CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    ดู{หนัง} วิธ มายเซลฟ์ ; "Charlie Wilson's War" ... หนังการเมืองที่สักแต่'พูด' หากก็ยังโคตร'สนุก'กว่าเรื่องจริงแถวนี้

      เกรด A -> 9-10 คะแนน (4 คน)
      เกรด B -> 6-8 คะแนน (6 คน)
      เกรด C -> 3-5 คะแนน (0 คน)
      เกรด D -> 1-2 คะแนน (1 คน)

    จำนวนผู้ร่วมโหวตทั้งหมด 11 คน

     36.36%
     54.55%
     0.00%
     9.09%


    ถ้าพูดถึงหนังที่ว่าด้วยเรื่อง 'การเมือง' แล้ว... คนส่วนใหญ่ก็คงจะคิดว่า มันต้องเป็นเรื่องที่ยุ่งยาก มีความซับความซ้อนในประเด็นที่แฝงวาระอะไรของมันลงไป ...ดูยากก็ว่าเรื่องหนึ่ง ยังไม่รวมอีกเรื่องที่ก็คาดกันไปว่าคงจะดูน่าเบื่อ น่ารำคาญ มีแต่อะไรก็ไม่รู้ที่เราไม่เข้าใจ ไม่ว่าจะการกระทำ ความคิด ยันไปถึงการใช้คำพูดที่ศัพท์แสงก็คงต้องสูงเกินหูเราๆจะรับฟังกันได้

    ก็เอาเป็นสรุปความง่ายๆ ...แค่ได้ยินว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับ การเมือง ชาวบ้านเราๆก็พากันเครียดขึ้นสมองล่วงหน้่าไปแล้ว

    "Charlie Wilson's War" ... ก็คือ หนังการเมืองอีกเรื่องหนึ่ง ที่ก็คงเข้าข่ายไม่น่าจะสำเริญสำราญใจได้สักเท่าไหร่ หากขาดซึ่ง... การมีดารานำเป็นถึงเจ้าของออสการ์ 3 คน อย่าง "ทอม แฮงค์ส", "จูเลีย โรเบิร์ตส", "ฟิลิปส์ ซีมัวร์ ฮอฟฟ์แมน" บวกกับอีกหนึ่งผู้กำกับออสการ์คุณภาพ "ไมค์ นิโคลส์" ...ฉะนั้นแล้วก็ยังดูโล่งใจไปได้หนึ่งเปราะ เพราะถึงจะดูยาก หากสุดท้ายทั้ง 4 คน จะทำให้หนังมีความหมายขึ้นมาในความทรงจำได้บ้าง ก็ไม่ใช่เรื่องที่จะคาดหวังไม่ได้

    Charlie Wilson's War ... เป็นอีกหนึ่งการเมืองที่ถูกสร้างขึ้นมาจากเค้าโครงเรื่องจริง ที่อ้างอิงมาอีกทีจากหนังสือที่ได้ชื่อว่าเป็น Best Seller ...พูดถึง สส. หนึ่งคน ผู้เคยเป็นเพียงกลไกเล็กๆในอุตสาหกรรมการเมืองอเมริกา ที่หาญริกล้าในอุดมการณ์ ลุกขึ้นมากระทำการบางอย่าง เพื่อเป็นการต่อสู้กับภัยสงครามเย็น ที่สองมหาอำนาจ สหรัฐฯ และ โซเวียต กำลังขัดเคืองเล่นสงครามจิตวิทยาใส่กันอย่างไม่มีใครยอมใคร...

    แม้ในเปลือกหน้าแล้ว "ชาร์ลี วิลสัน" จะดูเป็นนักการเมืองที่มีภาพดูไม่น่าเชื่อถือสักเท่าไหร่ (ด้วยความเป็นเพลย์บอย จอมกะล่อน ที่รักในสุรา ปลาบปลื้มในสตรี มากไปกว่าชีวิตที่มีอำนาจ) ...หากแต่เมื่อเขาเกิดอารมณ์ที่จริงจังอะไรขึ้นมาแล้ว ชาร์ลี ก็ไม่ยั้งที่จะทำทุกอย่างเพื่อประโยชน์ของสังคมโดยรวม ...และนั่นจึงเป็นเหตุผลทำให้เขาถูกดึงเข้ามาในเกมผลประโยชน์ของเศรษฐินีสาว "โจแอน เฮอร์ริ่ง" ที่กำลังล็อบบี้ หาเงินด้วยงานสังคมทุ่มทุนสร้างของเธอ เพื่อทำการลงขันช่วยเหลือให้ชาวปากีสถานที่เป็นเหยื่อสงคราม ได้มีปืนอาวุธยุทโธปกรณ์เอาไว้ขึ้นต่อสู้กับความอยุติธรรมที่โซเวียตหยิบยื่น

    นอกจากอำนาจทางการเมือง และเงินตรา อีกหนึ่งสิ่งที่ขาดไม่ได้ ก็คือ ผู้ควบคุมปฏิบัติการ ซึ่งหน้าที่ก็ต้องเป็นของ CIA มือเก๋า(แต่ปากโวยวาย) อย่าง "กัส อัฟราโคโทส" ...ที่นำเสนอแผนการรุกฆาตอันแยบยล และได้ผลอย่างรุนแรง จนสุดท้ายท้ายสุด ก็สามารถเอาชนะโซเวียตได้โดยสง่าผ่าเผย ...หากสุดท้ายก็กลับกลายเป็นการตกม้าตายที่แสนจะเวทนาในวันที่ 9 กันยายน 2001 ...หายนะแห่งประวัติศาสตร์ที่อเมริกาต้องจดจำไม่อาจลบเลือน

    หลังจาก 3 ปีที่แล้ว เพิ่งเจอะกับ จูเลีย โรเบิร์ตส ในหนังรักสายสัมพันธ์สี่เส้า "Closer" ...กลับมาอีกหน ผกก.นิโคลส์ ก็ยังติดสอยสาวบานฉ่ำคืนจอด้วยกัน แถมยังพ่วงเอา แฮงค์ส และฮอฟฟ์แมน มาเสริมทีมแข็งปั๋ง ที่รับประกันคุณภาพความเข้มข้นทุกอณู ...ด้วยเหตุฉะนี้แล้ว Charlie Wilson's War จึงถูกมองเป็นหนังหวังรางวัลกันล่วงหน้า โดยยังไม่จำเป็นต้องวัดด้านคุณค่าของเรื่องการเมืองบนหน้าหนังแต่อย่างใด

    แม้หน้าหนังจะมองเหมือนการเมืองเป็นเรื่องสุดจะเครียดที่เอามาขึ้นจออีกแล้ว เพียงเพื่อเสนอหน้าความเป็นมหาอำนาจโลกสุดเก่งกาจของอเมริกา... หากความจริงยิ่งกว่าจริงที่หนังนำเสนอ กลับมีประเด็นที่อยากจะแว้งกัดประเทศตัวเองกันซะมากกว่า... นั่นจึงเป็นความน่าสะใจอย่างหนึ่ง ที่ทำให้หนังการเมืองเรื่องนี้มีคุณค่าน่ารับชมสำหรับคนที่กำลังเบื่อหน่ายมหาอำนาจแห่งประเทศนี้อยู่

    หากที่มากกว่าความสะใจแล้ว ...Charlie Wilson's War ยังให้เราได้สนุกกับเรื่องราวของ การเมือง ที่กลายเป็นเรื่องไม่น่าเบื่อในบัดดล ...เมื่อมันอยู่ในมือของคนที่รู้วิธีเล่า และสามารถเร้าใจให้อยากติดตามได้ทุกนาที โดยไม่จำเป็นต้องรู้ศัพท์แสงการเมืองอะไรให้มาก ก็ยังพอมองข้ามให้ไม่ขัดอกขัดใจอะไร
     
    มีเพียงแค่สิ่งเดียวที่จำเป็นที่สุด ที่ต้องใช้ระหว่างการดูหนังเรื่องนี้ ก็คือ การมีสมาธิจดจ่ออยู่กับหนัง ...แม้จะรู้เรื่องราวหรือไม่รู้มาก่อนหน้าใดๆ หากมีสิ่งนี้แล้ว ก็จะรู้สึกเพลิดเพลิน ห้ามความเบื่อได้ชะงักนักแลเลยทีเดียว ...แล้วเมื่อเราเพลินไปกับมัน ที่เหลือหลังจากนั้นก็จะรู้สึกได้ว่ามันก็มีอะไรมากกว่าการเป็นหนังการเมืองที่สักแต่ พูด พูด และพูด แบบเคยๆ ...คือ ความน่าประทับใจ ในการเอาบทเรียนเลกเชอร์ชวนเครียด มาตีความให้กลายเป็นหนังตลกร้าย รักดอกจึงหยอกเล่น(แรง) ได้อย่างเนียน

    งานกำกับของ ไมค์ นิโคลส์ สามารถเอาเรื่องและการแสดงได้อยู่หมัด มัดผมให้ติดกับหนังจนแน่นหนา แทบขยับสายตาเบือนหนีไปจากจอมิได้ ...ไม่ใช่แค่กลัวจะดูไม่รู้เรื่อง แต่ก็ยังกลัวจะพลาดในทุกนาทีที่หนังดำเนินตรงๆไม่อ้อมค้อม หากก็เร้าอารมณ์สนุกให้อย่างจังเบอร์ ...อีกทั้งตัวบทหนัง ก็เขียนเล่าได้มีจังหวะเบา จังหวะเร้า สามารถข่มความเป็นการเมืองที่หนักแน่น แฝงไปด้วยแง่มุมตลกๆ ที่ทั้งเน้นขำและแอบเสียดสีอย่างร้ายไปโดยพร้อมเพรียง ...และไดอะล็อกก็ พูด พูด พูด พ่น พ่น พ่น ได้อย่างชาญฉลาด และมีชั้นเชิงในการใช้คำ อีกประโยคคมๆก็มีมากเกินจำได้ ...แม้กระทั่งกับคำด่าว่า สัตว์ชนิดหนึ่ง จากปากจูเลีย โรเบิร์ต ก็ปล่อยถูกที่ถูกทาง แร๊งงงงงง ซะ (นิโคล แอ๊บแบ๊ว...ขอบอก!!!)

    การแสดงของ 3 ดาราแม่เหล็ก ก็ไม่มีใครทำหน้าที่ได้ผิดหวัง หากจะติดในความจำก็แตกต่างกันไป ...ถ้าเรียงจากน้อยไปหามาก... จูเลีย โรเบิร์ตส ยังใช้พลังน้อยกว่าใครเพื่อน เสมือนเป็นตัวประกอบที่มาเพื่อประกอบเรื่องจริงๆ ไม่ขอบทบาทอะไรมากกว่านั้น ...ทอม แฮงค์ส ดูน่าเชื่อถือกับภาพของสส.เพลย์บอย และแสดงได้หลากอารมณ์สมมาตรฐาน 2 ออสการ์ ...หากก็ยังต้องแพ้พลังให้กับ ฟิลิปส์ ซีมัวร์ ฮอฟฟ์แมน... คนนี้สิแน่จริง ที่บังอาจแย่งซีนจากทุกคนได้อย่างหมดจด กับมาดซีไอเอพุงหลามจอมสบถ และเจ๋งพอจะเข้าชิงออสการ์ได้อย่างน่าสมควร (แต่ไม่อาจได้รางวัล ...เพราะ ฆาเวียร์ บาเด็ม แห่ง No Country For Old Men ยังเด็ดขาดกว่ากันเยอะ)

    นอกเหนือจากแม่เหล็กทั้ง 3 ที่เรียกคนดูเข้าโรง ...บรรดา Charlie's Angels (เรื่องนี้มีจำนวนมากกว่าหนังเรื่องนั้นอยู่ 1) ก็คือ อีกกลุ่มบทบาทที่ทำหน้าที่ดึงคนดู(โดยเฉพาะบรรดาชายๆ)ให้ตรึงตาติดจอได้จังๆ แต่ละคนก็ทำเอาละลายได้แทบทั้งนั้น ...โดยเฉพาะ "เอมี่ อดัมส์" ก็แนบเนียนกับบทผู้ช่วยชาร์ลี จนแทบทำให้ลืมว่าเดือนก่อน เพิ่งจะเห็นเธอเป็นเจ้าหญิงจอมกรีดกรายแห่ง Enchanted มาแหม่บๆนี่เอง

    "Charlie Wilson's War" ...หนังการเมืองเหมือนจะเครียดที่เข้มข้นในเนื้อหา หากก็สามารถดูเอาสบาย คลายความกังวลได้เป็นปลิดทิ้งซะอย่างงั้น... สำหรับคนที่ชอบหนังแนวนี้ ไม่ควรจะพลาด หากกับคนที่ต้องการความบันเทิง ก็น่าจะรู้สึกติดใจไปกับหนังได้ไม่ยาก หากแค่มีสมาธิ จับจดสนใจโดยตลอดเพียงเท่านั้น ...หรืออย่างน้อยๆแล้ว การเสียเวลาดูหนังเรื่องนี้ ก็ยังเป็นอะไรที่โคตรสนุกยิ่งกว่า การเสียเวลาเซ็ง การเมืองแถวนี้ๆ ที่เหมือนจะสงบ (ก็มีคนพยายามพร่ำบอกอย่างงั้น)...แต่ความจริง เป็นอย่างไร ก็รู้ๆกันอยู่

    ขอแนะนำ...ครับ

    เกรด A-

    ส่วนที่ขีดเส้นใต้เน้นข้อความ... ซึ่งที่เน้นนั้นจะเป็นที่ผมพูดถึง ส่วน ดูดี-ดูด้อยในหนังครับ ...สำหรับบางคนที่ยังไม่ได้ดูหนัง แล้วอยากจะรู้ว่าหนังมีอะไรดี มีอะไรด้อยบ้าง ก็อ่านเอาจากที่ผมขีดเส้นใต้ไว้ก็ได้เลยครับ ตามแต่สะดวกละกัน

    2 หนังเกรด A ที่ผมขอแนะนำเป็นยิ่งๆในตอนนี้ :

    "Atonement" ... ยอกย้อน -> เด็ก/ผู้ใหญ่ <- ความแตกต่าง -> ความจริง/ความลวง <- สับสน
    http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=onceupon&month=18-02-2008&group=2&gblog=112

    "Sweeney Todd" ... 'ความแค้น' ไม่เคยช่วยอะไร รังแต่จะช่วยให้ตายไวกว่าเดิม (เช่นเดียวกับ 'เซ็นเซอร์')
    http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=onceupon&month=04-02-2008&group=2&gblog=108

    สำหรับทุกคนที่ได้เผลอเข้ามาในกระทู้รีวิวนี้ ...อย่าเพิ่งรีบออกไปนะครับ อยากขอให้ช่วยลงความเห็นของคุณกับความรู้สึกต่อหนังเรื่องนี้ ได้ประทับเก็บไว้ในกระทู้นี้ด้วย... "1 Comment ของคุณ มีค่าเท่ากับ 1 Happy ของ จขกท."

    ขอบคุณครับ รักคนอ่าน...

    แก้ไขเมื่อ 18 ก.พ. 51 18:59:22

    แก้ไขเมื่อ 18 ก.พ. 51 18:52:51

     
     

    จากคุณ : OncE UPoN'-'a MaN - [ 18 ก.พ. 51 18:43:20 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | PanTown.com | BlogGang.com