ความคิดเห็นที่ 1 จากคำถามเพิ่มเติม 1. ค่ายหมีดำมีตชด.ระดับเดียวกับรพินทร์หรือระดับผู้บังคับบัญชาของรพินทร์กี่คน 2. รพินทร์มีลูกน้องในสังกัดกี่คน ค่ายหมีดำของรพินทร์อาจจะไม่ใช่กองร้อยก็ได้ อาจจะเป็นหมวด หรือ หมู่ ถ้าเป็น กองร้อย จะต้องมีกำลังพลประมาณ 100 กว่าคน ถ้าเป็น หมวด จะมีกำลังพลประมาณ 40 กว่าคน ถ้าเป็น หมู่ จะมีกำลังพลประมาณ 10 กว่าคน ค่ายหมีดำมี นายตำรวจในระดับเดียวหรือใกล้เคียงกับรพินทร์ ซึ่งน่าจะเป็น หมวด ได้ หรือ อาจจะเป็นกองร้อยก็ได้ แต่.....ถ้าค่ายหมีดำเป็นกองร้อยก็แปลว่ามีกำลังคนเยอะมาก กองกำลังกะเหรี่ยงไม่น่าคิดหาญกล้าขนาดนั้น เพราะฉะนั้น ตัวร้ายขออนุญาตตั้งสมมติฐานว่า ค่ายหมีดำมีกำลังพลประมาณ 40 กว่าคน หรือประมาณ 1 หมวด ค่ะ 3. ในค่ายหมีดำมีชาวเขาหรือกะเหรี่ยงอาศัยอยู่ด้วยหรือเปล่า ตามเนื้อหาในเรื่อง แงซายสามารถเดินเข้ามาคุยกับรพินทร์และนายตำรวจได้ น่าจะแปลว่า มีชาวเขาหรือกะเหรี่ยงเดินเข้าออกค่ายอยู่เป็นประจำ อาจจะมา ทำงาน ขายของ หรืออื่นๆ ซึ่งอาจจะมีคนงานพักในค่ายได้บางส่วนค่ะ จากคุณ : เ จ้ า ตั ว ร้ า ย - [ 28 ส.ค. 50 23:15:01 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ถามอีกคำถามสิตัวร้าย... ทำไมหลวงตาถึงต้องเรียกตัวแงซายมาเป็นทหารกะเหรี่ยง? ทั้งๆ ที่แงซาย กำลังมีอนาคตรุ่งโรจน์ เพราะ... 1. ทหารกะเหรี่ยงกำลังเสียทีทหารพม่า 2. ต้องการให้แงซายมาทดแทนบุญคุณ 3. ทหารกะเหรี่ยงขาดกำลังพล 4. ทหารกะเหรี่ยงกำลังแย่มีศึกกระหนาบทั้งสองด้านทั้งพม่าและไทย 5. ... 6. ... จากคุณ : pakem - [ 29 ส.ค. 50 00:00:56 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ถามนิดนึงค่ะ - อยากได้คำจำกัดความของคำว่า "ค่าย"  มันฟังดูหนักแน่นมั่นคงแค่ไหน เพราะในปัจจุบัน ค่ายทหารนี่มันก็ออกจะใหญ่โตพอควรเลยนะคะ แต่มันเป็นค่ายที่มีชื่อเป็นทางการ เช่นค่ายสุรสีห์ ค่ายอิงคยุทธฯ ค่ายธนรัตน์  ค่ายวชิราวุธ ฯลฯ แต่แบบค่ายหมีดำเนี่ย.. ม้นเป็นค่ายที่มีสภาพแบบไหนกัน - จำได้เลาๆเหมือนว่าแงซายจะมาจากกองร้อย งั้นทางกระเหรี่ยง เป็นไปได้ไหมที่จะมีกำลังพลมากกว่าทางไทย (ตรงบริเวณนั้น) จากคุณ : captainhyuk - [ 29 ส.ค. 50 01:23:05 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ลืมค่ะ ทำไมหลวงตาถึงต้องเรียกตัวแงซายมาเป็นทหารกะเหรี่ยง? ทั้งๆ ที่แงซาย กำลังมีอนาคตรุ่งโรจน์ เพราะ หลวงตารู้ว่าถ้ามารบ จะเจอคนที่สามารถพากลับบ้านได้ คิดเล่นๆนะคะ .. หลวงตาเป็นพระธุดงค์ ไม่น่ายุ่งกับทางโลกแล้ว แล้วการที่ ทหารกะเหรี่ยงขาดกำลังพล แงซายคนเดียวไม่น่าจะช่วยอะไรได้มาก ถึงแม้จะเป็นำลังระดับมันสมอง แต่ก็ออกมารบเสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย ถ้าเกิดพลาดตายไป ก็ต้องมีน้ำใหม่มาแทน  แงซายไม่ใช่หุ่นรบทรานฟอร์เมอร์นะที่คนเดียวจะอภินิหารชนะทุกศึกได้อ้ะ มันต้องมีคนอื่นๆร่วมด้วยอีกแน่ๆ แล้วแงซายมีนายเหนือขึ้นไปอีกไหมในกองเสือดาวเนี่ย?? อยารู้เหมือนกันค่ะ จากคุณ : captainhyuk - [ 29 ส.ค. 50 01:32:19 ]

ความคิดเห็นที่ 5 อ๊ะ กลายเป็นเราตอบคำถามเอง ถามอีกคำถามสิ - ทำไมหลวงตาถึงต้องเรียกตัวแงซายมาเป็นทหารกะเหรี่ยง? ทั้งๆ ที่แงซาย กำลังมีอนาคตรุ่งโรจน์     เพราะ ช่วงเวลานั้นชาวกะเหรี่ยงโดนรัฐบาลทหารพม่าบีบและกดดันมาก ร่วมทั้งมีการทำร้าย ข่มเหงชาวกะเหรี่ยงตลอดเวลา ผู้นำกะเหรี่ยง (นายพลโบเมี๊ย) เป็นกะเหรี่ยงพุทธ หลวงตาซึ่งเป็นพระที่ชาวกะเหรี่ยงให้ความนับถือได้รับทราบเรื่องราวต่างๆ รวมทั้งชาวบ้านขอให้หลวงตาช่วย หลวงตาจึงเรียกลูกศิษย์ที่กระจายตัวอยู่ตามสถานที่ต่างๆ กลับมาเพื่อช่วยเมื่อชาวกะเหรี่ยงที่โดนรังแก (พอไหวป่ะ) - อยากได้คำจำกัดความของคำว่า "ค่าย" คำว่า ค่าย นี่ตัวร้ายคิดถึงฐาน ตชด. สมัยนี้ค่ะ แหะๆ คือต้องไม่ลืมว่า ค่ายที่ว่า อยู่บริเวณชายแดน คงไม่ใช่ค่ายใหญ่ๆ แบบค่ายทหาร แต่คงจะคล้ายๆ ฐานปฏิบัติ บริเวณชายแดนมากกว่า (พยายามหารูปแล้ว ได้มาแค่นี้ค่ะ แหะๆ แต่ง่วง เดี๋ยวพรุ่งนี้มาลองใหม่) ที่มารูป : http://www.cav18.itgo.com/bey-bey.htm แก้ไขเมื่อ 29 ส.ค. 50 02:56:51 จากคุณ : เ จ้ า ตั ว ร้ า ย - [ 29 ส.ค. 50 02:55:55 ]

ความคิดเห็นที่ 6 3. ในค่ายหมีดำมีชาวเขาหรือกะเหรี่ยงอาศัยอยู่ด้วยหรือเปล่า ==> ชาวกะเหรี่ยงอาจจะไม่ได้อยู่ในค่ายนะคะ เพราะยังไงก็เป็นค่ายทหารของคนไทย แต่อาจมีเดินเข้าออกได้ เพื่อมิให้เป็นการผิดสังเกตมากไป แล้วหนานอินที่เป็นสายให้รพินทร์อ่ะ เป็นกะเหรี่ยงหรือไทยอ่ะคะ จำไม่ได้อ่ะ เรื่องที่หลวงตาเรียกแงซายกลับมา เหตุผลคิดเหมือน พี่ เจ้าตัวร้ายค่ะ ยามมีภัยก็ต้องรวมใจทุกคนที่สามารถทำได้ และแงซายเป็นคนที่กตัญญูพอหลวงตาเรียกปุ๊ป ก็มาทันที ^_^ ส่วนเรื่องค่ายทหารที่ชายแดน ก็นึกถึงละคร โสมส่องแสง ที่มีค่ายของกองกำลังกู้ชาติของเจ้ารอยฯอ่ะ จากคุณ : Wormy707 - [ 29 ส.ค. 50 11:22:12 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ค่ายหมีดำของผู้กองรพินทร์ ส่วนตัวแล้วนึกถึงฐานปฏิบัติการมากกว่าครับ จำนวนคนทั้งหมดก็คงจะแค่ไม่กี่ 10 คนเท่านั้น ส่วนที่มีคนเข้ามาที่ค่ายได้ก็คิดว่าคงเป็นการผ่านเข้าออกธรรมดา และคิดว่าค่ายทหารมักจะตั้งอยู่ใกล้ๆกับหมู่บ้าน จึงมีการติดต่อไปมาหาสู่กันได้ จากคุณ : ChocolateMousse - [ 29 ส.ค. 50 14:13:37 ]

ความคิดเห็นที่ 9 เห็นด้วยกับคุณ captainhyuk ค่ะ หลวงตาคงต้องการให้แงซายมาพบกับคนสำคัญที่จะพาแงซายกลับมรกตนครน่ะค่ะ จากคุณ : lady little bear - [ 29 ส.ค. 50 17:11:52 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ความเห็นที่ 8 หายไปไหน ใครขโมยไปบอกมานะ -------------------------------- น้อง Wormy707 โสมส่องแสงออนแอร์อยู่ห้องข้างๆ ค่ะ แต่รู้สึกจะยังไม่ถึงตอนที่สร้างค่าย ถ้าเป็นค่ายเหมือนในเรื่อง โสมส่องแสง ก็แปลว่าจะต้องเป็นค่ายที่ใหญ่ มีเรือนพัก เรือนพยาบาล ----------------------------------------------------------------- คุณ ChocolateMousse เรื่องฐานปฏิบัติการใกล้หมู่บ้านนี่เคยมี นายทหาร(ที่สนิทกับใครแถวๆนี้) คนหนึ่งให้ความเห็นไว้เช่นกันค่ะ ^^ ------------------------------------------- เป็นไปได้หรือไม่ว่าจะเป็นเพราะปัญหาเขตแดน เนื่องจากในยุคก่อนไม่มี การปักหมุดเขตแดน ทำให้ไม่รู้ว่าเขตไหนเป็นของใคร ซึ่งจะอาศัยยึดหลักแนวสันเขา และ ล่องน้ำลึกในการแบ่งแยกเขตแดน เป็นไปได้หรือไม่ว่าที่จะเป็นเพราะ กะเหรี่ยงคิดว่า ตชด. ลุกล้ำดินแดนเลยเข้าตี ตชด.? จากคุณ : เ จ้ า ตั ว ร้ า ย - [ 29 ส.ค. 50 17:24:33 ]

ความคิดเห็นที่ 11 การเข้าโจมตีกองกำลังฝ่ายตรงกันข้าม ในระดับยุทธวิธี...มีความเป็นไปได้ว่า 1. กองกำลังกะเหรี่ยงมีความสามารถในยุทธวิธีรบแบบกองโจรสูง และนอกจากกองกำลังพวกนี้ต้องถือได้ว่าได้ฝึกฝนยุทธวิธีแบบการรบนอกแบบจนเชี่ยวชาญ เพราะต้องปะทะกับกองกำลังทหารพม่าอยู่เป็นประจำ 2. กองกำลังกะเหรี่ยงต้องมองเห็นว่า ฐาน ตชด.  แห่งนี้มีจุดอ่อนตรงไหน อย่างไร ถึงมั่นใจที่จะเข้าโจมตี 3. กองกำลังเหรี่ยงต้องประเมินแล้วว่า ตัวเองมีกำลังพลที่เหนือกว่าฝ่าย ตชด. ประกอบกับวางแผนการโจมตีมาแล้วเป็นอย่างดีจึงตัดสินใจ เข้าโจมตีฐาน ตชด. ดังกล่าว 4. ในขณะที่ ตชด. ไทยในขณะนั้นเป็นหน่วยงานที่พึ่งตั้งใหม่ ในปี พ.ศ. 2496 เรียก “ตำรวจรักษาชายแดน” จากการที่แงซายกล่าวกับนายหญิงว่า..... “ ..ค่ายหมีดำถูกล้อมด้วยโจรกะเหรี่ยงที่เหนือกว่าทั้งคนและอาวุธ ผู้กองตีฝ่าหนีออกมาทางด้านผมพอดี ผมสั่งให้พลประจำปืนกลหยุดยิงจนกระทั่งเห็นเขาหลบพ้นวิถีกระสุนไป” ".....ผมก็ได้มีโอกาสได้คุยกับผู้กองในวันก่อนหน้าที่จะเข้าตีค่ายหมีดำ ผมเตือนให้ผู้กองทราบว่า ค่ายจะถูกโจมตีด้วยอาวุธหนักจากกำลังทหารโจรเป็นกองพัน แต่ผู้กองไม่เชื่อผม....." และโดยทั่วไปแล้ว ตามหลักการรบปกติ การเข้าโจมตีกองกำลังฝ่ายตรงกันข้ามแบบหวังผล ต้องใช้กำลังรบอย่างน้อย 2 เท่าขึ้นไป ไม่เช่นนั้นจะเป็นการเสี่ยงเกินไปที่จะเข้าโจมตี เพราะโดยปกติการตั้งค่ายของฐานกำลังของฝ่ายตรงข้ามมักจะเลือกตั้งอยู่ในภูมิประเทศที่ได้เปรียบ เช่น ตั้งอยู่ในที่สูง มีบังเกอร์ หรืออื่น ๆ  และจากคำพูดของแงซาย ก็ยืนยันชัดเจนว่า “ค่ายหมีดำถูกล้อมด้วยโจรกะเหรี่ยงที่เหนือกว่าทั้งคนและอาวุธ” ดังนั้น การใช้กำลังกะเหรี่ยงระดับ"กองพัน" เข้าโจมตีฐาน ตชด. ทางกองกำลัง ตชด. น่าจะมีกำลังอยู่ที่ระดับ “กองร้อย” หรือ “หมวด” หรือ “หมู่” 1. มีความเป็นไปได้ที่กะเหรี่ยงจะใช้กองกำลังระดับ "กองพัน" จะเข้าโจมตีกองกำลังในระดับ “กองร้อย”  เพราะใช้กำลังระดับกองพันเข้าโจมตีกำลังระดับ “หมวด” หรือ “หมู่” อาจดูเป็นการใช้กำลังที่ไม่เหมาะสม ก. แต่ปัญหา คือ หากค่าย ตชด. มีกำลังในระดับ “กองร้อย” ก็น่าจะต่อกรกับกองกำลังกะเหรี่ยงได้ ตอบ ก.  มีความเป็นไปได้ที่ ตชด. จะสู้ไม่ได้  เพราะ ตชด. เป็นหน่วยงานที่เพิ่งตั้งใหม่  และอาจยังไม่ชำนาญในพื้นที่เท่ากองกำลังกะเหรี่ยง (ส่วนตัวแล้วไม่อยากจะเชื่อ เพราะเชียร์ ตชด.ไทยมากกว่า อิ อิ ) 2. หากกะเหรี่ยงหวังผลสูงสุด การนำกำลังระดับ “กองพัน” เข้าโจมตีกองกำลังระดับที่น้อยกว่ามากคือ “หมวด” หรือ “หมู่”  ก็ย่อมได้ผลสัมฤทธิ์อย่างที่คาดอย่างแน่นอน จากคุณ : A-Ka-Ya - [ 29 ส.ค. 50 18:32:18 ]

ความคิดเห็นที่ 12 แต่ อะไรที่ทำให้รพินทร์มั่นใจมาก ขนาดไม่ฟังคำเตือนจากแงซาย จากคำพูดที่แงซายกล่าวถึงรพินทร์ “"ผู้กองเป็นคนฉลาดและรอบคอบมากครับ นายหญิง สัญชาติเสือย่อมจะไม่ยอมไว้วางใจสิ่งใดเป็นอันขาด” นี่ก็เป็นที่ยืนยันว่า รพินทร์เป็นคนที่ ฉลาด รอบคอบ ไม่วางใจอะไรง่าย ๆ ทำไมเมื่อมีคนเตือนเรื่องกองกำลังกะเหรี่ยงเป็น “กองพัน” จะเข้าโจมตีค่าย ทำไมรพินทร์ถึงไม่เชื่อ 1. ถ้ารพินทร์มีกำลังในระดับ “หมวด” หรือ “หมู่” เมื่อมีคนมาเตือน แม้จะไม่ใช่สายข่าวของตัวเอง แต่รพินทร์จะประมาทถึงขนาดไม่ยอมฟังคำเตือนเลยเชียวหรือ  หรือเป็นเพราะ รพินทร์มองว่า เป็นไปไม่ได้ที่กำลังระดับกองพันจะเข้าบุกโจมตีกำลังพลระดับเพียงแค่ “หมวด” หรือ “หมู่” 2. ถ้ารพินทร์มีกำลังในระดับกองร้อย รพินทร์อาจจะมั่นใจมากจนถึงขนาดไม่ฟังคำเตือนเลยได้ เพราะเชื่อว่า หากมีการเข้าโจมตีจริง เราสามารถรับมือได้แน่  แต่มันก็ดูจะขัดกับ ความเป็นคนฉลาด รอบคอบ ไม่วางใจอะไรง่าย ๆของเขา 3. รพินทร์ คิดว่า การเคลื่อนกำลังพลจำนวนมากในระดับ “กองพัน” โดยที่สายข่าวของเขาไม่ได้รับรายงานหรือไม่ระแคะระคายเลยเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ทำให้เขาไม่เชื่อในสิ่งที่แงซายเตือน นั่นหมายความว่า รพินทร์ต้องเชื่อมั่นในสายข่าวของเขาเองมาก ๆ ซึ่งโดยปกติ ในสถานการณ์ดังกล่าว การเชื่อในสายข่าวของตัวเอง มากกว่าข่าวลือ หรือข่าวลวงจากคนนอกนับเป็นสิ่งที่เหมาะสมแล้ว จากคุณ : A-Ka-Ya - [ 29 ส.ค. 50 18:34:08 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ถ้าดูจากประวัติการก่อตั้งหน่วยของ กองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 316 และของ ค่ายรามคำแหง ภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 2  สิ้นสุดลง  เมื่อปี พ.ศ.2488  ประเทศไทยได้รับผลกระทบจากภาวะการเมืองทั้งภายในและภายนอกประเทศ  โดยเฉพาะการแพร่ขยายอิทธิพลของประเทศคอมมิวนิสต์และบริวารซึ่งได้พยายามขยายอิทธิพลเข้ามาสู่ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้  จนกระทั่งถึงปี  พ.ศ.2494  สถานการณ์รอบ ๆ ประเทศไทยได้ทวีความรุนแรงขึ้น  มีการสู้รบตามแนวชายแดนติดกับประเทศไทยทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ  ภาคตะวันออกและภาคเหนือบางส่วน ทางภาคใต้ของประเทศไทย  ก็ได้รับการคุกคามจากกลุ่มขบวนการต่าง ๆ จากสถานการณ์ต่าง ๆ  เหล่านี้ทำให้เกิดผลกระทบต่อเสถียรภาพความมั่นคงของประเทศเป็นอย่างยิ่ง  และเนื่องจากตำรวจภูธรท้องที่ไม่มีกำลังเพียงพอที่จะปฏิบัติหน้าที่ให้เรียบร้อยได้ทั่วถึง  รัฐบาลไทยจึงได้จัดตั้งหน่วยตำรวจรักษาดินแดนขึ้นโดยรีบด่วน  โดยกรมตำรวจได้สั่งการให้ทางกองบัญชาการจเรตำรวจ  จัดตั้งหมวดตำรวจรักษาดินแดน (รด.)  ขึ้น  22 หมวด  เพื่อเฝ้าช่องทางต่าง ๆ ตามแนวชายแดนภาคตะวันออก ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ  ภาคเหนือ  และภาคใต้  โดยคัดเลือกตำรวจภูธรมาปรับเป็นกำลังหลักส่วนหนึ่ง  และรับสมัครจากบุคคลภายนอกอีกส่วนหนึ่ง  ตามอัตราที่ สำนักงานกำลังพล กำหนดส่วนอาวุธยุทโธปกรณ์ของคงคลังจากพลาธิการกรมตำรวจ http://www.bpp.police.go.th/p4/html/history.htm ปี พ.ศ.2496 สถานการณ์ทางภาคเหนือของไทยเกิดความคับขัน เนื่องจากจีนคอมมิวนิสต์ได้ยึดครองแผ่นดินใหญ่ของประเทศจีนตั้งแต่ พ.ศ.2492 เป็นต้นมา ทำให้จีนคณะชาติส่วนหนึ่งที่เรียกว่า “กองพล 93” หนีร่นถอยมาทางภาคใต้ของมณฑลยูนาน และได้อาศัยพรมแดนตั้งฐานต่อสู้ต่อไป ปรากฎว่าทหารจีนคณะชาติเหล่านี้ได้ร่วมมือกับจีนฮ่อค้าฝิ่นอย่างเปิดเผย โดยใช้อาวุธสงครามจัดเป็นหมวดหมู่สนับสนุนในการค้าฝิ่นสร้างอิทธิพล ในพื้นที่ชานเสตท และภาคเหนือของประเทศไทย การดำเนินการของจีนคณะชาติขณะนั้น มิเพียงแต่จะคุกคามความมั่นคงของชาติเท่านั้น ยังคุกคามต่อภาวะเศรษฐกิจของชาติด้วย คณะรัฐมนตรีจึงมีมติให้ทำการป้องกัน และปราบปราม เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2496 กระทรวงมหาดไทยจึงได้ประกาศจัดตั้งกองบัญชาการตำรวจรักษาชายแดนภาคพายัพขึ้น โดยมีกองบัญชาการอยู่ที่ค่ายดารารัศมี อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ และในขณะนั้นได้จัดตั้ง มว.รด.ที่ 8 ไปประจำอยู่ที่ จ.อุตรดิตถ์ โดยตั้ง บก.ควบคุมหมวดตำรวจรักษาดินแดนที่ตัวเมืองอุตรดิตถ์ (ปัจจุบันเป็นที่ตั้งสถานีวิทยุ วปถ.มีกำลังพลทั้งสิ้น 48 นาย ร.ต.ต.พยุทธ เอกรัตน์ ดำรงตำแหน่งผู้บังคับหมวด และได้แบ่งกำลังออกปฏิบัติภารกิจในพื้นที่บ้านบ่อเบี้ย บ้านม่วงเจ็ดต้น บ้านโคก และบ้านห้วยมุ่นฯ ซึ่งเป็นหมู่บ้านชายแดน หมู่บ้านละ 12 นาย ภารกิจที่ได้รับมอบหมายคือการลาดตระเวนหาข่าวและรักษาความสงบเรียบร้อยตามแนวชายแดนและภายหลังที่กรมตำรวจได้รวบรวมตำรวจ รด.และ รช. เข้าเป็นกองบัญชาการเดียวกัน คือ “กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.)” มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 1 มกราคม 2498 นั้น จึงมีการเปลี่ยนแปลงเรียกชื่อหน่วย มว.รด.ที่ 8 เป็น “หมวดตำรวจตระเวนชายแดนที่ 608” หน้าที่และภารกิจคงปฏิบัติเช่นเดิม ส่วนการบังคับบัญชาขึ้นกับ “ กองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนด้านอุตรดิตถ์ ” http://www.bpp316.com/page3.htm จากคุณ : A-Ka-Ya - [ 29 ส.ค. 50 18:35:09 ]

ความคิดเห็นที่ 14 จากการคิดไปคิดมา คิดมาคิดไป ประมวลข้อมูลเท่าที่มีอยู่ทั้งหมดใขณะนี้แล้ว... ตอบคำถามข้อ 2 เชื่อได้ว่า ค่ายหมีดำของรพินทร์ น่าจะมีความเป็นไปได้สูงที่จะ มีกำลังพลในระดับ “หมวด” คือ 48+ หรือ “หมู่” คือ 12+ แต่ถ้าเป็นระดับหมู่  แล้วได้รับคำเตือนเรื่องการจะถูกโจมตีค่ายหรือฐาน แต่กลับไม่ระมัดระวัง ไม่ใส่ใจ ไม่เชื่อ ดูจะเป็นเรื่องที่แปลกเกินไป เลยเลือกที่จะเชื่อว่า ค่ายหมีดำของรพินทร์ น่าจะมีความเป็นไปได้สูงที่จะมีกำลังพลในระดับ “หมวด” คือ 48+ ตอบคำถามข้อ 3 ในค่ายหมีดำมีชาวเขาหรือกะเหรี่ยงอาศัยอยู่ด้วยหรือเปล่า ตามเนื้อหาในเรื่อง แงซายสามารถเดินเข้ามาคุยกับรพินทร์และนายตำรวจได้ โดยปกติค่ายทหารมักจะตั้งอยู่ใกล้ ๆ กับหมู่บ้าน ซึ่งในการลาดตระเวณ หรือเดินตรวจพื้นที่ ย่อมมีการพูดคุยสนทนา เพื่อสร้างสัมพันธ์กับชาวบ้าน และเพื่อเป็นการหาข่าวในอีกทางหนึ่ง การที่แงซายเดินเข้ามาคุยกับรพินทร์และนายตำรวจนั้นน่าจะเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนอกค่ายมากกว่า(รึป่าวน้า...) และโดยปกติอีกเช่นกัน ในฐานปฏิบัติการของทางราชการหรือในค่ายนั้น น่าจะถูกกั้นให้เป็น “เขตหวงห้าม” เพื่อความมั่นคงและเพื่อความปลอดภัยมากกว่า ดังนั้นจึงไม่น่าที่จะอนุญาตให้บุคคลภายนอกผ่านเข้าออกได้โดยง่าย และยิ่งไม่น่าจะยอมให้ชาวเขาหรือกะเหรี่ยงเข้ามาอาศัยอยู่ด้วย เพราะนั่นเป็นการเสี่ยงเกินไป และที่สำคัญดูจะผิดวิสัยในการปฏิบัติงานเพื่อความมั่นคง ส่วน ข้อ 1 ติดไว้ก่อนนะคะ คุณเจ้าตัวร้าย แก้ไขเมื่อ 29 ส.ค. 50 19:30:05 จากคุณ : A-Ka-Ya - [ 29 ส.ค. 50 18:39:19 ]

ความคิดเห็นที่ 15 จากที่คุณเจ้าตัวร้าย ถามว่า... เป็นไปได้หรือไม่ว่าจะเป็นเพราะปัญหาเขตแดน เนื่องจากในยุคก่อนไม่มี การปักหมุดเขตแดน ทำให้ไม่รู้ว่าเขตไหนเป็นของใคร ซึ่งจะอาศัยยึดหลักแนวสันเขา และ ล่องน้ำลึกในการแบ่งแยกเขตแดน เป็นไปได้หรือไม่ว่าที่จะเป็นเพราะ กะเหรี่ยงคิดว่า ตชด. ลุกล้ำดินแดนเลยเข้าตี ตชด.? ตอบ คิดว่า ไม่น่าจะเป็นไปได้นะคะ... กะเหรี่ยงไม่น่าจะยึดมั่นในเรื่องของเขตแดนขนาดนั้น...เพราะตัวของพวกเขาเองต่างหากที่ต้องรบกับทหารพม่าอยู่เป็นอาจิณ...การถอยร่นจากการปะทะมักทำให้กองกำลังกะเหรี่ยงล้ำเข้ามาในเขตไทยอยู่เป็นประจำเสียมากกว่า และที่สำคัญการตั้งฐานของ ตชด. มีกฎ ระเบียบที่ชัดเจน ไม่น่าจะตั้งจัดแบบสุ่มสี่สุ่มห้า หรือตั้งทั้ง ๆ ที่ไม่มั่นใจในเรื่องของอาณาเขต จากคุณ : A-Ka-Ya - [ 29 ส.ค. 50 19:00:20 ]

ความคิดเห็นที่ 16 แล้วแงซายมีนายเหนือขึ้นไปอีกไหมในกองเสือดาวเนี่ย?? อยากรู้เหมือนกันค่ะ ..จากคุณ : captainhyuk น่าจะมีค่ะเพราะแงซายมียศแค่ร้อยโท -------------------------- เหตุผลของคุณA-Ka-Ya เข้าเค้าทีเดียวเชียวละ แต่ถ้าจะตีค่ายหมีดำซึ่งมีระดับหมวดแล้ว ไม่น่าจะใช้คนเยอะถึง "กองพัน" แค่ 2 กองร้อยก็น่าจะเกินพอ...1คอยระวังทั้ง 4 ด้าน ...อีก 1เป็นหน่วยจู่โจม ------------------------------------ ถ้าทหารกะเหรี่ยงยกกำลังพลถึง 2 กองร้อยมาโจมตีค่ายหมีดำที่มีฐานะเป็นแค่หมวดแล้วล่ะก็ ค่ายหมีดำย่อมต้องเป็นตัวขัดขวาง "อะไรสักอย่าง" ที่สำคัญของกะเหรี่ยงแน่นอน แล้ว "อะไรสักอย่าง" มันคืออะไร (งงมั๊ยเนี่ย ..-_-"..) 1. เส้นแบ่งเขตแดนที่ไม่ชัดเจน    - กะเหรี่ยงคิดว่า ตชด.ลุกล้ำดินแดนเลยเข้าตี ตชด. <= ไม่น่าจะใช่นะ เพราะตอนที่เป็นระแวกเพื่อนบ้านเป็นอนานิคม พวกฝรั่งได้ทำแผนที่กินดินแดนไทยไว้ชัดเจน ดูได้จากตอนที่เราเสียเขาพระวิหารให้เขมรนั่นปะไร แล้วอังกฤษก็เป็นพันธมิตรที่ดีของกะเหรี่ยง   2. การปฏิบัติงานของค่ายหมีดำขัดผลประโยชน์(ของผิดกฎหมายต่างๆ ไม้เถื่อน ยาเสพติด แรงงาน ฯลฯ) 3. เกิดจากการยุยงหรือเข้าร่วมกับ ผกค. 4. ... 5. ... จากคุณ : pakem - [ 29 ส.ค. 50 19:26:37 ]

ความคิดเห็นที่ 17 โห คุณ A-Ka-Ya สนุกค่ะ ชอบจังได้อ่านแบบนี้ ^^ อ่านแล้วสนุกมากเลย จากข้อมูลประกอบและเหตุผลที่ยกมา มีความเป็นไปได้ค่อนข้างสูงค่ะ พออ่านจบก็เลยเกิดอาการสงสัยว่า  กองกำลังกะเหรี่ยงจะโจมตี ค่าย ตชด. ด้วยกำลังพลระดับกองพัน เพื่อ? - ปล้น..? - เปิดเส้นทางการทำสิ่งผิดกฎหมายไทย เช่น ไม้นุ่งโสร่ง หรือ ยาเสพติด หรือ ฯลฯ จากคุณ : เ จ้ า ตั ว ร้ า ย - [ 29 ส.ค. 50 19:32:53 ]

ความคิดเห็นที่ 18 อ่านจกที่ถกกันมา ทำให้รู้สึกเหมือนค่ายหมีดำนี่ต้องกุม "ความลับ" หรือ มี "ความสำคัญ" อย่างมากเลยนะคะ ถึง ทำให้ต้องบุกตีกันถึงขั้นเอาให้ค่ายแตกเลยเนี่ย... น่าคิดจริง จากคุณ : กัปตัน (captainhyuk) - [ 29 ส.ค. 50 19:59:24 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ใช่ ๆ ...ทำไมต้องใช้กำลังมากขนาดนั้น...สงสัยอยู่เหมือนกัน... เค้าต้องทำเพื่ออะไรสักอย่าง ที่มันต้องมีค่ามาก ๆ ๆ ๆ ๆ ... แต่...เพื่ออะไรหล่ะ... เพื่ออะไร... เพื่ออะไร... เพื่ออะไร... เพื่ออะไร... ตอนนี้ยังคิดไม่ตก...เดี๋ยวคิดตกแล้วจะมาใหม่นะคะ.... จากคุณ : A-Ka-Ya - [ 29 ส.ค. 50 20:04:01 ]

ความคิดเห็นที่ 20 แต่ เอ...ระหว่างที่ยังคิดไม่ตกเนี่ย...ก็ทำให้คิดเรื่อยเปื่อยไปว่า... ขนาดพวกเรายังไม่เชื่อกันเลยเนอะ ว่า... กองกำลังกะเหรี่ยงคงไม่ยกกำลังขนาด "กองพัน" มาโจมตีค่าย...ถ้าค่ายไม่มีอะไรที่สำคัญ และมีอะไรที่มีค่า... และเนื่องจากในนาทีนี้ยังคิดหาเหตุผลว่า...ค่ายมีอะไรที่สำคัญหรือมีค่ามากไม่ได้...เลยลองคิดในทางกลับกันเล่น ๆ ว่า... หรือจริง ๆ แล้ว ค่ายหมีดำก็ไม่ได้มีอะไรที่สำคัญ และมีอะไรที่มีค่า....มิน่าหล่ะ...มิน่าหล่ะ...รพินทร์ถึงไม่เชื่อแงซาย... จากคุณ : A-Ka-Ya - [ 29 ส.ค. 50 21:07:51 ]

ความคิดเห็นที่ 21 สมมตินะว่า ... กระเหรี่ยงคิดว่าในค่ายหมีดำมีสูตรระเบิดปรามาณู แบบในหนังฮอลีวู๊ด มันจะมากไปไหมเนี่ย (คิดเล่นๆน๊า) จากคุณ : captainhyuk - [ 29 ส.ค. 50 21:45:03 ]

ความคิดเห็นที่ 22 1. เกี่ยวกับกำลังพล เป็นที่ชัดเจนว่า กองกำลังกะเหรี่ยงที่เข้าโจมตีค่ายหมีดำ เป็นระดับ "กองพัน" ส่วนกำลังพลของค่ายหมีดำนั้น ไม่ได้มีการระบุจำนวนกำลังพล ตามความเห็นของผม...พอสันนิษฐานได้ว่า น่าจะมีกำลังพลประมาณ 40-50 คน หรือระดับหมวด ที่คุณ pakem คิดว่า ถ้าจะตีค่ายหมีดำซึ่งมีระดับหมวดแล้ว ไม่น่าจะใช้คนเยอะถึง "กองพัน" ผมกลับคิดว่า การที่ผู้ประพันธ์ระบุถึงกองกำลังกะเหรี่ยงจำนวนมากถึงระดับ "กองพัน" ที่เข้าโจมตีพร้อมอาวุธหนักนั้น ก็เพื่อเป็นการยืนยันถึงความสมเหตุสมผลของการพ่ายแพ้ของกำลังพลค่ายหมีดำที่มีจำนวนน้อยกว่ามากกกกกก ไม่ใช่เป็นการแพ้เพราะการไม่มีความสามารถทางการรบของกำลังพล หรือแพ้เพราะความเป็นผู้นำของรพินทร์ 2. เกี่ยวกับเรื่องที่ว่า ค่ายหมีดำมีอะไรที่มีค่า หรือสำคัญ ประเด็นนี้ผมคิดว่า ในสถานการณ์ที่อ่อนไหวต่อการสู้รบ การที่มีกองกำลังที่ไม่ใช่ฝ่ายของตัวเอง(โดยอาจไม่จำเป็นด้วยซ้ำว่า จะต้องเป็นศัตรูกัน) อยู่ในบริเวณใกล้เคียง อาจทำให้กะเหรี่ยง เกรงว่าจะเป็นอันตรายต่อฝ่ายตน เนื่องจาก หน่วยดังกล่าวอาจส่งข่าวให้ฝ่ายอื่น(ซึ่งเป็นศัตรู)ล่วงรู้ถึงความเคลื่อนไหวของกองกำลังฝ่ายตนได้ไม่ว่าจะโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม ดังนั้น การกำจัดไปให้พ้นทางย่อมอยู่ในวิสัยที่จะคิดได้ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์ที่ประเมินแล้วว่า "สามารถทำได้" ยิ่งควรเร่งจัดการ (ส่วนเรื่องอาวุธ และเสบียงที่จะได้จากการโจมตีค่าย ถือเป็นผลพลอยได้เท่านั้น) เพราะฉะนั้นอาจเป็นไปได้ตามที่คุณ A-Ka-Ya คิดเล่น ๆ ว่า ค่ายหมีดำอาจจะไม่ได้มีอะไรที่มีค่า หรือสำคัญก็เป็นได้ ปล. คุณเจ้าตัวร้ายครับบบบบบบ....ขอโทษจริง ๆ ครับที่ยังไม่ได้สรุปเรื่องที่เคยคุยให้ฟังให้...เพราะติดงานด่วนมากถึงมากที่สุด...เสร็จงานเมื่อไหร่จะรีบมาดำเนินการต่อให้นะครับบบบบบบบบ จากคุณ : หนานนาย - [ 29 ส.ค. 50 22:03:26 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ตามสมมุติฐานแบบสมคบคิดของผมนะครับ ประเทศไทยกับพม่าแบ่งพื้นที่กันอย่างชัดเจนเมื่อนานมาแล้ว  เป็นการแบ่งเขตภูมิประเทศกับรัฐบาลพม่า   โดยเส้นพรมแดนใช้แนวแม่น้ำสาละวินกับแม่น้ำเมยและเทือกเขาตระนาวศรีแบ่งเขตกันอย่างชัดเจน  แต่แบ่งเขตกับพม่าแต่ไม่ได้แบ่งเขตกับกระเหรี่ยงนี่ซิ   จึงอาจเป็นเหตุที่ต้องปะทะกับกระเหรี่ยงก็เนื่องมาจากกระเหรี่ยงลุกล้ำเข้ามาในชายแดนไทย เพราะหนีมาจากการสู้รบจากฝั่งพม่า   ผมจึงมีประเด็นสมคบคิดมานำเสนอ ได้ดังนี้   จะว่ากันไปแล้วการโจมตีค่ายหมีดำเพื่อเปิดพื้นที่ให้เป็นช่องทางในการลำเลียงให้กับยาเสพติดนั้นไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะเท่ากับว่าจะทำให้รัฐบาลไทยนำ ตชด.หรือทหารมาป้องกันประเทศกันมากยิ่งขึ้น  ซึ่งไม่เกิดผลดีให้กับกระเหรี่ยงเลยแม้แต่น้อย อีกอย่างกระเหรี่ยงจะนำยาเสพติดลักลอบเข้าฝั่งไทยทางไหนก็ได้ ตามแนวตะเขบชายแดน  ไม่จำเป็นเลยที่จะต้องผ่านค่ายหมีดำ  ส่วนประเด็นที่บอกว่าอาจเป็นเพราะทำให้กะเหรี่ยง เกรงว่า ตชด.จะเป็นอันตรายต่อฝ่ายตน จึงต้องการกำจัดไปให้พ้นทาง  ก็น่าจะยังไม่มีน้ำหนักมากพออีกเช่นกัน โดยส่วนตัวของผมคิดว่า อาจจะเป็นเพราะว่าตำรวจไทยได้จับตัวบุคคลสำคัญของฝ่ายกระเหรี่ยง  และทำให้กระเหรี่ยงโจมตีค่ายหมีดำเพื่อช่วงชิงตัวประกันคืน  แบบนี้น่าจะมีน้ำหนักมากกว่า  แต่บุคคลนั้นจะเป็นใคร ที่ถูกเอ่ยถึงในบทประพันธ์ ถ้าไม่ใช่คนที่ชื่อ “กองยินตอง”   ตามข้อความอ้างอิงถึงจากบทประพันธ์นั้นได้กล่าวในเล่มแรก กล่าวว่า เมื่อตอนเป็นเด็กหนุ่ม แงซายเป็นนายทหารของนายพลอองซาน(บิดาของอองซาน ซูจี) ภายใต้บังคับบัญชาของผู้บังคับกองยินตอง ตั้งแต่สมัยสงครามเอเชียบูรพา(สงครามโลกครั้งที่ 2)  และได้ร่วมรบกับกองกำลังทหารอังกฤษเพื่อบุกยึดพม่าได้สำเร็จ  ต่อมานายพลอองซานได้เป็นผู้นำในคณะรัฐบาลพม่า พ.ศ.2489 และ ถูกยกให้เป็นบิดา แห่งอิสรภาพ(ประชาธิปไตย)  แต่กลับถูกลอบสังหาร ในปี พ.ศ.2490 ซึ่งฝั่งพม่าพอสามารถยึดอำนาจจากนายพลอองซานได้ พม่าจึงมีการแต่งตั้งนายพลอูนุขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี แต่ปกครองโดยเผด็จการทหารและน่าจะเป็นฝ่ายที่อยู่เบื้องหลังในการปฏิวัติทั้งหมด และได้ละเลยต่อการสนธิสัญญาปางโหลง(สนธิสัญญาแบ่งแยกประเทศของรัฐต่างๆในพม่า)   พอหลังจากนายพลอองซาน ถูกลอบสังหาร  กองยินตอง ซึ่งเป็นนายทหารของนายพลอองซาน  จึงไม่สามารถที่จะอยู่ในพม่าได้  กองยินตองจึงต้องหนีเข้าป่าโดยอาจจะเป็นแนวร่วมเข้าร่วมกับกองโจรกระเหรี่ยงอิสระเพื่อต่อสู้กับรัฐบาลทหารพม่า     ส่วนแงซายที่กำลังจะไปเรียนที่อังกฤษ ถูกเรียกตัวให้กลับมาช่วยกระเหรี่ยงตามคำสั่งของหลวงตา  เพื่อช่วยสู้รบกับพม่า  ประกอบกับ ตอนนั้น ปี 2490  นายพลโบเมี๊ยะได้รวมตัวกันก่อตั้ง องค์กรดูแลประชาชนของตนเองขึ้น ประกาศปลดปล่อยตัวเองเป็นอิสระ ในนามองค์กรสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง หรือ KNU เพื่อต่อสู้กับรัฐบาลทหารพม่า  โดยต่อสู้แบ่งแยกดินแดนซีกตะวันออก ของพม่า ตลอดฝั่งน้ำเมย และลุ่มน้ำสาละวิน บริเวณชายแดนไทย - พม่า เป็นเขตปกครองตนเอง  และแงซายจึงน่าจะเป็นแนวร่วมของกระเหรี่ยงKNU จึงได้ชักชวนกองยินตองให้เข้าร่วมกับกองโจรกระเหรี่ยงอิสระ โดยมีหน้าที่วินาศกรรมทำลายคลังแสงของพม่า และใช้อาวุธศรรามแงซายโจมตีคลังแสงของพม่า (ตามที่แงซายกล่าวในบทประพันธ์)   ประกอบกับรัฐบาลไทยสมมุติว่าในขณะนั้น เป็นพันธมิตรกับพม่า(ต้องศึกษาประวัติศาสตร์ช่วงนั้นอีกทีว่าไทยคิดยังไงกับพม่า)  พม่าจึงขอความร่วมมือกับรัฐบาลไทยให้จับกุมตัวแกนนำคนสำคัญ   เพื่อนำส่งตัวมายังรัฐบาลทหารพม่า  และค่ายตำรวจตระเวนชายแดนไทยซึ่งมีรพินทร์เป็นผู้บังคับกองตำรวจตระเวนชายแดนประจำค่ายหมีดำ ได้รับหน้าที่ในขณะนั้นจากรัฐบาลไทย และรพินทร์สามารถจับตัว“กองยินตอง”ซึ่งหนีการสู้รบจากพม่าแลtหนีเข้าชายแดนไทย  พอรพินทร์จับตัวได้ จึงกักตัวไว้ที่ค่ายหมีดำ จะเป็นไปได้ไหมว่า นี่แหละที่เป็นสาเหตุสำคัญให้กองโจรกระเหรี่ยง ซึ่งได้รับคำสั่งจากนายพลโบเมี๊ยะโดยตรงอีกที เป็นกระเหรี่ยงจำนวนถึงกองพัน บุกช่วยตัวประกัน “กองยินตอง”  และแงซายรู้ถึงความนัยนี้ จึงเป็นเหตุให้แงซายเข้ามาเตือนรพินทร์ล่วงหน้า  แต่เป็นเพราะรพินทร์ประเมินสถานการณ์ที่ต่ำเกินไป ทำให้ไม่เชื่อแงซาย  จึงเป็นเหตุทำให้ค่ายหมีดำแตกในที่สุด ถ้าเป็นแบบนี้จะมีน้ำหนักพอไหมเอ่ย?? แก้ไขเมื่อ 29 ส.ค. 50 23:07:31 จากคุณ : โอจิ (Oji_yoyo) - [ 29 ส.ค. 50 22:41:45 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ส่วนสาเหตุที่ว่าทำไมรพินทร์ถึงประมาทจนเป็นเหตุให้ค่ายแตก   ก็เพราะว่ามันตรงกับบุคลิกของรพินทร์อยู่แล้ว  จะสังเกตได้ว่า  รพินทร์ถึงแม้จะมีความรอบคอบอยู่เสมอในเรื่องป่าและสัตว์   แต่ในเรื่องคนถ้าสังเกตดีๆ รพินทร์จะไม่สามารถอ่านใจคนได้มากนัก ประมาทหรือเลินเล่อก็มีอยู่บ้าง ประกอบกับบุคคลิกภายนอกดูเหมือนจะเชื่อมั่นในตัวเองมาก  แต่ภายในแอบแฝงไว้ด้วยความไม่แน่ใจและอ่อนไหวอยู่เสมอ จึงเป็นเหตุให้ทำให้พลาดพลั้งโดยตลอด  แต่ก็สามารถกอบกู้สถานการณ์ได้ทัน  จะเป็นแบบนี้อยู่ตลอด (อันนี้สงสัยต้องศึกษาบุคลิกของรพินทร์กันแบบจริงจังอีกที) ไหนๆก็ไหนๆแล้ว  ลองยกตัวอย่างมาซักหนึ่งตัวอย่าง เช่น  คำพูดของแงซายได้เตือนรพินทร์ในคืนหนึ่งไว้ว่า  คืนนี้มดขนไข่ ควรเลี่ยงไปนอนอยู่บนที่สูง  เพราะตอนนี้อยู่ในเส้นทางไหลของน้ำ  อาจเป็นเพราะถูกหยามหรือถูกสั่งสอนจากคู่อริ  จึงตัดบทบอกแงซายไปว่า รอให้มันตกซะก่อนค่อยย้าย  พอฝนตกขึ้นมาจริงๆกลับย้ายสถานที่ไม่ทัน  จนเป็นเหตุทำให้น้ำป่าพัดไป  แบบนี้เป็นต้น  นี่แหละบุคลิกนิสัยอีกด้านหนึ่งของรพินทร์  จะว่าไปแล้วก็ยังมีอีกมาก  อย่างเช่นไม่เชื่อบุญคำตั้งแต่แรกเรื่องมันตรัยสามารถสลับตัวกับเสือหินได้  และอีก ฯลฯ   สรุป คือ รพินทร์มักมีนิสัยที่ประเมินเหตุการณ์สถานการณ์ต่ำจนเกินไป  จนเนเหตุให้เกิดเหตุการณ์มีเหตุเป็นไปอยู่เสมอ   แต่ก็อย่างว่าแหละ ถ้าพระเอกเก่งซะทุกอย่าง จะมีเรื่องราวให้เราอ่านกันมันๆได้อย่างไร  อิอิ แก้ไขเมื่อ 29 ส.ค. 50 22:55:45 แก้ไขเมื่อ 29 ส.ค. 50 22:51:40 จากคุณ : โอจิ (Oji_yoyo) - [ 29 ส.ค. 50 22:45:20 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ข้อสันนิษฐานของ คุณหนานนาย น่าสนใจค่ะ ในมุมมองที่ว่าทำไม ค่ายหมีดำมีกำลังพลเท่านั้น ถ้าคิดในแง่ที่ว่าเปรียบเทียบความสามารถของค่ายหมีดำแล้วต้องเป็นค่ายที่มีความสามารถมากจน กองกำลังกะเหรี่ยงต้องทุ่มจำนวนคนเข้ามาเป็นกองพัน ซึ่งถึงมีความสามารถมาก โดนส่งสายเข้ามาดูลาดเลา แถมกำลังคนเยอะกว่า (สมมติว่าอาวุธพอๆ กัน) ยังไงก็ต้องตกเป็นรอง กองกำลังกะเหรี่ยงอยู่แล้ว ^^ เรื่องหนังสือไม่เป็นไรค่ะ ตัวร้ายรีบ เอ้ย!! ไม่รีบ (มั้ง แหะๆ) ****************************************** ทีนี้มาถึงประเด็นที่ว่า ทำไมกะเหรี่ยงถึงบุกค่ายหมีดำ คุณ A-Ka-Ya และ คุณ หนานนาย คิดว่าไม่น่าจะมีอะไร เลยทำให้รพินทร์ประมาท คุณ captainhyuk คิดว่าในค่ายหมีดำมีสิ่งของสำคัญมาก ติ๊งต่างว่าอาจจะมีสูตรระเบิดปรามาณู ส่วนของ โอจิ ก็สันนิษฐานว่ามีบุคคลสำคัญของพม่า ติ๊งต่างว่าคือ "กองยินตอง" ****************************************** กรณีนี้    1. เราค่อนข้างไม่เชื่อว่า กองกำลังกะเหรี่ยงจะทุ่มทุนสร้างเพื่อโจมตีค่ายที่ไม่มีอะไร    2. กรณีที่ค่ายหมีดำมีสิ่งของ+คนที่สำคัญมากอยู่ในค่าย         2.1 กรณีที่เป็นสิ่งของสำคัญ มีความเป็นไปได้ว่าของนั้นจะต้องยึดมาจากกองกำลังกะเหรี่ยงหรือฝ่ายตรงข้าม         2.2 กรณีที่เป็นคนสำัคัญ มีความเป็นไปได้ที่ว่าคนสำคัญนั้นเป็นคนของกองกำลังกะเหรี่ยงหรือฝ่ายตรงข้าม     ซึ่งยังไม่มีความเห็น แหะๆ ขอรวบรวมความคิดก่อน อิอิ แก้ไขเมื่อ 29 ส.ค. 50 23:38:44 จากคุณ : เ จ้ า ตั ว ร้ า ย - [ 29 ส.ค. 50 23:32:52 ]

ความคิดเห็นที่ 26 แก้ไขเมื่อ 29 ส.ค. 50 23:48:20 จากคุณ : DA (captainhyuk) - [ 29 ส.ค. 50 23:47:16 ]

ความคิดเห็นที่ 27 กรณีที่ค่ายหมีดำมีสิ่งของ+คนที่สำคัญมาก อยู่ในค่าย การที่แงซายเตือนว่า ค่ายจะถูกโจมตีด้วยอาวุธหนักจากกำลังทหารโจรเป็นกองพัน โดยเฉพาะเมื่อมีเหตุผลลึก ๆ ของการโจมตีอยู่ที่การบุกช่วยตัวประกันคนสำคัญอย่าง ???(ใครสักคน) หรือของสำคัญอย่าง ???(อะไรสักอย่าง) มันดูมีความเป็นไปได้มากถึงมากที่สุดที่คำเตือนของแงซายนั้นจะเป็นจริง คนอย่างรพินทร์ไม่น่าที่จะมองข้าม และประเมินสถานการณ์ต่ำขนาดนั้นนะคะ...ไม่อยากจะเชื่อเลย...(ไม่จรี๊ง...ไม่จริง...) แต่ถ้าเป็นความจริงที่ค่ายหมีดำ มีสิ่งของ+คนที่สำคัญมาก อยู่ในค่าย แต่รพินทร์ยังมองข้าม และประเมินสถานการณ์ต่ำ มีความเป็นไปได้ว่า 1.  รพินทร์คิดว่า อาจมีการโจมตีค่ายจริง แต่ ในขณะที่รพินทร์คิดประเมินสถานการณ์อยู่นั้น รพินทร์ต้องเชื่อมั่นมาก ๆ ว่า กำลังพลและอาวุธที่ตนเองมีอยู่สามารถรับมือกองโจรที่มีจำนวนมากขนาดนั้นได้ แล้วถ้าเช่นนั้น รพินทร์ควรมีกำลังพลประมาณเท่าไหร่คะ เค้าถึงเชื่อมั่นอย่างเต็มร้อยว่า ค่ายหมีดำสามารถที่จะรับมือกับทหารโจรเป็น "กองพัน" ได้แน่ 2.  รพินทร์ไม่คิดว่าจะมีการเข้าโจมตีค่ายจริง กล่าวคือ ในขณะที่รพินทร์คิดประเมินสถานการณ์อยู่นั้น รพินทร์ไม่เชื่อเลยสักนิดว่า คำเตือนของแงซายจะเป็นจริง อะไรที่ทำให้รพินทร์ไม่เชื่อคำพูดของแงซายเลยค่ะ ปล. ยังไงก็จะพยายามเล็ดลอดเข้าไปสืบให้ได้นะค่ะ ว่า ค่ายหมีดำมีสิ่งของ(อะไร) + คนที่สำคัญมาก(ใคร) อยู่ในค่ายกันแน่... วันนี้ขอตัวไปนอนก่อนแร้ววววววววววววววค่า... จากคุณ : A-Ka-Ya - [ 30 ส.ค. 50 00:02:31 ]

ความคิดเห็นที่ 28 โอจิคุง... ถ้าเช็คพ.ศ.กับประวัติแงซายแล้ว ช่วงที่KNUก่อตั้ง (2491) น่าจะเป็นช่วงที่แงซายเรียนอยู่บอมเบย์นะ ...แงซายน่าจะมาเป็นทหารกระเหรี่ยงหลังจากKNUก่อตั้งสัก 4-5 ปี (2494-2495) แต่คงเข้ามาก่อนที่รพินทร์จะมาเป็นตชด. คำถาม 1. ที่ตั้งของค่ายหมีดำกับหนองน้ำแห้งน่ะ    1.1 อยู่คนละจังหวัดกัน แต่ป่าผืนเดียวกัน    1.2 อยู่จังหวัดเดียวกัน แต่คนละผืนป่า    1.3 อยู่จังหวัดเดียวกัน ผืนป่าเดียวกัน    1.4 อยู่คนละจังหวัด คนละผืนป่า    1.5 .... แก้ไขเมื่อ 30 ส.ค. 50 08:49:24 จากคุณ : pakem - [ 30 ส.ค. 50 08:46:26 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ถ้าจากคำพูดของรพินทร์ที่ว่าป่ามันสามารถเดินถึงกันได้ตลอด เราคิดว่าเป็น..ป่าเดียวกันค่ะ จากคุณ : captainhyuk - [ 30 ส.ค. 50 12:30:06 ]

ความคิดเห็นที่ 30 คำถาม 1. ที่ตั้งของค่ายหมีดำกับหนองน้ำแห้งน่ะ   1.1 อยู่คนละจังหวัดกัน แต่ป่าผืนเดียวกัน   1.2 อยู่จังหวัดเดียวกัน แต่คนละผืนป่า   1.3 อยู่จังหวัดเดียวกัน ผืนป่าเดียวกัน   1.4 อยู่คนละจังหวัด คนละผืนป่า   1.5 .... อืมมม เราคิดว่า ตำแหน่งของค่ายหมีดำ กับ ตำแหน่งหนองน้ำแห้งเป็นคนละตำแหน่งกันนะ เพราะว่า 1. แงซายบอกว่าเพียงก้าวแรกที่นายหญิงลงจากบ้านพักก็เป็นป่าลึกแล้ว 2. คณะอเมริกันถามว่าในเส้นทางที่เราจะเดินทางไปจะเจอคนที่มาทำร้ายหรือไม่ ซึ่งรพินทร์มีเพียงคนป่าที่มีอาวุธเป็นเพียง หอก ดาบ เท่านั้น จากการประเมิณคิดว่า หนองน้ำแห้งควรจะอยู่ในป่าลึกหรือเขาที่สลับซับซ้อนเกินกว่าแนวปะทะของสงครามและคอมมิวนิสต์จะเข้าไปถึง จากคุณ : เ จ้ า ตั ว ร้ า ย - [ 30 ส.ค. 50 23:43:23 ]

ความคิดเห็นที่ 31 เอาใหม่ข้างบนไม่ละเอียด 1. ที่ตั้งของค่ายหมีดำกับหนองน้ำแห้งน่ะ  1.1 อยู่คนละจังหวัดกัน แต่ป่าผืนเดียวกัน  1.2 อยู่จังหวัดเดียวกัน แต่คนละผืนป่า  1.3 อยู่จังหวัดเดียวกัน ผืนป่าเดียวกัน  1.4 อยู่คนละจังหวัด คนละผืนป่า       >>> เห็นด้วยกับคุณ captainhyuk ค่ะที่ว่าป่าถึงกันหมด ก็น่าจะเป็นป่าเดียวกัน       >>> คิดว่าน่าจะเป็นจังหวัดเดียวกัน เพราะ รพินทร์เป็น ตชด. ในจังหวัดแม่ฮ่องสอน ส่วน หนองน้ำแห้ง จากการสรุปข้อมูลที่รวบรวมไว้ น่าจะเป็นจังหวัดแม่ฮ่องสอนเช่นกัน จากคุณ : เ จ้ า ตั ว ร้ า ย - [ 30 ส.ค. 50 23:56:23 ]

ความคิดเห็นที่ 32 นั่งถกนั่งวิเคราะห์กันจนดึกเลยเหรอค่ะนี่  พี่เจ้าตัวร้าย  โอ้...นับถือค่ะ  นับถือ!! เอาใจช่วยและเป็นกำลังใจเสมอนะค่ะ....ทุกคน จากคุณ : Par&Par - [ 31 ส.ค. 50 23:12:47 ]

ความคิดเห็นที่ 33 เข้ามาอ่านอีกทีก็มีหลายความเห็นแย้ว ^_^ คุณ A-Ka-Ya วิเคราะห์อ่านเพลินจังค่ะ ที่ โอจิวิเคราะห์ก็เหมือนกัน อ่านแล้วก็เกือบเคลิ้ม (อิอิ) ต้องรีบตั้งสติอ่านใหม่ ส่วนที่มีคำถามว่า "ในขณะที่รพินทร์คิดประเมินสถานการณ์อยู่นั้น รพินทร์ไม่เชื่อเลยสักนิดว่า คำเตือนของแงซายจะเป็นจริง อะไรที่ทำให้รพินทร์ไม่เชื่อคำพูดของแงซายเลยค่ะ" เราลองคิดแบบง่ายๆ นะคะว่า - รพินทร์ก็รู้อยู่แงซายเป็นฝ่ายตรงข้าม การที่อยู่ดีๆ มาพูดเตือนว่าจะบุกนั้น ตัวรพินทร์เองต้องคิดแน่นอนว่ามาบอกทำไม เป็นการซ้อนแผนหรือป่าว ประมาณว่าบอกว่าจะบุกตรงนี้ แต่จริงๆ ลวงไปบุกที่อื่นหรือไม่ - รพินทร์เชื่อว่าจะบุก แต่มั่นใจในทำเลที่ตั้งของค่ายและศักยภาพของค่ายว่าคงไม่สามารถตีให้แตกได้ง่ายๆ อ่ะค่ะ ซึ่งเป็นไปได้เพราะรพินทร์ถึงจะดูถ่อมตน แต่จริงๆแล้วก็มีความทะนงตนสูงอยู่เหมือนกัน ส่วนเรื่องว่าในค่ายมีอะไรสำคัญจนต้องมาบุกนั้น....ยังคิดไม่ออกอ่ะ จากคุณ : Wormy707 - [ 31 ส.ค. 50 23:20:23 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ได้ข้อมูลมาใหม่จากหนังสือ "ประวัติศาสตร์ท้องถิ่น ความเป็นมาของอำเภอสำคัญในประวัติศาสตร์ภาคเหนือ" ตามข้อมูลที่นำมาอ้างอิง จะเป็นอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ซึ่งจะอยู่ตรงข้ามกับเมืองเมียวดีทางฝั่งพม่า   ถึงแม้จะเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ในปี 2503  แม้จะไม่ตรงกับที่เราตั้งธงกันเอาไว้ว่าน่าจะเป็น พ.ศ.2496-2497   แต่ก็น่าจะทำให้ทราบได้ว่า เหตุจูงใจที่ทำให้ชาวกระเหรี่ยงบุกไทย  ก็เพราะความคับแค้นใจจากพ่อค้าและข้าราชการทางฝั่งไทย  และอีกประเด็น ต้องการปัจจัยสี่ เช่นอาวุธ เสบียงหรือยารักษาโรคอย่างนี้เป็นต้น จากคุณ : โอจิ (Oji_yoyo) - [ 1 ก.ย. 50 11:08:38 ]

ความคิดเห็นที่ 35 โอจิจจ ความเจ็บช้ำน้ำใจระหว่างพ่อค้าและข้าราชการ คือยังไงอ่ะ จากคุณ : Wormy707 - [ 1 ก.ย. 50 11:38:42 ]

ความคิดเห็นที่ 36 จากรูปของโอจิ เป็นไปได้หรือเปล่าที่..... ในภาวะสงครามกะเหรี่ยงต้องต่อสู้กับรัฐบาลทหารพม่า และต้องข้ามฝั่งมาซื้อสินค้า อาหาร ยา จากฝั่งประเทศไทย แต่สินค้าเหล่านั้นกลับราคาแพงมาก แถมข้าราชการไทย(บางคน) อาจจะกดขี่เรียกเก็บภาษีการค้าถ้าข้ามมาฝั่งไทย(ว่าไปนู้น) ในราคาที่สูงมาก จนชาวกะเหรี่ยงรู้สึกว่าคนฝั่งไทยรังแกเค้า เป็นไปได้หรือเปล่าเนี่ย แหะๆ พยายามคิดตามเต็มที่ อิอิ จากคุณ : เ จ้ า ตั ว ร้ า ย - [ 1 ก.ย. 50 12:36:06 ]

ความคิดเห็นที่ 37 ใช่เลยเจ้าตัวร้าย  ผมก็คิดแบบนั้นแหละ  ขอนำมาสรุปเพิ่มเติมอีกข้อ  จากที่เคยสรุปไปก่อนหน้านั้นแล้ว กรณีซึ่งทำให้เกิดกรณีพิพาทขึ้นระหว่างชายแดนไทย – กะเหรี่ยง  ปัญหาทั้งหมดน่าจะสามารถแยกแยะเป็นข้อๆได้ ดังนี้ 1. ชนกลุ่มน้อย(กระเหรี่ยง)อพยพเข้าประเทศไทย เพื่อหางานทำในประเทศไทยและหนีภัยสงคราม แต่ถูกกีดกัน ขัดขวางจากเจ้าหน้าที่ของไทยที่ต้องทำตามกฎหมาย เพื่อความมั่นคงของประเทศ 2. ปัญหาชาวกระเหรี่ยงลักลอบตัดไม้ตามเขตชายแดนไทยเพื่อค้าขายให้กับนายทุนไทย แล้วนำเงินส่วนหนึ่งจะเป้นภาษีเข้ารัฐกระเหรี่ยง  เงินภาษีที่ได้รัฐกระเหรี่ยงเพื่อซื้ออาวุธสงคราม เพื่อต่อต้านรัฐบาลพม่า (จากกรณีนี้มีชาวกระเหรี่ยงอพยพมาจากพม่าเป็นจำนวนมาก เพื่อมาตัดไม้ที่ป่าสาละวิน  ดังที่เราเห็นท่อนซุงของป่าสาละวินนับแสนนับล้านท่อน) 3 ปัญหาบุกรุกดินแดนไทยเพื่อทำการเกษตร เพราะต้องหนีจากทหารพม่าเข้ามายังชายแดนไทย เพื่อต้องการทำมาหากิน  แต่ถูกรัฐบาลไทยขัดขวางและขับไล่   4. ปัญหายาเสพติด(ฝิ่น,เฮโรอีน ช่วงหลังยาบ้า) แต่มีเฉพาะบางพวกเท่านั้นที่ขึ้นชื่อเรื่องยาเสพติด ได้แก่ ขุนส่า และว้า ชนกลุ่มน้อยที่เหลือมีบ้างประปราย  สำหรับกระเหรี่ยงก็มี  ผลิตฝิ่นและนำมาขายในเมืองไทยเพื่อซื้ออาวุธสงคราม เพื่อต่อสู้กับพม่า 5. ปัญหาการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบของเจ้าหน้าที่ของไทยบางคน ได้แก่การคอรัปชั่น , ขูดรีด,ทำร้ายร่างกาย หรือแม้กระทั่งเจ้าหน้าที่ไม่ดีบางคน ทำอนาจาร กระทำชำเราตัวประกันชาวกะเหรี่ยงที่ไม่มีทางสู้ จนทำให้ชาวกะเหรี่ยงคับแค้นใจ     6. ปัญหาการอารัดเอาเปรียบของพ่อค้าทางฝั่งไทย เนื่องจากชนชาวกระเหรี่ยงเป็นชนชาติที่ต้องทำการค้าขายกับชายแดนไทยเป็นหลัก และไม่มีทางเลือกอื่นใด นอกจากจำเป็นต้องซื้อของที่พ่อค้าไทยเป็นฝ่ายกำหนดราคา  ซึ่งสินค้าทุกชนิดจึงมีราคาแพงกว่าราคาปกติ และรายได้หลักของชาวกระเหรี่ยงก็คือการเลี้ยงสัตว์กับหาของป่านำมาแลกเปลี่ยนเป็นปัจจัยสี่จากทางฝั่งไทย  ซึ่งตรงนี้เป็นเหตุทำให้ฝ่ายกระเหรี่ยงนอกจากมีทัศนคติไม่ดีต่อฝั่งพม่าแล้ว มุมมองของกระเหรี่ยงมองไทยก็คงไม่แตกต่างกันมากเช่นกัน ส่วนคำถามที่วอร์มี่สงสัย ก็คือข้อ 5-6 ครับ เพิ่มเติมให้หน่อย เกี่ยวกับข้าราชการไทย ในกระทู้นี้  ความเห็นที่ 28  http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A5751895/A5751895.html   วอร์มี่อาจจะอ่านตกหล่นไป จากคุณ : โอจิ (Oji_yoyo) - [ 1 ก.ย. 50 13:21:38 ]

ความคิดเห็นที่ 38 ขอสารภาพจ้า โอจิจ๋า...คือไม่ได้อ่านตกหล่นไปหรอก...ยังไม่ได้อ่านกระทู้นั้นต่อเลย T_T ขอไปอ่านก่อนนะ ย๊าว ยาววว จากคุณ : Wormy707 (Wormy707) - [ 1 ก.ย. 50 14:47:52 ]

ความคิดเห็นที่ 39 หวัดดีค่าาาาคุณ Wormy707 อ่านจนตาลายยยยยยยยยลายยยยยยยยยยตาไปรึยังเอ่ย.... หวัดดีค่าาาาคุณโอจิ  ขอบคุณมาก ๆ เลยค่ะ...สำหรับข้อมูล...ได้ความรู้เพิ่มขึ้นเยอะเลย จากคุณ : A-Ka-Ya - [ 1 ก.ย. 50 17:25:12 ]

ความคิดเห็นที่ 40 คุณ A-Ka-Ya ตาไม่ลายยยยยยค่ะ เพราะ...เคลิ้มมมมหลับบบบไปก่อน อิอิ ย้อเย่นน่า อ่านจบแล้วจ้า เราตอนนี้ก็เริ่มคล้อยตามเหตุผลที่โอจิสรุปมาเป็นข้อๆ แล้วล่ะ จากคุณ : Wormy707 - [ 1 ก.ย. 50 19:34:12 ]

ความคิดเห็นที่ 41 หาภาพมาสร้างบรรยากาศเป็นกำลังใจค่ะ จากคุณ : Par&Par - [ 2 ก.ย. 50 16:54:32 ]

ความคิดเห็นที่ 42 เป็นภาพทหารไทย สมัยสงครามเกาหลีค่ะ จากคุณ : Par&Par - [ 2 ก.ย. 50 16:55:19 ]

ความคิดเห็นที่ 43 รูปได้อารามณ์มากครับ คุณPar&Par    ผมยังมีแนวความคิดเรื่องการบุกโจมตีครับ ว่า การโจมตีครั้งนี้ อาจจะไม่ใช่เพื่อสิ่งของในตัวค่ายก็เป็นได้ อาจจะเป็นแค่หมากหนึ่งตัวที่วางไว้เพื่อแผนอนาคตต่อไป ถ้าจะยกตัวอย่างให้ชัดเจนนะครับ อย่างเช่น ๑. ที่มั่นตรงนี้เหมาะสมจะวางกองกำลัง หรือเป็นที่พัก หรือเป็นฐานที่มั่นของฝ่ายกระเหรี่ยง   ๒. เป็นทางจำเป็นผ่านของกองกำลังกระเหรี่ยง เพื่อทำอะไรสักอย่าง (อาจต้องหาเหตุผลต่อไป หรือใช้เหตุผลเดียวกันคุณโอจิ ที่อ้างอิงจากหนังสือประวัตฺศาสตร์ท้องถิ่น)        ซึ่งจะเห็นได้ว่า การโจมตีครั้งนี้ ที่ใช้กำลังพลระดับ "กองพัน" เพราะต้องการเผด็จศึกให้ได้แน่นอน แสดงถึง ความจำเป็นอันมาก ที่ต้องใช้ หรือ ที่ต้องทำลายจุดยุทธศาสตร์ตรงนี้        แล้วเราก็เห็นความสำคัญของฝ่าย ตชด ด้วยเช่นกันว่า ถึงขั้นสร้างค่ายพักในบริเวณนี้ แสดงว่า บริเวณนี้มีความสำคัญระดับหนึ่ง เชื่อว่าเป็นจุดยุทธศาสตร์ทางการทหารที่สำคัญ (พื้นที่สูง, มองเห็นไกล, ใกล้แหล่งน้ำ เป็นต้น) สำหรับรพินทร์นั้น อาจจะเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง และเตรียมความพร้อมไว้ระดับหนึ่ง แต่คาดไม่ถึง หรือไม่คาดการณ์ตามคนมีความมั่นใจว่า สามารถรักษาที่มั่นได้แน่นอน แก้ไขเมื่อ 03 ก.ย. 50 08:47:30 จากคุณ : KkTpCmu (KkTpCmu) - [ 3 ก.ย. 50 08:33:15 ]

ความคิดเห็นที่ 44 ความคิดเห็นของคุณ KkTpCmu  น่าสนใจมาก เรื่องจุดยุทธศาสตร์ (ทำไมเรามองข้ามเรื่องนี้นะเนี่ย) คล้ายๆกรณีสมรภูมิร่มเกล้าใช่มั๊ยคะ จากคุณ : เ จ้ า ตั ว ร้ า ย - [ 3 ก.ย. 50 13:32:55 ]