| ชอบมาก ห้ามพลาด (1317 คน) |
| ชอบ (312 คน) |
| เฉยๆ (148 คน) |
| ไม่ชอบ (58 คน) |
| ไม่ชอบมาก เสียดายตังค์ (204 คน) |
| จำนวนผู้ร่วมโหวตทั้งหมด 2039 คน |
Spoiler alert : บทความนี้เผยเรื่องราวสำคัญในหนัง หากต้องการอ่านแบบไม่ Spoil ข้ามลงไปอ่านได้ที่ความเห็น 2 ด้านล่างครับ
...เลือกอ่านบทความนี้พร้อมรูปและความเห็นของท่านอื่นๆอีกได้ที่ http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=aorta&month=22-11-2007&group=14&gblog=48
บางคนบอกไม่อยากมีรัก เพราะ ความรักทำให้ต้องผิดหวัง ต้องพบการสูญเสีย ต้องเจ็บปวด
จะรักไปเพื่ออะไร หากรู้ว่าสุดท้ายไม่สามารถสุขสมหวัง หากสุดท้ายก็ลงท้ายด้วยการแยกจากกัน
... เพลง'กันและกัน'ที่ประกอบหนังเรื่องนี้ มีเนื้อเพลงที่เขียนไว้วา เพลงรักนั้นคงเขียนขึ้นมาไม่ได้ ถ้าผู้แต่งไม่เคยมีความรัก เช่นเดียวกัน ถ้าคนเราไม่เคยได้รับความรักก็ยากยิ่งนักที่จะรักใครเป็น ถ้าเริ่มต้นมนุษย์ส่งแต่ความเกลียดชัง เราคงหมดสิ้นเผ่าพันธุ์มานานนับพันปี
มิใช่เพราะรักหรอกหรือ เราจึงยังมีชีวิตอยู่จนถึงวันนี้ ความรักที่พ่อแม่หรือปู่ย่ามีให้ ความรักที่พี่และน้ามอบให้ ความรักที่เพื่อนๆส่งมา ความรักที่เรามอบให้ตัวเองคอยดูแลตัวเองและมีชีวิตอยู่ต่อไป
มิใช่ความรักหรอกหรือ ที่ทำให้หญิงชราคนหนึ่งยังมีกำลังใจใช้ชีวิตอยู่ แม้คู่ครองของตัวเองจากไปแสนนาน
มิใช่ความรักหรอกหรือ ที่ สอนให้เด็กผู้ชายคนหนึ่งรับความรักจากคนเลี้ยงดูและมีพลังในการดำรงชีวิตอยู่ รู้จักที่จะรักคนอื่นและ ค้นพบท่วงทำนองจนออกมาเป็นบทเพลง
มิใช่ความรักหรอกหรือ ที่ หญิงสาวคนหนึ่งไม่ทอดทิ้งคนรัก คอยดูแลแม้ถูกต่อว่า คอยหาอาหารมาแม้ถูกละเลย
มิใช่ความรักหรอกหรือ ที่ ประสานครอบครัวของเด็กผู้ชายคนหนึ่งที่แหลกสลายให้ยังคงความเป็นครอบครัวอยู่ได้
มิใช่ความรักหรอกหรือ ที่ เยียวยาคนที่เจ็บปวดรวดร้าวสูญเสียให้กลับมาหยัดยืนมีชีวิตอีกครั้งได้ในท้ายที่สุด
มิใช่ความรักหรอกหรือ ที่ เด็กสาวคนหนึ่งที่สูญเสียพ่อแม่ไปแต่ยังคงตั้งหน้าตั้งตาทำงานโดยไม่เสียผู้เสียคน
...เพราะ ความรักมิได้จำกัดแค่แฟน คนรัก แต่มีทั้ง ความรักของแม่มีต่อพ่อ ความรักที่พ่อแม่มีให้ลูก ความรักที่เพื่อนห่วงใยกัน ความรักที่เป็นความปรารถนาดีที่เรามีให้กับคนรู้จัก หรือ แม้กระทั่ง ความรักที่มีให้กับตัวเอง ฯลฯ
ดั่งเรื่องราวใน รักแห่งสยาม ที่ ความรัก ของหลายคนมิได้ลงเอยด้วยความสุขสมหวัง แถมทุกชีวิตในหนังล้วนเริ่มต้นจากการสูญเสีย แต่ ความรักที่แต่ละตัวละครมอบให้ต่อกันนั้นเป็นพลังที่ช่วยให้พวกเขายังคงมีชีวิตอยู่ต่อไป
...เด็กสาวชื่อ จูน สูญเสียพ่อแม่ โดยไม่มีโอกาสได้บอกพวกเขาถึงเป้าหมายที่ตั้งใจว่าจะกลับไปทำให้พวกเขาภาคภูมิ
มิว สูญเสียอาม่า ความรักเพียงหนึ่งเดียวที่เขาสัมผัสได้ และ ต้องใช้ชีวิตต่อมาเพียงลำพัง
พ่อ สูญเสียลูกสาว กลายเป็นคนขี้เหล้า พร้อมแบกรับความรู้สึกผิดฝังใจ ในฐานะที่ตัวเองเป็นคนเอ่ยปากอนุญาตให้เข้าป่ากับเพื่อนๆ
แม่ สูญเสียลูกสาว ตามมาด้วยสูญเสียสามี เพราะ แม้เขาจะยังมีชีวิตแต่ใจที่แหลกสลายก็ทำลายความเป็นหัวหน้าครอบครัวลงสิ้น
โต้ง ลูกชายของบ้านนี้ก็ไม่ได้แค่สูญเสียพี่สาว แต่ยังสูญเสียพ่อ กับ แม่ที่ต้องแบกรับหน้าที่หนัก จนคล้ายกับเป็นลูกที่ไม่เหลือใครเพราะคนในบ้านหายใจเข้าออกอยู่กับคนที่จากไปแล้ว
...ภาวะโศกเศร้าจากการสูญเสียมีศัพท์เรียกว่า Grief และ หากความเศร้าโศกนั้นกินเวลายาวนาน หรือ ส่งผลให้คนที่มีชีวิตอยู่มีภาวะเจ็บป่วยทางจิตใจจนไม่สามารถกลับมาใช้ชีวิตตามปกติได้ เราเรียกว่า Pathological grief
หลายครอบครัวที่ไม่อาจทำใจยอมรับการสูญเสีย คนที่มีชีวิตอยู่ก็ใช้ชีวิตเหมือนตายไปแล้ว เช่นเดียวกับ ครอบครัวของโต้ง ที่สูญเสียลูกไปหนึ่งคน แต่ ครอบครัว กลับเหมือนสูญเสียคนเป็นพ่อไปกับความรู้สึกผิด สูญเสียแม่ที่น่าจะมีเวลาดูแลลูกคนที่เหลือมากกว่านี้แต่กลับต้องไปดูแลพ่อและหาเลี้ยงชีพครอบครัว โต้ง จึงไม่ได้สูญเสียแค่พี่สาว เพราะในทางจิตวิทยาการเติบโตหลายปีที่ผ่านมา เขาสูญเสียพ่อกับแม่ไปพร้อมๆกัน
...การก้าวผ่านช่วงเวลาของความรวดร้าวนั้น จำเป็นต้องอาศัยยาวิเศษที่เรียกว่า ความรัก
เราไม่จำเป็นต้องทิ้งข้าวของคนที่จากไปให้หมดสิ้น เราไม่จำเป็นต้องคิดเสมือนว่าเราไม่เคยมีเขามาก่อนในชีวิต (เช่น บอกใครต่อใครว่าไม่เคยมีเขา , ทิ้งข้าวของที่เคยมีให้หมดสิ้น ฯลฯ) แต่ เราก็ไม่ควรที่จะใช้ชีวิตราวกับเขายังคงอยู่ในบ้าน เราไม่ควรที่จะลืมเลือนคนใกล้ตัวที่มีชีวิตอยู่เพราะหมกมุ่นกับคนที่เสียไป (เช่น ยังคงจัดโต๊ะอาหารเผื่อไว้ให้ , ปูเตียงไว้ทุกวัน ทั้งที่ใครคนนั้นจากไปแล้ว ฯลฯ)
ขอเพียงยังมีรักให้กัน
ช่วงเวลาแห่งความรวดร้าวนั้นจะค่อยๆผันผ่านไป เพราะกระบวนการสูญเสียนั้นก็มีกลไกเยียวยาในตัวเองอยู่แล้วที่เรียกว่า Mourning process แต่ครอบครัวของโต้งผ่านช่วงเวลานี้ไปไม่ได้ เพราะวิธีการหักดิบพยายามลบลูกสาวออกไปจากความทรงจำของแม่ กับ วิธีการหลอกตัวเองย้ำว่าลูกสาวยังคงอยู่และจะกลับมาของพ่อ คือ สองขั้วของการทำใจที่ยากจะกลับมาเป็นปกติ
แท้จริงไม่ใช่แค่พ่อที่อยู่ในภาวะ Pathological grief แม่เองที่พยายามลบทุกอย่างของแตงทิ้งไปก็อาจจะอยู่ในภาวะใกล้เคียงกันแต่แสดงออกต่างกัน
... บทหนังที่เริ่มต้นด้วย การหายไปของ แตง พี่สาวของบ้าน และ เริ่มปริศนาให้คนดูสงสัยด้วยการกลับเข้ามาของ จูน หญิงสาวหน้าตาเหมือนแตงราวกับถอดแบบออกมา แม้หนังจะไม่บอกบทสรุปว่า สุดท้ายแล้ว แตง คือ จูน หรือไม่ แต่สิ่งหนึ่งที่เกิดขึ้นที่เราได้เห็นคือ
การมาของ จูน เหมือน ซานตาคลอสที่มามอบของขวัญวันคริสต์มาสให้กับครอบครัวที่เหมือนจะแตกสลายครอบครัวนี้ การมาของ จูน ทำให้พวกเขาได้หันมามอง ความรัก ที่พวกเขายังมีให้ต่อกัน เพียงแต่ พวกเขามองไม่เห็นเพราะถูกความเศร้าโศกนั้นบดบังไว้ การมาของ จูน ช่วยประคองให้แต่ละฝ่ายค่อยๆยอมรับได้ว่า แตงจากไปแล้วแต่ไม่ได้หมายความว่า พวกเขาจะไม่เหลือแตงไว้ในความทรงจำ
ภาพถ่ายของ พ่อแม่และโต้ง ถูกนำกลับมาอีกครั้งในฉากสุดท้าย จากเดิมที่แม่พยายามปฏิเสธมาตลอดว่า รูปนี้เขาไม่อยู่กับเราแล้ว ความจริงก็คือ แตงยังอยู่ในรูปนี้ เพียงแต่การที่ไม่มีแตงก็เพราะแตงเป็นคนขอถ่ายรูปนี้ด้วยตัวเอง อีกนัยหนึ่งคือ แม้แตงจะจากไป แต่ เขายังอยู่กับเราตลอดมา เพียงแต่อาศัยอยู่ในความทรงจำที่งดงาม
ขอเพียงยังหลงเหลือความรัก
ทุกชีวิตก็ยังสามารถเติบโตต่อไป
ดั่งเช่นฉากหนึ่งในหนังที่ถ่ายภาพ ผึ้งกำลังพยายามไต่ขึ้นมาจากแก้วน้ำหวานหลังจากที่มันเกือบจะจม ความพยายามของผึ้งตัวนั้นช่วยให้มันค่อยๆปีนขึ้นมาและมีชีวิตใหม่ได้อีกครั้ง ซึ่ง
หากชีวิตของเราเป็นเหมือนผึ้ง ความรักก็คงเหมือนปีก ที่หากเราจะตกลงน้ำไปซักกี่ครั้ง จะล้มลุกคลุกคลานกี่หน หากยังมีปีก เราก็ยังมีโอกาสกลับไปโบยบิน
(มีต่อ)
แก้ไขเมื่อ 27 พ.ย. 50 16:55:24
แก้ไขเมื่อ 27 พ.ย. 50 14:42:39
แก้ไขเมื่อ 27 พ.ย. 50 14:41:16
แก้ไขเมื่อ 27 พ.ย. 50 14:40:26
แก้ไขเมื่อ 27 พ.ย. 50 14:39:33
จากคุณ :
"ผมอยู่ข้างหลังคุณ"
- [
27 พ.ย. 50 14:33:56
]