|
รีวิวรักแห่งสยาม - รักในมุมมองคนผ่านโลก
เคยไหม ที่คุณไม่สมหวังในความรัก เคยไหม ที่คุณแอบรักคนใกล้ตัว เคยไหม ที่คุณยังคงไม่ทิ้งความหวัง และเชื่อมั่นในความรัก เคยไหม ที่คุณรอคอยใครสักคนมาลบความเหงาออกไปจากใจ และเคยไหม ที่คุณไม่รู้ว่า ความรักคืออะไรกันแน่
หนังรัก ดราม่า เนื้อหาหนักอีกเรื่องหนึ่ง ที่ได้หยิบยกสิ่งที่ค้นหาคำตอบได้ยากที่สุดขึ้นมาเป็นธีมของหนัง รักแห่งสยาม ได้แสดงถึงมุมมองที่มีต่อความรัก ได้แบบผู้ที่ผ่านโลก ผ่านมุมมองความรักในแบบต่างๆมามากมาย เนื้อเรื่องดำเนินไปภายในบทบาทของ 2 ตัวละครหลัก โต้งกับมิว เพื่อนรักในสมัยเด็ก คนหนึ่งแวดล้อมไปด้วยความรักมากมายจากคนรอบตัว ซึ่งบางทีก็มากจนอึดอัด อีกคนหนึ่ง มีเพียงแสงสว่างในชีวิตแค่อาม่า และเมื่อวันหนึ่ง อาม่าได้จากไป เค้าก็ไม่เหลือใครอีก
เรื่องมันเริ่มจาก มิว เด็กที่อยู่กับอาม่า และได้รับอิทธิพลทางดนตรีของอาม่า จนกลายเป็นคนที่มีความสามารถทางดนตรีสูงตั้งแต่ยังเด็ก เค้าอยู่กับอาม่าเพียง 2คนที่กรุงเทพ มีเพื่อนข้างบ้านชื่อโต้ง ซึ่งโต้งมีพี่สาวชื่อแตง เด็ก2คนนี้ผูกพันธ์กัน แบบที่คุณเคยผูกพันกับเพื่อนสมัยดีดลูกแก้วนั่นแหละ ไปไหนไปด้วยกัน เล่นด้วยกัน กินนอนด้วยกัน เพราะว่าทั้ง2มีเพื่อนวัยเดียวกันอยู่แค่นี้
จนวันหนึ่ง เมื่อครอบครัวของโต้งกลับจากการเที่ยวเชียงใหม่ ครอบครัวนี้ก็ต้องสูญเสีย แตง ไปจากการหลงป่า กร ผู้เป็นพ่อ โทษตัวเอง ที่เป็นสาเหตุของเรื่องทั้งหมด และหันไปพึ่งพิงเหล้า สุนีย์ ผู้เป็นแม่ กลายเป็นผู้ที่ต้องค้ำจุนครอบครัว แต่เธอเป็นผู้หญิง ดังนั้นในลึกๆแล้ว เธอเจ็บปวด และอ่อนแอ แต่เธอต้องอดทน เพื่อครอบครัวอันเป็นที่รัก วันคืนผ่านไป แตงก็ไม่กลับมา จนในที่สุด ครอบครัวนี้ก็ต้องย้ายจากไป เพราะไม่สามารถทนต่อภาพในอดีตที่คอยทิ่มแทงได้ และนั่นคือการที่โต้ง และ มิว ต้องจากลากัน ทั้ง2ต้องเสียเพื่อนที่มีเพียงหนึ่งเดียวไป
จนเวลาผ่านไป5ปี มิวโตเป็นหนุ่มนักดนตรีหน้าใหม่ไฟแรง มีเพลงฮิตติดชาร์ต ส่วนโต้งก็โตเป็นหนุ่มเนื้อหอม ทั้ง2 ได้มาพบกันโดยบังเอิญในสยาม และเริ่มรื้อฟื้นความสัมพันธ์ที่ขาดหายไป โต้งเองนั้น มีแฟนสาวชื่อโดนัท แต่ความรักของทั้ง2จืดจางลง เพราะโต้งก็ไม่รู้ว่าทำไมเค้าถึงรักโดนัทน้อยลง ส่วนมิวเอง เมื่ออาม่าจากไป ก็ไม่มีใครอีกแล้ว มีเพียงความเหงาอยู่เคียงกาย โดยไม่รู้ว่ามี หญิง เพื่อนบ้านที่ย้ายมาแทนโต้งแอบชอบอยู่
วันหนึ่ง มิวได้แนะนำให้โต้งได้รู้จักกับ จูน ผู้จัดการวง ออกัส ของมิว ผู้มีหน้าตาละม้ายกับ แตง โต้งจึงได้ให้แม่จ้างแตงไปรักษาอาการติดเหล้าและหลงลืมของพ่อ พ่อก็อาการดีขึ้นตามลำดับ เหมือนกับความสัมพันธ์ของโต้งกับมิว ที่ทั้ง2เป็นส่วนเติมเต็มให้กันและกัน มิว คือคนที่เห็นคุณค่าของโต้ง และเข้าใจในตัวโต้งมากที่สุด ส่วนโต้ง คือคนที่เข้ามาลบความเหงาออกไปจากใจของมิว แต่ทั้ง 2 ได้เกินเลยขอบเขตของเพื่อนเข้ามาแล้ว
จนวันหนึ่ง กรได้จัดงานปาร์ตี้ต้อนรับแตงกลับสู่บ้าน เมื่องานจบลง ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ ก็ได้เกินเลยไปกว่าเพื่อน แต่โชคร้าย ที่ สุนีย์ได้มาเห็นเข้า วันรุ่งขึ้น เธอจึงไปพูดกับมิว ให้ยุติความสัมพันธ์ทั้งหมดของมิงกับโต้ง เมื่อโต้งรู้ เค้าไปหามิว แต่มิวเข้าใจในเหตุผลของสุนีย์ โต้งเกิดมาเพื่อเติบโตต่อไปตามที่ควรจะเป็น มิวจึงไม่พบโต้งอีกเลย ซึ่งโชคร้ายที่หญิงก็ได้รับรู้ความสัมพันธ์ของโต้งกับมิว เธอจึงสูญเสียรักแรกไปอย่างเจ็บช้ำ แต่เธอยังคงมีหวัง
เวลาผ่านไป โต้งและมิวก็ยังไม่เข้าใจกัน โต้งสับสนในตัวเอง สับสนที่ว่า ความรักคืออะไร เค้าควรที่จะรักใคร และเศร้าที่ความสับสนของตัวเองทำให้คนรอบข้างต้องเจ็บปวด จนเมื่อถึงงานวันคริสมาสต์มาถึง วงออกัสได้ขึ้นเวทีร้องเพลงที่ลานสยามเซ็น โต้งไปพบกบโดนัท เพื่อจะบอกว่า เราคงไปกันไม่ได้ และโต้งก็ไปดูการแสดงของมิว เมื่อเพลงจบลง โต้งเดินจูงมือหญิงไปที่หน้าเวที แต่หญิงก็สลัดมือออก และจากไป
โต้งไปพบกับมิวเพื่อบอกว่า "เราคงเป็นแฟนกับมิวไม่ได้ แต่ไม่ได้หมายความว่า เราไม่รักมิวนะ" และได้มอบของขวัญชิ้นที่หายไปในวัยเด็กให้แก่มิว และนั่นคือจุดสุดท้ายของเรื่องทั้งหมด
หนังเรื่องนี้ คงไม่สามารถปฏิเสธได้ว่ายืนอยู่บนเรื่องราวความรักของเพศที่ 3 แต่นั่นมันก็แค่ส่วนนึงของหนัง สิ่งที่หนังเรื่องนี้หยิบยกมาพูดได้อย่างสวยงามคือมุมมองของความรักต่างหาก ความรักอาจจะเป็นเพียงความโก้หรู ที่ต้องมีไว้อวด สำหรับบางคน ความรักคือการเข้าใจ และยอมรับในตัวของเขา สำหรับบางคน ความรักคือการให้ การดูแล และการคาดหวัง สำหรับบางคน ความรักคือการได้เพียงมอง แค่เห็นเธอมีความสุขก็ดีใจ สำหรับบางคน
การบอกเล่ามุมมองที่มีต่อความรักนี้ ได้ใส่เข้าไปในอุปนิสัยของตัวละครต่างๆอย่างชัดเจน มิว ที่ความรักคือการอยู่เคียงข้างและคอยเข้าใจ เมื่อสูญเสียอาม่าไป เค้าก็ไม่มีใครเลยในชีวิต มีเพียงความอ้างว้างเดียวดาย กับเงาในอดีตที่อยู่ในใจ และเมื่อวันหนึ่ง เงาในอดีตที่เคยหายไป เพื่อนที่ กิน เล่น นอนด้วยกันมาแต่เด็ก ได้ปรากฏตัวอีกครั้งต่อหน้าเค้า จึงไม่แปลกเลยที่มิวจะเห็นโต้งเป็นแสงสว่างหนึ่งเดียวในชีวิต และไม่ยากนักที่จะตกหลุมรักโต้งไปอย่างง่ายดาย และเมื่อสูญเสียโต้งไป ก็เหมือนมิวสูญเสียแสงสว่างไปอีกครั้ง
โต้ง ความรักคือความสบายใจ เพราะเค้าเติบโตมาภายใต้การเลี้ยงดูที่เข้มงวดของแม่ และความเอาแต่ใจของแฟนสาว เค้าไม่เคยได้รับความรักแบบสบายๆเลย ทุกคนขีดเส้นตีกรอบเค้า และบอกว่า นี่คือความรัก แม้มันจะทำให้เขาอึดอัดเพียงใดก็ตาม จนเมื่อได้เจอเพื่อนที่เสียไปตอนเด็ก โต้งก็ได้ความสบายใจกลับมา คิดถึงคืนวันที่เล่นด้วยกัน นอนด้วยกัน ไม่มีคนตีกรอบมากนัก และไม่มีความกังวลใจอะไรมากมาย มีแต่ความสบายใจเมื่ออยู่ด้วยกัน โต้งเป็นตัวอย่างของคนที่สับสนในความรัก แต่เรียกอย่างนั้นอาจจะไม่ถูก เพราะความรักไม่มีถูกผิด เค้ารักมิว และแสดงออกในสิ่งที่ วัยรุ่น โดนผลักดันจากธรรมชาติพึงกระทำ แต่เค้าก็ไม่ได้สนใจอะไรนัก ในเมื่อเค้าสบายใจที่อยู่กับมิว เพียงแต่ความรักของเค้า ทำให้ใครๆต้องเสียใจ เพราะสิ่งที่คาดหวังไว้กับตัวเค้ามันพังทลายลง
สุนีย์ ความรักคือการดูแล เอาใจใส่ และจะไม่ยอมสูญเสียไป เธอเจ็บช้ำกับการสูญเสียลูกสาวไป สูญเสียสามีที่คอยประคับประคองกันไปกับเหล้า แต่เธอจะไม่ยอมสูญเสียลูกชายไปอีก เธอทำทุกอย่าง เลือกทุกอย่างที่คิดว่าดีสำหรับโต้ง ไม่ยอมให้โต้งออกไปจากเส้นทางที่เธอได้เลือกให้เดิน เพราะเธอคิดว่านี่คือสิ่งที่ดี ที่เหมาะที่สุดกับลูกชายของเธอ ทั้งหมดเกิดจากความรักที่เธอทุ่มเทให้กับโต้ง แม้ว่ามันจะทำให้โต้งต้องอึกอัดก็ตาม จึงไม่แปลกที่เธอจะพยายามดึงลูกชายกลับเข้ามาในกรอบ ในทางเดินที่เธอขีดไว้ แม้มันจะทำให้ใครเจ็บปวดก็ตาม
นอกจากในตัวละครแล้ว ฉากต่างๆในหนัง ยังเกี่ยวข้องกับการบอกเล่าถึงความรักที่มีอยู่รอบๆตัวเรา แต่เราไม่รู้อยู่ ฉากที่น่าประทับใจมากๆฉากหนึ่งก็คือ ฉาก ข้าวแข็ง แกงเก่า เป็นฉากที่สุนีย์เอาข้าวมาให้กรทานตอน8โมงเช้า แต่กรไม่ยอมทาน จนเวลาล่วงเลยจนเที่ยง สุนีย์ก็กลับมาบ้านอีกครั้ง เพื่อเอาแกงและข้าวชุดใหม่มาให้กรทาน และตัวเองยกถาดเก่าไป กรเดินตามไปดู ภาพที่เห็นคือ สุนีย์นั่งกินข้าวและแกงที่เย็นชืด ตลอดเวลา5ปีที่ผ่านมา สุนีย์จะกลับมาตอนเที่ยง และยกถาดใหม่มา ยกถาดเก่าไป เธอไม่ได้ลืมของแบบที่กรคิด แต่เธอกลับมาเพื่อให้กรได้กินกับข้าวอุ่นๆ แม้ว่าตัวเองจะต้องนั่งกินแกงเย็นชืดจากเช้าก็ตาม
ความรักคือการเอาใจใส่กัน ดูแลกัน และไม่ทิ้งกันยามทุกข์ยาก แม้ว่าจะทะเลาะกันเพียงใด แม้ว่าจะเจอกับพายุอะไร แต่ความรักของสุนีย์ที่มีต่อกรก็ยังมั่นคง ไม่ทิ้งไปไหน พร้อมจะเคียงข้างและฝ่าฟันไปกับกร
ส่วนฉากไคลแมกซ์ของเรื่อง ฉากที่โต้งมาบอกลามิว เราคงเป็นแฟนกับมิวไม่ได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าเราไม่รักมิวนะ น้อยนักที่เราจะได้เห็นรูปแบบความรักแบบนี้ มันคือความรักที่มีต่อตัวบุคคลจริงๆ โดยไม่ได้ตัดสินจากรูปลักษณ์เลย แต่ตัดสินจากจิตวิญญาณ ตัดสินจากตัวตนที่ยอมรับกันและกัน การเห็นคุณค่าของกันและกัน โต้งรักมิว รักแค่ไหน รักมากขนาดไหน คงได้เห็นกันแล้วในหนัง แต่ทั้ง2ไม่อาจจะร่วมทางเป็นคู่ชีวิตกันได้ แต่นั่นไม่ได้เป็นตัวที่ทำให้ความรักของโต้งที่มีต่อมิวหมดลง โต้งยังคงรักมิว รักที่มิวเป็น รักที่ตัวตนของมิว ปกติความรักแบบนี้ มักจะเห็นกันบ่อยๆอยู่แล้ว นั่นคือความรักของชายหญิงนั่นเอง เพียงแต่ โต้งและมิว ไม่สามารถรักกันได้แบบนั้น และโต้งไม่อาจจะทำให้แม่เสียใจได้อีก ทั้ง2จึงต้องจบลงเท่านี้
ฉากจบของเรื่อง ที่จบลงที่ตุ๊กตาในอดีตที่ครบสมบูรณ์ และ คราบน้ำตาของผู้สูญเสีย มันเป็นอะไรที่สะเทือนใจมาก ตุ๊กตาที่สมบูรณ์ นั่นหมายถึงว่า ในใจโต้งยังคงจำได้ถึงเรื่องของทั้ง2ในอดีต และยังคงใส่ใจมิวเช่นเดิม และหมายถึง จุดจบของการรอคอย ทุกอย่างมันจบลงแล้ว และจะไม่มีการหวนคืน ไม่มีการต่อเติม หรือเติมเต็มอีก ความรักของทั้ง 2 คน เติมเต็มให้กันและกันแล้ว คราบน้ำตาของมิว คือการสูญเสียไปอีกครั้ง กับแสงสว่างในจิตใจที่หวนคืนมา และนั่นหมายถึงความเหงาที่จะหวนคืนมาอีกครั้ง ความเหงาที่เค้าเผชิญมา ความเหงาที่ทำร้ายเค้ามา แต่มันก็มีความยินดีปนอยู่ ยินดีที่ โต้งไม่เคยเลยที่จะลืมมิว ยินดีที่โต้งรักและเอาใจใส่มิว แม้จะไม่ได้เดินเคียงกัน แต่ได้รักกัน ได้อยู่บนโลกใบนี้เหมือนกันก็ดียิ่งแล้ว แต่มันก็คงจะเหงา และเหน็บหนาวต่อไป
เพลงประกอบเป็นอะไรที่เข้ากับอารมณ์ในแต่ละช่วงของหนังมากๆ แต่งขึ้นมาจากอารมณ์ของตัวละครในช่วงนั้นๆ ทำให้คนดูอินไปกับตัวละครได้ไม่ยาก และยังสามารถใช้เล่าเรื่องราวได้ด้วย
จุดที่ไม่ชอบมีเรื่องของมุมกล้อง ที่ไม่ค่อยละเมียดละไมสักเท่าไหร่ ทำให้บางมุมดูธรรมดาๆไปเลย กับฉากจูบดูดดื่มของมิวและโต้ง ที่อาจจะ แรง ไปสำหรับคนในสังคมนี้ แต่ผมก็ไม่สามารถหาเหตุผลมาปฏิเสธการมีของฉากนั้นได้ เพราะฉากนั้น เป็นตัวตอกย้ำถึงน้ำหนักของความรักของคนทั้ง2 และยังเชื่อมโยงไปถึงฉากที่โต้งเสียใจกับความไม่รู้ของตัวเอง ซึ่งถ้าไม่มีฉากนี้ น้ำหนักของความรักของทั้ง 2 คนนี้จะหมดไปเลย และกลายเป็นหนังดราม่าธรรมดาๆไป เพียงแต่น่าจะมีวิธีนำเสนอฉากนี้ที่ลดความแรงลง เพื่อกระแสสังคมส่วนใหญ่อยู่บ้าง
เรื่องที่ต้องตำหนิคือการโปรโมท ที่อาจจะทำให้มีการสับสนได้ เพราะหนังโปรโมทแบบใสๆ แต่เนื้อจริงเป็นดรามา และมีประเด็นอ่อนไหว ที่คนส่วนมากไม่อยากจะมอง ไม่อยากจะยอมรับ การโปรโมทแบบนี้ อาจจะทำให้คนตำหนิอย่างรุนแรงได้ แต่โดยส่วนตัวผมคิดว่า คนเราไม่สามารถที่จะเลือกมองแต่สิ่งที่สวยงามแค่ภายนอกได้หรอก เราจะเลือกดู เลือกรับรู้แต่สิ่งที่เราชอบ ที่เราอยากดู ที่เราอยากรู้ เท่านั้นไม่ได้ เพราะโลกนี้มันไม่ได้เป็นอะไรแบบนั้น เราต้องดูและรับรู้ในสิ่งที่เราคิดว่าไม่ชอบด้วย ไม่แน่บางทีสิ่งที่ดูสวยงาม อาจจะไม่ได้เป็นสิ่งที่ดี สิ่งที่มีคุณค่าสักเท่าไหร่ และไม่แน่ว่าสิ่งที่ดูไม่สวยงาม จะเป็นสิ่งที่มีคุณค่าในตัวตนของมันก็ได้
ความรักคือสิ่งที่ไม่มีคำตอบที่ถูกต้อง เราไม่สามารถไปตัดสินความรักของใครได้ แต่มันก็สวยงาม และน่าค้นหาเสมอ มุมมองของความรักในแต่ละคนไม่เหมือนกัน แต่ทุกคนก็สามารถมีความรักได้เหมือนกัน แม้ว่าบางทีความรักนั้นจะดูแตกต่างจากคนอื่นทั่วไป แต่มันก็คือความรัก ความรักคือเมื่อคน2คนอยู่ใกล้กันแล้วมีความสุข ไม่ว่าจะแบบไหนมันก็คือความรัก และมันก็สวยงามเสมอ ความรักไม่ต้องหวานเหมือนน้ำตาลเสมอไป ไม่ต้องสดใสทุกครั้ง มันอาจจะมีขมขื่น เหงา เศร้า อ้างว้าง บ้างในบางครั้ง แต่มันก็เป็นตัวที่ทำให้เรารับรู้ถึงความรักได้ดีขึ้น ขอความรักจงมีแก่ทุกๆคน และขอให้ทุกๆคนมีความรักที่งดงามครับ
จากคุณ :
ดาวหมีน้อยย่ำค่ำ
- [
23 พ.ย. 50 11:19:03
]
|
|
|
|
|