Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    ไอ้หมื่นย้อนรอยรำลึกครบรอบ 10 ปี Titanic (1997), จาก เรือที่ไม่มีวันล่ม สู่ หนัง ที่ไม่มีวันจม

    แนวหนัง ชีวิต + โรแมนติก + ภัยพิบัติ ปนแอ็กชันเข้าไปอีก

    ตามคำเรียกร้องครับ เนื่องในโอกาสครบรอบ 10 ปีที่หนังชู้รักเรือล่ม Titanic เข้าฉายเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม ปี 1997 ... โอ้ นี่เวลาผ่านไปขนาดนี้แล้วเหรอเนี่ย ...นึกแล้วความแก่เข้ามาเกาะในบัดดล

    จำได้ตอนดูนั่นยังมัธยมเลยนะครับ แม้จะตอนปลายอย่างแรงก็เถอะ พูดถึงความประทับใจก็ไม่ใช่น้อย หนังมันยิ่งใหญ่ ออกมายาวจุใจ 3 ชั่วโมง 15 นาที สร้างกระแสฟีเวอร์มากมายเต็มไปหมดจนแบ่งพรรคพวกกันได้เลยว่า คนส่วนหนึ่งดูแล้วชอบใจ คลั่งไคล้หนังบ้าง นายลีโอบ้าง ท่ายืนตรงหัวเรือก็ฮิตกันไปพักหนึ่ง ส่วนคนอีกกลุ่มก็รุมสับหมั่นไส้หนังไปก็ไม่น้อย ที่ไม่ชอบก็เยอะ แต่ไม่ว่าจะอย่างไรหนังเรื่องนี้ก็ถือเป็นกระแสที่เกิดแบบนานๆ ครั้งชนิดที่จนปัจจุบันนี่ยังไม่มีหนังเรื่องหนังก่อกระแสมหาประลัยฟีเวอร์ได้ขนาดนั้นอีกเลย

    มาครับ เราย้อนมารำลึกถึงหนังแห่งเรือที่ไม่มีวันจมกัน

    เรื่องราวของ ไททานิค เรือสำราญลำยักษ์ที่ได้ฉายาว่าไม่มีวันจม แต่กลับจมตั้งแต่คราแรกที่ออกจากท่านี่เป็นที่กล่าวขวัญกันมานาน ไม่ว่าจะในแง่มุมของโศกนาฏกรรม ภัยพิบัติหรือประวัติศาสตร์ สร้างเป็นหนังก็ทำไว้หลายรอบ และรอบหนึ่งที่ได้ชื่อว่าทำออกมาดีจนเข้าขั้นน่าประทับใจก็คือ A Night to Remember (1958) ที่กำกับโดย Roy Ward Baker คนทำหนังชาวอังกฤษที่ผลงานส่วนใหญ่มักจะเป็นหนังสยอง ส่วนความเยี่ยมของหนังในคราวนั้นก็ส่งให้ A Night to Remember คว้ารางวัลลูกโลกทองคำสาขาภาพยนตร์ต่างประเทศมาได้ (เพราะหนังเป็นของอังกฤษ ไม่ใช่ของมะกัน)

    จากนั้นประมาณ 32 ปีต่อมา หนังก็ไปเตะตาตรึงใจผู้กำกับชาวแคนาดารายหนึ่งเข้า ... เขาชื่อว่า James Cameron

    ช่วงนั้นเฮีย James แกเพิ่งเสร็จจากงานหนังโกยเงิน Terminator 2: Judgment Day ไปหมาดๆ แล้วในคืนหนึ่งระหว่างนั่งพักก็มีโอกาสได้ดู A Night to Remember พอดี เท่านั้นล่ะครับความคิดที่จะนำเอาเรื่องราวของเรือยักษ์ลำนี้มาถ่ายทอดอีกครั้งในศตวรรษที่ 20 ก็เริ่มต้น แต่ก็เป็นแค่ในระดับความคิด เพราะช่วงนั้นแกมีโปรเจคท์ True Lies จ่อคิวอยู่ แต่ระหว่างนั้นเฮียแกก็ยังคงมั่นรวบรวมข้อมูลและวางโครงเรื่องไปพลางๆ เป็นเวลาเกือบ 5 ปีทีเดียว

    โครงการหนัง Titanic เริ่มเข้ารูปเข้ารอยจริงๆ ก็ปาเข้าไปวันที่ 1 กันยายน ปี 1995 โดยเนื้อหาหลักๆ เฮีย James ได้ผูกขึ้นโดยเอาแง่มุมเกี่ยวกับคุณธรรม จริยธรรมของคน พวกความต่างชนชั้นที่เกิดขึ้นในยามนั้น (แม้กระทั่งยามนี้ก็ยังเกิดอยู่) พร้อมทั้งตั้งใจจะถ่ายทอดหน้าหนึ่งของประวัติศาสตร์ลงบนแผ่นฟิล์ม แต่เฮีย James ก็เกิดคำถามขึ้นว่าครั้นจะเล่าเรื่องต่างๆ แบบตามลำดับ มันก็ไม่ต่างจากสารคดีตามช่อง Discovery มันควรมีอะไรที่สามารถเพิ่มรสชาติความเป็นภาพยนตร์ให้หนังได้

    แล้วเครื่องปรุงตัวเชื่อมระหว่างประวัติศาสตร์และความบันเทิงที่ Cameron ใช้ ก็คือภาษาสากลที่เชื่อมหลายสิ่งให้เข้ากันมานักต่อนัก ... ความรัก นั่นเอง

    การที่ Cameron ใส่เรื่องราว Love Story ระหว่างแจ๊ค ดอว์สัน (Leonardo DiCaprio) พ่อหนุ่มยากจนชนชั้นกรรมมาชีพ กับโรส เดวิต บูเคเตอร์ (Kate Winslet) สาวไฮโซฐานะสูงในสังคม ไม่ใช่เป็นการสักแต่ใส่ให้เรื่องราวหวานขมกลมกล่อมแต่เพียงอย่างเดียวครับ แกใส่เพื่อสื่อถึงหลายสิ่ง ไม่ว่าจะเน้นเรื่องความต่างของชนชั้นให้ชัดขึ้น ยังเป็นการสร้างตัวละครให้คนดูได้ผูกพันไปกับความรักที่งอกเงยอย่างรวดเร็วของคนจากสองสังคม แต่กลับต้องมาประสบพบโศกนาฏกรรมในเรื่อง

    แล้วยังเป็นการตอบคำถามที่ Cameron ตั้งไว้ตั้งแต่ตอนไอเดียหนังยังเป็นแค่วุ้นว่า “ผมจะทำหนังว่าด้วยความสูญเสีย แต่จะทำอย่างไรให้คนดูรู้สึกสูญเสียตามไปด้วยล่ะ?” ... ก็ทำให้คนดูมีความรู้สึกผูกพันกับตัวละครก่อนจะนำพาพวกเขาไปพบกับหายนะยังไงล่ะ เพียงเท่านี้ก็ได้น้ำตาจากผู้ชมกว่าครึ่ง

    เมื่อบทต่างๆ ลงล็อค Cameron ก็เริ่มเดินงานโดยการเข้าหาค่ายหนัง 20th Century Fox เพื่อติดต่อขอเจรจาให้ออกทุนให้ตามระเบียบปฏิบัติของนักทำหนัง โดยทุนสร้างงวดแรกที่ตั้งไว้ก็มากถึง 135 ล้านเหรียญ ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติของ Cameron ครับ ทำหนังลงทุนต่ำกว่าร้อยล้านล่ะไม่ได้อยู่แล้ว แต่เงินทุนที่ว่านี่ไม่ได้เอาไปละลายน้ำทะเล เจตนาของ Cameron ก็เพื่อจะจัดแจงลงไปถ่ายทำภาพเรือไททานิคของจริงที่นอนนิ่งสงบอยู่ใต้ทะเลลึกมาใส่ลงในหนังด้วย เพื่อความครบถ้วนทางอารมณ์ อีกทั้งก็เป็นความฝันของเฮียแกอยู่แล้วครับที่จะได้ไปสัมผัสกับเรือไททานิคของจริง ว่ากันว่าเฮียแกไปขลุกอยู่บนเรือไททานิคนานยิ่งกว่าผู้โดยสารคนไหนๆ บนเรือจริงเสียอีก

    ส่วนเงินนอกจากนั้นก็เพื่อเอามาลงทุนฉากให้ยิ่งใหญ่ เรียกว่าหลายอย่างสร้างจริง ขนาดเท่าของจริงเพื่อความสมจริงอย่างสุดๆ ... แหม Cameron ซะอย่าง ทำจำลองหลอกตาประชาชีไม่เป็น

    ไปๆ มาๆ ทุนก็บานตะเกียงมาอีก 65 ล้านเหรียญ เบ็ดเสร็จทำให้หนังกลายเป็นยอดภาพยนตร์ลงทุนเกิน 200 ล้านเรื่องแรกของฮอลลีวู้ด นี่ยังไม่รวมค่าโปรโมตโฆษณาอีกนะ (ถ้ารวมก็ร่วมๆ 300 ล้านได้)

    แม้จะลงเงินไปเยอะ แต่คุ้มทุกเหรียญ ไม่ได้เอาไปละลายน้ำทะเลเล่นอย่างที่ใครๆ ปรามาสไว้ในตอนเริ่ม

    ด้านการคัดนักแสดงก็ยุ่งยากนิดหน่อย เพราะทาง Fox เองก็เกิดอยากจะจับเอาดาราคนโน้นคนนี้มารับบทแจ๊คกันจ้าละหวั่น โดยเฉพาะ Matthew McConaughey ที่ตอนนั้นชื่อร้อนได้ที่จาก A Time to Kill ตามด้วยอดีตหนูน้อยโดดเดี่ยวผู้น่ารักแห่ง Home Alone อย่าง Macaulay Culkin ก็มามีชื่ออยู่ในสารบบอยู่ระยะหนึ่ง อีกรายก็ Christian Bale พ่อแบทแมนคนล่าสุด ซึ่งรายหลังนี่มีโอกาส แต่ก็โดน Cameron สกัดดาวรุ่งด้วยเหตุผลว่าเขาต้องการดาราอเมริกันพันธุ์แท้มาเล่นบทแจ๊ค และดาราคนนั้นเฮียแกก็เล็งมานานมากๆ เขาก็คือ Leonardo DiCaprio ที่ Cameron ประทับใจเมื่อได้ดูผลงานของพ่อลีโอใน William Shakespeare's Romeo + Juliet ฉบับผู้กำกับ Baz Luhrmann เขาบอกกับตัวเองทันทีว่านายคนนี้แหละคือแจ๊ค ดอว์สันหนุ่มอเมริกันที่ชอบผจญภัย ไล่ล่าความฝัน

    เมื่อคัดพระเอกเสร็จก็ต้องต่อด้วยนางเอก ซึ่งดาราสาวคนแรกที่ Cameron หมายตาก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจาก Claire Danes เจ้าของบทจูเลียตคู่กับลีโอนั่นเอง แต่พอเฮียแกติดต่อไป Danes ก็ปฏิเสธเพราะเธออยากพักหลังจากโหมถ่ายทำ Romeo + Juliet อีกทั้งเธอยังเห็นว่าบทโรสนี่ก็ไม่ค่อยจะต่างกับบทจูเลียตเท่าไหร่ ว่าง่ายๆ คือไม่อยากเล่นบทคล้ายๆ ต่อกันสองเรื่องว่างั้นเถอะ

    เป้าหมายของ Cameron เลยต้องเปลี่ยน โดยมีตัวเลือกอย่าง Gwyneth Paltrow คอยท่า แต่ไปๆ มาๆ เฮียแกก็ต้องตาต้องใจ Kate Winslet ขึ้นมาแทน เพราะหน่วยก้าน ท่าทางเธอคนนี้ดูเหมาะจะเป็นคุณหนูไฮโซ แต่แววตาแฝงความเศร้าตามที่ Cameron วาดไว้ มิหนำซ้ำยังมีดีกรีเข้าชิงออสการ์จากหนัง Sense and Sensibility เป็นประกัน บทที่เธอได้เข้าชิงตอนนั้นก็เป็นคุณหนูผู้ดีย้อนยุคเช่นกัน

    Titanic เริ่มต้นด้วยฉากใต้น้ำ เมื่อนักล่าสมบัติใต้สมุทรนามว่า บร็อค โลเว็ตต์ (Bill Paxton) ทำการสำรวจซากเรือยักษ์เจ้าของชื่อเรื่องที่จมอยู่ใต้น้ำมาเกือบร้อยปี จุดหมายของการสำรวจครั้งนี้ไม่ได้เป็นไปเพื่อความก้าวหน้าทางวิทยาการหรือประวัติศาสตร์ หนังเฉลยในฉากต่อมาว่าบร็อคและพวกกำลังตามหาเพชรล้ำค่าที่ชื่อว่า หัวใจมหาสมุทร ที่ว่ากันว่ามีการพบครั้งสุดท้ายบนเรือลำนี้ หากบร็อคเจอล่ะก็ เงินทองและความมั่งคั่งจะไหลมาอย่างไม่ต้องสงสัย

    ผลการค้นหาก็ไม่พบเจอเพชรแต่ก็ไม่ถึงกับล้มเหลวซะทีเดียว แม้จะไม่เจอเพชรแต่ก็เจอเงื่อนงำเป็นภาพวาดของหญิงสาวนางหนึ่งนอนเปลือยกาย และสวมเพชรหัวใจมหาสมุทรไว้ บร็อคเลยออกประกาศตามหา อันนำเขามา
    พบกับหญิงชราอายุ 101 ปีที่ชื่อโรส แคลเวิร์ต (Gloria Stuart) และเธอคือผู้เปิดเผยเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นบนเรือไททานิคตั้งแต่มันออกจากท่าและจมลงกลางทะเลแอตแลนติค เวลา 02.30 น.ของวันที่ 15 เมษายน 1912 พร้อมทั้งเล่าเรื่องความรักที่เกิดขึ้นระหว่างเธอและแจ๊ค หนุ่มอเมริกันพเนจรที่ทำให้ชีวิตของเธอไม่มีวันเหมือนเดิมอีกต่อไป

    ว่ากันโดยพล็อตแล้วต้องยอมรับว่าการผูกเรื่องและนำเสนอค่อนข้างง่าย ไม่ได้มีความซับซ้อนมากมาย Cameron ซึ่งลงมือเขียนบทเองจับเอาเรื่องทางประวัติศาสตร์ของเรือมาเล่า แล้วก็เอาเรื่องรักๆ ใคร่ๆ เคลือบลงไปอีกชั้นให้หีบห่อดูน่าสนใจ เพราะอย่างที่ว่าข้างต้น ครั้นจะมาทำหนังที่เล่าๆๆ ข้อมูลเพียงอย่างเดียว สู้ดูสารคดีอยู่กับบ้านไม่ดีกว่าหรือ Cameron เลยต้องเอาเรื่องราวที่เขาถึงง่ายมาบอกเล่าดึงความสนใจ และงานนี้เขาก็ทำได้เสียด้วยครับ เพราะการเล่าเรื่องบนเรือก็ดี การเล่าเรื่องความรักของคู่หนุ่มสาวแม้อาจจะไม่ได้ลึกซึ้งกินใจเท่าหนังเกาหลีหรือแดนปลาดิบแต่ก็นับว่าตรงไปตรงมา น่าเชื่อได้ว่าแจ๊คกับโรสมีใจให้กัน ไม่ใช่แค่รักกับวูบวาบ

    ก็ลองว่าต่างฝ่ายต่างยอมสละชีวิตให้กันขนาดนี้ คงมากกว่าวูบวาบหลายขุมนัก ... ในใจก็นึกขึ้นมาเลยว่างานนี้รักแท้โดยไม่ต้องพึ่งพาผลิตภัณฑ์บำรุงผิวชนิดไหนๆ เลย ตรงกันข้ามไอ้ที่โฆษณาว่าถ้าใช้ผลิตภัณฑ์นี้แล้วจะเจอรักแท้ ดูยังไงก็ไม่เชื่อว่ามันคือรักแท้ ... นี่ผมนอกประเด็นนะครับอย่าถือสา

    แม้พล็อตเรื่องจะง่ายชนิดเดาได้ แต่ในความคิดผมไอ้พล็อตแบบนี้แหละเข้าถึงทุกชนชั้นตั้งแต่คนมีตังค์ไปจนถึงรากญ้า และแทบจะบอกได้เลยว่าชนชั้นรากหญ้านี่แหละชอบนักล่ะเรื่องรักๆ ใคร่ๆ แบบเทพนิยายทำนองเนี้ย ดังนั้นหากว่ากันถึงการตลาดแล้ว Cameron จับทางได้ฉลาด และผลก็เป็นไปตามนั้นครับ หนังได้เงินได้ทองได้ใจคนทั่วไปหมด

     
     

    จากคุณ : เทพบุตรตบะแตก!! - [ 28 ธ.ค. 50 02:13:37 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom