ความคิดเห็นที่ 1 "...แด่ทุกความรักที่สร้างเรา" พระเจ้าผู้สร้างสรรพสิ่ง ทรงเป็นความรัก และทรงสร้างทุกสิ่งที่ทรงเห็นว่าดี เมื่อทรงสร้างอดัม ก็ทรงสร้างเอวาเพื่อเป็นคู่อุปถัมภ์ แสดงให้เห็นว่า ความรักมิได้มีนิยามไว้แค่ชายกับหญิง:สามีภรรยา หากยังมีความรักที่พระเจ้าทรงมีต่อมนุษย์ หากแต่ยังความรักที่เรามีต่อพี่น้องเพื่อนมนุษย์ทุกคน ดั่งที่พระเยซูทรงสอนในพระกระยาหารมื้อสุดท้ายว่า "จงรักกันและกัน ดั่งที่เรารักท่าน" (พระชีวประวัติตามคำบอกเล่าของยอห์นบทที่15ข้อที่12) จากคุณ : โยชูวาแห่งอัสซีซี - [ 3 ก.พ. 51 12:10:21 ]

ความคิดเห็นที่ 2 เดชะพระนาม พระบิดา และพระบุตร และพระจิต อาเมน แม้ว่ามนุษย์จะถูกมารผจญล่อลวงให้ตกในบาป จนต้องพลัดพรากจากพระบิดาผู้ปราศจากมลทิน ความรักของพระองค์ก็มิได้หยุดยั้ง ทรงสัญญาว่าจะประทานพระบุตรเพื่อชำระบาปมนุษยชาติให้สิ้นไป "เพราะพระเจ้าทรงรักโลกอย่างมาก จึงได้ประทานพระบุตรแต่องค์เดียว เพื่อให้ผู้ที่เชื่อวางใจในองค์พระบุตรนั้น จะไม่พินาศแต่มีชีวิตนิรันดร" (ยอห์น3:16) เมื่อพระบุตร:พระเยซูได้สำแดงองค์แก่โลก พระองค์ก็ได้เผยแสดงเรื่องพระจิตผู้สถิตอยู่กับเรา จะคอยชี้แนะและเป็นพลังนำเราสู่การเป็นผู้ชอบธรรม/นักบุญในแดนสวรรค์ จากคุณ : โยชูวาแห่งอัสซีซี - [ 3 ก.พ. 51 12:11:32 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ความรักคื่อสิ่งที่ต้องแสวงหา ดั่งคำสอนของพระเยซูที่ว่า "จงขอเถิด แล้วท่านจะได้ จงแสวงหาเถิด แล้วท่านจะพบ จงเคาะเถิด แล้วเขาจะเปิดรับท่าน ” (ตามคำบอกเล่าของมัทธิว 7:7) "...มีความจริงอยู่ในความรักตั้งมากมาย และที่ผ่านมาฉันใช้เวลาเพื่อหาความหมาย..." มิวใช้เวลาอยู่นานที่จะหาชิ้นส่วนของตุ๊กตา แต่นั่นก็กลับเพิ่มพูนความรักมากยิ่งขึ้น เช่นเดียวกับเรื่องราวที่ถูกสื่อผ่านละครคริสต์มาส โหราจารย์ทั้งสามที่คำนวนดาราศาสตร์ หาดาวแห่งความหวัง อดทนเดินทางอยู่หลายปีเพื่อพบพระเยซูเจ้า ท่านทั้งสามได้ถวายของขวัญ3ประการคือ ทองคำ กำยาน และมดยอบ (ตามคำบอกเล่าของมัทธิว2:11) ก็พอนิยามความรักของตัวละคร แต่ละคนได้ดังนี้ จากคุณ : โยชูวาแห่งอัสซีซี - [ 3 ก.พ. 51 12:12:39 ]

ความคิดเห็นที่ 4 1. อาม่า:ความรักคือสิ่งทรงคุณค่าไร้กาลเวลาเสื่อมสลาย ดุจทองคำ "ค่ำคืนนี้บนท้องฟ้า มีดวงดาวอยู่พราวพราย หวนคิดถึงร้อยเรื่องราว ที่ผ่านมาดุจความฝัน คิดแล้วหวัง อยากให้มันกลับคืนมา ในบัดนี้ สองเราอยู่ห่างไกล นับพันลี้ ไม่อาจติดต่อ สื่อสารได้ ทำใจฉันหมองเศร้าเสียหนักหนา วอนแสงจันทร์ที่เจิดจ้า ฝากถามทุกข์สุขแทนฉันที คราใดคิดถึงเธอ น้ำตาก็ไหลริน ค่ำคืนนี้ รอบกายฉันช่างเงียบเหงา มีเพียงแสงสลัว ให้ฉันหมอง คิดถึงเธอเพียงลำพัง สองเราอยู่ ห่างไกลกัน ไม่อาจยินเสียงสำเนียง ฝากแสงจันทร์ส่งบอกความคิดถึง แด่เธอผู้ห่างไกล" :คำแปลเพลงจีน"แสงจันทร์ส่องรัก" โดย นิรนาม (ming yue qian li ji xiang si) ในสายตาอาลัยของอาม่า ขณะฟังมิวเล่นเพลงนี้ (ทั้งตอนที่โต้งจากไปตอนเด็ก และตอนที่อาม่ากำลังจะตาย) ก็ชวนคิดถึงสิเมโอน ผู้เฒ่าในวิหารที่ได้มีบุญเห็นพระกุมารเยซูก่อนตายและอุทานว่า "พระเจ้าทรงปล่อยข้าพเจ้าเดินทางสู่แดนมรณาอย่างเป็นสุข ด้วยว่าข้าพเจ้าได้เห็นองค์ความหวังของผู้คนเป็นอันมากประทับอยู่เบื้องหน้าข้าพเจ้า" (จากพระชีวประวัติตามคำบอกเล่าของลูกาบทที่2ข้อ29-31) อากงสอนให้อาม่ารู้จักความรักผ่านการเล่นเพลงนี้ ซึ่งมิวก็ได้แสดงให้เห็น มิวรู้ความหมายของความรักซึ่งจะต้องมอบให้คนอื่นแล้ว เพลงนี้ถือเป็น ตั๋ว/ticket ให้อาม่า"เดินทาง"อย่างเป็นสุข จากคุณ : โยชูวาแห่งอัสซีซี - [ 3 ก.พ. 51 12:14:11 ]

ความคิดเห็นที่ 5 2. สุนีย์:ความรักประดุจคำอธิษฐาน ที่ล่องลอยไปกับควันธูปกำยานของคนเป็นแม่ ชีวิตคนเราย่อมตั้งเป้าหมาย(Wish)ในสิ่งที่สูงเสมอ จนหลายครั้งเราได้ละเลยเป้าหมายของการภาวนา(Pray)ไป การภาวนาที่แท้จริงก็คือ"การสนทนา"ที่จะต้องมีการติดต่อทั้ง2ทาง ในปาฎิหาริย์แรกที่พระเยซูทรงกระทำให้เป็นที่ประจักษ์แก่ประชาชนนั้น ก็เพราะการภาวนาอย่างถูกต้องของพระแม่มารีย์ เวลานั้นมีงานมงคลสมรสเกิดขึ้นที่หมู่บ้านคานา(ในปาเลสไตน์ในปัจจุบัน) แต่อนิจจา เหล้าองุ่นเกิดหมดกลางงาน พระนางมารีย์จึงไปทูลขอพระเยซูด้วยความเชื่อว่า "เขาไม่มีเหล้าองุ่นแล้ว" พระเยซูตรัสว่า "เป็นธุระอะไรของลูกหรือของแม่ ? เวลานั้นยังมาไม่ถึง" แม่พระก็น้อมรับคำปฎิเสธนั้น แล้วบอกกับคนงานว่า "บุตรฉันว่าอย่างไร ก็จงทำดังนั้นเถิด" ครั้นเมื่อถึงเวลาแล้ว พระเยซูก็ให้คนงานเตรียมตุ่มน้ำเปล่า และพระองค์ก็ได้เสกให้เป็นเหล้าองุ่น ซึ่งก็เป็นที่สะดุดใจบรรดาผู้กินเลี้ยง ด้วยว่าเหล้าองุ่นที่มาทีหลังกลับรสดีกว่าของเดิมเสียอีก (จากพระชีวประวัติตามคำบอกเล่าของยอห์นบทที่2) ด้วยเหตุนี้ เราคริสตชนจึงมีบทภาวนาเพื่อขอนางมารีย์ช่วยสอนแบบอย่างการภาวนาที่ถูกต้อง "วันทามารีอา เปี่ยมด้วยหรรษทาน พระเจ้าสถิตกับท่าน ผู้มีบุญกว่าหญิงใดๆ และพระเยซูโอรสของท่าน ทรงบุญนักหนา สันตะมารีอามารดาพระเจ้า โปรดภาวนาเพื่อเราคนบาป บัดนี้และเมื่อจะตาย อาเมน " จากคุณ : โยชูวาแห่งอัสซีซี - [ 3 ก.พ. 51 12:16:24 ]

ความคิดเห็นที่ 6 เช่นเดียวกันในท้ายที่สุด สุนีย์ก็ยิ้มรับในสิ่งที่ลูกชายตัดสินใจเลือก "สตรีจะลืมบุตรที่ดื่มกินน้ำนมของนางได้หรือ? จะไม่เมตตาบุตรจากครรภ์ของนางได้หรือ? แม้กระนั้นเรา(พระเจ้า)ก็จะไม่ลืมเจ้า" (จากหนังสือประกาศกอิสยาห์49:15) จากคุณ : โยชูวาแห่งอัสซีซี - [ 3 ก.พ. 51 12:17:13 ]

ความคิดเห็นที่ 7 (บทคั่น) กรณ์และจูน พระคัมภีร์ใช้น้ำผึ้งเป็นสัญลักษณ์ของความสมบูรณ์ แต่ก็มีคำเตือนว่า "หากท่านพบน้ำผึ้งจงกินแต่พอดี ด้วยเกรงว่าท่านจะอิ่มเกินและอาเจียนออกมา" (สุภาษิต25:16) เมื่อจูนเข้ามาในชีวิตของกรณ์ และพบว่าการปลอมตัวเป็นแตงไม่ทำให้อะไรดีขึ้น เธอจึงเปิดเผยความจริงเรื่อง เธอเป็นคนแปลกหน้า แต่ด้วยการที่เธอเป็นคนแปลกหน้า และยังสร้างความสนิทสัมพันธ์ขึ้นมาได้ แสดงให้เห็นว่าความเป็นพี่น้องเพื่อนมนุษย์ไม่ได้เกิดจากสายเลือด หากแต่แสดงออกด้วยการกระทำ เช่นเดียวกับเรื่องอุปมาชาวสะมาเรีย ชาวต่างด้าวที่ชาวอิสราเอลรังเกียจ ก็ถือเป็นพี่น้องเพื่อนมนุษย์ เมื่อช่วยผู้ทนทุกข์(:ลูกา10:29-37) จากคุณ : โยชูวาแห่งอัสซีซี - [ 3 ก.พ. 51 12:18:28 ]

ความคิดเห็นที่ 8 โดนัท:รูที่ขาดความรักแท้ คิดว่าหลายคนคงตั้งคำถามตั้งแต่เด็กๆว่า "ทำไมขนมโดนัทต้องมีรู?" ก็จะอาจจะได้รับคำตอบว่า "ถ้าไม่มีรู ก็ไม่ใช่โดนัทสิ" เช่นเดียวกัน การที่โดนัทกลับมาหาโต้ง(ก่อนจะลาขาด)หลังจากที่มีแฟนใหม่2คน นั่นแสดงให้เห็นว่าเธอยังต้องการโต้งอยู่ แต่โดนัทก็ยังยึดมั่นว่า "ฉันคือสวยเลือกได้" "ทำไมต้องไปง้อโต้ง" ดูถ้าเธอจะไม่รู้ความหมายของความรักแท้ ใส้แป้งที่เธอควักออก เพื่อให้เธอยังคงเป็น"โดนัท" “ความรักย่อมอดทน มีใจเอื้อเฟื้อ ไม่อิจฉา ไม่โอ้อวดตนเอง ไม่จองหอง ไม่หยาบคาย ไม่เห็นแก่ตัว ความรักไม่ฉุนเฉียว ไม่จดจำความผิดที่ได้รับ ไม่ยินดีในความชั่ว แต่ร่วมยินดีในความถูกต้อง  ” (จากจดหมายโดยนักบุญเปาโลถึงชาวโครินธ์ฉบับที่หนึ่ง 13:4-6) แก้ไขเมื่อ 03 ก.พ. 51 15:01:58 จากคุณ : โยชูวาแห่งอัสซีซี - [ 3 ก.พ. 51 12:19:33 ]

ความคิดเห็นที่ 9 3. หญิง:ความรักคือมดยอบ สมุรไพรเยียวยาแผลใจ หญิงเธอมีความพยายามสูงมาก แม้จะล้มเหลวเธอก้พยายามซ้ำแล้วซ้ำอีก และแม้ เธอจะไม่มีทางเป็นของมิวได้ เธอก็ยังทำในสิ่งเจ็บปวดแต่เป็นสิ่งที่ถูกต้องมโนธรรม คือการเห็นคนที่เธอรักมีความสุขกับคนที่รักเขา “เรายังภูมิใจในความทุกข์ เพราะรู้ว่า ความทุกข์ก่อให้เกิดความพากเพียร ความพากเพียรก่อให้เกิดคุณธรรมที่แท้จริง คุณธรรมที่แท้จริงก่อให้เกิดความหวัง ความหวังนี้ไม่ทำให้เราผิดหวัง เพราะเป็นของประทานจากพระเจ้า” (จดหมายโดยนักบุญเปาโลถึงชาวโรม10:3-5) จากคุณ : โยชูวาแห่งอัสซีซี - [ 3 ก.พ. 51 12:20:50 ]

ความคิดเห็นที่ 10 โต้ง:ลูกแกะของพระเจ้า แกะเป็นสัตว์ที่ปราศจากมลทิน ชาวอิสราเอลจะใช้แกะเป็นเครื่องบูชายัญชดเชยบาป พระเยซูจึงเปรียบตัวเองเป็นลูกแกะบูชายัญชดเชยบาปของโลก พระองค์พร้อมที่จะตายในสิ่งที่พระองค์ศรัทธา เช่นเดียวกัน โต้งก็ทุ่มตัวศรัทธาและหวังในความรัก “ไม่มีรักใดยิ่งใหญ่กว่าการสละชีวิตของตนให้มิตรสหาย” (ตามคำบอกเล่าของยอห์น15:13) จากคุณ : โยชูวาแห่งอัสซีซี - [ 3 ก.พ. 51 12:21:53 ]

ความคิดเห็นที่ 11 มิว:ผู้เป็นเหมือนทูตสวรรค์ มิวเป็นบุคคลที่รวมทั้งเพศชายและเพศหญิงในด้านความรู้สึก หรือจะกล่าวในอีกแง่ก้คือไม่มีเพศ ซึ่งพระเยซูได้ตรัสถึงเขาเหล่านี้ว่า "ผู้ที่บรรลุถึงโลกหน้า จะไม่สนใจพันธะสามีภรรยาอีกต่อไป เขาจะไม่ตายอีก แต่จะเป็นเหมือนทูตสวรรค์ เป็นบุตรที่พระเจ้าทรงรัก เขาจะมีชีวิตใหม่คือชีวิตนิรันดร " (ตามคำบอกเล่าของลูกา20:36) มิวเป็นทูตสวรรค์ที่มาเสริมความเข้มแข็งให้ลูกแกะของพระเจ้าในยามที่อ่อนแอ ณ คืนที่บรรดาผู้ริษยาพระองค์วางแผนจับพระองค์ไปประหารเสีย(ลูกา 22:43 ) จากคุณ : โยชูวาแห่งอัสซีซี - [ 3 ก.พ. 51 12:23:18 ]

ความคิดเห็นที่ 12 August:เดือนแห่งความเบิกบาน ในแง่นักเรียนโรงเรียนคาทอลิคแม้ไม่ใช่คริสตชน ก็ย่อมจะเป็นปลื้ม หลังจากหยุดวันที่12สิงหาคม(วันแม่) ก็ยังได้หยุดต่อในวันที่15สิงหาคมเนื่องเป็นวันอัสสัมชัญ/Assumption ตามประวัติศาสตร์ ยอห์นอัครสาวกได้ดูแลพระแม่มารีย์ตามคำของพระเยซูเจ้าบนกางเขน ยอห์นก็ได้พาแม่พระไปอาศัยอยู่ ณ เมืองเอเฟซัส ประเทศตุรกี เมื่อแม่พระใกล้จะตายก็ได้มีการประชุมบรรดาอัครสาวกเฝ้าอาการ พอตกกลางคืนนางก็สิ้นลม เหล่าสาวกเสียใจฝังพระศพอย่างสมเกียรติ ในเช้าวันต่อมาก็ได้ยินเสียงโลงศพแตกออก เมื่อออกมาก็เห็นเหล่าทูตสวรรค์บนท้องฟ้า กำลังอัญเชิญแม่พระขึ้นสู่สวรรค์ เป็นการยืนยันคำตรัสของพระเยซูที่ว่า "เราเป็นการกลับคืนชีพและชีวิต ใครเชื่อในเราแม้จะตายไปแล้วก็จะมีชีวิต ส่วนคนที่มีชีวิตก็จะไม่มีวันตายเลย " (ตามคำบอกเล่าของยอห์น11:25-26) จากคุณ : โยชูวาแห่งอัสซีซี - [ 3 ก.พ. 51 12:24:19 ]

ความคิดเห็นที่ 13 เมื่อมิวได้รับจมูกตุ๊กตาจากโต้ง และได้แยงเข้ารูจมูก ผมคิดถึง เช้าวันใหม่เมื่อพระเยซูเจ้าทรงกลับคืนชีพนั้น อัครสาวกโทมัสไม่ยอมเชื่อว่าเป็นพระองค์ พระองค์จึงยื่นพระหัตถ์ที่มีรอยตะปูให้โทมัสแยง และตรัสว่า "เชื่อเถอะ" ตราบใดที่มีรัก ย่อมมีหวัง “ไม่มีความกลัวในความรัก ความรักที่สมบูรณ์ย่อมขจัดความกลัวสิ้นไป”  1ยน 4:18 อาเมน!!! จากคุณ : โยชูวาแห่งอัสซีซี - [ 3 ก.พ. 51 12:27:20 ]

ความคิดเห็นที่ 14 เข้ามาทอดทัศนา   ตามประสาผู้รักรัก                  กระทู้นี้ดีมากนัก  พลพรรคร่วมยินดี               สาระสารและหรรษา  ใครอ่านมาต่างเปรมปรี                รื่นรมย์สมสุนท รี      จิตไมตรีร่วมชื่นชม ขอบคุณครับ        ยอนซานกลอน ๖ จากคุณ : Yeonsan - [ 3 ก.พ. 51 13:16:03 ]

ความคิดเห็นที่ 15 แหล่มๆ ค๊าบบ ^^ *~ จากคุณ : MoMoJunG_4_FouR - [ 3 ก.พ. 51 14:08:13 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ได้ความรู้เยอะเลยกระทู้นี้ จากคุณ : dsเด็กป้อมsc - [ 3 ก.พ. 51 14:49:14 ]

ความคิดเห็นที่ 17 *0* อีก 1 กระทู้ดีมีสาระ ปล.ข้อมูลเชิงศาสนาแน่นปึ๊กเลยครับ...สุดยอด๛ จากคุณ : น้ำแข็งไสใส่นมข้น - [ 3 ก.พ. 51 15:10:56 ]

ความคิดเห็นที่ 18 คุณเจ้าของกระทู้มีความเห็นอย่างไรกับ - 1 Corinthians 6:9-10, - Genesis 13:13, - Romans 1:24-32 จากคุณ : netaddict - [ 3 ก.พ. 51 17:11:36 ]

ความคิดเห็นที่ 19 สุดยอดเลย กระทู้นี้ จากคุณ : pikaball - [ 3 ก.พ. 51 17:39:31 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ชื่นชม จขกท. ครับ จากคุณ : Philosopher_BG - [ 3 ก.พ. 51 18:34:06 ]

ความคิดเห็นที่ 21 อิอิ จากคุณ : xfuton - [ 3 ก.พ. 51 18:38:29 ]

ความคิดเห็นที่ 22 “โดยพระทัยเมตตากรุณาแห่งพระเจ้าของเรา แสงอรุณจากเบื้องสูงจึงมาเยี่ยมเยียนเรา ส่องสว่างแก่ คนทั้งหลายผู้อยู่ในที่มืด และในเงาแห่งความมรณา เพื่อจะนำ เท้าของเราไปในทางสันติสุข”                                                      (พระธรรมลูกา 1:78-79) ************************************* เพราะฉะนั้นในฐานะเป็นพวกที่พระเจ้าทรงเลือก พวกที่บริสุทธิ์ และพวกที่ทรงรัก จงสวมใจเมตตา ใจกรุณา ใจถ่อม ใจสุภาพอ่อนโยน ใจอดทน จงอดทนต่อกันและกัน และถ้าใครมีเรื่องราวต่อกัน ก็จงให้อภัยกัน องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงให้อภัยพวกท่านอย่างไร ท่านก็จงทำอย่างนั้นด้วย  แล้วจงสวมความรักทับสิ่งเหล่านี้ทั้งหมด ความรักผูกพันทุกสิ่งไว้อย่างสมบูรณ์                                                           พระธรรมโคโลสี 3 : 12 -14 *********************************************** เพราะความรักนั้นเข้มแข็งอย่างความตาย ความรักรุนแรงก็ดุเดือดเหมือนแดนคนตาย และประกายแห่งความรักรุนแรงนั้นก็คือประกายเพลิง คือประกายเพลิงที่แสนรุนแรง น้ำมากหลายไม่อาจดับความรักให้มอดเสียได้ หรืออุทกธารทั้งหลายไม่อาจท่วมความรักให้สำลัก ตายเสียได้ แม้ว่าคนใดจะเอาทรัพย์สมบัติในเหย้าเรือนของตนทั้งสิ้น มาแลกกับความรักนั้น คนนั้นคงได้รับความหมิ่นประมาทจากคน ทั้งหลายเป็นอย่างยิ่ง                                             (พระธรรม เพลงรักซาโลมอน) ******************************************* จากคุณ : Uncle-Dave - [ 3 ก.พ. 51 20:01:36 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ธรรมะที่บริสุทธิ์ไร้มลทินเฉพาะพระพักตร์พระเจ้าพระบิดานั้น คือการช่วยเหลือเด็กกำพร้าและหญิงม่ายที่มีความทุกข์ร้อน และการรักษาตัวให้พ้นจากราคีของโลก (พรธรรม 1โครินธ์ 3:1-23) ********************************************** จงช่วยคนให้รอดด้วยการฉุดเขาออกมาจากไฟ และจงเมตตาผู้อื่นด้วยความยำเกรงพระเจ้า และจงรังเกียจแม้แต่เสื้อผ้าที่เปรอะเปื้อนด้วยโลกีย์ " (พระธรรม ยุดา ข้อ21-23) ********************************************** ที่ยก 2 ข้อนี้มาประกอบเพื่อจะย้ำให้เห็นว่า ความรัก สำหรับศาสนาคริสต์แล้วเป็นเรื่องจริงจัง เป็นเรื่องของความสัมพันธ์ที่แน่นอน ไมใช่เป็นเพียงเรื่องฉาบฉวยทางกายเพียงอย่างเดียว จากคุณ : Uncle-Dave - [ 3 ก.พ. 51 20:15:31 ]

ความคิดเห็นที่ 24 คห.18 บาปซึ่งไม่มีในภาพยนตร์เรื่องนี้ครับ จากคุณ : โยชูวาแห่งอัสซีซี - [ 3 ก.พ. 51 21:40:51 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ตอนแรกคิดว่าศาสนาไม่น่าจะเข้ากันกับภาพยนต์ ..แต่บทความ(เรียกงี้ป่าวคะ)ที่คุณโยชูวาแห่งอัสซีซี เขียนมา  ..ทำไมมันเข้าก๊านนนนน เข้ากันได้อ่ะ ^^ ถึงเราจะไม่ได้นับถือคริสต์  พอได้อ่านแล้ว เราอยากจะศึกษาเพิ่มเติมจัง .. จากคุณ : Kimi ni Aitai - [ 4 ก.พ. 51 01:55:36 ]

ความคิดเห็นที่ 26 คห.25 อยากลองศึกษาเพิ่มเติมป่าวว ? ลองมาเรียนคำสอนดูๆๆๆ ได้รับความรู้ยอะแยะเลยน้ะ ขอบคุนพี่ยศสำหรับบทความดีๆๆ จากคุณ : AEI - [ 4 ก.พ. 51 22:35:49 A:125.24.163.37 X: ]

ความคิดเห็นที่ 27 ขอบคุณนะคะ ^^" ตามมาอ่านจากหลังไมค์แล้วน๊า น้องยศ...เป็นคนละเอียดอ่อนและศึกษาศาสนาได้ลึกซึ้งดีจังค่ะ ^___* จากคุณ : ดอกคูณที่จากไป - [ 5 ก.พ. 51 00:20:41 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ไม่สนใจ พระเจ้าไม่มีจริงเป็นเรื่องเพ้อฝัน ความรักก็เป็นอุดมคติบ้าๆบอๆ เชิญเพ้อไปคนเดียว ฉันไม่เชื่อพระเจ้าติ๊งต๊องที่สร้างมนุษย์ให้ผิดเพศหรอก จากคุณ : เครียด - [ 14 ก.พ. 51 21:23:27 A:118.173.4.68 X: ]

ความคิดเห็นที่ 29 เยี่ยมเลย~ จากคุณ : rwarapirom - [ 14 ก.พ. 51 22:58:07 ]