ความคิดเห็นที่ 1 ซึ่งหลายๆคนอาจบอกว่าหนังเรื่องนี้ดีได้เพราะคนคนนี้จริงๆ  แต่ก็ต้องยอมรับว่าเป็นเครดิตของผู้กำกับเขาด้วยครับ   ที่มีหน้าที่ตัดสินใจ ภาพรวมของหนังและเลือกหยิบจับ+ประสานงาน  เพื่อให้หนังออกมาตามที่ตัวเองคิด (ก็ต้องให้ความดีความชอบละครับกับผู้กำกับในเรื่องนี้)   แต่กับสิ่งที่เป็นหัวใจของหนัง ก็คือ บทภาพยนตร์  กับไม่ละเมียดเหมือนอย่างงานด้านภาพครับ   ผมชอบประเด็นที่หนังนำเสนอนะ  และพูดถึงเรื่องราวต่างๆ เช่น ความรักของชาย-ชาย  ความรักของครอบครัว เรื่องปัญหาทางสังคม ต่างๆ ที่มีอยู่มากมายในหนัง   มันล่องลอยอยู่มากมายเลยครับแต่หนังกับทำให้ผม ไม่อินกับประเด็นใดๆเลย ความสมเหตุสมผลของเรื่องราวน่าจะเป็นจุดหนึ่งที่หนังยังไม่สามารถ ทำออกมาได้ชัดเจน  ทั้งเรื่องราวของความรักของ อิฐ และเมฆ  ที่ไม่สามารถทำให้คนดูเชื่อได้ว่าเขาทั้งสองน่าจะรักกันได้เท่ากับเขาทั้งสองทำกันขนาดนั้น หนังไม่ให้เวลากับการสร้างความสัมพันธ์ที่ดี(เน้นนะครับที่ดีเพราะในหนัง มีการเล่าผ่านเวลาที่สร้างความสัมพันธ์ของทั้งสอง)  เปรียบกับเรื่องรักแห่งสยามแล้วตัวละครโต้งและมิว มีการสร้างความสัมพันธ์มาอย่างดี และมีอดีตที่แข็งแรงพอให้เชื่อว่าเขาจะรักกันได้  รวมถึงความต้องการของทั้งคู่ที่เหมือนขาดหายอะไรบางอย่างในชีวิต  และต้องการคนมาเติมเต็มให้แก่กัน   เมื่อต่างคนต่างขาดหายอะไรบางอย่างในชีวิตไป  และเมื่อมาเจอคนที่ใช่มันก็เป็นเรื่องง่ายที่จะเชื่อว่าเขาจะรักกันได้   หนังอาจจะใช้เหตุผลที่ว่าทั้งสองเป็นอย่างที่เขาเป็นอยู่แล้ว  ซึ่งหนังก็แสดงให้เห็นกับตัว อิฐ ที่น่าจะมีรสนิยมรักร่วมเพศจากภาพวีดีโองานแต่ง(ก็ไม่รู้ใครไปถ่ายนะรู้ดีจัง)  และกับเมฆ ที่มีพ่อเลี้ยงเป็นพวกชอบล่วงละเมิดทางเพศเด็กผู้ชาย   แต่ในการที่ทั้งสองจะเปิดใจเข้าหากันและรักกันบนสถานการณ์ที่เผชิญอยู่นั้น  หนังก็ไม่สามารถอธิบายและแสดงเหตุผลได้ดีและชัดพอ   ถ้าจะอ้าอิงรูปแบบไปกับหนังแนวนี้ที่ดีอีกเรื่องเช่น  เรื่อง Brokeback Mountain ตัวละครทั้งสองมีเวลาพอให้เปิดใจเข้าหากันบนธรรมชาติที่สวยงาม และความอ้างว้าง โดดเดียว และกับความต้องการภายใน ที่ไม่สามารถปลดเปลื้อง ในทางใดได้   เช่นตัวของ เอนนิส เดล มาร์ (ฮีธ เลดเจอร์) ถึงแม้ตอนแรกอาจจะมีรสนิยมกับเพศหญิงได้ แต่เพราะไม่สามารถจะระบายออกได้จึงอาจเป็นเหตุผลหนึ่งใน ตอนแรกที่เขาจะเผลอใจกับ  แจ็ค ทวิสต์ (เจค กิลเลนฮาล) เหตุผลเดียวที่จะทำให้ผมเชื่อว่าเขาสามารถทำอะไรกันอย่างนั้นได้   คือความใคร่ เสน่หา และกับความต้องการลึกๆของแต่ละคนครับ  ซึ่งก็ทำให้ความโรแมนติกในหนังหมดไปทันที  ทำให้ความรักของทั้งคู่มันไม่สวยงามอย่างนั้นครับ  และถึงแม้จะบอกว่ามันเป็นความดิบ  มันก็ไม่ดีพอให้คิดไปในทางนั้นครับ และกับสิ่งหนึ่งที่ผมไม่ชอบมากๆในสไตล์การกำกับและเขียนบทของคุณ  พจน์  อานนท์    ถึงแม้มันจะเป็นหนังที่มีความเป็น เมโลดราม่า (ก็เหอะ)   หนังมักจะยัดเยียด  จงใจ บีบคั้น บีบเค้น  อารมณ์จนเกินพอดีครับ (เน้นว่าเกินพอดีครับ) จะเห็นได้กับฉากต่างๆ ในหนัง ที่อยู่ดีๆก็จะเรียกน้ำตาและความสงสาร ( ซึ่งจะเห็นได้ในผลงานเรื่องก่อน เช่น เอ๋อเหรอ)   (ต่ออีกนิดครับ) จากคุณ : land_scape_man - [ 4 ธ.ค. 50 05:23:34 ]

ความคิดเห็นที่ 2 และในเรื่องของการแสดงนั้นขาดบรรทัดฐานมากเลยครับ  ไม่มีทิศทางเดียวกัน อาจจะเพราะวิธีการและประสบการณ์ของนักแสดง แต่ละคนที่แตกต่างกันทำให้ภาพรวมออกมาไม่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันครับ (เดี๋ยวดูละครช่อง7 เดี๋ยวดูหนังอินดี้ เดี๋ยวดูคนพ่นบท)  อันนี้เป็นความรับผิดชอบผู้กำกับครับ โดยภาพรวมของเนื้อหาและบทภาพยนตร์  ผมมองว่ายังขาดความละเมียด  และการออกแบบที่ดีในตัวบทครับเพราะถึงแม้ จะถูกถ่ายถอดด้วยภาพที่สวยงาม แต่เมื่อสัมผัสกับเรื่องราวได้ไม่นาน  มันจะฟ้องในจุดบกพร่องหลายๆอย่างๆครับ   และไม่มีส่วนอื่นส่วนใดของหนังที่ดีพอจะมา กลบในข้อด้อยนี้ครับยกเว้นงานด้านภาพเท่านั้น   แต่ถึงแม้ว่าตัวหนังเอง   จะไม่ดีพอที่จะสร้างความประทับใจให้กับหลายๆคน(รวมทั้งผม)  แต่หนังเรื่องนี้เป็นตัวอย่างที่ดีมากในการที่หนังช่วยสร้างกระแส  และเปิดโอกาสให้หนังประเภทนี้ในตลาดหนังบ้านเรา   ให้คนทั่วไปมีทางเลือกในการชมหนังเฉพาะทางเพิ่มขึ้น   และถือเป็นก้าวที่บุกเบิกกระแสหนังy ในบ้านเรา (ผมมองว่ามันทำให้เราพอจะยอมรับหนังแนวนี้ได้มากขึ้น และเปิดโอกาสให้หนังดีๆที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับความรักของเพศที่สาม เข้าถึงคนดูได้บ้าง อย่างเช่นรักแห่งสยาม  เพราะหลายคนอาจจะนำมาเปรียบกับเรื่องเพื่อนฯ   และด้วยกระแสของหนังวายขอเรื่องนี้  ที่มีมาก่อนหน้ารักแห่งสยาม ช่วยทำให้หนังเรื่องนี้ไม่น่าเกลียดจนเกินไป) ต้องขอชื่นชมในความกล้า ในการทำหนังเรื่องนี้ออกมาของผู้กำกับครับ อย่างไรก็ตามวันนี้ หนังเรื่อง เพื่อนกูรักมรึงว่ะ ก็พิสูจน์ตัวเองในเวทีระดับโลก  และได้รับรางวัลมาแล้ว และสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยและกับวงการหนังบ้านเรา   ซึ่งแสดงให้เห็นว่ารสนิยมในการรับชมหนังของแต่ละคน และแต่ละเชื้อชาติย่อมแตกต่างกัน  เพราะฉะนั้นจึงว่าไม่ได้ว่าถ้าจะมีอีกหลายๆคนที่ชอบหนังเรื่องนี้   แต่ที่สำคัญเราไม่ควรดูจะหนังไปด้วยคำว่า  "อคติ" เพราะหนังก็คือหนัง  ถ้ามันจะดีหรือเลวได้ก็ด้วยตัวมันเอง ไม่ใช่ เพราะคนที่ทำมัน (*** ฝากบล็อกเกี่ยวกับหนังของผมด้วยครับ ***) จากคุณ : land_scape_man - [ 4 ธ.ค. 50 05:27:09 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ดูแล้วเปลี่ยนรสนิยมแล้วบอกกันด้วยนะครับ อิอิ จากคุณ : Fredericko - [ 4 ธ.ค. 50 05:41:17 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ที่ จขกท บอกว่าได้รับรางวัล *หนังยอดเยี่ยม* ในเทศกาลหนังนานาชาติที่เบลเยี่ยม (34th International Independent Film Festival) ดูได่จากหน้านี้ http://www.centremultimedia.org/Competition-Internationale.127.0.html เป๋นรางวัล GRAND AWARD ALL CATEGORIES สำหรับหนังต่างประเทศ ซึ่งในงานนี้แบ่ง GRAND AWARD ALL CATEGORIES เป็น 3 รางวัล คือหนังในประเทศ หนังต่างประเทศ และ หนังสำหรับคนหูหนวก จากคุณ : อึ้ง - [ 4 ธ.ค. 50 06:13:58 A:81.240.19.6 X: TicketID:045030 ]

ความคิดเห็นที่ 5 เพิ่งมีโอกาสได้ดูหนังเรื่องนี้เหมือนกัน ไปเช่าแผ่นมาดู ภาพสวยจริงๆ ยอมรับ แต่เนื้อหา ลำดับขั้นตอน ดูแล้วกลับรู้สึกง่วงนอนและอึดอัดว่าเมื่อไหร่มันจะจบ ฉากความรักที่ไม่รู้สึกอินไปกับตัวละครเลย ไม่มีความรู้สึกรักหรือผูกพันใดๆ ทั้งสิ้น เหมือนพยายามจะยัดเยียดความรู้สึกมากเกินไป แต่มันกลับสัมผัสไม่ได้ โดยรวม ไม่ชอบเรื่องนี้เลยครับ ไม่ได้อคติใดๆ ทั้งสิ้น จากคุณ : freestyler - [ 4 ธ.ค. 50 07:49:15 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ภาพสวยครับ แต่ก็มีลายเซนต์ ของ ผกก พจน์ จากเรื่องอื่นๆ ตามมาหลอกหลอน เหมือนกัน จบลงที่ไม่ชอบครับ . . . . จากคุณ : Love@here - [ 4 ธ.ค. 50 08:29:01 ]

ความคิดเห็นที่ 7 รักแห่งสยามดูไป 5 รอบ(บ้ารึเปล่าฟะตู!!!) แต่เพื่อน...รักหล่อนว่ะ เดินออกจากโรงหลังจากหนังฉายไป 45 นาทีครับ...อยากจะบอกแค่นี้แหละ และไม่ได้มีอคติใดๆด้วยแต่หนังมัน ...ไม่มีตรงไหนจะชมได้เลย (อาจจะไม่แฟร์ที่ไม่ได้ดูจนจบ..แต่ไม่เคยเดินออกกลางเรื่องอย่างนี้เลยครับ จากคุณ : ทิ้งหัวใจไว้ที่ปาย - [ 4 ธ.ค. 50 09:44:28 A:58.8.3.183 X: TicketID:154139 ]

ความคิดเห็นที่ 8 รักแห่งสยามทำให้ผมมีอารมณ์ร่วมกับหนังได้มากถึงมากที่สุด และ ทำให้ผมเชื่อว่า พวกเค้าเหลานั้นรักกัน แต่ใน เพื่อน กรูรักเมิงงงง หนังสวย แต่ผมดูแล้วไม่เชื่อ ไม่เชื่อในทุกๆ สถานการณ์ และ ไม่เชื่อว่าคนสองคนรักกัน แต่หนังก็ถือว่า ดีกว่าระดับมาตรฐานของคุณพจน์เยอะนะ แต่ ผมกลับสนุกกับ ปล้นนะยะ มากกว่า แม้หนังจะ แบบว่า นะ ... จากคุณ : sixthsense - [ 4 ธ.ค. 50 10:04:19 ]

ความคิดเห็นที่ 9 จากความเห็น 4 หนังเรื่องนี้ได้รางวัล สำหรับคนหูหนวกรึป่าวคับ   (เพราะมีดีแค่ที่ภาพ) จากคุณ : กระบี่ที่หนึ่ง (กระบี่ที่หนึ่ง) - [ 4 ธ.ค. 50 11:31:24 ]

ความคิดเห็นที่ 10 แม้จะหลับเป็นช่วง ๆ แต่ก็ตื่นเพราะความวายเข้าสิง 5555 จากคุณ : 1978 (b39kew) - [ 4 ธ.ค. 50 12:43:22 ]

ความคิดเห็นที่ 11 เพื่อน กรูรักเมิงว่ะ เป็นหนังที่ดีเรื่องหนึ่ง แต่ดูแล้วรู้สึกเฉย ๆ อะ เหมือนไม่ค่อยมีอะไรซับซ้อนเหมือนเรื่องรักแห่งสยาม คือดูเพื่อน ฯ แล้ว เดาทางถูกว่าไปทางไหน โดยรวมไม่ชอบเรื่องนี้เท่าไหร่ แต่รักแห่งสยาม ปาเข้าไป 4 รอบแล้วอะ จากคุณ : หนูโด้ 1 - [ 4 ธ.ค. 50 12:45:08 ]

ความคิดเห็นที่ 12 หนังเทศกาลที่เบลเยี่ยม ปกติไม่ได้รับความสำคัญของนักวิจารณ์รายดังๆมากนักนะครับ เพราะส่วนมากพุ่งไปที่ Venice หรือ Cannes มากกว่า ผมเลยมองว่า กรรมการอาจไม่ " แข็ง " เท่าไหร่ ข้อดีของ Bangkok Love Story ตรง "ภาพ " และ " พล๊อต " ครับ ข้อเสียที่ร้ายแรงที่สุดของหนังคือ " การกำกับ " และ " บทพูด " ครับ การแสดงนี่ มี " ลื่น " มี " แข็ง " ปะปนกันไป อย่าแปลกใจที่หนังเรื่องนี้ จะได้ไปตามงานเทศกาลต่าง เปิด-ปิดตามงานต่างๆ เพราะ 1. กรรมการทั้งหลายก็ไม่ได้ข้ามน้ำข้ามทะเลมาดูหนังกับเราหรอก เราก็ต้องไปเปิดบูทโปรโมตเหมือนกัน เข้าตากรรมการก็ได้ช่วงเริดๆออกแสดงตัว ( แต่หนังก็ต้องมีจุดดีในตัว ) 2. ประเด็นเกย์ และ โรคเอดส์ ถือเป็นประเด็นแรงและเป็นที่น่าสนใจ ไม่แปลกที่จะถูกให้เป็นหนังเปิดหรือปิดเทศกาลนะครับ มันมีที่มาที่ไปครับ ... ไม่ได้อยากอคติอะไร จากคุณ : Bud-to-budding - [ 4 ธ.ค. 50 13:48:54 A:125.27.29.71 X: ]

ความคิดเห็นที่ 13 หนังมืดคอดๆ  ปวดตามากๆ  พยายามเพ่งดูอยู่  มองไม่เห็นหน้าหมอก  หรืออะไรๆที่อยู่ในบ้านของเมฆเเลย  ทำไมต้องทำซะมืดขนาดนี้ด้วยนะ จากคุณ : Auguri - [ 6 ธ.ค. 50 01:33:24 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ความจริง ไม่น่าจะเอามาเปรียบกันเลยนะครับ เพราะจะทำให้หนังที่ดูแล้วไม่มีอะไรประทับใจ กลายเป็นไม่มีอะไรประทับใจมากขึ้น แบบว่าไม่ได้ดูโรงครับ ซื้อ DVD มาดู บอกตรงๆว่ายังเสียดายตังค์อยู่เลยเนี่ย ภาพสวยอย่างเดียว (ยกความดีให้ผู้กำกับภาพ)อย่างอื่นแสดงให้เห็นถึงกึ๋นของผู้กำกับได้เลยว่า "ไม่มี" ส่วน"รักแห่งสยาม" ผมดูไป 2 รอบแล้ว ยิ่งดูยิ่งชอบ หนังถ่ายทอดออกมาได้จับใจ ถึงมันจะรู้สึกเศร้า แต่เป็นหนังที่ประทับใจมากๆ นานๆจะได้ดูหนังไทยแล้วรู้สึกเช่นนี้ครับ แค่ฉากไข่พะโล้ก็กินขาด พูดได้คำเดียวว่า "สุดยอด" จากคุณ : I love "Love of Siam" - [ 6 ธ.ค. 50 15:05:18 A:10.6.142.50 X:202.28.169.165 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ผมไม่ชอบตรงที่ เจ๊เคยให้สัมภาษณ์ในรายการทีวีประมาณว่า ชอบหนังเกาหลี ที่เอาเรื่องง่าย ๆ มาเขียนให้มันมีอะไรได้ แล้วว่าผู้กำกับหนังไทยบางคนว่าคิดน้่อย ... แต่ผมกลับเฉย ๆ กับการที่แม่ฆ่าตัวตาย หรือผู้ป่วยฆ่าตัวตาย ผมว่ามันหดหู่เกินไป ผมไม่อยากเห็นคนเรามีทางเลือกแค่รูปแบบแบน ๆ นี้ สงสัยผมจะอคติกับเจ๊ไปซะละครับ ผมเลยรู้สึกขำ ๆ ตรงที่ credit ตอนท้าย เขียนชื่อเจ๊ ซะตัวอักษรเบ้อเริ่มคับจอเลย (แต่ว่ามันเป็นเพราะการแปลงลงดีวิดีมันได้ size ต่างจาก format ในโรงก็เป็นได้) จากคุณ : ครับผม - [ 6 ธ.ค. 50 17:03:05 A:58.64.40.217 X: TicketID:115394 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ผมว่าทั้งสองเรื่อง เป็นหนังไทยที่ได้แสดงความสามารถอย่างดีครับ จากคุณ : nicky_nat (nicky_nat) - [ 7 ธ.ค. 50 10:48:13 ]

ความคิดเห็นที่ 17 อย่าเปรียบเทียบเลยดีกว่านะ ต่างคนต่างทำ ทับถมกันไปก็เท่านั้น ...สามัคคี... ช่วยกันเอาไปขายต่างประเทศดีกว่า รายได้เข้าประเทศ จากคุณ : Film Lover - [ 7 ธ.ค. 50 14:17:45 A:58.64.58.110 X: TicketID:115394 ]