CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    ดู{หนัง} วิธ มายเซลฟ์ ; "Across the Universe" ... ความรักข้ามจักรวาล ใน 'สี่เต่าทอง' The Movie

      เกรด A -> 9-10 คะแนน (16 คน)
      เกรด B -> 6-8 คะแนน (7 คน)
      เกรด C -> 3-5 คะแนน (1 คน)
      เกรด D -> 1-2 คะแนน (0 คน)

    จำนวนผู้ร่วมโหวตทั้งหมด 24 คน

     66.67%
     29.17%
     4.17%
     0.00%


    แม้วันนี้ ชื่อของวงดนตรีเจ้าของความรุ่งเรืองแห่งยุค 60's อย่าง "The Beatles" อาจจะได้กลายเป็นกาลอดีตไปเป็นอันเรียบร้อย ...แต่ถึงกระนั้นแล้ว เมื่อตราบใดบนโลกนี้ยังมีเสียงเพลงคอยลำนำขับกล่อมจิตใจให้ชื่นฉ่ำ ก็ยากไซร้ที่อดีตของป๊อบสตาร์ 4 คน นามกร "สี่เต่าทอง" จะหมดซึ่งลมหายใจไปได้ง่ายๆ

    ลมหายใจที่วันนี้ยังมีอยู่ ก็ล้วนเกิดมาจากความเป็นอมตะของเหล่าบทเพลงนับร้อยที่ได้ถ่ายทอดผ่านเสียงร้อง ดนตรี กีต้าร์ เบส กลอง อันมีเอกลักษณ์ลายเซ็นเป็นตัวของตัวเอง แล้วก็ยังรวมไปถึงความทรงจำดีๆที่ได้ส่งทอดถ่ายต่อจากรุ่นสู่อีกรุ่น ...แม้เด็กปัจจุบันชอบจะว๊ากบ้าพลังไปกับ "Retrospect" อยากบินได้เพราะ "Bodyslam" หรือกระทั่งกรี๊ดไส้ติ่งแตกทุกทีที่ "ดงบังชินกิ" มาเมืองไทย แต่อย่างน้อยๆแล้ว มันก็คงมีความจำในลิ้นชักสักใบหนึ่งแหละ ที่พอจะทำให้เขาได้รู้จักว่าเคยมีวงดนตรีที่ชื่อ The Beatles อยู่บนโลกใบนี้

    มิเช่นนั้นแล้ว คงจะเป็นเรื่องที่ไม่แปลกอะไร ถ้าจะมีใครสักคนหยิบยกเอาความเป็นอมตะของ สี่เต่าทอง มาทำการแปรรูปทวนความจำกันเสียใหม่ ในรูปลักษณ์ที่แตกต่างออกไป ...ไม่ว่าจะเป็นบทเพลงของที่นักดนตรีในกาลปัจจุบันก็ชอบมักจะเอาเพลงฮิตๆโดนๆมาคัฟเวอร์กันบ่อยๆ ...หรือจะให้คิดใหม่ทำใหม่อีกสักหน่อย ก็อาจจะไปดัดเอารูปแบบดนตรีกลิ่นอาย 60's มาประยุกต์ใช้ใส่ลงไปกับแนวเพลงอิเล็กทริค ฮิปฮอป อาร์&บี อะไรก็ได้ที่มีความล้ำหลังยุคมิลเลนเนี่ยม ก็ว่ากันไป

    แต่ที่ล้ำยิ่งไปกว่า และกลายเป็นเรื่องที่แปลกยิ่งกว่า ... ก็คือ แนวคิดอันแรงกล้าจะสร้างความแตกต่างของ ผู้หญิงที่ชื่อ "จูลี่ เทย์มอร์" ผู้ที่มีชื่อกิตติศัพท์ว่าเป็นผู้กำกับหนัง (ผลงานล่าสุด คือ Frida) และริจะเอาบทเพลงของพลพรรคสี่เต่าทองมาดัดและแปลงเป็นเรื่องของ 'ภาพยนตร์' !!?

    "Across the Universe" ...ถ้าอ่านเพียงแต่ชื่อ และไม่รู้จักอะไรเกี่ยวกับหนังเรื่องนี้มาก่อน ก็มิอาจจะรู้ได้ว่า นี่คือ หนังที่นำเอาเพลงเพราะๆโดนๆ หลายๆหลากของวงดนตรี The Beatles มาเป็นแรงบันดาลใจ และใช้ในการเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับ ความรักของหนุ่มสาวที่เกิดเหตุในช่วงเวลาที่อเมริการะส่ำระสายเพราะสงครามเวียตนามที่รัฐบาลพยายามก่อขึ้น โดยไม่สนถึงความเป็นตายร้ายดีของผู้คนพลเมืองในประเทศที่จิตใจกำลังร้าวฉาน

    "จู๊ด" ...ชายหนุ่มที่เดินทางล่องเรือมาไกลจากเมืองลิเวอร์พูล, อังกฤษ (อันเป็นสถานที่ถือกำเนิดของ The Beatles) หวังจะเข้าอเมริกาเป็นครั้งแรกเพียงเพื่อตามหาพ่อที่ไม่เคยเจอหน้ามาก่อน ...หากแต่เมื่อเขาได้มาอยู่อาศัยพักพิงไปสักพัก ก็พบว่า นี่เป็นดินแดนแห่งเสรีภาพที่ทำให้เขาไม่ต้องตกอยู่ในกฎใดๆให้วุ่นวาย จะทำอะไรก็ได้ตามที่ใจตนปรารถนาต้องการ

    "ลูซี่" ...หญิงสวยสาวใสลูกคนมีกะตังค์ ผู้ได้พบกับจุดเริ่มต้นของเรื่องราวอันโชคร้าย เมื่อคนที่เธอหมายปองเป็นคู่ชีวิตต้องโดนแลกชีวิตเลือดเนื้อไปในสงครามเวียตนาม ...แม้ทว่า การได้มาพบกับ จู๊ด อาจจะทำให้เธอพร้อมเปิดใจเพื่อมีรักใหม่อีกสักครั้งได้แล้ว แต่กระนั้นความแค้นที่เก็บกดในใจก็ส่งผลให้เธอ พยายามแลกทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อต้องการมีส่วนร่วมช่วยหยุดไฟสงครามมิให้ลุกลามไปมากกว่านี้

    แม้ทว่าความรักของหนึ่งหนุ่ม และหนึ่งสาว คู่นี้ อาจมีจุดเริ่มต้นที่โชคชะตาได้พาให้เขาและเธอได้มาเจอกัน ...หากแต่ความเป็นจริงของความรักมันก็มีอะไรที่โยงใยยุ่งยากยิ่งไปกว่าการ ในการพยายามรักษาประคับประคองพรหมลิขิต ที่มักจะเล่นตลกกับคนสองคนที่ต่างก็แตกแยกในความคิด และการดำเนินชีวิตที่ไม่เหมือนกัน

    "จู๊ด" ...เป็นชายหนุ่มที่ไม่มีตัวตนรายชื่อบ่งบอกไว้ว่าเขากำลังเหยียบอยู่บนอเมริกา (หมายความว่า เขาลักลอบเข้ามาอย่างผิดกฎหมายนั่นแล) และที่บ่งบอกหนักแน่นว่าเขาเหมือนคนไม่มีตัวตน ก็คือการใช้ชีวิตแบบอาร์ตติส ที่ไม่สนว่าใครจะคิดจะมองเขาเป็นอย่างไร และจู๊ดก็ไม่ใส่ใจว่าใครจะรบกับใคร ใครจะตายไป แม้กับเพื่อนที่เขารักที่สุด เขาก็ยังไม่เคยเรียกร้องขอให้อย่าไปจับปืนสู้กับเวียดกงแต่อย่างใด

    ตรงกันข้ามกับ...

    "ลูซี่" ...สาวนักสู้ ที่ไม่เคยยอมพ่ายแพ้ต่ออำนาจบาตรใหญ่ที่บงการให้ใครต่อใครต้องไปทำตามใจสั่ง ...เธอสนทุกสิ่งทุกอย่างในทุกรายละเอียดเพียงเพื่อจะได้ชื่อว่ารักชาติ กับใครที่คิดเห็นอย่างแตกต่างแล้ว เธอจะทำทุกวิถีทางเพื่อดึงดันให้คนเอนเอียงไปตามใจเธอ โดยไม่สนว่าคนรอบข้างจะชอบหรือไม่ชอบสิ่งที่เธอกระทำอยู่

    คนสองคน ที่ตรงข้ามกันในรูปแบบความเป็นอยู่ ...คือ คนสองคนเดียวกัน ที่ถึงจะพยายามปรับจูนความรักเข้าหากันมากมายสักแค่ไหน ก็ไม่เคยทำให้อีกฝ่ายเข้าใจในสิ่งที่อีกคนเป็นได้ ...แม้ จู๊ด และ ลูซี่ จะได้ชื่อว่าเป็น คนรักกัน แต่การเชื่อมโยงหัวใจของคนสองคนที่แตกต่างกลับไม่เคยลงตัวได้สักที

    ความหมายของชื่อ "Across the Universe" อาจไม่ได้หมายความเฉพาะถึง คนสองคนที่แตกต่างกันคนละโลก (ประหนึ่งดอกฟ้ากับหมาวัด) ข้ามจักรวาลมารักกัน ...แต่ที่ลึกซึ้งยิ่งกว่านั้น อาจจะจงใจต้องการให้เราคนดูได้รับรู้ลุ้นว่า เมื่อใดที่หนังสามารถทำให้เรื่องราวความรักของเขาและเธอได้ลงตัวกันได้ เมื่อนั้น จู๊ด และ ลูซี่ ก็จะได้ชื่อว่า เป็นผู้ที่สามารถข้ามจักรวาลแห่งความแตกแยก ได้อย่างสำเร็จ

    Across the Universe ...อาจจะได้ชื่อว่า เป็นหนังรักโรแมนติก อีกเรื่องหนึ่งก็ยังได้ ถ้ามองเพียงชื่อแล้วจะหลงเข้าใจในเวลาวูบเดียว ...ยกตัวอย่างเช่นผม ก็คือคนหนึ่ง ที่เคยมองไว้อย่างงั้นเหมือนกัน ...หากแต่เมื่อได้รู้ไปถึงความเป็นจริง และลึกไปยิ่งกว่ากับเรื่องราวที่ได้อ่านจาก Filmax ก็ทำให้ผมมองหนังเรื่องนี้ ในมุมใหม่ที่รู้สึกได้ว่ามันน่าดู ...เอาแค่ ความครีเอท หน้าใหญ่ ใจกล้าของผู้กำกับ บวกด้วย การรวบรวมบทเพลงเพราะๆของ สี่เต่าทอง มาให้ฟังกันเถิดเทิงเจริญหู ก็สามารถดึงดูดให้ผมติดใจในความแปลกใหม่ที่น่าลิ้มลอง

    แล้วเมื่อได้ลองลิ้มจริงๆ ก็ไม่เป็นอันผิดหวังใดๆเลย กับหนังที่ได้ชื่อว่า "เป็นการนำเพลง The Beatles มาทำเป็นหนัง ที่สักแต่ยำ" ของนักวิจารณ์มะกันส่วนใหญ่ ...ซึ่งหาก ถ้าลองได้เงี่ยหูฟังความในเพลงดีๆ และเปิดใจไปกับเรื่องราวสุดบรรเจิดล้ำความอาร์ตแล้ว ก็เชื่อเถอะว่า Across the Universe จะสามารถเข้าไปนั่งอยู่ในหัวใจคุณได้ไม่ยาก

    ถึงแม้ "จูลี่ เทย์มอร์" อาจจะได้ชื่อว่าเป็นผู้กำกับสาวใหญ่เจ้าปัญหา และมีอารมณ์ที่ดื้อรั้น เอาแต่ดึงดันจะทำหนังตามใจเธอลูกเดียว (หาอ่านเรื่องราวอันแสนทุลักทุเล กว่าจะมาเป็นหนังฉบับฉายโรงได้ใน Filmax ฉบับเดือนมกราฯ นะครับ) ...แต่สิ่งที่เราได้เห็นด้วยฝีมือของเธอถ้วนๆล้วนๆ ในหนัง ก็ไม่ใช่สิ่งที่เรียกว่า ความพยายามอันขัดขืน ...และที่แน่ยิ่งกว่า ก็คือ การกลมกลืนความเป็นหนัง และความเป็นเพลง มาอยู่ร่วมกันได้ลงตัว ชวนให้คนดูรู้สึกเชื่อใน เรื่องของหนังที่ใช้ตัวเพลงเล่าได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    อีกอย่างที่นับว่าล้ำ พอๆกับการเอาเพลงมาเรียงร้อยเป็นหนัง ก็คือ ...เทคนิคทางด้านภาพ ที่ล้อและลอกเลียนสไตล์ Music Video ยุคปัจจุบันมากันเต็มๆ แต่กระนั้นแล้วก็ยังอาจหาญมาประยุกต์ใส่เพลงอันเก่าๆเก๋าๆของสี่เต่าทองเข้ามาได้เข้ากันดี และกลายเป็นสิ่งที่ชูให้ตัวหนังดึงความสนใจจากสายตาคนดูได้อย่างชะงักงัน ...หากถ้าไม่ติดกับว่าคนบางคน อาจไม่ค่อยชอบอะไรที่ฉูดฉาด หรืออะไรที่ดูล้ำจนล้นๆเกินๆไป ก็อาจจะพาลรำคาญ เหนื่อยหัวใจได้เช่นกัน

    แล้วกับการเลือกเพลงมาใส่เป็นเรื่องเป็นราวให้เป็นภาษาหนัง ก็ได้ที่ 'โดน' ซะแทบทั้งหมด ...แม้กระทั่งกับคนที่ฟังแต่เพลงฮิตๆ รู้จักแต่เพลงดังๆอย่างผม ก็สามารถสนุกสนาน เร้าใจ กระชากอารมณ์ จนถึงลึกซึ้ง(มีคราบน้ำตาหนักๆ ในฉากของเพลง "Let it Be") ไปกับหนังได้อย่างเนียนๆ ...แต่ถ้ากับคนบางคน ดันเกิดขัดใจในภาษาภาพมิวสิควิดีโอ ไปเป็นอันเรียบร้อย ก็คงจะรู้สึก 'ดับ' กับสิ่งที่หนังนำเสนอ อาจไม่อินแล้วยังจะหงุดหงิดที่ต้องทนฟังตัวละครพล่ามเป็นแต่เพลงก็ย่อมได้

    ในส่วนการแสดงของเหล่านักแสดงหนุ่มสาวรุ่นใหม่ ก็นับว่ามีฝีมือ และเสน่ห์กันมากพอตัวเลย ...โดยเฉพาะกับสาว "อีแวน ราเชล วู้ด" ที่เคยได้ชื่อว่า 'ผู้เข้าชิงรางวัลออสการ์' ก็เป็น ลูซี่ ได้อย่างเปี่ยมล้นไปด้วยความอ่อนไหว และทำให้น่าเห็นใจกับชะตากรรมที่ตัวละครของเธอต้องเผชิญ ...ส่วนคนอื่นๆ ที่ยังอาจไม่ค่อยคุ้นหน้าคุ้นตาสักเท่าไหร่ แต่ก็ประมาทไม่ได้เลยกับสิ่งที่เขาและเธอแสดงออกมา แม้มันจะยังไม่ประทับใจ กระนั้นก็ยังเป็นที่น่าจดจำกันได้ทั้งหมด

    แล้วที่ต้องพูดถึงกับนักแสดงกลุ่มนี้ด้วยอีกอย่างก็คือ เสียงขับร้องเพลงสี่เต่าทองในสไตล์ที่ดัดและแปลงให้เข้ากับอารมณ์หนัง ...ซี่งมีทั้งที่เพราะเสนาะหู มันส์กระโชกชวนโยกหัวย้ายตัว แล้วยังซึ้งทึ้งรมณ์เศร้าได้ไปถึงหัวใจ ...ถ้าเหมารวมๆ ไปกับภาคดนตรีที่หนังปรับมาใช้ในแต่ละช่วงฉากอีกด้วย ก็ต้องยกนิ้วให้ว่า ทำได้ดีเยี่ยมจริงๆ

    ถึงตัวหนังอาจจะเต็มไปด้วยภาพที่ตื่นตา มีเพลงที่ชวนปลุกใจ ทั้งได้การแสดงที่ให้อารมณ์ร่วมอย่างน่าเชื่อถือแล้ว ...แต่ทว่าเหนือสิ่งอื่นใดทั้งหมด Across the Universe ก็มีเรื่องของ 'บทหนัง' ที่ไปชี้ชะตาให้ตัวหนังต้องมีปัญหาจนได้ ...และปัญหาที่ว่า ก็ดันมีส่วนเกี่ยวข้องกับ สไตล์ที่หนังเป็นอย่างตั้งใจ

    กลวิธีที่หนังใช้เพลงเป็นตัวเดินเรื่อง อาจจะดูเป็นสิ่งที่ work ก็จริงอยู่ ...แต่ความพยายามที่หนังเลือกใช้กลับกลายเป็นตัวที่ละเลยให้ยังมีเรื่องบางเรื่องที่ไม่สามารถทำการ clear ได้อย่างหมดจด รวมอีกจุดบางจุดที่ต่อเรื่องไม่ติด ก็ยังรู้สึกได้ว่ามันขาดความต่อเนื่องของตัวหนังไปไม่น้อย ...แล้วกับประเด็นบางประเด็นก็ถูกยกมาพูดถึงได้อย่างมีชั้นเชิง และชาญฉลาดกับการใช้เทคนิคภาพที่บรรเจิด แต่ด้วยความที่มันไปเน้นย้ำในส่วนของสัญลักษณ์ จนมากเกินไปด้วยอีกนั่นแล ก็เลยไปมีเอี่ยวให้พลังของหนังต้องลดความน่าเชื่อถือ ชวนฉุดความสนใจลงไป ...กลายเป็นแค่เรื่องที่ดูดี มีเนื้อ แต่มีน้ำเพียงเล็กน้อยที่อาจไม่สามารถหล่อเลี้ยงให้เรารู้สึกร่วมไปกับสิ่งที่หนังพยายามบอกได้อย่างเต็มๆ

    "Across the Universe" ...นี่คือหนังที่เลิศหรูมากๆ ถ้าดูเอาความเป็นศิลปะของภาษาหนังเป็นสำคัญ แล้วจะยิ่งตรึงใจเข้าไปใหญ่ ถ้าคุณได้ชื่อว่าเป็นคนรักในเพลงและตัวตนของสี่เต่าทอง "The Beatles" ...ถ้าไม่ติดว่า หนังเซอร์จัด อัดเน้นเพลงนำเรื่องมากไปนิด ก็คงทำให้ผมได้อะไรโดนๆ กับหนังเรื่องนี้ได้ชัดเจนกว่าที่รู้สึกอยู่ก็เป็นได้

    ถ้าใครใคร่สนใจ ก็อย่ารอช้านะเออ ...ฉายเฉพาะที่ APEX โรงสยาม ที่เดียวเท่านั้นครับผม

    ขอแนะนำ...ครับ

    เกรด A-

    ส่วนที่ ขีดเส้นใต้... จะเป็นข้อความที่ผมพูดถึงส่วน ดูดี ของหนัง ...ขณะส่วนที่เป็น ตัวยก... ก็จะพูดในส่วน ดูด้อย ของหนังครับ ...สำหรับบางคนที่ยังไม่ได้ดูหนัง แล้วอยากจะรู้ว่าหนังมีอะไรดี มีอะไรด้อยบ้าง ก็อ่านเอาจากที่ผมเน้นเอาไว้ก็ได้เลยครับ ตามแต่สะดวกละกัน

    สำหรับทุกคนที่ได้เผลอเข้ามาในกระทู้รีวิวนี้ ...อย่าเพิ่งรีบออกไปนะครับ อยากขอให้ช่วยลงความเห็นของคุณกับความรู้สึกต่อหนังเรื่องนี้ ได้ประทับเก็บไว้ในกระทู้นี้ด้วย... "1 Comment ของคุณ มีค่าเท่ากับ 1 Happy ของ จขกท."

    ขอบคุณครับ รักคนอ่าน...

    แก้ไขเมื่อ 17 ม.ค. 51 11:13:28

     
     

    จากคุณ : OncE UPoN'-'a MaN - [ 17 ม.ค. 51 11:07:39 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | PanTown.com | BlogGang.com