PANTIP.COM : A5805402 ถาม บางอย่างเกี่ยวกับ starwars:revenge of the sith ครับ (สปอย) [ภาพยนตร์]

ความคิดเห็นที่ 5

เจไดหนุ่มขอตอบเป็นข้อๆนะครับอาจจะยาวหน่อยแต่เคลียร์ข้อสงสัยได้แน่นอน

1.ตอนการดวลเซเบอร์กันระหว่างเมซวินดูและพัลพาทีนนั้นซิธลอร์ดซีเดียสเสียท่าให้กับวินดูจริงๆครับซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเลย แต่ถ้าใครยังแปลกใจผมจะบอกว่าถ้าใครเป็นแฟนสตาร์วอร์สและติดตามผลงานทั้งหนังการ์ตูนและนิยายจะทราบว่าเมซวินดูนั้นถือได้ว่าเป็นอาจารย์เจไดคนหนึ่งที่มีฝีมือเยี่ยมยุทธในประวัติศาสตร์ของการก่อตั้งสภาเจไดเลยครับ โดยวินดูนั้นสามารถเข้าถึงทั้งในเรื่องของพลังแลเพลงดาบตั้งแต่ยังหนุ่มจึงได้รับการคัดเลือกให้เข้ามาดำรงตำแน่งในสภาเจไดด้วยวัยประมาณ30ปีเท่านั้น (ถ้าไม่นับอนาคินซึ่งถูกพัลพาทีนจับมาเสียบก็มีวินดูนี่แหละที่อายุน้อยที่สุดแล้ว)

โดยนอกจากวินดูจะรอบรู้แลแข็งแกร่งในเรื่องของพลังแล้วในด้านเพลงดาบไลท์เซเบอร์เมซวินดูเองก็มีความเก่งกาจไม่แพ้กันครับ โดยท่วงท่าที่วินดูชอบใช้นั้นจะเรียกว่า"จูโย"ซึ่งในตำนานนั้นกล่าวกันว่ามีเจไดเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่เก่งฉกาจพอจะร่ำเรียนท่านี้ได้ เนื่องจากท่วงท่านี้ต้องใช้ทั้งกำลังแลความดุดันจึงมีโอกาสที่ผู้ใช้จะถลำลึกเข้าสู่ด้านมืดได้ง่ายขึ้นเหล่าเจไดจึงพากันเมินที่จะร่ำเรียท่านี้(ดาร์ธมอลล์เองก็ใช้ท่าจูโยครับ) ซึ่งในประวัติศาสตร์เจไดทุกคนที่เคยเรียนท่วงท่านี้ล้วนต้องลุ่มหลงเข้าสู่ด้านมืดทุกรายมีเพียงวินดูเท่านั้นที่สามารถใช้ได้โดยที่ไม่ถลำเข้าสู่ด้านมืดครับ แถมวินดูยังเอาท่วงท่าจูโยนี้มาพัฒนาสานต่ออีกกลายเป็นท่วงท่าใหม่ที่ชื่อ "วาปัด" ซึ่งเป็นการคิดค้นโดยได้แรงบันดาลใจมาจากตัววาปัดซึ่งเป็นสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่งในนิยายสตาร์วอร์สซึ่งสามารถเคลื่อนที่ได้รวดเร็วมาก ดังนั้นท่วงท่าวาปัดของวินดูจึงกลายเป็นท่าไลท์เซเบอร์ที่ดุดันแข็งกร้าวแลรวดเร็วจนหาคนเทียบได้ยากมากครับแม้กระทั่งซีเดียสเอง

2.ทหารโคลนนั้นถูกโปรแกรมคำสั่ง66ไว้ตั้งแต่ตอนเกิดแล้วครับโดยการโปรแกรมคำสั่งนี้เป็นเรื่องที่ลับมากซึ่งแม้แต่ชาวคามิโนเองก็ไม่ทราบว่าตนเองกำลังป้อนโปรแกรมอะไรเข้าไปให้พวกโคลนอยู่ โดยเรื่องมันเริ่มมาจากตอนที่ซีเดียสกำลังเริ่มดำเนินแผนการกวาดล้างเจไดอย่างลับๆหลังจากที่เสียดาร์ธมอลไปในศึกนาบู ภายหลังจึงได้ชักชวนดูกูให้ถลำสู่ด้านมืดสำเร็จแลสั่งการให้ดูกูไปทำการลอบสังหารอาจารย์เจไดไซฟ่าดิแอซเพื่อเป็นการพิสูจน์ตนเอง และที่ดูกูเลือกสังหารไดแอสก็เพราะว่าตอนนั้นดิแอซเกิดคิดอะไรแผลงๆที่จะไปติดต่อชาวคามิโนเพื่อที่จะสร้างกองทัพมาไว้ปกป้องสาธารณรัฐจากการรุกรานของข้าศึก ดาร์ธซีเดียสรู้เรื่องนี้เข้าจึงได้ไอเดียที่จะฮุบกองทัพมาเป็นของตนจึงใช้ให้ดูกูปลอมแปลงข้อมูลของดิแอสแล้วสวมรอยแทน

จากนั้นดูกูจึงใช้วิธีปลอมข้อมูว่าตนเองนั้นเป็นมาสเตอร์ดิแอสแลส่งไปให้ชาวคามิโนเพื่อทำการสร้างกองทัพโคลน (เวลานั้นชาวคามิโม่แทบไม่เคยพบไดแอสตัวเป็นๆครับเห็นแต่ในรูปเวลาส่งข้อความติดต่อกันเท่านั้นจึงไม่สงสัยเช่นกัน) จากนั้นดูกูก็ใช้ชื่อแลข้อมูลของดิแอสทำการสั่งให้บรรจุคำสั่งลับนี้ไว้ในหัวของโคลนทุกตน ซึ่งบางคนอาจจะสงสัยว่าอ้าว! แล้วทำไมชาวคามิโนถึงไม่บอกพวกเจไดล่ะว่ามีการใส่คำสั่งนี้ไว้ตอนสร้างด้วย คำตอบก็คือเพราะชาวคามิโนนั้นเขาขึ้นชื่อในเรื่องของการเป็นนักธุรกิจที่ดีครับ โดยพวกนี้จะรักษาความลับของลูกค้าตนเองอย่างยิ่งยวดและจะเปิดเผยก็ต่อเมื่อได้รับคำสั่งจากผู้จ้างเท่านั้น(ซึ่งในกรณีนี้คนจ้างคือไซฟ่าดิแอสตัวปลอมไม่ใช่เหล่าเจได) ดังนั้นความลับเรื่องคำสั่ง66จึงสามารถรอดพ้นจากการสังเกตุของเหล่าเจไดมาได้ครับ โดยหลังจากเหตุการณ์นั้นดูกูได้ทำการเก็บร่างของดิแอส(ซึ่งตายแล้ว)ไว้ในหลอดแช่แข็งครับ จนกระทั่งฝ่ายดรอยด์มีแผนจะสร้างนายพลกรีเวียสดูกูจึงนำเลือดจากร่างของดิแอสมาใส่ให้กรีเวียสพร้อมกับมอบไลท์เซเบอร์สีฟ้าของดิแอสให้กรีเวียสเป็นอาวุธคู่กายชิ้นแรกอีกด้วย

3.ที่ถามว่าทำไมเอาเจไดไปน้อยนั้นก็เพราะว่าวินดูมั่นใจว่าตนเองและเหล่ามาสเตอร์เจไดที่เอาไปด้วยนั้นสามารถรับมือกับซีเดียสได้ครับ แถมถ้าใครเคยดูสตาร์วอร์สโคลนวอร์ส(ฉบับการ์ตูนที่ยูบีซีเอามาฉาย)จะพบว่ามาสเตอร์แต่ละคนที่วินดูพาไปด้วยนั้นล้วนไม่ใช่กระจอกๆเลย แต่ละคนเคยมีผลงานที่โดดเด่นในสงครามมาแล้วแทบทั้งนั้น

อาทิเช่น"คิส ฟิสโต้"เจไดหัวปลาหมึกที่เคยนำทัพโลนต่อต้านการรุกรานของทัพดรอด์ที่ดาวคามิโนร่วมกับโอบีวัน หรือ"เซซีทีน"เจไดที่มีเขาเหมือนวัวนั่นก็เป็นมาสเตอร์เจไดชั้นสูงที่มีความโดดเด่นในเรื่องของพลังแถมยังเคยนำทัพโคลนยึดยานของดรอยด์ระหว่างการรบบนอวกาศเหนือคอรัสซังค์ได้ด้วย รึไม่ว่าจะเป็น"เอเจนท์ โคล่า"เจไดที่หน้าดำคนนั้นก็ได้รับการยอมมรับว่ามีฝีมือขึ้นชื่อลือชาในเรื่องของเพลงดาบเป็นอย่างมากเลยครับ

(May the Spoil be with you)
ขอสปอยล์จงสถิตย์อยู่กับท่าน

จากคุณ : เจไดหนุ่ม - [ 11 ก.ย. 50 03:00:31 ]

ความคิดเห็นที่ 16

เจไดหนุ่มขอตอบข้อสงสัยของคุณจขกท.ในความคิดเห็นที่11นะครับ เรื่องเกี่ยวกับวิชาที่เจไดใช้ถอดจิตวิญญาณตอนเสียชีวิต

ความจริงแล้ววิชานี้อาจารย์โยดาแลเหล่าเจไดนั้นไม่ได้เป็นคนคิดค้นขึ้นมานะครับ แต่ว่าคนที่นำวิชานี้มาเผยแพร่ก็คือ"มาสเตอร์ไควกอน จิน" เจไดที่เป็นอาจารย์ของ"โอบีวัน เคโนบี"ไงครับ

เรื่องมันเริ่มมาจากการที่เจไดนามไควกอนจินนั้นมีนิสัยรักอิสระชอบเดินทางแลไม่ยึดติดในกฏเกณฑ์ข้อปฎิบัติอันยุ่งยากของสภาเจไดมากเท่าไหร่(จะเรียกว่าเป็นเจไดซำเหมาก็ได้หุ หุ) แม้กระทั่งตอนที่เหล่าเจไดในสภาต่างพากันเห็นถึงความรู้ความสามารถของเขาจึงเสนอให้ไควกอนได้เข้ามานั่งในตำแหน่งมาสเตอร์แห่งสภาเจได แต่ไควกอนกลับทำสิ่งที่ไม่เคยมีเจไดคนไหนทำมาก่อนนั่นคือการปฎิเสธครับ ถูกแล้วครับเขาปฎิเสธตำแหน่งในสภาซึ่งเจไดจำนวนมากต่างพากันหมายปองแลเริ่มออกเดินทางท่องไปในระบบจักรวาลพร้อมพาดาวันน้อยนามโอบีวัน (ตอนนั้นโอบีวันยังอายุน้อยอยู่)

ไควกอนได้เดินทางออกช่วยเหลือผู้คนในดาวเคราะห์ต่างๆมากมายจนกระทั่งมาพบกับบรรดา"หมอผีชาววีลส์" ซึ่งหลังจากผ่านเหตุการณ์อันวุ่นวายไป(หาอ่านเรื่องพวกนี้ได้ในฉบับการ์ตูนครับมีขายที่ร้านหนังสือต่างประเทศตามห้างดังๆ) บรรดาหมอผีจึงตอบแทนไควกอนด้วยการตกลงจะสอนวิชาลับของพวกตนให้ซึ่งวิชานั้นจะเป็นการถอดจิตรึถอดวิญญาณของผู้ฝึกออกมาจากร่างได้ โดยไควกอนนั้นได้เริ่มร่ำเรียนวิชากับหมอผีพวกนั้นแลพบว่าวิชานี้สามารถนำมาประยุกต์ให้ผสานเป็นหนึ่งเดียวกับ"พลัง"ของเหล่าเจไดได้เป็นอย่างดีครับ แต่ด้วยมีปัญหาจากภายนอกแลถูกเรียกตัวโดยสภาเจไดไควกอนจึงไม่มีโอกาสร่ำเรียนวิชานั้นจนสำเร็จแต่ก็ได้ขอเคล็ดวิชาการฝึกจากบรรดาหมอผีกลับมาด้วย

กระทั่งเรื่องราวดำเนินผ่านไปอีกหลายปีจนมาถึงเหตุการณ์ในหนังภาคแรก ไควกอนพลาดท่าถูกดารธ์มอลล์สังหาร แต่ทว่าด้วยวิชาที่เขาฝึกนั้นยังไม่สมบูรณ์จึงทำให้สามารถถอดจิตมาพบปะผู้คนได้เพียงแต่เสียงเท่านั้นแต่ไม่สามารถสร้างมโนภาพเป็นรูปร่างเหมือนเมื่อครั้งที่ยังมีชีวิตได้

ซึ่งเหตุการณ์ที่ไควกอนมาปรากฏตัวนี้จะมีในหนังภาคสอง-สามด้วยครับ ภาคสองจะเป็นตอนที่อนาคินแค้นพวกเหล่ามนุษย์ทรายซึ่งสังหารแม่ของตนจึงชักเซเบอร์ออกมาไล่ฆ่าหมู่ ซึ่งถ้าเพื่อนๆจำกันได้จะมีเสียงหนึ่งทัดทานเขาไว้ว่า "อนาคิน อย่า!" ซึ่งนั่นเป็นเสียงของไควกอนครับ "เลียม นีสัน"มาพากย์เสียงให้ด้วยตนเองเลย

และภาคสามจะมีอยู่ฉากหนึ่งเช่นกันแต่ต้องดูจากฉบับดีวีดีที่มีฟีเจอร์พิเศษครับเพราะลูคัสทำการตัดฉากนี้ออกไป เป็นฉากที่หลังจากโยดาพ่ายแพ้ซีเดียสแลมาสงบจิตใจบนยานของท่านวุฒิเบล ออกาน่า ถ้าดูฉากที่ตัดไปจะมีเสียงของไควกอนจินออกมาแสดงความเสียใจที่โยดาไม่สามารถเอาชนะซีเดียสได้ แลไควกอนก็จะเสนอตัวสอนวิชาถอดจิตที่ตนเองได้ร่ำเรียนมาให้โยดาและโยดาก็จะยอมรับไควกอนเป็นอาจารย์ครับ (ลูคัสเห็นว่าอาจารย์ผู้ทรงภูมิอย่างโยดาไม่สมควรจะมานับถือไควกอนเป็นอาจารย์เลยหั่นฉากนี้ทิ้งไปตอนฉายครับ) แล้วเมื่อโยดาเรียนสำเร็จ (เรียนไวมากตอนท้ายภาคสามก็จะมาสอนโอบีวันแล้วหุ หุ) จึงนำวิชานี้มาถ่ายทอดให้โอบีวันเอาไปฝึกต่อโดยไม่ลืมบอกว่านี่เป็นวิธีที่โอบีวันจะได้พบกับสหายเก่านั่นก็คือไควกอนจินนั่นเองครับ

ส่วนเรื่องที่ดูกูแพ้อนาคินนั้นไม่ได้เป็นการแกล้งครับแต่แกแพ้จริงๆซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นแผนของซีเดียสที่ต้องการใช้ดูกูเป็นเหยื่อให้อนาคินสังหารซะจะได้ถลำลึกเข้าสู่ด้านมืดได้ง่ายเข้าครับ โดยนี่เป็นกฏพื้นฐานของการฝึกเป็นซิธครับซึ่งซิธฝึกหัดแต่ละคนนั้นกว่าจะสำเร็จวิชาได้นั้นต้องผ่านการทดสอบสุดโหดเหี้ยมหลายขแนงครับแต่สิ่งที่โหดที่สุดและถือว่าเป็นบทเรียนปิดท้ายนั่นก็คือซิธต้องสามารถกล้าที่จะสังหารอาจารย์ของตนเองได้ครับ

โดยถ้าดูในสารานุกรมสตาร์วอร์สหรืออ่านจากฉบับนิยายแลการ์ตูนจะพบว่าเพียงแค่ซิธนั้นสามารถเอาชนะอาจารย์ของตนในการต่อสู้ได้ก็ดี สามารถฆ่าอาจารย์ของตนหรือเหล่าเจไดได้ก็ดี หรือว่าเอาชนะไม่ได้แต่จิตใจสามารถเข้าถึงแก่นแท้ของคำว่าฆ่าก็ดี(ประมาณว่ากูอยากจะฆ่าเอ็งแน่ๆเช่นดาร์ธมอลล์ตอนประมือกับซีเดียสเป็นต้น) ผู้นั้นจึงจะสำเร็จเป็นซิธโดยสมบูรณ์ครับ ซึ่งตัวอย่างของซิธล้างครูที่ดังๆก็จะมี "เอ็กซาร์คุณ"ซึ่งเป็นซิธลอร์ดผู้ทรงอำนาจที่โด่งดังมากในยุคโบราณซึ่งเป็นคนคิดค้นไลท์เซเบอร์สองคมแบบที่ดาร์ธมอลล์ใช้ จนตอนหลังเหล่าเจไดต้องรวมพลังกับทหารของสาธารณรัฐเพื่อทำสงครามขนานใหญ่จึงสามารถเอาชนะกองทัพของเอ็กซาร์คุณลงได้

รึว่าที่เพื่อนๆน่าจะรู้จักก็มี"ดาร์ธซีเดียส"ที่ลงมือสังหารอาจารย์ของตน"ดารธ์เพลเกียส"ตอนกำลังหลับ "เคาทน์ดูกู"ที่สังหารเพื่อนสนิทของตน"มาสเตอร์ไซฟ่า ดิแอส" "อนาคิน สกายวอคเกอร์"ที่ลงมือสังหารดูกูอย่างเหี้ยมโหดแลช่วยซีเดียวสังหารวินดูด้วยการตัดแขนเป็นต้นครับ

ส่วนเรื่องเวเดอร์ปล่อยสายฟ้าได้รึเปล่านั้นต้องตอบว่าไม่ได้ครับเนื่องจากวิชาสายฟ้าของเหล่าซิธนั้นจำเป็นต้องใช้กำลังจากกล้ามเนื้อแล"พลัง"สร้างไฟฟ้าขึ้นมาจริงๆ ดังนั้นร่างของเวเดอร์ที่เป็นเครื่องจักรทั่งตัวจึงปล่อยสายฟ้าไม่ได้ครับเพราะไฟฟ้าจะไปรบกวนระบบการทำงานของเครื่องจักร (ดูตอนจบภาค6สิครับที่เวเดอร์มาช่วยลุคซึ่งโดนช็อตตั้งนานยังไม่ตาย แต่พอตัวเองโดนซีเดียสเอาสายฟ้าช็อตใส่แป๊ปเดียวก็ซี้ม่องเซ็กเลยหุ หุ)

แต่เวเดอร์นั้นถึงปล่อยสายฟ้าไม่ได้แต่เขาก็มีสิ่งอื่นทดแทนกันครับคือความแกร่งในพลังซึ่งแทบจะไม่มีผู้ใดต้านติด แลจากการที่ร่างกายของตนนั้นเป็นเครื่องจักรแทบทั้งตัวไอ้การที่จะมาห้อยโหนโจนทะยานกระโดดตีลังกาวุบวับไปมาเหมือนสมัยหนุ่มนี่ก็เป็นไปไม่ได้ครับ เวเดอร์จึงแก้ลำด้วยการสร้างไลท์เซเบอร์ที่สามารถยืดหดความยาวของใบดาบได้เพียงแค่กดปุ่ม แถมยังนำเอาท่วงท่าไลท์เซเบอร์ซึ่งตนเองเคยร่ำเรียนสมัยที่เป็นเจไดมาหลอมรวมกันจนกลายเป็นท่วงท่าใหม่ซึ่งเหมาะสมกับหุ่นยนตร์ที่เชื่องช้าแบบตน โดยท่วงท่าเซเบอร์ของเวเดอร์นั้นดูภายนอกจะอืดอาดยืดยาดแต่ว่าในแต่ละดาบที่หวดลงไปนั้นล้วนแฝงไว้ด้วยความหนักแน่นแลดุดันจนสามารถปลิดปลงสังหารเหล่าเจไดผู้หนีรอดไปเป็นจำนวนมากหลังสงครามโคลน (หลังจบภาค3เวเดอร์นำกองพัน501ซึ่งบุกวิหารเจไดมาเปลี่ยนชื่อใหม่เป็นเวเดอร์ฟิสต์รึกำปั้นของเวเดอร์ เพื่อออกตระเวณล่าล้างเหล่าเจไดที่รอดชีวิตจากคำสั่ง66ไปทั่วทั้งจักรวาล ซึ่งเพื่อนๆสามารถหาอ่านเรื่องราวตอนนี้ได้จากสตาร์วอร์สฉบับนิยายครับ)

(May the Spoil be with you)
ขอสปอยล์จงสถิตย์อยู่กับท่าน

จากคุณ : เจไดหนุ่ม - [ 12 ก.ย. 50 00:07:45 ]