Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    พารากอน โรงหนังสุดแพง แต่บริการสุดห่วย ปรับปรุงด่วน!!!

    ถ้าคุณไปดูหนัง ในโรงที่คิดราคาถึง 160 บาทต่อที่นั่ง
    คุณจะคาดหวังบริการอย่างไรกันครับ???

    ออกตัวไว้ก่อน ว่าปกติผมไม่ค่อยไปดูหนังที่พารากอนเท่าไหร่ เพราะ
    1. แพง
    2. รู้สึกว่าหรูหราเกิน ไม่ได้อารมณ์ของการดูหนังยังไงก็ไม่รู้
    3. ปกติดูสยาม ลิโด้ สกาล่า เป็นหลักอยู่แล้ว

    แต่ก็มีบางครั้งที่ผมไปอุดหนุนพารากอนบ้าง
    อาจเพราะรอบฉายเป็นใจ มีบัตรฟรี หรือบางทีก็ไปดูหนังเทศกาล

    ซึ่งผลปรากฏว่า น้อยครั้งเหลือเกินจริงๆ ครับ ที่ผมจะประทับใจบริการของที่นี่
    ------------------------------------------------

    1) ระบบขายตั๋วอันสุดแสนเฮงซวย

    ใครไปดูที่พารากอนบ่อยๆ
    คงคุ้นเคยเป็นอย่างดี กับการยืนรอคิวซื้อตั๋วที่ไม่เห็นจะยาว
    แต่เอ๊ะ ทำไมมันนานจังฟะ???

    พอเข้าไปซื้อเองก็จะถึงบางอ้อ ว่าพนักงานไม่ได้ผ่านการฝึกฝน ให้รู้ระบบของการซื้อตั๋ว จองตั๋ว เท่าที่ควรเลย

    โดยเฉพาะเวลาใช้บัตรลด บัตรสมนาคุณ หรือบัตรอะไรก็ตาม
    ดูเหมือนทั้งเคาน์เตอร์ขายตั๋ว จะมีหัวหน้าอยู่คนเดียวที่รู้ ว่าต้องทำยังไง
    ทุกครั้งที่ผมยื่นบัตรพวกนี้ พนักงานขายตั๋วก็จะคลิกอะไรก๊อกๆ แก๊กๆ
    สักพักก็ไปตามหัวหน้ามาดู
    ก่อนจะจบลงด้วยการที่ หัวหน้าต้องเป็นคนมากดเอง
    ย้ำว่า 'เป็นแบบนี้ทุกครั้ง'

    บ่อยครั้งที่ผมไปถึงหน้าโรงก่อนเวลาฉายราว 10 นาที
    รู้สึกโล่งใจว่าทันสบายๆ แล้ว
    แต่ปรากฏว่า ขั้นตอนซื้อตั๋วนี่แหละ กลับทำให้ผมเข้าโรงสายอย่างไม่น่าเชื่อ

    แต่ก็นั่นแหละครับ ไม่มีปัญหาอะไรหรอก
    ขนาดเข้าโรงสายเป็น 10 นาที ก็ยังเจอโฆษณาอีกเป็นครึ่งชั่วโมง
    ยังไงก็ทันดูหนังอยู่แล้ว 555+
    --------------------------------------------------------

    2) พนักงานฉายหนัง ที่มักง่ายสุดๆ

    อันที่จริง ข้อแรกนั้นเป็นแค่น้ำจิ้มนะครับ
    ต่อคิวซื้อตั๋วนาน มันก็แค่น่าหงุดหงิด

    แต่ข้อ 2 เนี่ยแหละ คือเหตุผลที่แท้จริง ที่ผมมาตั้งกระทู้นี้

    สามครั้งล่าสุด ที่ผมไปดูหนังที่พารากอน
    ผมประสบปัญหาอย่างเดียวกัน 'สามครั้งซ้อน' นะครับ
    ที่ฟ้องให้ผมสรุปได้ว่า
    1. พนักงานฉายหนัง ทำงานชุ่ยมากๆ และ
    2. ไม่เคยอยู่คุมเครื่องฉาย แค่เปิดเครื่อง แล้วก็หายหัวไปไหนไม่ทราบ

    ครั้งแรก ผมไปดูเรื่อง The Flock เมื่อวันที่ 31 มกราคม

    ปรากฏว่า พอโฆษณาจบ เพลงสรรเสริญพระบารมีจบ หนังเริ่มขึ้น

    เห็นได้ชัดว่า ไม่มีการเปิดจอให้พอดีกับขนาดของหนัง และหนังฉายผิดสัดส่วน
    ด้วยเหตุนี้ นอกจากภาพจะบวมๆ ซับไตเติลยังเลยขอบล่างของจอลงไป อ่านไม่ได้

    ผมเลือกที่จะไม่วิ่งออกไปตามใคร เพราะกลัวว่าจะยิ่งทำให้ดูไม่รู้เรื่อง
    เพราะผมก็พอจะฟังรู้เรื่องอยู่ เลยพยายามเพ่งสมาธิอยู่กับหนังแม้จะหงุดหงิด

    อีกใจนึงคิดว่า ของมันพลาดกันได้
    พนักงานฉายเขาคงเห็นแล้ว อีกเดี๋ยวก็แก้ให้เอง

    จนผ่านไปเกือบ 10 นาที

    จึงมีเพื่อนร่วมโลง เอ๊ย! โรง อีกคนนึง อดรนทนไม่ไหว
    วิ่งออกไปตามพนักงาน

    ปรากฏว่า ภายในเวลาไม่ถึงครึ่งนาที ภาพก็ถูกปรับเป็นอัตราส่วนที่ถูกต้อง
    และจอก็ขยายกว้างขึ้นจนเห็นเต็มภาพอย่างที่ควรจะเป็น

    ผมก็นึกทึ่งอยู่ในใจว่า
    "เออ แก้ปัญหาได้ไวดีนี่"
    "แล้วทำไมไม่อยู่ดูแลตั้งแต่ต้น???"

    ที่สำคัญ ไม่มีการย้อนกลับไปฉายใหม่ใดๆ
    ดูแล้วก็ดูเลย รู้เรื่องหรือไม่รู้เรื่อง ก็เป็นปัญหาของลูกค้าเองใช่ไหม???

    ครั้งที่ 2 ผมดูเรื่อง Atonement เมื่อวันที่ 31 มกราคม

    เห็นวันที่ไม่ผิดหรอกครับ 31 มกราคม วันเดียวกับที่ผมไปดู The Flock นั่นแหละ

    แต่เป็นตอนค่ำ เพราะเป็นรอบพิเศษก่อนเข้าจริง มีแค่วันละสองรอบ

    ครั้งนี้ผมแค้นฝังหุ่นเป็นพิเศษ
    เพราะที่จริงดูหนังเรื่องนี้แล้วตั้งแต่รอบสื่อ แล้วประทับใจมาก
    วันนี้ก็เลยอุตส่าห์พาเพื่อนหญิงมาดู รีบดูตั้งแต่รอบพิเศษนี่แหละ

    ตอนหนังใกล้เริ่ม ก็แอบเสียวเล็กน้อย กับเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดกับ The Flock
    แต่ก็คิดในใจว่า "โรงหรูขนาดนี้ เขาคงไม่พลาดติดๆ กันมั้ง"

    พอภาพแรกของหนังเริ่มขึ้น...
    อืม ดีจัง อัตราส่วนถูกต้อง จอเปิดสมบูรณ์

    แต่เอ๊ะ... ทำไมมันไม่มีเสียงฟะ???

    ใครที่ดู Atonement แล้ว คงทราบดีนะครับ
    ว่าเสียงประกอบตอนต้นเรื่อง มันสำคัญแค่ไหน (ที่เป็นเสียงพิมพ์ดีด)

    มันทั้งเป็นการวางคาแรกเตอร์ตัวละคร ปูพื้นอารมณ์ของเรื่อง และสื่อความหมายที่กว้างและหลากหลายมาก

    ผมปรี๊ดแตกขึ้นมาทันที เสียแต่ว่าตรงที่นั่งอยู่ ลุกออกค่อนข้างลำบาก

    ผ่านไปประมาณ 5 นาที มีคนที่นั่งรอบนอกหน่อย ลุกออกไปตามพนักงาน
    และไม่ถึงครึ่งนาทีหลังจากนั้น หนังก็กลับมามีเสียงตามปกติ

    อีกครั้งที่ผมนึกชื่นชมในใจ
    "แก้ปัญหาเร็วดีจังเลยเนอะ เหอะๆๆ"

    เช่นเคย ไม่มีการย้อนกลับไปฉายใดๆ ทั้งสิ้น
    เสียสมาธิหรือไม่ ได้อารมณ์หรือเปล่า เป็นปัญหาของลูกค้าเอง

    ครั้งล่าสุดหมาดๆ รอบสื่อ No Country for Old Men เมื่อคืนนี้

    ที่จริงตอนบ่าย ผมแวะไปดู CJ7 ซึ่งตั้งใจจะดูเป็นซาวด์แทรค ก่อนนะครับ

    แต่ผมก็เลือกไปโรงหนังอีกแห่งหนึ่ง ที่อยู่ละแวกใกล้กัน และมีซาวด์แทรค
    ถึงแม้จะต้องเดินไป เดินกลับ จากสยาม ไกลพอสมควรก็ตาม
    เพราะบอกตรงๆ ว่าไม่ประทับใจพารากอน

    พอตอนค่ำ กลับมาดูรอบสื่อ No Country for Old Men ที่พารากอน

    หนังเริ่มขึ้น ป้าบบบบ อาการเดียวกับ The Flock เลยครับ
    (ภาพผิดอัตราส่วน + ไม่เห็นซับไตเติล)

    เริ่มเรื่องมา หนังก็มีแต่เสียงบรรยาย (voice over) เลยด้วย
    ซึ่งสำเนียงฟังยากมากๆ บอกตรงๆ ว่าฟังไม่รู้เรื่อง
    เพราะไม่ใช่ไฮโซ เรียนจบเมืองนอกมาครับ
    (ต้องแบบนั้นหรือเปล่า ถึงจะดูหนังที่นี่ได้ เพราะไม่ต้องอ่านซับอยู่แล้ว)

    แต่ครั้งนี้ยังโชคดี ที่มีพี่ๆ จากทางค่ายเจ้าของหนัง เขาดูแลอยู่

    เขาก็เลยรีบออกไปเรียกพนักงาน ให้แก้ปัญหาให้เสร็จสรรพ
    แล้วบอกให้ย้อนฉายใหม่ตั้งแต่ต้น
    (ถ้าเป็นรอบปกติ ลูกค้าอย่างผมจะมีวันได้รับสิทธินั้นไหมครับ พารากอน)

    'สามครั้งซ้อน' ครับ กับปัญหาแบบนี้
    ซึ่งที่จริงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเลย ที่คนฉายจะลืมปรับสัดส่วน

    เวลาผมไปดู โรงอย่างลิโด้ สยาม สกาล่า ก็เคยเจอปัญหานี้ครับ
    แต่ข้อแตกต่างคือ 'เขามีคนเฝ้าเครื่องฉาย และแก้ปัญหาให้ทันที'
    ทั้งที่เขาคิดค่าตั๋วแค่ 100 บาท เท่านั้นเอง

    แล้วพารากอน เงิน 160 บาท มันละลายหายไปไหนหรือครับ
    บริการถึงได้เป็นเช่นนี้???
    --------------------------------------------------------

    สุดท้าย เป็นคำถามที่อยากรู้คำตอบครับ

    บางครั้งผมไปดูที่พารากอน โดยใช้บัตรสมนาคุณ ที่เป็นบัตรทองๆ น่ะครับ

    ด้านหลังบัตร เขาระบุไว้ชัดเจนว่า ลูกค้าต้องจ่ายภาษีมูลค่าเพิ่มเอง
    ซึ่งผมก็ยินดีจ่ายครับ

    เสียแต่ว่า พนักงานขายตั๋วที่เคาน์เตอร์ เก็บผม 20 บาท
    แต่ในตั๋วหนัง เขียนไว้ว่า vat 10 บาท

    เอาล่ะสิครับ ผมไม่ได้งก แต่ไม่อยากถูกเอาเปรียบ
    เลยถามพนักงานไปว่า "20 บาทนี่ค่าอะไรบ้างครับ"

    ผมถามอย่างนี้สองครั้ง กับสองคน คำตอบที่ได้รับคือ
    "เป็น vat นะคะ/นะครับ"

    ครั้งที่สอง ผมถามกลับไปอีกรอบว่า
    "แล้วทำไมในตั๋วหนัง เขียนว่า vat 10 บาทล่ะครับ"

    พนักงานคนนั้นก็อึกอักๆ แล้วตอบว่า
    "เป็นค่าบริการอีก 10 บาทครับ"

    1. หลังบัตรสมนาคุณ เขียนว่าต้องจ่ายค่า vat
    ไม่ได้บอกสักคำว่ามีค่าบริการด้วย

    2. ทำไมผมถามทีแรก ว่า 20 บาทนี้ค่าอะไรบ้าง ถึงได้ตอบว่า 'เป็น vat (อย่างเดียว)'
    คุณตอบแบบนี้กับลูกค้าทุกคนหรือเปล่า???

    3. ในเมื่อหลักฐานเอกสาร (ตั๋วหนัง) ระบุแค่ว่าเก็บ vat 10 บาท อย่างนี้ค่าบริการอีก 10 บาทก็เป็นการเก็บลอยๆ
    ทางพารากอนได้ลงบัญชีและจ่ายภาษีอย่างถูกต้องหรือเปล่าครับ???

    จากคุณ : kitty_boo_end - [ 12 ก.พ. 51 12:16:15 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom