กลับมาอีกครั้งครับ กับเจ้าหมีแพนด้าขาดความอบอุ่นตัวนี้ พ่อ L ของเรานั่นเองครับ
คราวนี้มาพร้อมกับ ภาระกิจสุดท้าย ก่อนที่หมีแพนด้าตัวนี้จะตายตามกฎ 23 วันของ Death Note
ปล.เดี๋ยวจะงงว่าทำไมผมเรียก L ว่าหมีแพนด้าขาดความอบอุ่น นั่นก็เพราะผมเคยเขียนวิจารณ์เรื่องนี้ไว้แล้วตอนภาคแรกครับ
จากกระทู้นี้
http://topicstock.pantip.com/chalermthai/topicstock/2006/09/A4749345/A4749345.html
พอมาภาคนี้ก็เลยขอเรียก L ตามที่เคยเรียกก็แล้วกันนะครับ ^_^
ผมมัวแต่หลงประเด็นกับการโปรโมทไปหน่อย ด้วยหวังว่าจะได้ดูยมฑูต กับน้องมิสะอีกครั้งในภาคนี้
แต่ไป ๆ มา ๆ ผมได้เห็นยมฑูตเสียงแมว นามว่า ลุค กับน้องหนูมิสะ เพียงแค่ 1 ฉากถ้วน!!!
อ่านว่า หนึ่ง-ฉาก-ถ้วน
คือในตัวอย่างเห็นแค่ไหน ในหนังก็เห็นอยู่แค่นั้นแหล่ะครับ
แถมฝูงยมฑูตที่เราเห็นบินมาเป็นฝูงในตัวอย่าง ยังไม่มีแม้แต่ซีนเดียว
และก็ขนาดยมฑูต กับ น้องมิสะ ยังมีบุญได้ออกมาแค่ 1 ฉากเท่านั้น
แล้วพ่อไร้ท์หน้าบาน ยางามิ จะมีบุญได้ออกมาอีกหรือ???
ไม่มีเลยนอกจากภาพความทรงจำที่ฉายให้ดูแว๊บ ๆได้เห็นหน้าบาน ๆ ของเค้าแค่ แว๊บ ๆ เท่านั้น T_T
ดูเหมือนจะทำร้ายจิตใจกันมากเกินไปหน่อย และคิดไว้ในใจว่า
เดี๋ยวก่อน เดี๋ยวก่อน รอตรูดูหนังจบก่อน ตรูจะด่าให้เสียหมีไปเลย
แต่ทุกสิ่งทุกอย่างที่เสียไป ทั้ง ยมฑูต และ น้องมิสะ กลับถูกชดเชยแบบเหลือเฟือ
ด้วยน้องหนู "มากิ" สาวน้อยคิ้วติด ที่ตามตำราเมืองไทยบอกไว้ว่า
คนคิ้วติดกัน คบไม่ได้ (อันนี้ผมไม่ได้คิดเองนะครับ แต่เคยมีคนบอกไว้นานมากแล้ว)
แต่ขอโทษเหอะครับ ต่อให้คบไม่ได้ แต่ถ้ามาอย่างน้องหนูมากิคนนี้
ต้องให้ผมติดคุก 12 ชั่วโคตรผมก็ยอมล่ะวะะ จะให้เป็นสาวกพลัง L ก็ยินดีเป็นอย่างยิ่ง
พลัง L ที่ย่อมาจาก Loli นะครับ
ไม่ใช่ หมีแพนด้าขาดความอบอุ่นที่ชื่อว่า L Lawliet (เขียนผิดขออภัยด้วยครับ) แต่อย่างใด
หมีแพนด้าตัวนี้ แสดงได้ดีมาก หนัง 3 ภาคที่ได้ดู มันทำให้ผมรู้สึกได้เลยว่า
คงไม่มีใครจะแสดงบท L ได้ดีเท่าหนุ่มคนนี้อีกแล้ว เคยเห็นแว๊บ ๆ จากหนังเรื่อง NaNa
ไม่คิดว่ามือกีต้าร์คนนั้น จะเล่นบท L ได้ดีขนาดนี้
เอาล่ะ เรามาพูดถึงตัวหนังกันดีกว่า
L Change The World นำเสนอในเรื่องราวของ อาวุธเชื้อโรค
ซึ่งเหตุเกิดขึ้นที่หมู่บ้าน "บ้านกรูด" ประเทศไทย ซึ่งเป็นแหล่งทดลองอาวุธชนิดนี้
N คือเด็กชายคนเดียวที่รอดชีวิตออกมาได้โดยไม่ติดเชื้อโรคดังกล่าว ทั้งที่อยู่กลางหมู่บ้าน
รอดออกมาโดยการช่วยเหลือของ F ซึ่งก็คงจัดอยู่ในพวกเดียวกันกับ L
หลังจากการระบาด ทำให้ พ่อของมากิ สาวน้อยน่ารักต้องทำการวิจัยยาต้านไวรัส
การวิจัย ทำร่วมกับนักวิทยาศาตร์สาวอีกคนนึง ที่ชื่อว่า ว่า ว่า ....(ว่าอะไรฟระ จำไม่ได้อีกแล้ว)
น่าจะชื่อ คุโรกิ คุโรมิ คุโรซากิ คุก คุก คุก อะไรซักอย่างเนี่ยแหล่ะ
พ่อของน้องหนูมากิโดนหักหลังดังกร๊อบ โดยคุโร.... นี่แหล่ะ
ซึ่งมาทราบภายหลังว่า คุโร.... ก็คือ K นักสืบพวกเดียวกันกับ L อีกคนหนึ่ง
ต่อไปนี้ผมจะเรียก คุณ คุโร.... ว่า K นะครับ
K ต้องการที่จะสร้างโลกใหม่โดยการแพร่เชื้อไวรัสนี้ทั่วโลก แล้ววางระบบใหม่ทั้งหมด
แต่ติดที่ว่า ตัวเองมีเชื้อโรค แต่เจือกไม่มียาต้านไวรัส ต้องให้พ่อของมากิช่วยเหลือ
หลังจากนั้นก็เกิดการหักหลังกันขึ้น พ่อของมากิตาย แล้วน้องหนูมากิ ก็ทะลึ่งฉีดไวรัสใส่ตัวเองอีก โดยที่ยังไม่มียาแก้ และนั่นคือ ภารกิจของ หมีแพนด้าขาดความอบอุ่นตามชื่อเรื่อง
ในหนังเรื่องนี้ เราจะได้เห็น L ของเราใช้สมองน้อยมาก ส่วนมากจะใช้แต่แรง
ใครไม่เคยเห็นหมีแพนด้าตัวนี้วิ่ง เราก็จะได้เห็นกันในเรื่องนี้แหล่ะ
ใครไม่เคยเห็นหมีแพนด้าตัวนี้เขิน เราก็จะได้เห็นกันในเรื่องนี้อีกเช่นเดียวกัน (แต่เขินในแบบของเค้านะ)
น่าเสียดายนิดหน่อยที่ ไม่ค่อยมีการหักเหลี่ยมเฉือนคมกันเหมือนกับ 2 ภาคที่แล้ว
- ใครจะเชื่อว่า L จะ Hack เข้าระบบของตัวเองที่โดนล็อคไม่ได้
- ใครจะเชื่อว่า ไอ้ลูกกระจ๊อกหน้าเอ๋อ ๆ ของ K คนนั้นจะเก่งกว่า L ของเรา
เพราะถูกสั่งให้ block ระบบไม่ให้ L เจาะเข้ามา ใครเชื่อ ผมไม่เชื่อครับ T_T
- และที่สำคัญ ใครจะเชื่อว่า L ทำหลังตรง ๆ ไม่ได้........................
อ๊ะ ๆ ๆ ๆ อย่าเพิ่งครับอย่าเพิ่ง ถ้าอยากรู้ว่าทำไมผมไม่เชื่อ ให้ลองย้อนกลับไปดูในโรงอีกรอบ
แล้วดูฉากตอนที่ หมีแพนด้า L คนนี้เอาขนมเสียบไม้มาให้ N ในตอนที่ N มาอยู่ที่บ้าน L ตอนแรกเลยครับ
และจะรู้ว่า จริง ๆ แล้ว L ทำหลังตรง ๆ ได้เหมือนคนทั่วไป!!!!
เอ่อ ก็แค่จับผิดเล็ก ๆ น้อย ๆ ครับ ผมตาฝาดไปหรือเปล่าก็ไม่แน่ใจ ผมอาจจะปล่อยไก่ก็ได้
แต่ก็ช่างมันเหอะครับ เรากลับมาที่เรื่องราวกันต่อดีกว่า
ฉากที่เรียกความฮาได้สนั่นโรง ก็คงเป็นฉากที่เกี่ยวกับ หมีแพนด้า L ทั้งหลายนั่นแหล่ะครับ
ไม่ว่าจะท่านั่ง ท่ากิน และ ท่ายืนหลังค่อม ๆ ของเค้า ที่นักพากย์พันธมิตร จับเอามาอำซะเสียหมีไปเลย
โดยเฉพาะฉากที่นั่งกินไอศกรีมในร้าน ซึ่ง หมีแพนด้า L ก็ต้องนั่งยอง ๆ บนเก้าอี้ตามธรรมเนียม
แค่ประโยคประโยคเดียว ก็ทำให้คนดูทั้งโรง รวมทั้งผมหัวเราะกันลั่นโรงได้แล้ว
ไหนจะฉากที่ น้องหนูมากิของผม นั่งเหนื่อย แล้วซบไหล่หมีแพนด้าของเราอีกล่ะ
โอ้ย อย่าให้พรรณาเลยครับว่ามันจะขำกับท่าทางของหมีตัวนี้ขนาดไหน
สองมือเกาะขอบหินแน่นเชียวแหล่ะ ประมาณว่า ทั้งชีวิตไม่เคยโดนใครซบมาก่อนแม้แต่วาตาริก็ตามที !!!
N ในเรื่องนี้ ไม่ค่อยมีบทบาทอะไร นอกจากมาช่วยไขความลับสูตรยาต้านไวรัสเท่านั้น
รอดชีวิตมาเพื่อบอกสูตรนี้โดยเฉพาะ MK สุกี้คือสูตรยาตัวนี้
ตอนที่ L เขียนคำว่า MK ลงในกระดาน คนทั้งโรงเงียบกริบ โดยหวังว่า จะมีคนเล่นมุขนี้ต่อหรือเปล่า
แล้วมันก็มีจริง ๆ โดยเอ่ยออกมาจากปากของ ดร. เพื่อนพ่อของมากิ
"MK สุกี้เหรอ"
แสรดดดดดดดดดด แทงหวยก็ถูกรางวัลที่ 1 แหล่ะวะ!!!
จากฉากฮา ๆ ดังกล่าว ผมว่า เค้าสามารถเอา คาแรคเตอร์ L คนนี้ไปสร้างหนังตลกได้เลยสบาย ๆ
ตลกหน้าตายของแท้ ชาลีแชบปลิ้น กับ มิสเตอร์บีน มาเจอมิสเตอร์ L ของเรา
ผมว่า มิสเตอร์ L หมีแพนด้าของเรากินขาด!!!
หนังจบลงด้วยฉากแอ็คชั่นของหมีแพนด้า L กับการกระโดดเกาะเครื่องบิน one two go
แล้วเข้าไปเจรจากับ K ซึ่งตอนนั้นติดเชื้อแล้วเรียบร้อย กล่อมกันอยู่สักครู่ ก็เรียบร้อย
ก็เป็นอันจบคดีสุดท้าย ที่ใช้สมองน้อยหน่อย แต่ใช้แรงมากหน่อยของหมีแพนด้าขาดความอบอุ่นคนนี้
ตอนท้ายเรื่องที่หมี L ยังเหลือเวลาอีกเล็กน้อย เค้าได้นำ N ไปฝากไว้กับโรงเรียนของเค้า
ซึ่งจำได้ลาง ๆ ในหนังสือการ์ตูนว่าเป็นโรงเรียนสอนผู้มีความสามารถพิเศษอะไรซักอย่าง
และได้ตั้งชื่อ N ว่า เนียร์ ที่แปลว่าใกล้ และ เป็นตัวละครหลักในภาคหลังของการ์ตูนนั่นเอง
ยังขาดเมลโล่อีกตัวนึง ซึ่งเท่าที่ดูจากชื่อแล้ว น้องหนูมากิของผมน่าจะมีเปอร์เซนต์ที่สุด
แต่หนังไม่ได้เสนอเมลโล่เลย T_T
ข้อดีของหนังเรื่องนี้
- ความฮา ไม่ว่าจะฮาจริง หรือ ฮาเพราะเสียงพากย์ก็ตามทีแต่มันก็ทำให้ผมหัวเราะได้
- L ยังคงทำหน้าที่ในบทนี้ได้อย่างน่าสนใจ และ แอบน่ารักเป็นบางฉาก
- ดร.เพื่อนพ่อของน้องมากิ ที่สร้างสีสรรในช่วงท้าย ๆ ได้อย่างมีพลังแม้หน้าตาจะไม่ให้ก็ตาม
และที่สำคัญ เป็นข้อดีที่สุดของหนังเรื่องนี้ นั่นก็คือ
"น้องหนูมากิ" ถ้าไม่มีมากิ หนังเรื่องนี้คงหงอยเหงายังไงชอบกล
เพราะไอ้เจ้าหนู N มันหน้าตาไม่ค่อยรับแขก จะเล่นมุกอะไรก็คงลำบาก
ข้อเสีย
- L หมีแพนด้าของเรา ใช้สมองน้อยไปหน่อย มันทำให้หนังเรื่องนี้
ไม่ต่างไปจากหนังกึ่ง ๆ แอคชั่นธรรมดา ๆ ไปซักเท่าไหร่ ซึ่งผมถือว่า
มันเป็นจุดเสียจุดใหญ่ จุดเดียวในหนังเรื่องนี้เลยก็ว่าได้
จริงอยู่ที่ทุกอย่างคลี่คลายได้ด้วยการวางแผนของเค้า หากแต่ว่า
การวางแผนนั้น ๆ มันก็ไม่ได้น่าตื่นเต้น และ ไม่ได้รู้สึกว่าเค้าฉลาดสมชื่อซักเท่าไหร่
แต่ถึงยังไง หนังเรื่องนี้ ก็ควรค่าแก่การเสียเงินเข้าไปดูครับ รับประกันว่า
ท่านจะไม่รู้สึกเสียดายเงินเมื่อเดินออกจากโรงหนังมา อาจจะมีผิดหวังบ้างนิดหน่อย
แต่ส่วนดีส่วนอื่น ๆ มันก็คงทดแทนไปได้บ้าง
ที่สำคัญ แค่ตีตั๋วเข้าไปดูน้องหนูมากิยิ้ม ดูคิ้วติด ๆ กัน แค่นั้น ผมก็ว่าคุ้มจะแย่แล้วววววว
ปล. มีข้อสงสัยนิดหน่อยครับ คุณว่า L กับ K เป็นอะไรกัน มันตะหงิด ๆ พิกลนะ
สมันน้อย เบอร์ 14
แก้ไขเมื่อ 12 ก.พ. 51 11:28:51
แก้ไขเมื่อ 12 ก.พ. 51 01:20:34