Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    การใช้ภาษาวัยรุ่น จะไม่กระทบกระเืืทือนเท่าไหร่ หากไม่เจอเหตุการณ์เช่นนี้{แตกประเด็นจาก A5771990}

    ความจริงแล้วนั้น ภาษาไทยได้ผ่านระยะเวลาการใช้งานมายาวนาน จนกระทั่งถึงจุดของความสวยงามและลงตัวในทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นสระ พยัญชนะ หลักไวยากรณ์ การออกเสียง ฯลฯ ซึ่งเป็นที่ยอมรับและใช้งานกันอย่างแพร่หลาย ทั้งในการเรียนการสอน การใช้ในราชการ ใช้ในธุรกิจ และอื่นๆ อีกทั่วไป  

    ความเปลี่ยนไปของภาษาไทย เริ่มขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ ซึ่งมาพร้อมกับยุคของเทคโนโลยี จำได้ว่าครั้งแรกที่ได้เห็นรูปแบบภาษาไทยเปลี่ยนไป คือ อ่านพบในหนังสือคำกลอน (ไม่ขอเอ่ยนามสำนักพิมพ์) จำได้มาจนถึงทุกวันนี้คือคำว่า จัย ในตอนแรกที่เห็นยังคิดว่าเป็นการพิมพ์ผิดหรือไม่ พลิกดูไปหลายหน้า ก็พบว่ามีการใช้คำว่า จัย แทน ใจ ทุกๆ คำที่พบในหนังสือ จึงเข้าใจได้ว่าตั้งใจที่จะพิมพ์ให้เป็นเช่นนี้เอง

    และยิ่งหนักขึ้นไปเรื่อยๆ เมื่อการเข้าสู่ยุคห้องสนทนาในโลกของอินเตอร์เน็ต เพราะการคุยผ่านคอมพิวเตอร์ในห้องสนทนานั้น เป็นการใช้ตัวอักษรแทนความรู้สึก หรือที่เรียกว่าใช้ภาษาพูด แทนภาษาเขียนนั่นเอง จึงทำให้ปรากฏคำจำพวก เหยอออ ม่ายยยู้ ทามมายย และอีกมากมายซึ่งเราก็ทราบกันดีอยู่แล้ว เหตุผลของการใช้คำเหล่านี้ เราท่านทั้งหลายก็พอจะรู้กันอยู่บ้างว่า มาจากการเลียนเสียงคำพูด การใช้คำออดอ้อน ล้อเลียน ทั้งนี้เพื่อสื่อให้คู่สนทนาตรงข้ามรับรู้ซึ่งอารมณ์ในขณะนั้น   ยอมรับว่า การใช้คำเหล่านี้ก็เป็นสื่อแสดงอารมรณ์ผ่านทางตัวอักษรได้ค่อนข้างชัดเจน หากเทียบกันกับภาษานวนิยายในสมัยก่อนถ้าจะมีการใช้คำออดอ้อนในบทสนทนา ก็จะเป็นลักษณะการบรรยายตัวละครกำกับ อย่างเช่น  เมื่อสมหญิงเห็นว่าสมชายมีท่าทีฉุนเฉียวใส่ตนเอง จึงตอบสมชายด้วยเสียงอันออดอ้อนเหมือนเด็กอายุ 7 ขวบ  "ชายไม่รักเราแล้ว" ซึ่งคนอ่านจะต้องจินตนาการตามคำว่า ชายไม่รักเราแล้ว ให้เป็นเสียงของเด็กอายุ 7 ขวบอย่างที่ผู้เขียนได้อธิบายกำกับเอาไว้ อย่างนี้เป็นต้น  

    เมื่อการสนทนาในโลกของอินเตอร์เน็ตต้องการใช้คำออดอ้อนในบทสนทนาบ้าง จะให้พิมพ์ว่า
    สมชาย :  เงียบเถอะ ผมไม่ต้องการรับฟังข้อแก้ตัวอะไรจากคุณอีกแล้ว (กรุณาอ่านด้วยการกระแทกเสียง และใช้น้ำเสียงห้วนๆ)
    สมหญิง : ชายไม่รักเราแล้ว (กรุณาอ่านด้วยการลากเสียงยาว และจินตนาการถึงคำพูดของเด็กเล็กๆ)
    อย่างนี้คงไม่ไหว ก็เลยเกิดภาษาเช่นนี้ขึ้น
    สมชาย : เงียบเหอะ -*-
    สมหญิง : ชายม่ายรักเค้าแย้วเหยอออ
    อย่างนี้เป็นต้น

    เข้าใจว่า การใช้ภาษาเช่นนี้ในโลกอินเตอร์เน็ตไม่ได้ถือว่าเป็นสิ่งเสียหายร้ายแรง เพราะเป็นการสื่อความหมายระหว่างบุคคลที่เป็นคู่สนทนา และบุคคลทั่วไปในวงสนทนาก็ยอมรับและรับรู้ความหมายของคำเหล่านั้น (ถ้าไม่รับรู้และยอมรับคงคุยกันไม่ได้) เข้าใจอีกว่า วัยรุ่นที่มีชีวิตข้องเกี่ยวอยู่กับโลกอินเตอร์เน็ตเป็นส่วนใหญ่ จะพยายามใช้คำเหล่านี้มากเพิ่มขึ้น

    จุดนี้คือปัญหา เพราะการใช้ภาษาพูดแทนภาษาเขียนที่ทำกันอยู่ทุกวันนี้ ล้วนแล้วแต่เป็นการพิมพ์ผ่านแป้นพิมพ์ของเครื่องคอมพิวเตอร์ด้วยกันทั้งสิ้น เมื่อมีการใช้งานคำเหล่านี้บ่อยขึ้น จึงเกิดเป็นความเคยชินในการใช้คำเหล่านี้ เลยไปจนถึงการนำคำเหล่านี้ไปใชักับทางราชการ ไปใช้ในการทำงาน ซึ่งตรงจุดนี้นั่นเองที่เป็นปัญหา จะยกตัวอย่างมาให้เห็นชัดๆ จากที่เคยพบเจอมาด้วยตนเอง

    ทั้งหมดนี้เป็นข้อความที่เกิดขึ้นจริง มิได้สมมุติให้เห็นแต่อย่างใด

    (ตัดข้อความในหนังสือเวียนของหน่วยราชการหนึ่ง เป็นหนังสือเวียนให้ไปรวมเป็นเจ้าภาพบำเพ็ญกุศลศพมารดาของเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานนั้น)
        ขอเชิญทุกท่านร่วมเป็นเจ้าภาพบำเพ็ญกุศลศพนาง...................มารดาของนาย......................ซึ่งเสียชีวิตด้วยโรคหัวจัย.....

    (ตัดข้อความหนังสือตอบรับของบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง)
        ทางบริษัท.........ขออภัยเป็นอย่างยิ่งที่เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น แต่ยังงัยก็ตามทางเราขอยืนยันว่ามิได้มีเจตตนาที่จะทำให้เกิดเหตุการณ์เช่นนั้น


    เอาแค่สองตัวอย่างนี้ก็พอเห็นได้แล้วว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นจากความเคยชินในการใช้ภาษา กำลังจะส่งผลเสียให้เราหลายๆ ท่านได้เห็นกันแล้ว  และจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เป็นผลมาจาก พนักงานพิมพ์เอกสารที่ยังอยู่ในวัยไม่เกิน 30 ที่ยอมรับออกมาว่า การที่ได้พิมพ์ข้อความเช่นนั้นลงในเอกสารดังกล่าว เป็นเพราะความเคยชินที่ใช้ในการสนทนาผ่านโลกอินเตอร์เน็ต.....

    เห็นผลเสียที่เกิดขึ้นหรือไม่  เห็นความเป็นห่วงเป็นกังวลที่หลายๆ ฝ่ายได้ออกมาแสดงความคิดเห็นเอาไว้หรือไม่ ขณะนี้ผลกระทบเหล่านี้เริ่มเกิดขึ้นบ้างแล้วในบางหน่วยงาน บางองค์กร

    บางสิ่งบางอย่าง เมื่อใช้กับบางสถานการณ์ก็ไม่มีผลเสีย แต่หากนำมาใช้กับอีกสถานการณ์กลับให้ผลเสีย ยอมรับหรือไม่ว่าการทำสิ่งใดบ่อยๆ ซ้ำๆ เป็นเวลานาน ย่อมทำให้เกิดความเคยชิน จนในที่สุดกลายเป็นนิสัย จะไม่มีใครตำหนิอะไรเลย ถ้าไม่เกิดเหตุการณ์ที่ยกตัวอย่างมาให้ดู และเหตุการณ์เช่นนั้นก็กำลังจะเกิดมากขึ้นทุกทีๆ จนกระทั่งที่สุด คำว่า  โรคหัวใจ อาจจะต้องบัญญัติในพจนานุกรมใหม่เป็นคำว่า หัวจัย คำว่าอย่างไร ก็คงต้องเปลี่ยนเป็นคำว่า ยังงัย .......................

    แก้ไขเมื่อ 01 ก.ย. 50 10:53:27

    จากคุณ : niratchaya - [ 1 ก.ย. 50 10:49:15 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom