Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    ไอ้หมื่นกับงานรีวิวหนังพี่ Stephen King เรื่องที่ 23 แล้วนะครับ The Mangler (1995) เครื่องกินคน

    แนวหนัง สยองขวัญ

    ท่านเคยจินตนาการไว้ไหมครับว่า ถ้าเครื่องใช้ไฟฟ้าของท่านเกิดเฮี้ยนมีผีสิงหรือสิงชั่วร้ายเข้าไปอยู่อาศัยแล้วก่อการประทุษร้ายท่านมันจะน่ากลัวแค่ไหน

    แต่มีบุรุษผู้หนึ่งจินตนาการไว้แล้วร่ายออกมาเป็นเรื่องสั้นที่ชื่อ The Mangler ชื่อของผู้แต่งคือ Stephen King

    หมอนี่อีกแล้วครับ ราชานักเขียนสยองขวัญ ที่ผมเอามาพูดบ่อยๆ สาเหตุหนึ่งก็เพราะยอมรับว่าการผูกเรื่องคิดเรื่องของพี่แกนี่ยอดเยี่ยมหาตัวจับยาก ตอนอ่านสนุกดี ง่ายๆ แต่มีอะไรให้ขนลุกอยู่ลึกๆ มีจุดขายหลายอย่าง ไม่ว่าจะเรื่องความสยองหรือแนวคิดไม่เหมือนใคร (ผีสิงเครื่องซักรีด ใครจะไปนึกล่ะครับ) ทำให้ชื่อพี่แกอยู่ยงนานเอาเรื่อง และคนทำหนังก็ตอมกันตลอด

    เรื่องสั้น The Mangler ว่าคดีประหลาดเมื่อพนักงานซักรีดโดนเครื่องซักรีดที่ว่าดูดกลืนไปทั้งตัวจนแหลกเหลวไม่มีชิ้นดี นายตำรวจเลยสืบหาจนไปๆ มาๆ พบว่าเครื่องนี้มีความชั่วร้ายสิงสู่อยู่ ตอนจบค่อนข้างสาใจ แต่ปเนอย่างไรเอาไว้ถึงช่วงสปอยล์ค่อยเล่าสู่กันฟัง แต่บอกได้เต้มปากว่าเป็นเรื่องสั้นที่ไม่เสียชื่อ Stephen King

    แล้วเรื่องราวก็เตะตาคนสร้างหนังที่ชื่อ Tobe Hooper เจ้าของผลงานสยองในตำนานสิงหาสับหรือ The Texas Chainsaw Massacre สองภาคแรกและ Poltergeist ตอนนั้นกำลังอยากได้งานชุบชีวิตสักเรื่อง เพราะชะตากรรมทำหนังอยู่ในช่วงสาละวันเตี้ยลง คิดว่าจับงานพี่ King มาช่วยเสริมบารมีดวงอาจจะดีขึ้น แล้วยังเป็นแนวสยองขวัญที่ถนัดด้วย เลยลงมือขอซื้อสิทธิ์ติดต่อพี่ King เอาบทมาจัดการดัดแปลงขัดเกลาด้วยตนเอง ระหว่างการถ่ายทำก็มีการเพิ่มบทเติมความสยองลงไปตามคำแนะนำของ Stephen David Brooks มือ Effect ในหนัง และ Harry Alan Towers ผู้อำนวยการสร้างหนังชาวอังกฤษ (Ten Little Indians, Edgar Allan Poe's Buried Alive)

    โครงหลักยังเหมือนกับในเรื่องสั้น เปิดมาก็แนะนำคนดูให้รู้จักกับเจ้าเครื่องซักรีดประจำเมืองที่ต้องทำงานทั้งวัน เจ้าเครื่องที่ว่านี่ดูไปก็น่าขนลุก ขนาดคนทำงานใกล้ๆ เจ้าเครื่องนี่ยังอดสยดสยองไม่ได้ เพราะมันเหมือนมีชีวิตและคอยแต่จะรอให้มีใครสักคนพลาดเอามือไปแตะต้องมันต้อนกำลังทำงาน และหากใครเผลอเข้าไปใกล้เอามือไปวางล่ะก็ เป็นอันโดนเจ้าเครื่องนี่ขย้ำแหลกเหลือแต่ซากเละๆ

    วิลเลี่ยม การ์ตลี่ย์ (Robert Englund) เจ้าของโรงงานก็ไม่ยี่หระ ใครจะตายก็ช่างขอให้งานเสร็จตรงเวลาเป็นพอ แล้วเรื่องใหญ่ก็เกิดจนได้ เมื่อพนักงานหญิงชราคนหนึ่งโดนเครื่องดูดเข้าไป ทำให้นักสืบจอห์น ฮันตัน (Ted Levine) ถูกตามมาดำเนินคดี แต่ก็จับใครไมได้เพราะเครื่องมันดูดเข้าไป ไม่ได้มีใครฆ่าเธอสักหน่อย

    แต่จอห์นก็เริ่มสัมผัสถึงความน่าขนลุกของเจ้าเครื่องนี่ เลยร่วมมือกับเพื่อนที่เชื่อเรื่องเหนือธรรมชาติ รวบรวมหลักฐานจนพบว่ามันชักจะเข้าเค้า ว่าเจ้าเครื่องซักรีดที่อยู่คู่เมืองนี่อาจจะมีความชั่วร้ายสิงอยู่จริงๆ และเป็นไปได้ว่าคุณการ์ตลี่ย์จะรู้เบื้องลึกเบื้องหลังของมันมากกว่าที่ใครจะคาดคิด

    หลายคนอาจสงสัยในตัวพี่ King ว่าวันๆ แกจะหมกมุ่นอยู่กับเรื่องพวกนี้มากไปหรือเปล่าหว่า ขนาดคิดว่าเครื่องใช้มีผีสิงได้ อันนี้ก็มุมหนึ่งนะครับ แต่สำหรับผมซึ่งเป็นนักเขียน ยอมรับว่าพี่แกนี่ช่างคิดจินตนาการเยอะ จนทำเงินทำทองสร้างชื่อมาได้จนปัจจุบัน

    แล้วเรื่องทำนองนี้ใช่ว่าจะไร้สาระ เพราะผมเชื่อว่ามีหลายครั้งทีเดียวที่ท่านอาจจะเจอเรื่องที่อธิบายไม่ได้กับเครื่องใช้ของท่าน มันต้องมีบ้างล่ะบางครั้งเครื่องมันดูเพี้ยนๆ ทำงานแบบที่เราไม่ได้สั่งสักหน่อย ซึ่งเราอาจจะบอกได้ว่ามันเป็นเพราะเครื่องเสีย ไฟค้างเครื่อง อะไรทำนองนั้น ... แต่ท่านแน่ใจเหรอว่ามันเป็นด้วยเหตุผลนั้นจริงๆ หรือพอดีช่วงนั้นมีพลังงานบางอย่างไปแทรกผ่านเครื่องนั่นโดยบังเอิญ?

    หลายพันหลายหมื่นปีก่อนมนุษย์ไม่รู้จักพลังงานอย่างไฟฟ้า, นิวเคลียร์ หรือแม้แต่การเอาพลังแสงอาทิตย์มาใช้ประโยชน์ ทั้งๆ ที่มันมีตัวตนมานานแสนนาน ดังนั้นคิดง่ายๆ ว่ายังมีพลังอีกมากมายหลายอย่างในโลกที่มนุษย์เราๆ ยังไม่เข้าใจ ไม่รู้จักอย่างถ่องแท้ ยังไม่ได้ตั้งชื่อทางวิทยาศาสตร์ให้มัน

    ใครจะรู้ว่ายังมีพลังรูปแบบใดอีกบ้าง และพลังวิญญาณเป็นหนึ่งในนั้นหรือไม่

    อะไรพวกนี้ทำให้ผมคิดนะ นักวิทยาศาสตร์หลายรายบอกว่าไม่มีวิญญาณในโลกนี้ เพราะไม่มีหลักฐาน ไม่สามารถพิสูจน์ได้ทางวิทยาศาสตร์ ...

    ไม่สามารถพิสูจน์ได้ทางวิทยาศาสตร์ หรือวิทยาศาสตร์ไม่สามารถพิสูจน์ได้กันแน่?

    เมื่อสองสามพันปีก่อน วิทยาศาสตร์เองก็ยังไม่สามารถค้นหาแม้กระทั่ง "ไฟฟ้า" เจอเลยด้วยซ้ำ

    โดยแนวคิดพื้นฐานของเรื่องสั้นนี้ แม้จะความยาวไม่มาก แต่หากเอามาคิดต่อยอดสามารถเล่นเรื่องได้อีกยาวยืด ผมจึงค่อนข้างปรบมือให้เรื่องสั้นอันนี้ ว่าพี่ King นี่ช่างคิดเหลือหลาย

    เรื่องสั้นดี แต่เรื่องยาวจะดีหรือไม่มาว่ากันอีกที

    ถ้าวากันถึงตัวหนังจุดที่ทำได้ดีคือการนำเอาโครงเรื่องดั้งเดิมมาเสริมต่อจากเรื่องสั้น เพิ่มอะไรนิดหน่อยลงไปให้มันดูน่ากลัวมากขึ้น เจ้าเครื่องซักผ้าเจ้าปัญหาก็ออกแบบมาได้น่าหวาดหวั่นไม่ใช่น้อย ดูๆ ไปก็เป็นเครื่องธรรมดา แต่ด้วยมุมกล้อง การถ่ายทอดออกมาทำให้รู้สึกได้เลยว่าไอ้เครื่องนี้กระหายเลือด กำลังรอให้ใครสักคนเอาเลือดไปสังเวยมัน อย่างฉากที่ตัวละครหนึ่งทำเลือดหยดใส่เครื่อง มุมกล้องถ่ายออกมาราวกับว่าเจ้าเครื่องนี่กำลังเอร็ดอร่อยกับรสชาติเลือดอย่างยิ่ง

    สภาพโรงงานก็มืดๆ ทึมๆ หาที่ระบายอากาศไม่เจอ ดูไปให้เหนอะหนะอยากเดินไปอาบน้ำจริงๆ ทำให้โดยบรรยากาศของฉากแล้วหนังประสบความสำเร็จครับในเรื่องการสร้างความน่ากลัว ยิ่งฉากแหวะแทบไม่ต้องสาธยาย เอาแค่ตอนเห็นสภาพศพคนโดนเครื่องบดจนตัวแหลกนี่ก็แทบกินข้าวไม่ลง ผู้ใดก็ตามคิดดูหนังเรื่องนี้ระหว่างกินข้าว แนะนำว่าอย่าแม้แต่จะคิด!

    นอกจากนี้นักแสดง การเลือกเอา Englund เจ้าตำนานบทบาทเฟรดดี้ ครูเกอร์มาสวมบทเจ้าของโรงงานหน้าเลือด ก็ไม่ทำให้คนดูเซ็ง ดูขยะแขยงเหลือกำลัง

    อะไรๆ ไม่เลวครับ ทำท่าจะดี ดนตรีโอเค บรรยากาศชวนแหวะ การเดินเรื่องก็นับว่าเข้าท่า ตามปมตามๆ โอเคหมด แต่หนังกลับพลาดในจุดสำคัญที่สุดอันทำให้หนังดูไปแล้วไม่ใคร่จะสนุกดังคาด

    ปัญหาที่ว่าคือ พระเอกของเรื่องที่ดันให้พี่ Ted Levine มารับบท!

    จริงๆ แล้ว Levine เป็นดาราระดับยอดเยี่ยมฝีมือดี นักดูหนังคุณภาพต้องจำเขาได้จากบทสมทบแต่เล่นได้เข้มถึงรส ไม่ว่าจะ เจม กัมพ์ หรือบัฟฟาโล บิลล์นักฆ่าต่อเนื่องสุดโหดจาก The Silence of the Lambs, มือขวาของเจ้าพ่อตัวร้ายใน Nowhere to Run, นายอำเภอที่เชื่อฟังนักข่าวเพราะอยากมีชื่อเสียงใน Mad City และนายพลเลือดสาดแม็คกราธแห่ง Wild Wild West แต่พอเขยิบมาเล่นบทในเรื่องนี่เป็นอันหมดท่า

    คงต้องโทษที่หลายจุดล่ะครับ อย่างแรกคือบทนักสืบพระอเกของเรื่องนี่ดูราศีแล้วเป็นตัวประกอบอย่างแรง ประเภทมาคอยตอดพระเอกในหนังทั่วๆ ไป แต่นี่ดันมาเป็นตัวนำ แล้วท่าทางนี่ออกอาการโวยวายคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่หลายที บารมีพระเอกนี่หมองไปตั้งแต่ครึ่งเรื่องแรก พอพี่แกเจอกับตู้เย็นปริศนาที่ทำให้เด็กตาย แทนที่จะค่อยๆ เล่นงานหรือมีสติกว่านี้ พี่ดันจิตหลุดเอาค้อนมาฟาดตู้ทันที จริงๆ จะเอาฟาดก็พอเข้าใจ แต่หน้าตาท่าทางแกดูน่ากลัวมากครับ เหมือนแกจะเอาค้อนไปฟาดคนทั้งเมืองอ้ะ

    ตกลงพอตอนท้ายเมื่อพี่แกเผชิญกับเครื่องที่ว่า คนดูเกิดอาการสับสนมาทันควัน เพราะไม่รู้จะเอาใจช่วยใคร ทั้งพระเอกทั้งเครื่องนี่น่ากลัวพอกัน ไม่ควรปล่อยไว้ทั้งคู่ ... Whoever Win, We Lose ... ประมาณนั้นเลยครับ

    ทีนี้พอพระเอกไม่ได้มีสติพอจะให้คนดูฝากผีฝากไข้ได้ หนังก็เลยกลายเป็นแหล่งรวมคนขาดสติ ดูแล้วหดหู่ก็หดหู่ หงุดหงิดก็หงุดหงิด เพราะตัวร้ายอย่างนายการ์ตลี่ย์ หรือเจ้าเครื่องนั่นก็ร้ายร้อยเปอร์เซ็นต์ ส่วนพระเอกแม้จะไม่ได้ทำร้ายใคร แต่ท่าทางดูไม่น่าจะเป็นพระเอกได้ มีจิตหลุดเป็นพักๆ

    พอดูจบอารมณ์เลยกั๊กๆ อะไรเหมือนจะดี แต่เจอความไม่กลมกล่อมของบทพระเอกนี่แหละเล่นเอามึนไปเล็กเหมือนกัน

    แต่ก็ไม่ใช่หนังเลวร้ายนะครับ แม้ทางอเมริกาจะด่าไม่เหลือดีก็เถอะ แต่ตัวหนังยังพอทำเนา ฉากแหวะพอได้ การเดินเรื่องอาจชวนอึดอัดบ้าง และพี่พระเอกอาจดูสติแตกไปบ้าง หน้าตาไม่หล่ออีกเลยไปกันใหญ่ นางอเก็พอกันหน้าตาธรรมดาอีกราย เลยเป็นหนังที่ไม่ใคร่จะเจริญหูเจริญตาเท่าที่ควร

    ก็แล้วแต่นะครับ สำหรับคอหนังสยองถ้าไม่คิดมากก็โอเค อย่างน้อยตอนจบก็มีลุ้นดี แม้ Effect จะไม่เนี๊ยบเท่าไหร่ก็ตาม

    ส่วนชะตากรรมของ Hooper ก็ไม่ต้องคาดเดาครับ โดนกระหน่ำไม่เหลือซาก จนต้องระเห็จไปทำหนังแผ่นจวบจนปัจจุบัน

    สองดาวแบบธรรมดาครับ

    http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=10000tip&month=29-08-2007&group=16&gblog=91

     
     

    จากคุณ : เทพบุตรตบะแตก!! - [ 1 ก.ย. 50 01:39:35 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom