ความคิดเห็นที่ 4
เมื่อสักครู่นี้ผมเข้าไปดูที่หลังไมค์ของ ดร คลองตาล แล้ว เดี๋ยวผมจะตอบอีกครั้งหนึ่ง เพราะจำกัดไม่เกิน 1000 อักษร ครับ ขอตอบแบบภาพรวมเลยละกัน
หนังตัวอย่างที่หลังจากหนังเรื่องเต็มเข้าฉายแล้ว ทางโรงก็จะถอดออกแล้วม้วนเก็บไว้เพื่อรอส่ง ซึ่งมี 2 ทาง คือ ส่งคืนบริษัทผู้สร้าง (เฉพาะใน กทม.) หรือไม่ก็ขายต่อไปยังหนังกลางแปลง (เฉพาะสายหนังทั้งในกรุงเทพ ฯ หรือในต่างจังหวัด) ซึ่งมีทั้งขายเหมายกทั้งล็อต ล็อตละ 10 - 15 เรื่องก็ว่ากันไป ซึ่งถ้านับเป็นรายเรื่องถือว่าค่อนข้างแพง หรือแบบแยกเรื่องไป ราคาเรื่องละ 100 - 150 บาทครับ ซึ่งราคานี้เฉพาะในกรุงเทพ ฯ นะครับ ถ้าเป็นสายหนังต่างจังหวัดจะแพงกว่ากันนิดหน่อยหรือเท่าตัว
คำว่า หนังตัวอย่าง หรือ Trailer ก็คือ หนังที่ตัดมาจากหนังเรื่องเต็ม เพื่อบอกให้ทราบถึงโปรแกรมหน้า หรือเป็นการเปิดตัว (Teaser) มีวิธีการนำเสนอ 2 แบบ ครับ
แบบที่ 1 คือ แบบปกติที่ฉายกันในโรงทั่วไป คือ ทางบริษัทผู้สร้างจะส่งมาให้ทางโรงหรือสายหนังโดยตรง โดยบรรจุลงในกล่องกระดาษซึ่งมาจากแล็บที่พิมพ์ฟิล์มนั่นเอง ซึ่งเราต้องมาตัดหัวหนังและท้ายหนังออกอีกที
แบบที่ 2 คือ แปะมากับตัวหนังเรื่อง ซึ่งทางบริษัทผู้สร้างจะนำหนังตัวอย่างโปรแกรมหน้าหรืออาจจะเป็นทีเซอร์ของหนังเรื่องนั้นมาต่อเพื่อโปรโมทร่วมกับหนังเรื่องยาวที่เป็นของบริษัทเดียวกัน กลายเป็นว่า พอเพลงสรรเสริญ ฯ จบ คุณก็จะได้ชมตัวอย่างก่อนชมหนังเรื่องยาวต่อกันไปเลย ยกตัวอย่างเช่น ตัวอย่างหนังปะหัว เรื่อง เพื่อนข้างถนน (ชื่อเดิมของ มะหมา 4 ขาครับ)กับ หนังเรื่อง ล่า ท้า ผี เป็นต้น
หนังตัวอย่างบางเรื่อง มี 2 หรือ 3 เวอร์ชั่น ขึ้นอยู่กับทางบริษัทผู้สร้างด้วยครับ
เท่าที่ผมจัดซื้อมาจากร้านค้าแถวแฟลตบำเพ็ญบุญ พบว่า หนังตัวอย่างประเภท แอ๊คชั่น ผจญภัย หรือควบคู่กับตลก รวมทั้งหนังไทยที่ดัง ๆ และทำเงิน หรือหนังการ์ตูนแอนิเมชั่นจะเป็นฟิล์มหนังตัวอย่างที่ต้องรีบสั่งจองทันที เพราะบรรดาหนังกลางแปลงเค้าจะตะครุบไว้ก่อนเลย ส่วนหนังประเภทโรแมนติค ควบคู่เบาสมอง หรือประเภทเบาสมองล้วน ๆ หนังระทึกขวัญ รวมทั้งหนังที่ไม่ทำเงิน หนังเกาหลี กลุ่มนี้หนังกลางแปลงไม่ค่อยให้ความสนใจ หรือสนใจน้อยมาก ๆ แต่หนังกลุ่มเหล่านี้กลายเป็นผลพลอยได้สำหรับผม เพราะส่วนมากเมื่อทางร้านเก็บไว้นานจนกระทั่งลืม ท้ายที่สุดก็ต้องมาลดราคาเพียง 20 - 50 บาท บางทีก็ทางเจ้าของร้านก็ใจดียกให้ผมฟรี ๆ มาแล้วหลายครั้ง เช่น ไกรทอง (รุ่นวินัย ไกรบุตร) , แม่เบี้ย (รุ่นมะหมี่) ซึ่งทั้ง 2 เรื่องนี้ ผมเพิ่งได้มาตอนผมลงมาที่แฟลตเมื่อปลายเดือนพฤศจิกายนนี้เอง
สำหรับคนที่สนใจจะสะสมแบบผม ต้องถามตัวเองก่อนนะครับเพราะคุณคงไม่ได้เอาฟิล์มมาส่องดูกับแสงแดดหรือส่องกับหลอดไฟเป็นแน่ เพราะฟิล์มเหล่านี้มันต้องคู่กับเครื่องฉายภาพยนตร์นะครับ คุณถึงจะเห็นทั้งภาพ และได้ยินเสียง แต่ถ้าต้องการจะบอกรายละเอียดที่มากกว่านั้น เยอะครับจาระไนไม่ไหว และที่สำคัญถ้าจะซื้อเครื่องฉายก็ต้องชั่งใจให้ดี ๆ เพราะราคามันแพงเริ่มตั้งแต่หมื่นต้น ๆ ไปจนถึงเกินครึ่งของหลักแสน หรือาจจะเป็นหลักแสน และอาจจะมีเรื่องจุกจิกตามมาอีกมาก ถ้าจะออกเป็นหน่วยเหมือนพวกเขา บอกตรง ๆ เลยครับ จะเสี่ยงต่อการขาดทุนอย่างไม่เป็นท่า แล้วมาเจอเรื่องของ VCD , DVD ทั้งลิขสิทธิ์ ทั้งผี และล่าสุดตอนนี้ก็คือ พรบ. ภาพยนตร์และวิดีทัศน์ ที่ระบุไว้อย่างชัดเจนว่า หนังกลางแปลง คือ โรงภาพยนตร์ที่ถูกระบุนิยามไว้ในมาตรา 4 ของ พรบ. นี้ว่า "สถานที่กลางแจ้งสำหรับฉายภาพยนตร์" และหนังที่จะฉาย ต้องเป็นหนังประเภทส่งเสริมให้มีการดู และ ประเภทดูได้ทั่วไป เท่านั้นนะครับ เพราะหนังที่ระบุหรือจำกัดโดยอายุของผู้เข้าชมจะฉายกลางแปลงไม่ได้ ต้องฉายในโรงเพียงอย่างเดียว (ล่าสุดมีข่าวเข้ามาว่า ทางสายหนังรวมไปถึงผู้ประกอบการที่เกี่ยวกับหนังกลางแปลงก็กำลังหาทางต่อรอง โดยจะให้ฉายหนังที่ระบุหรือจำกัดโดยอายุของผู้เข้าชม ต้องฉายในเวลาดึกซึ่งเป็นเรื่องที่ 2 ต่อจากเรื่องแรกที่เป็นหนังประเภทส่งเสริมให้มีการดู หรือประเภทดูได้ทั่วไป เพราะจะเป็นการสร้างความลำบากให้กับพวกเขาซึ่งต้องมานั่งคัดกรองผู้ชมอีก แต่จะเป็นจริงในเชิงปฏิบัติได้หรือไม่นั้นต้องติดตามกันต่อไป) แต่เชื่อได้เลยครับว่า หนังกลางแปลง ตอนนี้ตกอยู่ในสภาพเหมือนคนป่วยที่ต้องอยู่ในเครื่องช่วยหายใจ และอาจจะเป็นเพียงแค่บันทึกทางสังคมและวัฒนธรรมที่รอวันเลือนลางไป
แต่ถ้าสำหรับใครที่โชคดี อาจจะได้รับมรดกจากหนังกลางแปลง หรือซื้อมาไว้ก่อนอยู่แล้วเพื่อดูกันในบ้าน ก็ไม่มีปัญหานะครับ อารมณ์ในการชมคนละแบบไม่ว่าจะเป็นฟิล์มหรือวิดีโอโปรเจคเตอร์ ถ้าเป็นเครื่องที่ใช้ฟิล์ม 8 มม. หรือ 16 มม. ผมไม่แนะนำนะครับ เพราะฟิล์มหายากมาก ๆ ถ้ามีก็อาจจะอยู่ในสภาพชำรุดหรือราคาจะแพงเกินไป
อย่างไรก็ตามภาพยนตร์ตัวอย่างเหล่านี้ มันจะมีคุณค่าของมันในอนาคตและอาจจะมีราคาที่มากกว่าใบปิดหรือโชว์การ์ดหนังเก่าเสียด้วยซ้ำไป ขอขอบคุณที่ติดตามอ่านนะครับ
จากคุณ :
หนามเตยแมน (หนามเตยแมน)
- [
30 ธ.ค. 50 11:38:44
]
|
|
|