CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    ดู{หนัง} วิธ มายเซลฟ์ ; "รักแห่งสยาม" ... เรียนรู้ที่จะรัก แล้วจงรักที่จะเรียนรู้

      เกรด A -> 9-10 คะแนน (105 คน)
      เกรด B -> 6-8 คะแนน (7 คน)
      เกรด C -> 3-5 คะแนน (0 คน)
      เกรด D -> 1-2 คะแนน (2 คน)

    จำนวนผู้ร่วมโหวตทั้งหมด 114 คน

     92.11%
     6.14%
     0.00%
     1.75%


    เตือนล่วงหน้า : บทความรีวิวนี้ จะมีความยาวมากกกกกกกกกกเป็นพิเศษ ...ยาวกว่าที่ผมเคยเขียนรีวิวหนังเรื่องใดเรื่องหนึ่งมาก่อนหน้า มิเช่นนั้นแล้ว ต้องขออภัยถ้าจะทำให้คุณรู้สึกใช้เวลากับมันนานจนเกินไปนะครับ... ถ้าคุณไม่อยากอ่านจะปิดกระทู้นี้ไปเลยก็ได้ ไม่่ว่ากันจ้ะ

    และขอประทานอภัย ที่จะต้องขอพื้นที่อีกสักกระทู้หนึ่งที่จะมีชื่อของ "รักแห่งสยาม" อยู่ในหน้าหลักของเฉลิมไทยนะครับ...ผมขอสัญญาว่าจะตั้งกระทู้นี้เพียงกระทู้เดียวเท่านั้น (ยกเว้นกระทู้ข้างล่าง..อันนั้นมันเจ๊งเองนะ)

    เรียนรู้ที่จะรัก...

    การที่ในทุกวันนี้เรายังมีชีวิต และยังมีความสุขกับการได้ทำในสิ่งที่เราทำอยู่... 'การเรียนรู้' ก็คือ สิ่งสำคัญที่สุดเหนืออื่นใด ทำให้เรายังคงเป็นเราอยู่จนถึงวันนี้ที่ยังหายใจ

    และก็อาจด้วยเพราะชีวิตของคนเรานั้น มันต้องเคลื่อนไหว และเราต้องเดินหน้าไปไม่มีวันจะให้หันหลังกลับ ...ฉะนั้นแล้ว การเรียนรู้ คือ สิ่งเดียวที่จะทำให้เราได้เติบโต และพัฒนาไปสู่อีกขั้นหนึ่ง ที่สูงยิ่งกว่าเดิมไปเรื่อยๆ ไม่หยุดยั้ง

    การเรียนรู้ สามารถนำมาแบ่งแยกออกมาเป็นบทเรียนต่างๆได้หลายหลากร้อยพันบริบท มีรูปแบบที่จะทำให้รู้ได้เป็นพันเป็นหมื่นวิธี ซึ่งในท้ายที่สุดก็จะมีอีกหมื่นแสนผลลัพธ์ที่รอคอยเราอยู่ที่สุดทางของการเรียนรู้

    อย่างเรื่องของ 'ความรัก' ก็เป็นหนึ่งในบทเรียนภาคบังคับตัวสำคัญ ที่มนุษย์ทุกๆคนจำเป็นจะต้องผ่านและได้รู้จักกับมันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

    แล้วถ้าสมมติว่าเราไม่เคยได้ผ่าน และไม่ยอมคิดจะทำความรู้จักกับมันเลยล่ะ ...เราจะยังคงสามารถมีชีวิตอยู่มาจนถึงวันนี้ได้หรือเปล่า ?

    ผลลัพธ์ที่จะเป็นคำตอบของคำถามนี้ก็คือ... ไม่มีทาง

    ก็เฉกเช่นเดียวกัน กับที่ผมได้เรียนรู้มาจากหนังเรื่องหนึ่ง ซึ่งคนคิดเรื่องได้ตั้งคำถามกับความรัก ที่ชวนให้น่าค้นหาคำตอบ ว่า... "คนเราอาจสามารถจะมีชีวิตอยู่ได้ด้วยการกินข้าว แล้วความรักล่ะ มันจำเป็นกับการมีชีวิตของเราด้วยหรือไม่ ?"

    ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล ได้นำคำถามโลกแตกที่ดูจะค้างคาใจของเขามาตลอด ต่อยอดให้กลายเป็นหนังเรื่องหนึ่งที่เขามีความคิดอยากจะทำให้มันเป็นความจริงมากที่สุด ...เรื่องราวจากคำถามคาใจ ได้กลายเป็นมาหนัง "รักแห่งสยาม" เรื่องราวของความรักที่มีจุดศูนย์กลางอยู่ที่ หัวใจของแต่ละตัวละครที่ต่างใจก็ต่างซึ่งรูปแบบกัน

    ใจของ "มิว" ...อ้างว้าง โดดเดี่ยว และอยู่กับความเหงามาเนิ่นนาน ตั้งแต่ที่เขาสูญเสียอาม่าอันเป็นที่รักที่สุดของเขาไป

    ใจของ "โต้ง" ...สับสน ว้าวุ่น และอยู่อย่างกล้ำกลืน ด้วยสภาพแวดล้อมที่ครอบครัวและผู้หญิงคนรัก ไม่มีใครเข้าใจเขา

    ใจของ "สุนีย์" ...เหนื่อยอ่อน และปวกเปียก แต่ก็ยังคงจำใจแข็งขืน และหนักแน่น เพื่อต้องเป็นเสาหลักของครอบครัวแทนพ่อที่เสียผู้เสียคน

    ใจของ "กร" ...แห้งเหี่ยว หมดเรี่ยวแรง สามารถประคองชีวิตไปวันๆ ได้เพียงแค่การดื่ม ดื่ม และดื่มสุรา ไปจนกว่าจะถึงวันที่ชีวิตนั้นหาไม่

    ใจของ "จูน" ...แจ่มใส ร่าเริง ในเปลือกนอก แต่ภายในกลับบอบช้ำไปด้วยความผิดบางอย่างที่เธออยากจะแก้ไข แต่มันก็สายเกินจะแก้ได้เสียแล้ว

    ใจของ "หญิง" ...แอบซ่อน ปกปิด และไม่กล้าจะเปิดเผยว่าเธอหลงรักเด็กผู้ชายข้างบ้าน ตั้งแต่วันแรกที่ได้เจอ

    ใจของ "โดนัท" ...เย่อหยิ่ง ถือทนง และไม่เคยจะยอมใครตราบใดที่ใครคนนั้นจะยอมเธอก่อน

    ใจของตัวละครทั้ง 7 ...ถูกโยงใยให้ต้องมาข้องเกี่ยวกันด้วย ภายใต้สภาพสังคมที่แวดล้อมไปด้วยความวุ่นวาย และวกวนของชีวิตอีกนับแสนล้านคน... ที่ทุกหนแห่ง ทุกซอกมุมมี ความรัก เป็นอากาศให้ได้หายใจ

    คุณมะเดี่ยว เป็นอีกหนึ่งในผู้กำกับหนังไทย ที่ผมไว้ใจและเชื่อมือ โดยยังไม่ต้องไปพิจารณาว่า ตัวหนังจริงๆจะเป็นเช่นไร... เพราะถึงจะยังคงคาดหวังทุกๆครั้งว่าหนังเขาต้องดี แต่กระนั้นมันก็เชื่อใจในมาตรฐานที่เขาตั้งเอาไว้สูงในทุกงานที่เขาจับ ...ไม่ว่าจะ "คน ผี ปิศาจ" "12 (เกมสยาม)" "13 เกมสยอง" ที่เขากำกับ จนกระทั่งล่าสุดกับบทหนังสุดล้ำลึกของ "บอดี้ ศพ #19" ทุกๆเรื่องก็ล้วนแต่รับการกล่าวขวัญในทางที่ดี อีกทั้งยังสามารถเอามาเป็นต้นแบบให้กับหนังเรื่องใหม่ๆ ที่จะมีออกมา ภายใต้สไตล์เรื่องที่ใหม่ ยังไม่มีใครคิดจะแหวกขนบทำ

    แล้วกับงานชิ้นล่าที่ริจะพลิกรูปแบบ และการทำหนังที่ว่าด้วยเรื่องของความรักเป็นหลักใหญ่เช่นนี้ ...มันก็ยิ่งทำให้ผมกล้าจะรู้สึกว่า เขาต้องมีของอะไรสักอย่างเป็นแน่แท้ ที่ทำให้เขาแน่ใจจะทำหนังที่แตกต่างจากแนวทางเดิมๆที่เราคุ้นเคย

    ซึ่งก็ไม่ผิดหวังเลยกับ ทุกฉากที่ได้เห็นจาก รักแห่งสยาม ในเวลา 2 ชั่วโมงกับอีกราวๆ 30 นาที ...ทุกๆภาพ ล้่วนเป็นผลิตผลแห่งความประทับใจ และมันก็ตราตรึงเสียยิ่งกว่า หนังไทยเรื่องอื่นใดในรอบปีนี้ที่ผมได้ดูมา

    ตัวหนังและเรื่องราว เดินหน้าอย่างเอื่อยๆ ไปเรื่อยๆ ไม่รีบไม่ร้อน... การให้รายละเอียดในตัวเรื่อง มียิบย่อยให้ต้องขยันตามเก็บไปในทุกๆฉาก รวมกับการวางเหตุ และให้ผลของแต่ละพลอต ก็ยังมีความต่อเนื่องทอดสะพานไปถึงกันและกัน ในแบบที่เราแทบไม่เห็นรอยต่อที่ขัดแย้งกันเลย ...คุณมะเดี่ยว ยังคงยอดเยี่ยมกับบทบาทของนักเขียนบท ที่เพลิดเพลินในความคิด จับใส่สัญลักษณ์ อะไรต่อมิอะไรไปหลายอันให้คนดูต้องคอยสังเกตสังกากันอย่างสนุก ...แล้วกับในส่วนที่เขียนขึ้นเพื่อเป็นความบันเทิงหรรษา ก็ล้วนกลายเป็นแง่มุมอันน่ารักที่สร้างความสดใสให้เราเจริญใจ ...และเป็นกลวิธีการประโลมใจอันชาญฉลาดที่ทำให้เราตกอยู่ภวังค์แห่งความเพ้อฝัน ก่อนจะได้ตบหน้าเราให้ตื่น ด้วยภาพแรงๆ ดรามาเจ็บๆ ที่จะโถมซัดเข้ามาแบบไม่ทันให้เราได้ตั้งตัว

    บทหนังของ รักแห่งสยาม ตีกรอบสร้างประเด็นที่สะท้อนสังคมในยุคนี้เอาไว้ด้วยแง่มุมอันหม่นหมอง แข็งกร้าว และหนักหน่วง ที่สอดคล้องกับ ความรัก ของคนเราที่มีให้แก่กันและกันในวันนี้ที่โลกเรายิ่งหมุนก็ยิ่งน่าเวียนหัวมากกว่าเดิม ...แนวคิดของเรื่องอาจจะดูมีความคล้ายคลึงกับ Love Actually อยู่ แต่มันก็ต่างซึ่งรูปแบบที่เจาะลงลึกยิ่งไปกว่า เรื่องหลังที่ยังจำเป็นแตะต้องอย่างพอดี วางน้ำหนักเรื่องให้สมดุลพอๆไปด้วยกัน ...แล้วกับ รักแห่งสยาม ก็ได้เวลาที่ยาวนานช่วยเอื้อให้หนังได้แตกปลายแง่มุม ตกผลึกความคิด คุณมะเดี่ยวแตกพลอตหลักทั้งสองส่วน ให้ประกอบกับพลอตย่อยอีกหลายๆส่วน แล้วจึงจัดการถ่ายโอนงานให้เราคนดูเป็นผู้มีหน้าที่ที่รวมเอาชิ้นส่วนทุกชิ้นมาหลอมกลายเป็นเนื้อเดียวกัน พร้อมกันกับการเข้าใจควบคู่ไปกับเรื่องราวอันเป็นชิ้นส่วนต่างๆของพลอตหลัก
     
    ใครบางคนอาจจะมองว่า คุณมะเดี่ยว เป็นเจ้าของความคิดที่หลอกลวงคนดูให้หลงเข้าใจว่าเป็นหนังรักใสๆหัวใจกิ๊กกั๊กเฉกเช่นเดียว Seasons Change หากความเป็นจริงกับซ่อนแอบอะไรเอาไว้ในนั้นด้วยซะงั้น ...ทั้งหมดนี้ ขอให้โทษไป กับวิธีการโปรโมตของ พีอาร์ค่าย จะดีเสียกว่า แล้วอีกอย่าง ตัวอย่างหนัง ก็เหมือนจะแทงกั๊กอะไรบางอย่างเอาไว้ กับฉากบางฉากที่ดูเพียงฉาบฉวยก็พอรู้ว่ามันต้องมีอะไรที่หนุนนำให้เรื่องมันต้องแรงกว่าที่รู้สึกแน่นอน (เช่น ฉากที่โต้งกอดรัดเชิงขืนใจหญิง) เห็นแค่นั้น ผมก็ตัดสินได้ว่า มันย่อมไม่ใช่หนัง Feel Good อย่างเช่น Seasons Change เป็นแน่แท้

    แม้มันจะไม่ใช่ Seasons Change แห่งปีนี้ ก็ตามทีเถอะ... แต่กระนั้นก็ยังไม่สำคัญเท่ากับที่ รักแห่งสยาม ได้กลายมาเป็น หนังไทยอันดับ 1 แห่งปีนี้ของผมคนนี้ (ในตัวเลขที่ๆเคยเป็นอันดับของ หนัง GTH เรื่องนั้นในปีก่อนนั่นเอง) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

    ..อ่านต่อข้างล้างจ้า..

    แก้ไขเมื่อ 28 พ.ย. 50 12:31:31

    จากคุณ : OncE UPoN'-'a MaN - [ 28 พ.ย. 50 11:57:30 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | PanTown.com | BlogGang.com