| ชอบมาก ห้ามพลาด (18 คน) |
| ชอบ (28 คน) |
| เฉยๆ (4 คน) |
| ไม่ชอบ (3 คน) |
| ไม่ชอบมาก เสียดายตังค์ (0 คน) |
|
จำนวนผู้ร่วมโหวตทั้งหมด 53 คน |
... เลือกอ่านบทความนี้พร้อมความเห็นอื่นๆ และ ชวนมาแสดงความเห็นเพิ่มเติมที่ http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=aorta&month=25-12-2007&group=14&gblog=54
...สังเกตว่าหนังหรือนิยายแนว ไขปริศนาล่าสมบัติ ถ้าอยากประสบความสำเร็จ ควรผูกเรื่องจาก ความจริงที่คนดูส่วนใหญ่รู้จัก เช่น จอกศักดิ์สิทธิ์ , ภาพวาดโมนาลิซ่า ฯลฯ ไม่ใช่ ผูกเรื่องมาจาก พินัยกรรมสมบัติของยายแม้น หรือ จอมปลวกข้างบ้านลุงคำมี ฯลฯ หลังจากนั้น การปะติดปะต่อจินตนาการมาใส่ ก็ควรจะไม่ง่ายจนเกินไปชนิดเด็กป.4 ดูก็รู้ว่า ขุมทรัพย์ซ่อนอยู่ที่ไหน หรือ ยากแสนสาหัส เพราะคนดูจะไม่รู้สึกสนุกตาม
คนดูหรือคนอ่านจะรู้สึกสนุกก็ต่อเมื่อพวกเขา(เรา)สามารถไขปริศนาได้บ้างและก็ได้ตามพระเอกไปแก้ต่อ
ดังนั้นหนังในแนว ไขปริศนาล่าขุมสมบัติ คนเขียนบทจำต้องมี ความฉลาดยำ คือ นำเอาความจริงที่ประชาชนรับรู้ มายำผสมกับ ความลับที่ยังไม่ได้รับการไข แล้วหาทางเชื่อมโยงสองส่วนนี้โดยอาศัย ข้อมูล มาคลุกเคล้ากัน คนหนึ่งที่เก่งงานยำแบบนี้ย่อมหนีไม่พ้น เจ้าพ่อ conspiracy theory แห่งแวดวงนวนิยายยุคใหม่ อย่าง แดน บราวน์
เพียงแต่ผลงานชิ้นเอกอย่าง The Davinci Code ของ แดน บราวน์ เมื่อถูกเปลี่ยนมาเป็นหนัง เสน่ห์ของการไขปริศนาถูกลดทอนไปมาก แถม ปริศนาที่นำมาไขคนส่วนใหญ่ก็รู้มาก่อนแล้วจากฉบับนิยาย ในขณะที่ National Treasure ภาคแรกแม้จะเป็นหนังตลาดสุดขีด มีคุณค่าสาระน้อยกว่า แต่ กลับให้ความบันเทิงได้มากกว่า ดูสนุกมากกว่า
ยิ่งสำหรับผมแล้วนิยมให้คะแนน ความสนุก มากพอๆกับ ความดีงามของหนัง เพราะการทำหนังให้สนุกมากพอจนลืมเหตุผล ลืมจุดอ่อนต่างๆ ไม่ใช่เรื่องง่าย ตัวอย่างหนังที่ สนุกแบบพร้อมจะมองข้ามจุดอ่อน คือ Cellular และแน่นอนว่า National Treasure ก็อยู่ในกลุ่มนี้
...ความสนุกของ National Treasure เป็น สูตรผสมที่ลงตัวระหว่าง อารมณ์ขัน ที่พอเหมาะพอเจาะ + ปริศนา ที่ชวนติดตามชวนอยากรู้อยากเห็น + ดาราเหมาะสมกับบทบาทที่เขียนไว้
... ภาคสองจึงไม่ใช่เรื่องยากที่จะยึดสูตรหลักจากภาคแรก แถมยัง มีแววจะเด็ดกว่าเมื่อเปิดตัวที่เหตุการณ์น่าสนใจ นั่นคือ คดีลอบสังหารอับราฮัม ลินคอร์น ซึ่งถูกนำไปโยงสู่ข้อกล่าวหาว่า เบน เกตต์ พระเอกของเรามีปู่ทวดพัวพันกับการลอบสังหารครั้งนี้ พระเอกจึงต้องหาทางแกะรอยไขปริศนาเพื่อแก้ต่างให้กับครอบครัว
เริ่มต้นอย่างน่าสนใจ แต่ น่าเสียดาย ที่พอดำเนินเรื่องไป ทิศทางของหนังก็ซ้ำๆกับภาคที่แล้ว คือ เราเดาได้ง่ายๆว่ารูปแบบจะดำเนินไปแบบนี้
ปริศนา 1 --> ปริศนา 2 --> ปริศนา 3 , 4 .. มีตัวร้ายเข้ามาแทรก ตัวร้ายติดตามให้พระเอกหาสมบัติหรือลายแทง พอพระเอกไขได้ ผู้ร้ายจับตัวคนสนิทเป็นประกัน พระเอกยอมด้วยการแลกตัวประกันกับการเข้าไปหาสมบัติด้วยกันตอนท้าย
แถมสิ่งที่ลดทอนความสนุกไปจากภาคแรกคือ ปริศนาในภาคนี้ยากเหลือเกินสำหรับคนดู แต่ หมูเหลือเกิน สำหรับพระเอก แทบจะไม่มีอุปสรรคใดๆ การไขปริศนาออกง่ายๆแบบเป๊าะๆๆจนไม่ต้องคิดไม่ต้องลุ้น ซึ่งอย่างที่เขียนไว้ตอนต้นแล้วว่า หนังแนวนี้ ปริศนาไม่ควรยากหรือง่ายจนเกินไป เพราะ เราคนดูที่ไอคิวห่างจากพระเอกมาก จะไม่สนุก ไม่ได้ลุ้น
ความซ้ำรอยจนสนุกน้อยกว่าภาคแรก ได้รับการชดเชยตอนท้าย เพราะ หากยังจำกันได้ ความสนุกของหนังภาคแรก จะลดลงช่วงใกล้จะจบ ตอนที่กลุ่มตัวละครไปผจญภัยในขุมสมบัติ ซึ่งไม่เหลือปริศนา ไม่ค่อยเร้าใจและจบเร็วไปนิด ในขณะที่ภาคสอง ช่วงเข้าไปหาขุมสมบัติตอนท้ายนี้เอง ที่ทำออกมาได้ดีกว่าภาคแรก ช่วงเวลาหลังจากเข้าไปในวิหารทองคำ หนังทำออกมาได้สนุก ตื่นเต้นเร้าใจ และ อลังการให้อารมณ์น้องๆอินเดียน่าโจนส์เวลาบุกเข้าไปในวิหารอะไรซักอย่าง
... ภาคนี้ นอกจากรายเก่าๆที่มากันครบทั้ง นิโคลาส เคจ , ไดแอน ครูเกอร์ , จอห์น วอยต์ , ฮาวี่ ไคเทล ยังได้ดาราหญ่าย มาเสริมบารมีอีกสองคน นั่นคือ เดอะควีน เฮเลน มิแรน ที่มารับบทสบายๆบ้างหลังจากหนักๆมาหลายเรื่อง เธอมาช่วยสร้างสีสันใหม่ๆให้กับหนังได้ดี และ ทำให้หนังเรื่องนี้ เป็น หนังครอบครัวมากยิ่งขึ้น บวกกับตัวร้ายรายใหม่ เอ๊ด แฮริส ที่น่าผิดหวังตรงให้การแสดงเหมือนทุกๆเรื่องที่คนดูชินตาเวลาเห็นเขาเป็นผู้ร้าย
เสน่ห์อย่างหนึ่งนอกจากรวมพลดาราดังๆ ที่ทำให้ หนังล่าขุมสมบัติเรื่องนี้ ดูแล้วยิ้มไปได้ตลอดทั้งเรื่อง คือ การวางบุคลิกตัวละคร ของ พระเอกให้มีอารมณ์ขันมั่นใจในตัวเองสูง , นางเอกโดยเฉพาะในภาคแรก ที่เจ้าของบล็อกมอบร้อยคะแนนเต็มสำหรับ ความสวยสาว ฉลาดปราดเปรียว , พระรองที่ขโมยซีนได้เสมอ บวก กับ การจับคู่ที่เข้าล็อกเป็นเคมีที่ลงตัว เช่น คนเก่งอีโก้สูงประกบคู่หูคู่ฮา + ลีลาพ่อแง่:-)อนของ รุ่นดึก กับ รุ่นเด็ก
...หากผู้กำกับหนังไทยสักเรื่องที่คิดจะสร้าง ความเป็นไทย เข้าไปในหนัง ไม่จำเป็นเลยที่จะต้องยัด ฉากวัดไทย หรือ ฟ้อนเล็บ เพียงเพื่อให้มี ความเป็นไทยแบบไม่แนบเนียน ลองมาดูตัวอย่าง National Treasure ที่แม้จะเป็นหนังโกอินเตอร์ แต่ก็จัดได้ว่า แฝง โลกด้านบวกของความเป็นอเมริกัน แบบเต็มๆ
เป็นหนังที่คนดูชาวอเมริกันจะอินและชื่นชอบประทับใจได้มากกว่าคนชาติอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น เหตุเริ่มต้นของทั้งสองภาค ล้วนผูกพันกับคนอเมริกันโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็น คำประกาศอิสรภาพ หรือ เหตุการณ์ลอบสังหารอับราฮัม ลินคอร์น หรือ การวาดภาพผู้นำดีๆเท่ๆฉลาดๆแบบไม่โอเว่อร์ หรือ จะเป็น การวาดฝันมีขุมทรัพย์เป็นเหมือนความฝันให้ได้หวังเล่นๆต่อไป
สรุป ... ดูสนุก (แต่ภาคแรกสนุกกว่า) ดูได้เพลินๆ ไม่น่าเสียดายตังค์ และ ยังอยากให้สร้างภาคต่อๆไปออกมาอีก
ถ้า National Treasure: Book of Secrets ออกฉายโดยไม่เคยมีภาคแรกมาก่อน ผมจะยกให้เป็นหนังไขปริศนาล่าขุมสมบัติ ที่จ๊าบสุดๆในยุคมิลเลนเนี่ยม แต่บังเอิญว่า ภาคแรกของหนังเรื่องนี้ มีแทบทุกอย่างที่หนังภาคสองมี จึงทำให้ภาคสองเป็นแค่ หนังไขปริศนาล่าขุมสมบัติที่ดูได้เพลินๆ กระนั้น ก็ยังจัดว่าดูสนุกได้ฆ่าเวลาระหว่างรอ Indiana jones 4 หนังล่าขุมสมบัติในตำนาน ที่จะกลับมาทวงบัลลังค์ในปีหน้า
หมายเหตุ 1 : นิโคลาส เคจ ควรรู้ตัวว่า ทรงผมในหนังเรื่องนี้ เหมาะ มากกว่าทรงที่เล่นใน Next 
หมายเหตุ 2 : ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ความฉลาด บวกกับ สมบัติมหาศาลที่ เบน เกตต์ ได้มา ย่อมทำให้ลูกของเขามีชี่อว่า
บิล เกตต์
บทความที่อ้างอิงถึงในกระทู้
(บทความเหล่านี้เคยนำมาลงในกระทู้แล้ว)
The Da Vinci Code , ศรัทธาที่บิดเบือน
http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=aorta&month=05-2006&date=21&group=1&blog=1
Cellular, สนุกเป็นบ้า แอคชั่นแอบฮา
http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=aorta&month=01-2005&date=25&group=1&blog=20
จากคุณ :
"ผมอยู่ข้างหลังคุณ" 
- [
25 ธ.ค. 50 17:17:30
]
<<<<<<<<< ดูแล้วมาคุยกัน ... National Treasure : Book of Secrets , สนุกดี (แต่เคยมี สนุกกว่า) >>>>>>>>>
ความคิดเห็นที่ 1
