CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    <<< ดูแล้วมาคุยกัน ... ต้องสามมิติเท่านั้น >>> Beowulf <<< "ข้าจะยื่นข้อเสนอที่เจ้ามิอาจปฏิเสธได้" >>>

      ชอบมาก ห้ามพลาด (12 คน)
      ชอบ (4 คน)
      เฉยๆ (6 คน)
      ไม่ชอบ (2 คน)
      ไม่ชอบมาก เสียดายตังค์ (2 คน)

    จำนวนผู้ร่วมโหวตทั้งหมด 26 คน

     46.15%
     15.38%
     23.08%
     7.69%
     7.69%


    ...เลือกอ่านบทความนี้พร้อมรูป + อ่านความเห็นอื่นๆและชวนมาแสดงความเห็นเพิ่มเติมที่  http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=aorta&month=19-11-2007&group=14&gblog=46


    ... Beowulf เริ่มต้นที่ หนึ่งฮีโร่หนุ่มที่ก้าวมาในดินแดนริมชายฝั่งของเดนมาร์ค ซึ่งกำลังประสบปัญหาวิกฤติจากอสูรร้ายนาม เกรนเดล ที่เข้ามาสังหารผู้คนเป็นระยะๆ ราชาโฮรธการ์ มองหา วีรบุรุษที่จะมาปลดปล่อยความหวาดกลัวของผู้คน

    แต่ ความลับที่ราชา ไม่ได้บอกออกไป คือ เกรนเดล นั้นก็เป็นผลผลิตที่เขามีส่วนร่วมสร้างขึ้นมา และ คือ ตราบาปที่สะท้อนความอ่อนแอในจิตใจของมนุษย์


    ...ว่ากันว่า ความปรารถนาสูงสุดของเพศชายมาแต่โบราณกาล คือ การได้ครอบครอง สตรี และ อำนาจ ซึ่งนั่นก็อาจสอดคล้องกับทฤษฎีของ ซิกมันด์ ฟรอยด์ ที่บอกว่า แรงขับพื้นฐานของมนุษย์ถูกผลักดันมาจาก sexual drive และ Aggressive drive

    sexual drive ของ ฟรอยด์ มิได้หมายความว่า เรื่องของเพศสัมพันธ์เสมอไป แต่ยังหมายถึง ความสามารถในการได้รับความรัก การยอมรับ การมีชีวิตคู่ ฯลฯ เช่นเดียวกับ Aggressive drive ก็มิได้เจาะจงแค่ความรุนแรงแต่หมายถึง อำนาจ และ การควบคุม

    ดังนั้น ข้อเสนอของมารดาเกรนเดล จึงเหมือนสร้างขึ้นมาเพื่อตอบสนองความปรารถนาความต้องการของเหล่าบุรุษเพศ เป็นข้อเสนอที่ยากเหลือเกินที่จะบอกปัด สำหรับการได้ครอบครองตัวเธอ การได้อำนาจสูงสุดของราชา แถมยังได้ความเป็นพ่อ ที่บุรุษมักภาคภูมิใจในความสามารถให้กำเนิดทายาท

    มารดาของเกรนเดล ผู้มายื่นข้อเสนอให้กับ เหล่าเพศชายในหนังเรื่องนี้ ไม่ต่างอะไรจาก ตัวแทนจากหนังเรื่อง 13 ที่มายื่นข้อเสนอให้คนเล่นเกมส์ เพราะ เจ้าตัวมีสิทธิเลือกว่าจะรับหรือไม่รับ มิใช่บังคับให้ต้องทำตาม


    ...แม้จะเกริ่นไว้ตอนต้นว่ามนุษย์ทุกคนต้องการ ครอบครอง อำนาจ แต่การได้มานั้น ขึ้นอยู่กับว่า เจ้าตัว จะตัดสินใจอย่างไร และ บ่อยครั้งที่เราก็เห็นคนดีๆยอมทำผิดเซ็นชื่อรับข้อเสนอของซาตาน อันเนื่องมาจาก ส่วนเปราะบางในจิตใจที่เรียกว่า ความกลัว

    ความกลัวของราชาโฮรธการ์ ของเบย์วูฟ และ ของเหล่าผู้นำในหลายๆประเทศ เป็น ความกลัวที่มีร่วมกันอันเป็นความกลัวที่จะต้องสูญเสียอำนาจ ทำให้หลายๆคนดิ้นรนทำได้ทุกวิถีทางเพื่อรักษามันไว้ให้นานที่สุด

    แถม ตัวแทนซาตาน ที่มายื่นมือมอบอำนาจในหนังเรื่องนี้ ยังเป็นถึง แองเจลิน่า โจลี่ ที่มีตัวแถมเป็นร่างกายของเธอ ข้อเสนอที่มอบให้นั้นจึงจัดได้ว่า ปฏิเสธได้ยากยิ่งกว่า ข้อเสนอของ ดอน วิโต้ คาลิโอเน่ใน Godfather เสียด้วยซ้ำ

    จึงไม่น่าแปลกใจที่หนังเริ่มต้นอย่างไร ก็จบลงทิ้งค้างไว้เหมือนตอนเริ่มต้น เพื่อย้ำชัดให้เห็นว่า นับตั้งแต่ยุคกว่าสองพันปีก่อนหรือจะยุคนี้ ความวุ่นวายในมวลมนุษย์ก็ไม่มีวันสิ้นสุดลงตราบใดที่จิตใจอันอ่อนแอยังคงเต้นต่อไป


    ...แรกเริ่มเดิมที หากมิใช่เฝ้าติดตามรู้เบื้องหลังว่าหนังเรื่องนี้เป็นผลงานของ โรเบิร์ต เซเมคิส และ นีล ไกแมน ที่รับหน้าที่ดัดแปลงอีกต่อมาจากวรรณกรรมโบราณ เจ้าของผลงานที่กำลังมือขึ้นหลัง Stardust ประสบความสำเร็จอย่างดี ผมก็ไม่ค่อยอยากดู Beowulf เท่าไหร่นัก เพราะดูแค่หนังตัวอย่างแล้ว...

    1.เรย์ วินสโตน พระเอกดูไม่มีรัศมีนักแสดงนำ ไม่เท่ห์ ไม่น่าติดตาม

    2.ผมไม่ชอบเทคนิค Motion capture ประมาณคนจริงก็ไม่ใช่ การ์ตูนก็ไม่เชิง ที่ผกก.กำลังปลื้มเท่าไหร่นัก เพราะรู้สึกว่า มันหลอกตา เช่น เวลาต้องเห็นท่านเซอร์แอนโทนี่หน้าเด้งขึ้นจอ ฯลฯ ภาพในหนังเทคนิคแบบนี้เหมือนกับนั่งดูไตเติลเกมส์สามมิติที่สร้างออกมาแบบเหมือนจริง แต่มันไม่ให้อารมณ์เหมือนดูหนัง ผมเองรู้สึกว่าหนังการ์ตูนแท้ๆที่วาดแบบสองมิติยังสื่อสารอารมณ์ให้คนดูได้ดีกว่า

    แต่ Beowulf ก็ทำให้ผมสนุกมากกว่าที่คิด และสนุกมากกว่าหนังเทคนิคเดียวกันอย่าง Polar express ก็ตรงที่ Beowulf ดูเหมือนจะสร้างมาเพื่อรองรับความเป็น 3 มิติโดยเฉพาะ จนผมต้องอุทาน อู้วว้าว ในใจตลอดเวลาที่เห็น แองเจลิน่า โจลี่ นูนเว้ามานอกจอ หรือ ต้องหลีกหลบกระสุน หลบต้นไม้ ที่เหมือนจะพุ่งเข้าใส่ตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงมังกรไล่ล่าท้ายเรื่อง (ผกก.ก็ดูสนุกกับการเล่นกับเป้ามิใช่น้อย สังเกตตอนต้นที่หลบเป้าเป็นว่าเล่น กับ ตอนท้ายที่ล่อเป้าตัวละครให้คนดูเสียวตาม)

    ...บทหนังของBeowulf ก็จัดได้ว่าทำออกมาสะท้อนแง่มุมดีๆหลายด้าน ไม่ได้สักแต่จะขายความมันอย่างเดียว ตั้งแต่ตอนเริ่มเรื่องที่หนังพยายามพูดถึง 'ความเป็นฮีโร่' ของทั้ง Beowulf และ ราชาโฮรธการ์ ก่อนที่หนังจะเฉลยถึงความจริงที่ตัวละครปิดบังไว้ แล้วเราก็พบว่า ความเป็นฮีโร่ ของ ราชาโฮรธการ์เป็นเพียงเปลือกจอมปลอม ส่วน ความเป็นฮีโร่ ที่ผ่านมาของ Beowulf คือของจริง

    แต่เพราะความอ่อนแอที่อยากครอบครองอำนาจ ความอ่อนแอที่กลัวจะพ่ายแพ้ ความอ่อนแอที่อยากเป็นฮีโร่มากขึ้น กลับทำลาย สถานภาพฮีโร่ของจริง เพื่อ แลกกับ เสียงสรรเสริญและอำนาจ เช่นเดียวกับ ราชาโฮรธการ์ ที่แม้จะรายล้อมไปด้วยผู้คนแซ่ซ้องสรรเสริญ แต่ ความจริงที่เป็นเหมือนมโนธรรมในใจ ก็กัดกินให้ต้องรู้สึกผิดและไม่สามารถมีความสุขได้เลย

    และก็พลอยทำให้ คนข้างๆอย่างราชินี ก็ต้องมีชีวิตอย่างทุกข์ระทมอย่างน่าสงสาร เมื่อคู่ครองของเธอล้วนต้องตกไปเป็นของ มารดาของเกรนเดล และ ตกไปเป็นทาสของอำนาจจอมปลอม อาศัยอยู่คำลวงตลอดมา



    ...โรเบิร์ต เซเมคิส เป็น หนึ่งในผู้กำกับที่อยู่แถวหน้าที่สามารถรับประกันกับเราว่า หนังของเขาจะมีความสนุกอยู่ในตัว เขามักจะทดลองหาเทคนิคใหม่ๆมาทำให้หนังของตัวเองสนุกสนานอยู่เสมอ อย่าง คนอยู่กับการ์ตูนใน Who Framed Roger Rabbit หรือ CG ใหม่ๆแปลกตาใน Back to the future กับ Death Becomes Her และล่าสุดก็กำลังเห่อ กับ Motion capture

    แต่ ผมอยากกลับไปดูหนังแบบ ที่เขาฉายความเป็นนักเล่าเรื่องที่เก่งกาจอย่างใน Contact ที่กลายเป็นหนังไซไฟคลาสสิคในใจใครหลายคน , What Lies Beneath หนังระทึกขวัญที่ทำเราขวัญผวา หรือ Cast Away หนังที่ทั้งเกือบทั้งเรื่องมีทอม แฮงค์เล่นอยู่คนดียว


    ... แม้จะมีรายชื่อนักแสดงดังๆหลายคนแต่นักแสดงในเรื่องนี้ไม่มีใครเด่นเป็นพิเศษ เพราะ ปัจจัยที่ทำให้ ทำให้คนดูประทับใจเปอร์เซ็นต์ส่วนใหญ่มาจาก เทคนิคการถ่ายทำที่สอดรับกับเทคนิคสามมิติ ดังนั้น ถ้าดูหนังเรื่องนี้แบบธรรมดา เชื่อได้เลยว่า อรรถรสจะลดลงกว่าครึ่ง

    ส่วนตัวแล้วมองว่า ถ้าหนังเรื่องนี้เลือกไปซักทางเป็นแอนิเมชั่น หรือ ไม่ก็เป็นหนังคนแสดง ก็ไม่น่าจะให้อะไรด้อยไปกว่าการเหนื่อยสองต่อถ่ายคนทีนึงแล้วเอามาทำเป็นแอนิเมชั่นอีกรอบ ซึ่งทั้งเสียตังค์เสียเวลามากกว่าเดิม แถมยังอาจรู้สึก อิน รู้สึกจริง มีส่วนร่วมมากกว่า แบบนี้


    สรุป ... ถ้าต้องให้คะแนนหรือให้ดาวหนังเรื่องนี้ คะแนนพิเศษของหนังจะมาจากความตื่นเต้นตื่นตาผ่านแว่นสามมิติที่ได้ดู Beowulf จะเป็นหนึ่งในหนังที่แนะนำว่าอย่าพลาดโอกาสที่จะได้รับประสบการณ์ตื่นเต้นผ่านเทคโนโลยีใหม่ๆ แต่ ถ้าดูแบบโรงธรรมดา Beowulf ก็อยู่ในกลุ่มที่ว่าไม่เสียดายตังค์ แต่จะรอดูแผ่นได้ก็ประหยัดดี

    ดังนั้น ถ้าคิดจะดู Beowulf ในโรงหนังแนะว่า สามมิติ เท่านั้นนนนน

    ...เช่นเดียวกับถ้าจะดู Lust ,caution ก็ต้อง House เท่านั้นนนนนน (คือดูที่โรงเฮ้าส์ ไม่ใช่รอดูที่บ้านนะฮ่าฮ่าฮ่า)


    ประสบการณ์สามมิติ : หลังจากเคยทดลองประสบการณ์สามมิติมาแล้วจาก ไอแมกซ์ ตอน Superman returns แต่ไม่ปลื้มเท่าไหร่ เพราะ ตอนนั้นมีฉากใส่แว่นแค่บางช่วง ส่วนเบาะที่นั่งไอแมกซ์ก็ทำให้ต้องนั่งเกร็งติดเบาะ เพราะ ที่ว่างระหว่างแถวก็แคบ ตัวเบาะก็เล็ก งวดนี้ได้โอกาสลอง โรงสามมิติที่ SFW ปรากฏว่า เข้าท่ากว่าเยอะ เพราะถึงจอจะไม่ใหญ่ยักษ์แต่เบาะที่นั่งก็กว้างขวางนั่งสบาย ภาพก็คมชัดใสกิ๊ง ซับไตเติ้ลคมเปรี๊ยะ คุ้มค่าตั๋ว 220 บาท (ถ้าไอแมกซ์ที่นั่งตำแหน่งดีๆต้องเป็น 300 บาท)

    แก้ไขเมื่อ 07 ธ.ค. 50 12:29:47

    จากคุณ : "ผมอยู่ข้างหลังคุณ" - [ 7 ธ.ค. 50 12:24:51 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | PanTown.com | BlogGang.com