Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    รักแห่งสยาม..จากมุมมองของผู้หญิงที่เป็น "แม่"

    หลาย ๆ คนคงเบื่อกระทู้รักแห่งสยามแล้ว  และเท่าที่สังเกต  พบว่า จะเป็นไปในสองกระแส คือ "ชอบ"  (มักเป็นมุมมองของเหล่า Y ทั้งหลาย และจากคนที่ถูกเรียกว่า "หน้าม้า"  ) และไม่ชอบ (จากผู้ที่พยายามบอกว่า  ถูกหนัง (หรือที่ภาษาสื่อ เรียกว่า "หน้าหนัง")   หลอกและพาลทำให้เกลียดหนังไทย

    เราเองในตอนแรก  ก็ถูกหน้าหนังหลอกเช่นกัน  ทำให้มองและเข้าใจไปว่า เป็นหนังรักวัยรุ่น รวมทั้งจากการชม MV เพลงกันและกัน  

    ยิ่งทำให้รู้สึกว่า หนังวัยรุ่นมาอีกแล้วหรือนี่  ทำไมฉันจะหาหนังดี ๆ ดูส่งท้ายปลายปีไม่ได้เลยหรือ

    แต่วันหนึ่ง  เราก็ได้มีโอกาสแวะมาอ่านบทวิจารณ์ซึ่งจริงๆ น่าจะเป็นกระทู้แสดงความคิดเห็นต่อเรื่องนี้  ทำให้รู้ว่า เป็นหนังเกี่ยวกับครอบครัว  และรักระหว่างชายกับชาย กับการตัดสินใจที่จะก้าวข้ามวัย  ทำให้เราเริ่มสนใจขึ้นมาบ้าง  เพราะเราคงเลยวัยที่จะไปดูหนังรักกุ๊กกิ๊กแล้ว    เราตามอ่านเกือบทุกกระทู้ที่ทั้งชมและด่า  จนตัดสินใจว่าจะต้องไปดูเอง

    และนี่เป็นมุมมองของเราที่ไม่จำเป็นต้องมีใครเห็นด้วยทั้งสิ้น

    ทันที่เราดูหนังจบ  เราบอกตัวเองว่านี่ไม่ใช่หนังเกย์  ฉากความสัมพันธ์ระหว่างมิวกับโต้งมีน้อยมาก (แทบจะนับได้ว่ามีไม่ถึง 30% ในหนัง)  การที่วัยรุ่นชายสองคนมองตากัน  ยิ้มให้กัน มันก็คือความรู้สึกบริสุทธิ์ที่มีต่อกันที่ปัจจุบันเราเห็นได้ง่ายมาก(และหลายคนสะอิดสะเอียน)  

    ถ้าใครจะว่าฉากจูบระหว่างทั้งสองนั่นแหละ ที่ทำให้บอกว่านี่คือหนังเกย์  เรากลับมองว่า  มันเป็นการแสดงออกซึ่งความรักแบบเคอะเขินตามประสาวัยรุ่นเสียด้วยซ้ำ  เพราะดูเหมือนว่า ทั้งสองก็ยังจูบกันไม่เป็น  มุมกล้องก็ไม่ได้สื่อเรื่อง sex ใด ๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่ได้ CU ที่หน้าของทั้งคู่  และไม่ทำให้รู้สึกด้วยซ้ำว่าเขาจูบกันดูดดื่มแค่ไหน (ที่คนดูวิ๊ดว๊าย น่าจะเพราะเราไม่ได้คาดหวังว่าจะได้เห็นวัยรุ่นชายจูบกันมากกว่า)

    ในมุมมองของเรา  ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นตัวแทนของปัญหาสังคมไทยที่สมควรปรบมือให้ และผู้ใหญ่ในสังคมควรไปดู  เราไม่ได้ focus ไปที่ กระบวนการ  production รวมถึงนักแสดง (แม้จะยังแอบอินกับ "มิว" อยู่มาก) นี่คือปัญหาของสังคมไทยที่หลายคนรับรู้แต่พยายามปฏิเสธมัน  ไม่ว่าจะเป็น  ....

    1. ครอบครัวในสังคมไทยเป็นครอบครัวที่พ่อแม่/คนในครอบครัว ยึดติดกับอะไรบางอย่าง  ไม่ว่าจะเป็น สิ่งที่สูญเสียไป  / กรอบอย่างที่พ่อแม่ต้องการ  จนทำให้เกิดความคาดหวังและส่งผลให้ลูกอึดอัดกับกรอบที่ถูกกำหนดไว้

    2. การปฏิเสธที่แสดงความรักต่อกัน  จนถึงวันเสียคนที่รักไปแล้ว  จึงย้อนระลึกถึง  (ทั้งในฉากที่สุนีย์บอกจูนว่า "ตอนที่แตงอยู่ก็ไม่เคยจัดปาร์ตี้ให้เหมือนกัน"    หรือฉากที่สุนีย์พูดเรื่องรูปที่แตงถ่ายว่า "นี่อาจเป็นเรื่องเล็กๆ น้อย แต่ก็เป็นหนึ่งในไม่กี่เรื่องที่เขาทำให้เรามีความสุข"

    3. ภาวะก้าวข้ามผ่านวัยของวัยรุ่นไทย  (comeing of age) เราเชื่อว่าในสังคม  มีวัยรุ่นจำนวนไม่น้อย  ที่มีพฤติกรรมทางเพศที่ผิดไปจากที่ควรจะเป็น เราไม่ใช้คำว่า "เบื่ยงเบน" เพราะเราไม่เคยคิดว่า การรักเพศเดียวกันเป็นเรื่องของความเบี่ยงเบนหรือความผิดปกติ  แต่เป็นเรื่องของรสนิยม และเอกลักษณ์ทางเพศที่แตกต่างไปจากเพศจริงของตนเอง  เนื่องจากสังคมและธรรมชาติกำหนด ชายต้องรักหญิง  หญิงต้องรักชาย  ดังนั้น การรักเพศเดียวกันจึงเป็นเรื่องที่ "วิปริต"

    แต่เรากลับไม่คิดเช่นนั้น (พร้อมรับคำด่า  กับความเห็นนี้)

    มีวัยรุ่นจำนวนไม่น้อยที่ไม่สามารถก้าวข้ามวัยนี้ไปอย่างปกติได้  เพราะความคาดหวังจากครอบครัว และข้อกำหนดของสังคม

    สุนีย์กล่าวกับมิวว่า "รู้ใช่ไหม ว่าครอบครัวน้าผ่านอะไรมาบ้าง  ต่อไปโต้งต้องเรียนจบ มีงานการทำ  ถ้ามิวรักโต้ง   มิวต้องปล่อยโต้งไป"  

    สุนีย์พยายามใช้ "ความรัก" ในการหว่านล้อมให้มิวยุติความสัมพันธ์แบบคนรัก  ในขณะที่ตัวสุนีย์เอง กลับไม่ได้เข้าใจถึงความรักที่คนเป็นแม่พึงจะมี  สุนีย์รักตนเองและคาดหวังจะให้โต้งเป็นในแบบที่ตนต้องการเพื่อจะเยียวยาความเจ็บปวดครอบครัว  โดยที่ตนเองก็ไม่รู้ว่า ลูกชายคนเดียวที่เหลืออยู่จะเจ็บปวดเพียงใด

    แต่อย่างน้อย เราก็ยังอุ่นใจที่แม้ว่าสุนีย์จะเจ็บปวดจากการเลือกตุ๊กตาผู้ชายของโต้ง  แต่ก็ดูเหมือนว่าสุนีย์จะเข้าใจในสิ่งที่ลูกเลือกที่จะเป็น เพราะอย่างน้อย  ในที่สุดเธอก็มีรอยยิ้มอย่างอบอุ่นแม้จะมีน้ำตาเปื้อนใบหน้าอยู่ก็ตาม

    4. วัยรุ่นในสังคมไทย "เหงา" กันมากขึ้น  ทุกคนในเรื่องอยู่กับความเหงา  มิว เหงาที่ขาดพ่อแม่และคนรัก  ต้องใช้ชีวิตลำพัง  โต้ง  เหงากับความไม่เข้าใจของแม่  การที่พ่อไม่สามารถเป็น role model ที่ดีได้  โดนัท แม้จะสวยและรวย  แต่เหงากับการแสวงหาคนมาข้างกาย  จนต้องพยายามเรียกร้องความรัก  หญิง  เหงากับการพยายามไขว่คว้าหาความรักจากคนที่ตนเองพึงใจ

    หลายฉากในเรื่องมากที่พยายามสะท้อนว่า  วัยรุ่นไทยในปัจจุบันใช้ความเหงาอย่างไร  ไม่ว่าจะเป็นการไปดื่มเหล้า  สังสรรค์กับเพื่อน  การไปเดินเล่นกับเพื่อนตามห้างสรรพสินค้า  การซื้อของมาปรบเปรอตัวเองให้หายเหงา (ทุกคนมีมือถือ และดูเหมือนว่าจะราคาแพง)   ทั้งที่วัตถุเหล่านี้ไม่ได้ช่วยเยียวยาจิตใจได้เลยแม้แต่น้อย

    หลายคนว่า มิว น่าสงสาร  แต่เรากลับมองว่า  มิวเป็นตัวละครที่เข้มแข็งมาก แม้ในฉากสุดท้ายที่มิวร้องไห้กับจมูกตุ๊กตาที่ได้รับ  เรามองว่า  มันสะท้อนถึงความปิติ  ความสุขที่ได้รับความรักจากคนที่ตนเองเฝ้ารอ และมิวน่าได้รับคำตอบแล้วว่า นับจากนี้ไป  ตนเองจะดำรงชีวิตอยู่อย่างไร  กับประโยคที่ว่า "ขอบคุณนะ" มันคงสะท้อนอะไรได้มากกว่าคำพูดของวัยรุ่นอกหัก

    มิวเป็นตัวละครที่มีทางออกกับความเหงาได้ดีที่สุด ในความรู้สึกของเรา ถ้าไม่นับ "หญิง" ที่ยอดเยี่ยมมากในการจัดการกับอารมณ์ตนเอง หญิงเป็นตัวอย่างของคนที่มีวุฒิภาวะและมีความฉลาดทางอารมณ์ (EQ) สูงมาก  หญิงเข้าใจโลก เข้าใจคนที่ตนรัก และสามารถทำเพื่อคนที่ตนรักได้อย่างมีสติ  แม้ว่าในตอนท้ายจะมีน้ำตา แต่เรากลับมองว่า เป็นน้ำตาของ"ผู้ชนะ"  ที่ชนะใจตนเอง และชนะใจคนที่ตนรัก(ในความดี)

    กลับมาที่มิว

    มิวได้รับการปลูกฝังที่ดีจากอาม่า  ซึ่งเรารู้สึกว่า มีความเข้าใจและเป็นมิตรมากกว่าครอบครัวของสุนีย์มากมายนัก จากการพูดกับหลานว่า "เพื่อน"  อาม่าพยายามสอนให้ใช้ดนตรีเป็นสื่อบอกคนอื่น จนทำให้มิวมีสิ่งหล่อเลี้ยงจิตใจ  มิวมีดนตรีเป็นเพื่อน  และเราเชื่อว่า  มิวน่าจะใช้ดนตรีเป็นเครื่องเยียวยาจิตใจตนเองได้ พร้อม ๆ กับการมีเพื่อนที่ดีและเข้าอกเข้าใจ

    กับประโยคลาโต้งที่ว่า "เราไปก่อนนะ เพื่อนรออยู่"

    ก็สะท้อนให้เห็นว่า  มิวพร้อมจะกลับไปเริ่มก้าวใหม่ในชีวิตกับเพื่อนที่พร้อมจะร่วมทุกข์ร่วมสุขไปด้วยกัน

    ตัวละคนที่น่าห่วงมากกว่า  คือ โต้งกับโดนัท  โต้ง ยังต้องกำหนดกรอบตัวเองอยู่ในความคาดหวังของแม่  ต้องเป็นหัวหน้าครอบครัวแทนพ่อ  ในขณะที่จิตใจลึกๆ ก็ยังไม่รู้ว่าตนเองต้องการอะไร  จากหลายประโยคที่โต้งชอบพูดว่า "เราไม่รู้"  "ไม่รู้ดิ"  "ไม่รู้เหมือนกัน"   จนน่าเป็นห่วงว่า  เมื่อโตขึ้น  โต้งจะใช้ชีวิตอย่างไรต่อไปในสังคม  โต้งคงเป็นผู้ชายอีกคนหนึ่งที่แต่งงานมีครอบครัว แต่ขณะเดียวกันก็ไปมีความสัมพันธ์กับเพศเดียวกันแบบหลบ ๆ ซ่อน ๆ และโต้งจะหาความจริงใจจากความรักไม่ได้  

    ในขณะที่โดนัท  ซึ่งหลงกับรูป  และการรายล้อมจากเพศตรงข้าม  โดนัทจะผ่านวัยรุ่นไปได้อย่างไรโดยที่ไม่เสียคนหรือเสียตัวก่อนวัยอันควร

    และสุดท้าย  หนังเรื่องนี้  ทำให้เราคิดถึงลูกขึ้นมาจับใจ  

    เราเองก็เป็นแม่คนหนึ่งที่พยายามคาดหวังกับลูก อยากให้ลูกเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ด้วยความหวังดีและพยายามหาคำอธิบายว่า "เพราะฉันเป็นแม่  ฉันหวังดีกับลูก  ฉันเหนื่อยทุกวันนี้ก็เพราะลูก"  

    และหลายครั้งที่เรามัวแต่คิดถึงความทุกข์ของตนเอง  สงสารตัวเองกับความทุกข์ซ้ำๆ ที่เกิดขึ้นในครอบครัว  เอาความทุกข์ของตัวเองมาจับเจ่ากับมันซ้ำแล้วซ้ำเล่า  

    หนังเรื่องนี้  ทำให้เราได้คำตอบว่า เราจะจัดการยังไงต่อไปกับครอบครัว   มันทำให้เราหันกลับมามองครอบครัวอย่างเข้าใจมากขึ้น  คนที่เราเคยโกรธและเกลียดจนไม่อยากมองหน้า  วันนี้เราเข้าใจเขามากขึ้น ว่าเขาเองก็คงทุกข์ไม่น้อยกับการไม่ประสบความสำเร็จในการก้าวข้ามวัยมาได้

    มันทำให้เราหันไปมองลูกอย่างเข้าใจมากขึ้น  ว่า  วันข้างหน้า  เราจะปล่อยให้ลูกเป็นอย่างที่เขาอยากเป็น   แม้ว่าเราอาจยอมรับมันไม่ได้  อย่างไรก็ตาม เราเชื่อว่า ความรัก และความเข้าใจในครอบครัว  จะทำให้ทุกชีวิตสามารถก้าวผ่านความทุกข์ไปได้ และเข้มแข็งขึ้นทุกครั้งที่ได้รับบทเรียนใหม่  ๆ

    ขอบคุณ รักแห่งสยาม    

    "ขอบคุณนะ"

    แก้ไขเมื่อ 27 พ.ย. 50 12:56:47

    แก้ไขเมื่อ 27 พ.ย. 50 11:57:15

    จากคุณ : แค่คนหนึ่งคน - [ 27 พ.ย. 50 11:34:10 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom