| เกรด A -> 9-10 คะแนน (13 คน) |
| เกรด B -> 6-8 คะแนน (5 คน) |
| เกรด C -> 3-5 คะแนน (0 คน) |
| เกรด D -> 1-2 คะแนน (0 คน) |
| จำนวนผู้ร่วมโหวตทั้งหมด 18 คน |
สัจธรรมของโลก กฎเกณฑ์ตามธรรมชาติ ของทุกสิ่งทุกอย่าง ย่อมมี 2 ด้านที่แตกต่างกัน...
สัจธรรมของโลก กฎเกณฑ์ตามธรรมชาติ ของทุกสิ่งทุกอย่าง ย่อมมี 2 ด้านที่แตกต่างกัน...
ถ้าผมอยากจะให้คุณช่วยหาความแตกต่าง ของข้อความ 2 ประโยคข้างบนนี้ ...คุณจะสามารถหาจุดที่แตกต่างได้หรือไม่ ?
อาจจะเหมือนผมเพี้ยน สติไม่ดี หรือดูท่าจะต๊องเกินเหตุ ที่หาประเด็นบ้าๆให้มาถกเถียงฟื้นฝอย เอาข้อความที่เหมือนกันอย่างกับ copy แล้ว paste มาเปิดประเด็นถามคุณๆ
...แต่จงเชื่อเถอะว่า คุณจะเข้าใจผม ถ้าคุณได้ดูหนังเรื่องหนึ่ง ที่จะทำให้ความหมายของคำว่า "ความแตกต่าง" ต้องเปลี่ยนแปลงไป
"Atonement" ...คือหนังเรื่องนั้น ที่ทำให้ความหมายของคำว่า "ความแตกต่าง" ในวันนี้ของผม แบ่งออกเป็น 2 ขั้ว
ขั้วหนึ่ง... คือ ความแตกต่าง บนความแตกต่าง และขั้วที่สอง... คือ ความแตกต่าง บนความไม่แตกต่าง
ยิ่งอ่านก็อาจยิ่งงง ...แต่เชื่อผมเถอะ เมื่อคุณดูหนังแล้วคุณจะเข้าใจ
Atonement ...ว่าด้วยเรื่องราวของ คู่รักคู่หนึ่ง ที่มีความปรารถนาแอบซ่อนอยู่ในใจอย่างลึกๆ แต่ไม่สามารถจะเปิดเผยให้ใครรู้ได้ เพราะความแตกต่างของฐานะอย่างสุดลิ่ม ...เมื่อฝ่ายชาย เป็นเพียงเด็กคนสวนต่ำต้อยของบ้านเศรษฐี ที่มิอาจสะเออะรักกับ ฝ่ายหญิงที่เป็นคุณหนู เย่อหยื่งทะนงตน แม้ฝ่ายชายจะได้ชื่อว่าเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวของบ้านหลังนี้ก็ตามที
แต่ถึงจะไม่คู่ควรอย่างใด ก็มิอาจห้ามใจให้ต้องแสดงออกบอกว่ารักกันอยู่ดี ...และนั่นจึงนำมาซึ่งการคบหาอย่างลับๆ แบบที่คนหนึ่งก็ไม่รู้ว่าอีกคนก็คิดเหมือนกัน
หากแล้วสุดท้าย ความลับก็ไม่มีในโลกจริงๆ... เมื่อน้องสาวของฝ่ายหญิง กลายมาเป็นพยานผู้ร่วมรู้เหตุการณ์ ที่บ่งบอกว่าคนสองคนนี้ ไม่ได้คบหาแค่ในฐานะนายและบ่าวเพียงอย่างเดียว
แล้วก็กลายเป็นเรื่องที่ยิ่งแย่เข้าไปใหญ่... เมื่อฉากหน้าที่น้องสาวได้เห็นว่าชายและหญิงคู่นี้บึ้งใส่กัน กลับมีเบื้องหลังเป็น จดหมายรัก ระบายความใคร่ ที่เขียนขึ้นเป็นการระบายความรู้สึกทีเล่นทีจริง แต่ก็กลายเป็นความหายนะมหันต์ ที่ฝ่ายชายดันใส่ความจริงในใจลงไปในซองที่ฝากให้ น้องสาว ส่งไปถึงมือของพี่สาวอีกทอดหนึ่ง ...และที่เลวร้ายเป็นที่สุด ก็คือ น้องสาวดันทะลึ่ง แอบเปิดอ่านจดหมายของพี่สาว เพียงเพราะความเดียงสาที่คาดคั้นว่า ฝ่ายชายคิดไม่ซื่อกับพี่เธอ
ยังไม่จบเพียงแค่นั้น... เมื่อเรื่องราวได้บานปลายจนเกินเลย พร้อมกับการเกิดเหตุการณ์หวังฆ่าปิดปากคนในบ้านขึ้นมา ...และนั่นก็เป็นไปตามทฤษฎีความไม่รู้ประสีประสาที่ น้องสาว จะกล่าวโทษ คนรักของพี่ ว่าเป็นคนที่ก่อเหตุ
Atonement... มีจุดเริ่มต้นของทุกสิ่งทุกอย่าง มาจากประเด็นความรักต้องห้าม อันเป็นเรื่องที่อมตะที่ยุคสมัยไหนจะเอามาเล่าแบบใดก็ไม่มีวันเชย (แต่วันนี้อาจจะต้องเน้นไปที่ รักร่วมเพศ มากซะหน่อย)... และพลอตเรื่องที่ดูเหมือนจะน้ำเน่าที่เล่ามาก็คือ สิ่งที่คุ้นชินเป็นอย่างดี ของเราๆ ที่ได้เห็นละครน้ำเน่า เป็นเรื่องประโลมโลกอย่างหนึ่ง ที่อินเทรนด์ได้เสมอ ไม่เกี่ยงว่ามันจะมีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างความเน่ามากน้อยสักเพียงไหน
หากแต่ในแง่มุมอันจริงแท้ที่ Atonement ต้องการนำเสนอเป็นสำคัญ... มันกลับยังไม่ใช่เรื่องที่เป็นจุดเริ่มต้น แต่อย่างใด และความจริงที่ไม่หลอกลวง... ก็คือ พระนางที่เป็นความรักของเรื่องนี้ แทบจะมีบทบาทเป็นเพียงแค่ตัวประกอบเสียด้วยซ้ำ
เพราะ ตัวเอกที่แท้จริง ที่เป็นทั้งคนกลางและความเชื่อมโยง กลายเป็นบทบาทของ 'น้องสาวนางเอก' ที่หนังกำหนดให้เป็นพยานที่รู้เรื่องของพระนาง มากที่สุด...
ถ้าคุณมองว่านี่ คงจะเป็นเรื่องราวที่เข้าข่ายหักมุมมากที่สุดของหนังน้ำเน่าเรื่องนี้แล้ว ...ก็ขอบอกไว้ก่อนว่า คุณกำลังคิดผิด
จากผลงานชิ้นก่อนหน้า "Pride & Prejudice" ซึ่งกลายเป็นม้านอกสายตาที่สามารถทำการแจ้งสถานะถือกำเนิดได้อย่างเป็นทางการ ในสายตาของนักดูหนัง ...หนังเรื่องต่อมาของผู้กำกับไฟแรง "โจ ไรท์" ก็ได้กลายเป็นเรื่องของความท้าทายที่มีมากขึ้น ควบคู่ไปกับพร้อมพัฒนาการที่เรียกได้ว่าก้าวกระโดด จากปากคำของนักวิจารณ์อเมริกาส่วนใหญ่ ที่ให้ Atonement เป็นอีกหนึ่งงานศิลปะแห่งวงการหนังชิ้นสำคัญแห่งปี 2007 ที่ผ่านมา
และด้วยข้อท้าพิสูจน์ของ 7 ออสการ์ (เข้าชิง) มันช่างเร้าอารมณ์ให้ชวนได้เห็นกับตา... ก็ได้หมดซึ่งความกังขา เมื่อผมออกจากโรงมาพร้อมกับการปรบมือ 3 ครั้ง ซึ่งบอกกล่าวว่า ผมได้ตกหลุมรักหนังเรื่องนี้ อย่างรุนแรงซะแล้ว
และเมื่อผมได้ลองกลับมาพิสูจน์ความแรงในฝีมือของ ผกก.ไรท์ อีกครั้งใน Pride & Prejudice (ความจริงของผม...หลังจากที่เพิ่งดูจบปุ๊บ ก็ตั้งหน้าตั้งตามาเขียนรีวิวนี้ปั้บ) ...ผมก็เป็นอีกเสียงที่มองว่า Atonement เป็นการกระโดดที่ทำได้สูงและมาได้ไกลมากๆ จากหนังเรื่องที่ว่า
ถ้ามองเป็นตัวละครตัวหนี่งในเรื่องน้ำเน่า ... Atonement ก็คงจะเป็น "พจมาน สว่างวงศ์" แห่ง บ้านทรายทอง ...ทึ่สามารถพอจะกลายเป็นความคลาสสิคที่น่าจดจำ
คาแรกเตอร์แรกที่ Atonement ยัดเยียดให้ Pride & Prejudice กลายเป็น น้องชายน้อยหงิกหงอย คือ... ความเฉียบคมของเรื่องราว ที่มีต้นเรื่องมาจากพลอตรักต้องห้าม แต่อาจหาญข้ามขอบเขตไปไกลถึงการสำรวจพฤติกรรมและจิตใจของมนุษย์ได้อย่างเนียนๆ
คาแรกเตอร์ที่สองที่ทำให้ Atonement กล้าทะนงเกินกว่าจะยอมให้ คุณหญิงแม่กดขี่ คือ... วิธีการเล่าเรื่องไม่เหมือนใคร ที่แหวกม่านประเพณีสารบบน้ำเน่าโดยสิ้นเชิง... ลักษณะเด่นของมัน คือ การยอกย้อน ซ้อนทับซ้อน จับเหตุการณ์เดียวกัน มาทำให้เป็นสองด้าน จากมุมมองของสายตาที่แตกต่าง
คาแรกเตอร์ที่สามของ Atonement ที่แข็งแกร่ง เสียจนหญิงเล็กมิอาจสู้รบปรบมือได้ คือ... การสร้างความหนักแน่นของเรื่องราว โดยเลือกใช้องค์ประกอบรอบข้างในภาพและเสียง เสริมพลังให้กับเหตุการณ์อย่างน่าอัศจรรย์ ...ยกตัวอย่าง เสียงพิมพ์ดีดที่คลอเร้าไปพร้อมดนตรีบรรเลง อันเป็นเทคนิคสุดโดดเด่นจนกลายเป็นอีกหนึ่งตัวละครสำคัญของหนังในบัดดล
และคาแรกเตอร์สุดท้าย ที่องอาจผลักดันให้ พจมาน คนนี้ ได้ดีเป็นเจ้าของบ้าน ก็คือ... ตัวละครจากงานทุกส่วน (กำกับ,บท,การแสดง,โปรดักชั่น) ที่ช่วยขับเน้นให้ Atonement มีความเข้มข้นน่าติดตาม และสร้างอารมณ์ร่วมที่มีความลึกมากพอ จะทำให้คนดูคล้อยตาม หลงใหลไปกับเรื่องในหนัง
ด้วยคาแรกเตอร์อันโดดเด่น และน่าอัศจรรย์ทั้ง 4 ข้อนี้ นี่เอง... จึงทำให้Atonement กลายเป็นตัวเต็งที่คู่ควรกับรางวัลออสการ์ในสายตาของผม ...แม้จะยังไม่ได้ดูคู่แข่งที่เหลืออีก 3 (เว้น Micheal Clayton ...ที่แค่ดี แต่ยังไม่ควรถึงขั้นนั้น) ก็มีน้ำหนักมากพอจะทำให้ผมเห็นภาพว่า ปีนี้เป็นปีที่ดูได้ยากสุดๆ กับคนที่จะต้องได้เป็นผู้ชนะในท้ายที่สุด
แก้ไขเมื่อ 15 ก.พ. 51 18:04:46
แก้ไขเมื่อ 15 ก.พ. 51 17:43:25
จากคุณ :
OncE UPoN'-'a MaN
- [
15 ก.พ. 51 17:28:46
]