นหน้าเธอคนนี้ดีแหละครับ เพราะเรื่องนั้นเธอเล่นเป็นลูกกสาวคนโตของ Faith ซึ่งเธอก็น่ารักซะด้วย และยังติดใจความน่ารักในสมัยตอนที่เธอเล่นอยู่ รวมถึง เธอคนนี้ยังเคยเป็นตัวร้ายเรื่อง Confession of A Teenage Drama Queen ซึ่งเรื่องนั้นเธอก็ได้มาดร้ายเต็มๆ พอมาใน บท Mikaela ว้าวๆๆๆ อิ่มตาจริงๆครับ เธอสวยและเซ็กซี่ขึ้นกว่าเดิม (ซึ่งก็โตขึ้นขนาดนี้ ไม่ให้โตขึ้นก็บ้าแล้วแหละ) เรื่องนี้เธอโตเต็มตัวมากๆ หุ่นแบบนางแบบได้เลย ประมาณว่านางแบบ Victoria Secret ได้เลย ซึ่งผมก็คิดๆว่าหลังๆฮอลลี่วู๊ดชักจะเริ่มนิยมนางเอกที่เป็นสีแทนๆแบบนี้หลายเรื่องพอสมควรแล้ว นับตั้งแต่ Jessica Alba พอมา Megan Fox ก็ถือว่าสอบผ่านล่ะครับ ไหนๆก็หนังแอ็คชั่นแล้ว ถ้านางเอกไม่ฮอตขนาดนี้ แหม .... คุณจะให้นางเอกเป็นแบบไหนล่ะครับ????
นักแสดงคนอื่นก็ถือว่าเวิร์คเหมือนกันนะครับ เช่น Josh Duhamel (หลายๆคนน่าจะจำเข้าได้จาก Win A Date With Tad Hammilton และก็บทรปภ.สุดหล่อในซีรี่ส์เรื่อง Vegas) และ Tyrese Gibson ก็ระห่ำในแบบแมนๆฮีโร่อย่างแท้จริง ขนาดฉากหาบัตรเครดิตทั้งคู่ก็ยังไม่เสียฟอร์มเลย Anthony Anderson พูดจริงๆ ผมไม่ได้เห็นเขาคนนี้เล่นบทที่แย่งซีนแบบนี้มานานมากๆแล้ว เพราะหลังๆเราคงได้เห็นเขาในบทสมทบหรือพวกตลกฟืดมากกว่า (ยกเว้นบทเขาใน Scary Movie 4 เล่นเอาผมขี้แตกขี้แตนเลย) แต่กลับใน Transformers คนดูเสร็จเขาตั้งแต่เขาโผล่มาครั้งแรกล่ะครับ ยิ่งไอ้ตอนโดนจับเนี๊ย เรียกเสียงฮาแบบน่านับถือจริงๆ Rachel Taylor ก็ดูดีกว่าตอนที่เธอเล่น See No Evil ซะอีก Jon Voight บทไม่ค่อยต่างจากงานก่อนๆของเขา (เผลอบทเขาทำให้เรานึกถึงบทใน Pearl Harbors ซะด้วยซ้ำ) แต่ก็น่าพอใจในระดับที่ได้เห็นการแสดงของเขาในหนังเรื่องนี้ และ John Turturro พูดได้เต็มปากเลยล่ะครับว่า นานๆจะได้เห็นเขาเล่นบทแบบกวนบาทาอย่างงี้ซะที เขาเคยเล่นบทแบบนี้ครั้งนึงมาแล้วใน Mr. Deeds และ Anger Managment ซึ่งกวนบาทาได้มากๆ แต่กลับบท Agent Simmon เอิ๊กๆ ลืมไม่ลงของแท้จริงๆ ที่ชอบสุดๆคงเป็นไอ้เสื้อกล้าม Sector 7! (คิดได้ไงวะเนี๊ย) รวมถึงการให้เสียงพากย์อีกครั้งของ Peter Cullen ที่พากย์เป็น Optimus Prime ก็ยังไม่แพ้เท่ากับของเก่าๆ และการให้เสียงพากย์ของ Hugo Weaving ในบท Megatron ก็พากย์ได้ร้ายซะสมใจ
เรื่องนี้ก็ไม่ได้ดีแค่องค์ประกอบที่ผมพูดถึงอย่างเดียว นอกจากสิ่งที่ผมพูดแล้วองค์ประกอบที่ค่อนข้างสำคัญกับหนังเรื่องนี้ ก็คงเป็นดนตรี และ ซาวนด์แทร็คของหนังที่ทำได้เยี่ยมยศมากๆ ไม่ว่าจะดนตรีของ Steve Jablonsky ที่ผมเคยประทับใจเขามาแล้วตอนที่เขาทำ The Island และ Desperate Housewives ซึ่งเป็นผลงานของเขาที่มีพลังเหลือเกิน มาใน Transformers เขาสามารถเข้าสู่อีกระดับนึงได้อย่างสำเร็จจะเห็นได้ชัดว่า เขาเป็นคนประพันธ์ดนตรีที่ยังโนเนมจนกระทั่งตอนนี้เขาได้แจ้งเกิดเต็มตัวในที่สุด คุณจะรู้สึกว่าดนตรีของเขาในหนังเรื่องนี้นั้น เปี่ยมไปด้วยพลังที่ถ่ายโอนคนทำหนังสู่หนังอย่างแท้จริง ฉนั้น Steve ไม่ทำให้เราได้ผิดหวังกับ Transformers อยู่แล้ว รวมถึง Soundtrack ของหนังก็ถูกเข้ามาสอดแทรกได้อย่างดีในแต่ละฉากของหนัง เช่นเพลง Pretty Handsome Awkward ของ The Used ก็ถูกนำมาใช้ในตอนที่ Bumblebee ได้พา Sam และ Mikaela หนี, เพลง Before It's Too Late ของ Goo Goo Dollls ที่เข้ามาในช่วงที่ตอน Sam ขอให้ Mikaela มานั่งบนตักเขา ช่างโรแมนติกมากๆ, เพลง Second To None ของ Styles Of Beyond featuring Mike Shinoda ก็ถูกนำมาใส่ตอนที่ Bumblebee กำลังเต้นอยู่, เพลง Doomsday Clock ของ Smashing Pumpkins ก็ถูกนำมาใส่ตอนที่หลายๆคนน่าจะชอบ "ฉันขับ นายยิงนะ!" และก็สุดท้ายผมแอบหวังไว้ตั้งแต่เห็นตัวอย่างแล้ว หวังไว้ว่าขอให้เป็นเพลงจบของหนัง เพราะผมเองอยากได้ยินเพลงพวกเขาในหนังจริงๆมานานแล้ว นั่นก็คือ What I've Done ของ Linkin Park มาเป็นเพลงจบที่เข้ากับหนังมากๆ และก็ยังเพลงอื่นๆอีกนะครับ แต่คุณต้องไปหาฟังกันเองใน CD Soundtrack นะครับ แถมมันส์ทุกเพลงอีกด้วย ที่ดีก็คือหนังไม่จำเป็นต้องพึ่งเพลง Transformers Theme ซึ่งถือว่าไม่ยึดหลักตามธรรมเนียม Transformers ของจริงครับ
แล้วก็สุดท้ายผมคงจะต้องขอชมการแปลของ ศักดิ์สิทธิ์ แสงพราย ในหนังเรื่องนี้ที่ทำได้เยี่ยมมากๆ เพราะปกติหนังที่แปลจะเล่นการแซวตัวละครค่อนข้างบ่อยมากๆ แต่มาในเรื่องนี้เขาเหมือนได้แปล Star Wars ทำให้การแปลของเขาเองในหนังเรื่องนี้เนี๊ย เปรียบเสมือนเขาเป็นพี่พัชชาคนที่ 2 ก็ว่าได้ คือใน Transformers ก็ยังบทแปลในชาวงแซวบ้าง แต่ผมรู้สึกสำนวนที่เขาใช้หนังหลายครั้งมันลึกซึ้งดี
หวานมันส์ ที่มีรสชาติ  - Michael Bay ถ้าไม่ได้ผกก.คนนี้มาทำ ผมว่าคงไม่เจ๋งขนาดนี้ล่ะครับ แต่คิดไปคิดมาผมว่าเขาทำได้มันส์กว่า James Cameron ใน True Lies และ T2 ซะอีก - ความอัศจรรย์ที่เกิดขึ้นในหนัง คือฝันที่เป็นจริงที่เคยอยู่ในวัยเด็กของผม - Shia LaBouf แกลังรอดูทั้ง Surf Up และ Disturbia ผลงานในปีนี้ของเขา แต่ก็ชื่นชมว่า ตอนนี้เขาได้ดังสมใจแล้ว - ทีมนักแสดงที่ที่ไร้ที่ติจริงๆ รวมถึงความสวยเซ็กซี่ของ Megan Fox ด้วย รวมถึงการแย่งซีนของ John Turturro และ Anthony Anderson ด้วย - ฉากแอ็คชั่นกับฉากเรียกเสียงฮา นำมาผสมผสานกันได้อย่างดีมากๆ - ช่วงอารมณ์ที่อินไปกับหนัง แน่นอนเรื่องนี้มีฉากนึงที่ผมอินกับหนัง จนผมร้อง อา....... ไปตามหนัง คงเป็นช่วงเวลาที่ผู้กอง Lennox ขี่มอเตอร์ไซด์ ฉากนั้นแบบว่าอินสุดๆเลย - ตอนจบของหนังที่เท่ห์มากๆ ยังประทับใจท่าเดินของ ผู้กอง Lennox ที่กลับไปหาลูกเมีย ซึ้งกับความซึ้งระหว่าง Sam และ Mikaela แล้วก็บทพูดของ Optimus Prime ก่อนหนังจบที่ชวนกินใจมากๆ เป็นตอนจบของหนังที่เหมาะเหม็งกับหนังมันเองจริงๆ - SFX จาก ILM แหงล่ะ .... เจ้านี้ไม่เคยทำให้ผิดหวังอยู่แล้ว - ดนตรีของ Steve Jablonsky และซาวนด์แทรคหนัง - บทบรรยายไทยโดย ศักดิ์สิทธิ์ แสงพราย และ พากย์ไทยของหนังที่ทำได้เจ๋งมากๆ
หวานมันส์ ที่ยังจืดไป  - บทและเนื้อหาหนัง แน่นอนแหละ เพราะหนังสุดยอดขนาดนี้ ทำเอาเราลืมบทไปได้เลย - บทสรุปช่วงตอนจบ เอาล่ะเรารู้ว่าสุดท้าย Sam และ Mikaela ลงเอยยังไง และผู้กอง Lennox ก็ได้กลับไปอุ้มลูกได้ซะที แต่ที่เหลือ Maggie, Epps, Glenn และ Agent Simmon เกิดอะไรขึ้นกับพวกเขา หนังดันลืมพูดถึงพวกสนิทไปเลย
(มีต่อ)
แก้ไขเมื่อ 05 ก.ค. 50 22:37:36
แก้ไขเมื่อ 05 ก.ค. 50 11:20:47
แก้ไขเมื่อ 05 ก.ค. 50 11:19:43
จากคุณ :
billy bob
- [
5 ก.ค. 50 11:17:53
]
|
|
|