CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    [[[ ดูแล้วมาคุยกัน ... โอปปาติก = โจโจ้ ล่าข้ามศตวรรษ +ปรัชญาเชิงพุทธ +เลือดสิบแกลลอน = ของดีแต่ผสมไม่กลมกล่อม ]]]

      ชอบมาก ห้ามพลาด (6 คน)
      ชอบ (19 คน)
      เฉยๆ (10 คน)
      ไม่ชอบ (10 คน)
      ไม่ชอบมาก เสียดายตังค์ (13 คน)

    จำนวนผู้ร่วมโหวตทั้งหมด 58 คน

     10.34%
     32.76%
     17.24%
     17.24%
     22.41%


    ...เลือกอ่านบทความนี้พร้อมรูป และ ความเห็นจากเพื่อนๆท่านอื่นๆที่น่าสนใจ + เชิญชวนมาแสดงความเห็นเพิ่มเติมที่ http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=aorta&month=10-2007&date=25&group=14&gblog=40

    ... โอปปาติก ทำให้หลายๆคนนึกถึงหนังเรื่อง x-men ที่รวมพลคนมีความสามารถพิเศษ ส่วนผมนั้นจะเหมือนกับอีกหลายคนที่นึกถึงการ์ตูนชุด โจโจ้ ล่าข้ามศตวรรษ เสียมากกว่า ที่ตัวละครจะมีร่างพิเศษในตัวเองเป็นเหมือนความสามารถพิเศษที่ได้มาหลังจากถูกยิงด้วยลูกศร ซึ่งถ้าไม่ตายก็จะได้มาซึ่งความสามารถพิเศษที่เรียกว่า สแตนด์ เช่น การหยุดเวลาได้ , การอ่านใจได้ ฯลฯ

    โอปปาติก คือ อีกชีวิตหนึ่งที่รอดหลังการฆ่าตัวตาย ซึ่งไม่ใช่ว่าทุกคนจะมีตามมา เพราะบางคน(ในหนัง)ก็อาจตายไปจริงๆ อดห่วงไม่ได้ว่า เด็กเล็กๆดูหนังเรื่องนี้ไม่จบหรือดูไปหลับไปขาดการชี้แนะ จะจำๆไปแค่ว่า ถ้าอยากเท่เหมือนพี่เต๋า ก็ไปหยิบปืนพ่อมายิงตัวเองจะได้เป็น โอปฯ ใส่เสื้อหนังเท่ๆ ทั้งที่เจตนาของหนังเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า

    การฆ่าตัวตายนั้นหาใช่การหลุดพ้นหรือสามารถสลัดทุกข์ออกไป เพราะในเรื่อง เราจะไม่เห็น โอปปาติก ตนไหนมีความสุขเลยแม้แต่คนเดียว


    คนที่มีอำนาจมากมาย มีทรัพย์สมบัติล้นพ้น มีกองทัพในมือ แต่ ต้องทุรนทุรายทุกข์กับการอยากเป็นอมตะ เพราะคิดว่า การเป็นอมตะจะทำให้ชีวิตสมบูรณ์แบบ

    คนที่เป็นอมตะ แต่ กลับพบว่า ความเป็นอมตะคือความทุกข์แท้จริงที่แสนทรมาน

    คนที่สูญเสียคนรักเพราะการฆาตกรรม แต่ มีชีวิตที่เหลืออยู่ด้วยการฆ่าคนอื่นต่อไป มีชีวิตจมอยู่กับความแค้น รู้จุดตายคนอื่นแต่พอฆ่าคนอื่นตัวเองต้องเจ็บปวดกับบาดแผลที่ทำร้ายเขา

    คนที่อยากรู้อยากเห็น แล้วก็ได้มาซึ่งอำนาจที่สามารถรู้เห็นจิตใจคนอื่น แลกกับการสูญเสียการรับรู้ของตัวเองทีละน้อย

    คนที่ไม่พอใจในสิ่งที่ตัวเองเป็น พยายามทำตัวร้ายๆเพื่อให้ความชั่วร้ายครอบงำ กับ คนที่กลางวันอ่อนแอแต่กลางคืนโหดร้าย และ สับสนว่าตัวตนใดกันคือส่วนเกินของตัวเอง

    ...พวกเขาถูกชักนำให้มามีความเกี่ยวข้องกัน โดยมี หนึ่งสาวปริศนาที่เกี่ยวพันกับทุกชีวิต และ หนึ่งคนธรรมดาที่คอยตามล่าโอปปาติก


    ...สิ่งที่ต้องแยกออกจากกันก่อน ความตั้งใจจริงอันน่าชื่นชมของผู้สร้างที่กล้าจะสร้างหนังให้มีความแตกต่างจากสูตรสำเร็จของตลาดหนังไทยบ้านเรา กล้าที่จะทุ่ม และ อาจจะเรียกว่าเป็นความทะเยอทะยานที่น่าชื่นชมในการหยิบยก คำสอนในพุทธศาสนามาประยุกต์ใช้เป็นความสามารถพิเศษตัวละคร ซึ่งถ้าไม่ลืมกันไปก่อน เราก็เพิ่งมีหนังที่หยิบยกปรัชญาคำสอนจากศาสนามาเป็นหนังไทยดีๆที่ชื่อ อหิงสา จิ๊กโก๋มีกรรม

    ความตั้งใจดี คือ สิ่งที่น่าให้กำลังใจ และ เห็นด้วยที่สมควรได้รับการสนับสนุน เพราะ หนังก็มีอะไรดีๆอยู่ไม่ใช่งานที่ทำแบบลวกๆ แต่เมื่อแยกความตั้งใจและจุดดีๆในหนัง ก็ปฎิเสธไม่ได้ว่า หนังเรื่องนี้มีปัญหาอยู่ในตัวมาก ความตั้งใจของผู้สร้างไม่ทำให้ผมสนุกคล้อยตามไปกับหนัง ผมสนุกไปกับหนังแค่ช่วงต้นเรื่อง แต่หลังจากนั้น เมื่อหนังเริ่มวนเวียนอยู่กับการฆ่า ผมเองก็เหนื่อยและปวดหัวกับหลายๆอย่างที่จะกล่าวถัดมา และ นำไปสู่บทสรุปของการเป็นหนังไทยที่น่าผิดหวัง ทั้งที่ ทรัพยากรพื้นฐานหลายๆอย่างในหนังเรื่องนี้ ถ้าฟูมฟักดีๆไม่รีบร้อนสร้างออกมา น่าจะได้เป็น หนังปรัชญาไซไฟชั้นเยี่ยม



    ...ตัวหนังเรื่องนี้จะว่าไปก็เหมือนเหล่า โอปปาติก ในเรื่อง ที่มี จุดแข็ง แต่ในทุกๆจุดแข็งก็ล้วนมี จุดอ่อน

    1. จุดแข็ง ตรงที่บทหนังพยายามใส่ความซับซ้อนล่อหลอกคนดู มีเซอร์ไพรส์หลอกให้ประหลาดใจ แต่ จุดอ่อน คือ การลำดับเรื่องราว เพราะ ผมเข้าใจว่า หนังตั้งใจที่จะพยายามหมกเม็ดซ่อนจุดหักมุมเพื่อเซอร์ไพรส์ถึง สแตนด์ของตัวร้ายในตอนจบ จึงพยายามเลี่ยงๆหรือไม่พูดทิ้งหลายเหตุการณ์ให้เป็นปริศนา สิ่งที่ตามมาคือ ความงุนงงของคนดูในเหตุผลของการกระทำในแต่ละตัวละคร เกือบครึ่งเรื่อง เช่น ทำไมคนนั้นจะฆ่าคนนั้น แล้วทำไมจะฆ่าผู้หญิงคนนี้ทั้งที่เมื่อกี้เพิ่งบอกเหมือนกับให้ปกป้อง ฯลน ไม่แปลกใจเลยว่า ทำไมถึงจำเป็นต้องมี voice over โดยตัวละครพงพัฒน์แทบตลอด เพราะถ้าไม่มีหนังจะดูไม่รู้เรื่องหนักเข้าไปอีก

    หมายเหตุ : ความพยายามหมกไต๋บางอย่างมันก็ดูไม่เนียนนัก เช่น ตอนที่ เต๋า-อมตะ บอกผองเพื่อนเพื่อเฉลยในตอนใกล้จบที่ว่า กรูก็ว่าจะบอกอยู่แล้วแต่มันยากเกินอธิบาย (ผมนั่งคิดในใจราวกับเป็นหนึ่งในโอปปาติกที่อยากตะโกนด่ากลับไปว่า แล้วมรึงทำไมไม่บอกชัดๆซะตั้งแต่ต้น มัวแต่พูดอมพะนำกำกวม แค่บอกว่า ... มันยากตรงไหน )

    2. จุดแข็ง คือ การสร้างตัวละครให้เท่ดูดี เพราะ หนังแนวนี้สร้างผิดเพี้ยนไปมีสิทธิทำให้พวกเขากลายเป็นตัวตลก แต่ จุดอ่อน คือ ความเท่มากเกินไปในเสื้อหนัง ในบุคลิกที่ก๊อปกันมาเหมือนมีอยู่แพทเทิร์นเดียว มันหลุดความเป็นคนทั่วไป หรือจะเป็น ฉากเอาปืนจ่อกันแล้วหมุนตัวสามร้อยหกสิบองศาก็มีจนเฟ้อ หนังทั้งเรื่องแทบไม่มีคนปกติธรรมดา พอจะมี คนธรรมดาอย่างพงษ์พัฒน์ก็ดูไม่เหมือนคนทั่วๆไปอีกต่างหาก โลกในหนังเรื่องนี้หลุดออกไปจากโลกปกติเสียยิ่งกว่า x-men หรือ โจโจ้


    3. จุดแข็ง  คือ บทหนังพยายามบอกที่มาของตัวละคร แต่ไม่รู้ว่าด้วยเวลาจำกัดหรือเหตุอื่น จุดอ่อน คือ ที่มาของตัวละครกลับมีแค่ของ ชาคริต ที่ดูพอจะมีพื้นหลังให้เราสัมผัสได้ ส่วนคนที่เหลือกลับเป็นเหมือนตัวละครที่แบนราบ ไม่มีที่มาที่ไป และ นั่นทำให้ ฉากที่ อธิป บอก เรย์ ว่า ยังไงชั้นก็ไม่ทิ้งแก คนดูอย่างผมก็ได้แต่งงว่ารักกันมากมาแต่ไหน ให้อารมณ์ประมาณ เพื่อน กรูรักมรึงวะ คล้ายๆกับความสัมพันธ์ของ นิรุตติ์ และ พงษ์พัฒน์ ในเรื่อง


    4. จุดแข็ง   หนังเต็มไปด้วยข้อคิดที่แฝงอยู่ในคำพูดตัวละคร แต่ จุดอ่อน คือ มันมากเกินไป เช่น ข้าอยากให้นรกในใจท่าน วันวานที่อดีตนั้นตายจาก บลาๆๆ ฯลฯ คือ ถ้าพูดจาปกติธรรมดาสลับบ้างก็ได้ แต่ แทบทุกคำพูดที่เข้าหูมันอุดมไปด้วยคำสอนและภาษาสวยๆเท่ๆปรัชญามากล้น ดูไปคิดไปจนปวดหัว ลองนึกถึงหนังแอคชั่นไซไฟที่มีปรัชญาจ๋าๆแบบ The Matrix ก็ใช่ว่าพวกเขาจะสนทนาภาษาปรัชญาทั้งเรื่อง (ยกเว้นไว้ตอนคุณลุงเคเอฟซีที่มาพ่นภาษาปรัชญาในฉากใกล้จบภาคสอง)



    5. จุดแข็ง  หนังวางคาแรคเตอร์ได้ดี สร้างสแตนด์หรือความสามารถพิเศษไว้มีรายละเอียดน่าสนุก แต่ จุดอ่อน พอถึงท้ายที่สุดพวกเขาทั้งหลายก็กลายเป็นแค่สัตว์ร้ายบ้าเลือด แถมดูจะเป็นอมตะพอๆกันแทบทั้งนั้น ความสามารถเฉพาะตัวแต่ละคนที่ร่างไว้ในทีแรกใช้ไม่คุ้มเอาเสียเลย ตัวละครอย่าง เรย์-สองคนในร่างเดียว น่าจะเล่นกับความอ่อนแอที่เป็นจุดอ่อนกับความโหดเหี้ยมได้สนุกกว่านี้ เล่นกับความสับสนในตัวเองได้ดีกว่านี้ จนอดคิดแทนว่า หนังน่าจะสร้างความสามารถให้กับตัวละครที่น่าสนใจแบบ เยียวยาบาดแผลคนอื่นได้ หรือ หยุดเวลาชั่วขณะ เพื่อเล่นกับลูกเล่นเหล่านี้ ไม่ใช่ มีแต่พวกบ้าพลังคลั่งเลือด

    6. จุดแข็ง   แรกๆผมชมในใจว่า ฉากแอคชั่นทำได้ดี แต่ จุดอ่อน มาจากการเลยเส้นของความพอดี เมื่อหนังพยายามประดังประเดเทเลือดในโกดังออกมาเป็นแกลลอน และ มันก็เริ่มซ้ำๆกับการเชือด แทง ปาด คว้าน เฉือน เร็วๆในมุมมืดๆ จนล้นเอียน เวียนหัว และ เหนื่อยหน่ายกับการฆ่าเป็นว่าเล่นเหมือนผักปลา จนฉากแอคชั่นช่วงหลังๆมันดูธรรมดาน่าเบื่อแทนความปลื้มในตอนต้น



    ... ผมชอบผลงานของผู้กำกับคนนี้จากเรื่องที่แล้ว(Fake) มากกว่าเรื่องนี้ โอปปาติก เหมือนหนังที่ทีมงาน ใส่ใจในรายละเอียด เช่น ชื่อตัวละครที่มีความหมาย ไดอะล้อคที่แฝงสาระ ความสามารถตัวละครที่น่าสนใจ ฯลฯ มีงานด้านเทคนิกที่สอบผ่านสบายๆ มีงานแสดงที่พอใช้ได้( เรย์ เป็นคนที่เล่นน่าประทับใจที่สุด) แต่ เหมือนทีมงานจะใส่ใจในรายละเอียด โดยไม่มองภาพรวมเมื่อนำทุกๆอย่างมารวมกัน

    สรุป ...มีทั้งส่วนที่ชอบและไม่ชอบ แต่โดยรวมแล้ว ไม่สนุกเท่าไหร่ ออกจะเวียนหัวมึนๆ เพราะ คำพูดและฉากฆ่ากันมืดๆทั้งหลาย

    คิดว่า ถ้าหนัง

    ลดทอนบทพูดเท่ๆ
    ลดทอนบุคลิกเท่ๆ
    ลดทอนคำพูดที่ชวนเวียนหัว
    ลดทอนบทเรียนคำสอนที่อยากจะมอบให้
    ลดทอนฉากฆ่ากันแบบบ้าเลือดจนล้นเละเทะ


    เพิ่มที่มาที่ไป
    เพิ่มเหตุผลให้คนดูเข้าใจบ้าง
    เพิ่มความปกติธรรมดาให้อยู่ในหนังบ้าง



    หนังคงจะน่าประทับใจกว่านี้เยอะ

    ป.ล. love องศาที่ 361 ออกไม่ทันงานมหกรรมหนังสือฯนะครับ คงจะเลื่อนไปเป็นช่วงกลางๆเดือนพฤศจิกาฯ อย่าเพิ่งกระเป๋าแบนจากงานกันไปก่อนเน้อ เหลือซักร้อยกว่าๆรอเจอ   องศาที่ 361 ที่ร้านหนังสือใกล้บ้านท่านนะค้าบ



    haha ดู(อ่าน)หนัง(สือ) ให้ข้อคิด ชวนคุณคลิกไปอ่าน ไปคุย และ ร่วมเป็น 1 ความคิดเห็นในหนังที่คุณเคยดู ที่ http://aorta.bloggang.com

    สองวัน สองความผิดหวัง สองหนังไทย : 1. โถ วิดิโอคลิป
    http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=aorta&month=10-2007&date=24&group=14&gblog=39

    บอดี้ ศพ #19 , ภาพสวยหลอกตา เนื้อหาหลอกดี CGหลอกเกิน
    http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=aorta&month=10-2007&date=05&group=14&gblog=36

    12 เกมสยาม +13 เกมสยอง , มันไม่ใช่แค่เกม
    http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=aorta&month=10-2006&date=14&group=1&blog=1

    แฝด , เข้าใจพิม เข้าใจพลอย เข้าใจ"แฝด"
    http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=aorta&group=1&month=04-2007&date=02&gblog=229


    Season changes , เมื่อ"เพื่อนสนิท"กลายมาเป็น"แฟนฉัน"ในวันที่"อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย"
    http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=aorta&month=09-2006&date=08&group=1&blog=1


    รักคุณ ขอฝาก"หนังสือรัก" พ็อกเก็ตบุ้ค ที่หยิบยกความรักและความสัมพันธ์ในภาพยนตร์ มาช่วยให้คุณเข้าใจตัวเองและคนรอบข้าง ได้มากขึ้นและลึกซึ้งกว่าเดิม โดย "ผมอยู่ข้างหลังคุณ"ค้าบ

     
     

    จากคุณ : "ผมอยู่ข้างหลังคุณ" - [ วันออกพรรษา 09:44:43 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | PanTown.com | BlogGang.com