CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    << "Cloverfield" ... 'อ๊าาาาคคคคสสสส์!!!' นี่คือสุดยอดหนังที่ผมต้องแช่งแม่มให้มันจบเร็วๆซะที [เขตปลอดห้าม SPOIL] >>

      เกรด A -> 9-10 คะแนน (78 คน)
      เกรด B -> 6-8 คะแนน (12 คน)
      เกรด C -> 3-5 คะแนน (2 คน)
      เกรด D -> 1-2 คะแนน (5 คน)

    จำนวนผู้ร่วมโหวตทั้งหมด 97 คน

     80.41%
     12.37%
     2.06%
     5.15%


    "เฮ้ออออ ฮืด ฮ้าาาาา ฮื้ดดดดดด ฮ้าาาาา โฮฮฮฮฮฮฮ... ผะะะะผม OncE UPoN'-'a MaN นะครับ ถ้าคุณได้อ่านเรื่องที่ผมเขียนต่อไปนี้ ขอให้รู้เอาไว้ว่า คุณอาจจะรู้เรื่องที่เกิดขึ้นหรือไม่รู้อะไรเลย ...เมื่อเวลาประมาณ 3 โมงเย็น ของวันนี้ที่ผ่านมา ผมได้พบกับบางสิ่งบางอย่างที่ผมไม่สามารถอธิบายได้ เพราะผมเกรงว่ามันจะเป็นการสปอยล์อย่างเลี่ยงไม่ได้ แต่ผมบอกได้แต่ว่า... 'อ๊าาาาคคคคสสสส์' นี่มันคือสุดยอดประสบการณ์อันน่ากลัวบัดซบนรกแตก ที่ผมต้องพยายามสาปแช่งให้แม่มมันจบเร็วๆไปซะที ไอ้ตัวประหลาดตัวนี้มันเป็นอะไรที่...เ..ห(...เทปขาดไป 10 วินาที) ...ก่อนที่ผมอาจจะได้พูดอะไรเป็นครั้งสุดท้าย ผมขอฝากเรื่องราว 5 เรื่องต่อไปนี้ จดใส่ไว้ในกระทู้ มันเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะมันจะช่วยให้คุณตัดสินใจอะไรได้ ก่อนจะต้องเข้าโรงหนังมาหนีตายอย่างทุรนทุรายอย่างผม ...สิ่งสุดท้ายที่ผมอยากจะขอ สำหรับคนที่ได้เจอประสบการณ์นี้เช่นเดียวกับผม อย่าได้แพร่งพรายอะไรให้ใครได้รู้ในที่แห่งนี้เป็นอันขาด ขอแค่เนี้ยแหละ ...ถ้าสุดท้ายแล้วผมรอดมาได้ ผมก็อยากจะบอกว่า........ตู้มมมมมมมมมมม!!! (...ภาพและเสียงหายไปในบัดดล)"

    5 เรื่องที่คุณควรรู้ก่อนจะมาเป็นส่วนหนึ่งใน "Cloverfield"

    1. นี่คือ...หนังที่เป็นผลงานการสร้างโดย "เจ.เจ. อับบรามส์" ผู้เป็นเจ้าของเดียวกับ ซี่รี่ส์โคตรของโคตรฮิต อย่าง "Alias", "Lost" รวมไปถึงล่าสุดกับงานกำกับหนังใหญ่หนแรกให้เฮียทอม ครูซ กลับมากระโดดโลดเต้นบนโซฟา เอ๊ย!!! กระโดดหลบระเบิด ใน "Mission Impossible 3" ...(และปีนี้เขาจะกลับมากับหนังฟอร์มใหญ่ปิดท้ายปีที่มีชื่อว่า Star Trek ...คุ้นๆมั้ย?)

    จากข้อมูลที่ผมได้รับรู้มานั้น... เจ.เจ. ได้ถูกตั้งข้อหาว่าเป็นผู้แรกที่ชักใยบงการก่อให้เกิดเหตุการณ์ในครั้งนี้ขึ้นมา ...หากแม้ว่าเขาจะเป็นจุดเริ่มต้นเพียงคนๆเดียวที่นึกอยากจะสร้างหนัง Godzilla แบบโฮลี่วู้ด ฮอลลีวู้ด ขึ้นมาในสไตล์ของเขา (ซึ่งก็ต้องไม่ใช่สไตล์เดียวกับที่ผู้กำกับ ID4 เคยทำมาก่อนอย่างแน่นอน) ...แต่ก็ด้วยความรักและสนิทสนมกลมเกลียวมาด้วยกัน ก็เลยชักจูงถูกระชากให้ ผู้ที่เคยกำกับงานหนังซี่รี่ส์ร่วมกันมาก่อนอย่าง "แมตต์ รีฟส์" ต้องตกกระไดพลอยโจนเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดไปโดยปริยาย

    แต่การสมรู้ร่วมคิดในงานนี้ ก็ไม่ได้ขอเรียกใช้บริการกันแบบฟรีๆซะที่ไหน ...สองสิ่งที่ รีฟส์ ต้องแลกไปเพื่อได้ร่วมมีส่วนก่อเหตุ ก็คือ ภาระที่เขาต้องแบกรับหน้าที่ ที่จะต้องทำหนังทุนต่ำ (จากแหล่งข่าวรายงานว่า...30 ล้านเหรียญสหรัฐ) ให้ออกมากลายเป็นหนังมีฟอร์ม ที่มีงานสร้างระดับตูมๆ กับซีจีที่ใส่กันให้ตรึมๆ ...และอีกหนึ่ง ภาระที่เขาต้องทำหนังสัตว์ประหลาดทำลายล้างโลกให้ออกมาเป็นหนังที่มีความเป็น Emotion มากไปกว่าเน้นๆฉาก Action โป้ง ป้าง บูมๆ

    2. นี่คือ...หนังที่ว่าด้วยเรื่องราวของการเอาตัวรอดของคนกลุ่มหนึ่ง ที่ต้องเผชิญหน้ากับเหตุการณ์เฮียๆนี้ ด้วยการ 'หนี หนี และหนี' ...หากแต่ในขณะเดียวกันตัวละครกลุ่มนี้ก็ยังต้อง 'สู้ สู้ และสู้' พร้อมๆกัน เพียงเพื่อรักษาชีวิตของตัวเองให้ได้พ้นเห็นเดือนเห็นตะวันของอีกวันต่อไป

    กรณีของเรื่องที่เล่าไปนี้ อาจจะไม่ใช่ของอะไรที่แปลกใหม่ ในวันที่เราเห็นหนัง หนี หนี และหนี กันเกลื่อนกลาด (ไม่ว่าจะหนีซอมบี้กินคน หนีผีหน้าขาว หนีสัตว์บ้าเลือด จนกระทั่งหนีเจ้าหนี้บ้าเงินก็ตามทีเถอะ... เง้อ!!?) ...แต่ในกรณีที่ Cloverfield หนีแตกต่างออกไปจากเรื่องอื่นๆ ก็คือ ความพยายามที่หนังเน้นเจาะลึกในส่วนของอารมณ์ ลงไปยังรายละเอียดความเป็นไปของตัวละครแต่ละตัว ที่จะมีผลไปยังความรู้สึกต่อคนดู ที่อาจทำให้เราเห็นใจในชะตากรรม มากไปกว่าความสะใจที่ได้เห็นคนวิ่งหนีกันงกๆแบบไม่คิดอาลัยอาวรณ์ในชีวิต

    3. นี่คือ...หนังที่พยายามจงใจจะให้เราคนดูเหมือนได้ตกอยู่ในส่วนหนึ่งเหตุการณ์นี้อย่างสมจริงที่สุด ...ด้วยกลวิธีการถ่ายทำ ที่ใช้กล้องบันทึกภาพมือถือ หมุน ส่าย เหวี่ยง สั่น อย่างเมามันส์คนถือ อย่างถึงที่สุด

    มันจึงตกเป็นผลกรรมสำหรับคนดูบางคน ที่ออกจะเมาไปมากกว่ามันส์ ...และในกรณีนี้ กับบางคนในกลุ่มบางคนนี้ก็ยังเมาจัดๆ จนถึงขั้น มีของเหลวบางชนิดระเบิดกระเฉาะออกมาจากปากเลยทีเดียว

    มิฉะนั้นแล้ว ถ้าคุณอยากจะรับรู้ประสบการณ์ความเมามันส์ในครั้งนี้ให้ถึงอรรถรสอย่างเป็นที่สุด ...ก็น่าจะมองหาหนังที่มีกลวิธีการถ่ายทำแบบนี้เช่นกันมาปรับมุมมอง เปลี่ยนระบบทางสายตากันซะก่อน ...ยกตัวอย่างอาทิ "The Blair Witch Project" หนังสารคดีเชิงสยอง ที่เป็นเจ้าของต้นตำรับของการส่ายอันรุนแรงฮาร์ดคอร์ (แรงจนกระทั่งขี้มูกน้ำตานักแสดงสาวเจ้า ต้องไหลเยิ้มหยะแหยงเกี๋ยมอี๋เลยเชียว) หรือถ้าจะให้ลดระดับความวิงเวียนลงมาอีกสักหน่อย ก็ต้องหนังสายลับบอร์น สองภาคหลัง รวมทั้ง "United 93" ที่มีผู้กำกับเป็นเจ้าของเดียวกับเดอะ บอร์น ทั้งสองภาคนั่นแล

    ถึงแม้ว่าจะพอมีภูมิคุ้มกันอะไรช่วยประคองสายตา มาก่อนหน้าแล้วก็ตามทีเถอะ แต่เมื่อได้ดูหนังจริงๆ ก็ยังต้องมีเวลาให้ทำใจแอสไพริน ปรับตัวกันอีกสักเล็กน้อยอยู่ดี ...ขอเพียงอย่าเพิ่งท้อ และอย่าล้วงคอให้มันออกมาเองก็แล้วกัน

    4. นี่คือ...หนังที่คุณควรจะได้รับรู้อะไรต่้อมิอะไรให้น้อยถึงน้อยที่สุด ...เห็นตัวอย่างว่ามีอะไร ก็รู้มันไปแค่นั้น ...มีเนื้อเรื่องย่อที่ไหนให้อ่านเพียงสั้นๆ ก็อย่าไปสานต่อขวนขวายอะไรเพิ่มเติม

    แม้จนกระทั่งเมื่อคุึณได้ดูหนังแล้ว ก็อย่าไปเรียกร้องหาความต้องการจะรู้อะไรให้มันมากมายไปกว่าที่หนังบอก ...คิดเสียให้ตัวเราเป็นเหมือนตัวละครอีกตัวหนึ่งในเรื่องที่ไม่รู้ความเป็นไปเป็นมาอะไรเลย ...รู้แต่เพียงว่า เรากลัว เราสับสน และเราอยากวิ่งหนีไปพร้อมๆกัน เอาแค่นี้ก็พอเพียงกับการดูหนังเรื่องนี้ให้สนุกลุ้นระทึกจนถึงทีุ่สุดได้แล้ว

    แต่ถ้าสำหรับคนที่ไม่ค่อยชอบหนังที่ทำให้เรารู้สึกว่าตัวเราเหมือนคนโง่ โดนปิดหูปิดตาเหมือนกบในกะลาแล้ว ...ก็ขอเตือนอย่าไปดูหนังเรื่องนี้จะดีกว่านะ  

    5. ถ้าอยากจะดูหนังสักเรื่องแบบไม่ต้องคิดอะไร ปล่อยสมองไปรับรู้เพียงภาพและเสียงที่ได้เห็นจากหนังแล้ว ..."Cloverfield" เป็นหนังที่คุณต้อง'ห้ามพลาด'อย่างเป็นที่สุด

    (จากข้อ 1) นี่คือ...หนังที่บันเทิงเตลิดเปิดเปิงมันส์ล้ำ สมกับการเป็นหนังในอุดมคติของ "เจ.เจ. อับรามส์" อีกทั้ง ยังสนุกล้ำลึก ได้ด้วยงานกำกับของ "แมตต์ รีฟส์" ที่คุมเรื่องราวหนักๆต่อเนื่องกับอารมณ์เครียดๆ โดยไม่หลุดสายตาไปจากภาพบนจอ (แม้มันจะสั่นสะเทือนเลือนลั่น ช่วยมันส์เมาให้ส่ายหัวอย่างหนักก็รับไหว) ...แล้วที่ยิ่งทึ่งมากกว่าก็คือทุนสร้างอันน้อยนิด สามารถจะให้ผลงานทางภาพที่คุ้มค่ามากๆ ถึงขนาดนี้ ...ใครจะไปอยากเชื่อล่ะว่า 30 ล้าน จะสามารถเอามันมาผลาญเกาะแมนฮัตตันได้น่าตะลึงสุดๆ

    (จากข้อ 2) นี่คือ...หนังที่มีอะไรมากไปกว่าการเป็นหนัง 'หนี หนี และหนี' ...นอกเหนือจากการที่เราจะได้เห็นการ 'สู้ สู้ และสู้' เพี่อชีวิต ที่ตื่นเต้นระทึกขวัญเร้าต่อมอะดรีนาลีน เรายังจะได้เห็น เรื่องราวของการ 'สู้ สู้ และสู้' กับจิตใจของตัวเอง ให้หลุดพ้นจากเรื่องราวความทุกข์ หวั่นไหว สับสน ที่ฝังอยู่ในใจ อันเป็นเบื้องหลังที่มีผลต่อความคิดและการกระทำของตัวละครแต่ละตัว

    แม้เรื่องราวดรามาของหนังเรื่องนี้ อาจจะยังไม่ดีเยี่ยมเลิศเลอเพอร์เฟกต์จนต้องเข้าชิงออสการ์ ...แต่กับสิ่งที่เห็นและเป็นอยู่ใน Cloverfield ก็ดีมากพอจะสามารถ แทงข้างหลังทะลุถึงหัวใจ ได้ด้วย บทหนังที่สนในรายละเอียด ใส่อารมณ์เต็มทุกเม็ดทุกหน่วย บนพื้นฐานความรู้สึกของสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า 'มนุษย์'

    (จากข้อ 3) นี่คือ...หนังที่ใช้ความจงใจ มาเป็นเครื่องมือจูงจมูก ที่ทำให้ผมยินดีจะสนุกไปกับการหมุน ส่าย เหวี่ยง สั่น เพียงถ้ามันให้ความรู้สึกเสมือนจริงได้อย่างน่าเชื่อถือ

    ซึ่ง Cloverfield ก็เป็นอีกเรื่องที่หนังเรียกใช้ศักยภาพในส่วนนี้ออกมาได้อย่างทรงพลัง ...ทำให้เราเชื่อและอินว่า เราเป็นหนึ่งตัวละครในนั้นที่ได้ หนี หนี และหนี ตามติดกลุ่มตัวเอก ไปพบกับเรื่องราวและเหตุการณ์เขย่าอารมณ์ขย่มขวัญ ชนิดที่จบฉาก ก็จะได้ยินเสียงหายใจหนักๆของผมพ่นลมตามออกมา (ประมาณว่า... ลุ้นจนหายใจไม่ทัน ว่างั้น)

    (จากข้อ 4) นี่คือ...หนังที่จะยิ่งโคตรสนุก มหามันส์ น่าตื่นเต้นเป็นที่สุด ถ้าคุณไม่รู้อะไรนอกเหนือไปจากที่ตัวละครรู้ ...การแสดงของทีมนักแสดง(หน้าไม่คุ้น) ทำให้เรารู้สึกเชื่อว่า เขาสุดจะทน สุดจะกลั้น กับความบังเอิญต้องซวย เจอเรื่องเฮงๆเฮียๆกันอย่างนี้ ...เขาทำให้เราเห็นใจในสิ่งที่ต้องเผชิญ และยังทำให้เราเข้าใจในอารมณ์ที่แสดงออก

    แม้ทว่าตัวบทหนัง จะปูพื้นรายละเอียดตัวละครหลักๆ เพียงแค่ผิวเผินไม่มากไม่มายอะไร ...แต่เรื่องราวของแต่ละคน ก็มีใจความอยู่มากพอ จะน๊อคหมัดเด็ดๆใส่คนดูจนล้มทั้งยืน

    (จากข้อ 5) นี่คือ..."Cloverfield" ...หนังดูเอาบันเทิงได้เครียดอย่างยิ่งยวด น่าปวดอารมณ์กันสุดๆ ...ปวดมากถึงขนาดที่ใจของผมต้องพร่ำพรรณนาด่าแช่ง ให้หนังเรื่องนี้มันจบลงเร็วๆซะทีเถอะ

    ถ้าคุณอ่านทั้ง 5 ข้อนี้จบ แล้วตัดสินใจว่าจะไปดูหนังเรื่องนี้... ก็มิอาจรับประกันได้ว่า คุณจะออกจากโรงหนังมาเป็นผู้เป็นคนได้เหมือนเดิม เฉกเช่น ตัวผมที่กำลังรู้สึกคลั่งกับตัวเองอยู่นี้

    ปล. ถ้าสุดท้ายแล้วผมรอดมาได้ ผมก็อยากจะบอกว่า... "อย่าถึอคนบ้า อย่าว่าคนเมา" เลยนะจ้ะ
    ปล.2 ก่อนตาย ขอได้เป็น "ปอมซัง" ซะหน่อยละกัน... อ๊าาาาคคคคสสสส์!!!

    ขอแนะนำเป็นอย่างยิ่ง...ครับ

    เกรด A

    ใครว่า รีวิวนี้ จบแต่บรรทัดก่อนหน้า ...ขอบอกว่าคุณกำลังคิดผิด!!?

    เตรียมพบกับอีกหนึ่งตอนที่ขาดหาย '5 เรื่องที่เราได้รู้หลังจากเป็นส่วนหนึ่งของ "Cloverfield"' ฉบับเต็มๆของรีวิวบทนี้(ที่มีการ SPOIL)ได้ ...พิเศษเฉพาะที่ บล็อกของ OncE UPoN'-'a MaN นะครับผม

    ส่วนที่ขีดเส้นใต้เน้นข้อความ... ซึ่งที่เน้นนั้นจะเป็นที่ผมพูดถึง ส่วน ดูดี-ดูด้อยในหนังครับ ...สำหรับบางคนที่ยังไม่ได้ดูหนัง แล้วอยากจะรู้ว่าหนังมีอะไรดี มีอะไรด้อยบ้าง ก็อ่านเอาจากที่ผมขีดเส้นใต้ไว้ก็ได้เลยครับ ตามแต่สะดวกละกัน

    สำหรับทุกคนที่ได้เผลอเข้ามาในกระทู้รีวิวนี้ ...อย่าเพิ่งรีบออกไปนะครับ อยากขอให้ช่วยลงความเห็นของคุณกับความรู้สึกต่อหนังเรื่องนี้ ได้ประทับเก็บไว้ในกระทู้นี้ด้วย... "1 Comment ของคุณ มีค่าเท่ากับ 1 Happy ของ จขกท."

    ขอบคุณครับ รักคนอ่าน...

    แก้ไขเมื่อ 18 ม.ค. 51 20:59:56

     
     

    จากคุณ : OncE UPoN'-'a MaN - [ 18 ม.ค. 51 20:52:07 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | PanTown.com | BlogGang.com