 |
:: กรุณากอดฉันด้วยความระมัดระวัง (วิจารณ์หนังเรื่องกอด ไม่สปอยล์) ::
ได้ไปดูรอบ Q&A ของสมาคมผู้กำกับภาพยนตร์ไทยมาค่ะ ชอบผู้กำกับมาก ตั้งใจไปดูเพราะเขาเลย แล้วก็ดูแล้วไม่ผิดหวัง คงเดชเป็นอีกหนึ่งคนคุณภาพที่วงการหนังไทยควรจะมีไว้จริงๆ
---------------------------------------------------------
:: กอด หรือ Handle me with care ::
กอดเป็นหนังโรแมนติก(นิดๆ)ดราม่า(มากหน่อย)ตลกร้ายที่เสียดสีสังคมได้เนียนถึงใจที่สุดเรื่องหนึ่ง ผู้กำกับและเขียนบท(คงเดช จาตุรันต์รัศมี) ให้ขวาน (ตุ้ย เกียรติกมล ล่าทา) เป็นผู้ชายที่มีแขนซ้ายสองข้างที่ใช้งานได้จริง แต่ความพิเศษของมันกลับเป็นสิ่งที่ขวานไม่ต้องการ เพราะมันทำให้เขาเหมือนเป็นตัวประหลาด และให้นา (กระแต ศุภักษร ไชยมงคล) เป็นสาวทรงโตที่มีปมในใจว่าผู้ชายทุกคนเอาแต่มองตรงส่วนนั้นของเธอ โดยมองข้ามเลือดเนื้อและจิตใจในตัวเธอไปเสียหมด
ขวานคือผู้ชายคนหนึ่งที่ดิ้นรนเพื่อหาพื้นที่ปลอดภัยให้กับตัวเอง ขวานต้องการจะไปตัดแขนที่สามออก เพราะมันแทงตาเขาจนทนอยู่ต่อไปไม่ได้ แต่แท้จริงแล้วขวานลืมนึกไปว่าสิ่งที่ต้องการในชีวิตหนึ่งชีวิตนี้ จริงๆคืออะไรกันแน่ ระหว่างการเป็นคนสองแขนเหมือนคนทั่วไป หรือขอแค่ใครซักคนที่เข้าใจเขาและอยู่กับเขาได้อย่างมีคามสุข
หากแต่เมื่อมองลึกลงไปในตัวขวาน ตัวละครตัวนี้คือตัวแทนของประเทศไทยนั่นเอง (คงเดชบอกตอนQ&A) เมื่อเข้าใจว่าผู้กำกับต้องการจะสื่ออะไร ก็จะพบว่าหนังเรื่องนี้เสียดสีสังคมไทยได้อย่างแนบเนียนมาก ทั้งด้วยการนำเสนอผ่านมุมมองของขวาน ของนา และของทั้งผู้คนและสิ่งของรอบตัวของทั้งสอง ที่คงเดชบรรจงสอดแทรกข้อคิด และมุขตลกร้าย ตลกเสียดสี ที่ว่าหากจะมองแบบไม่คิดอะไร หากจะดูแค่เพียงความบันเทิง ก็คงจะคิดว่าหนังเรื่องนี้เป็นหนังสบายๆ ดูแล้วพออมยิ้ม เรียกเสียงหัวเราะไปได้เรื่อยๆระหว่างทางแบบไม่ต้องคิดอะไรมาก (ถ้าใครเคยดูเฉิ่ม แล้วเปรียบเทียบกัน เราว่ากอดดีกว่าเฉิ่มมากๆ เพราะมันดูเข้าใจง่าย และดูสบายๆกว่าเฉิ่มมาก อาจจะเพราะบรรยากาศในหนังที่ดูบ้านๆ และฉากสวยๆที่ส่วนใหญ่เป็นตอนกลางวัน ไม่เหมือนเฉิ่มที่เป็นฉากกลางคืนเกือบทั้งหมด) แต่ถ้าลองคิดถึงสิ่งที่หนังต้องการจะสื่อ จะพบว่ามีหลายฉากหลายตอน จริงๆแล้วแทบจะตลอดทั้งเรื่องที่มีอะไรให้คิดต่อเยอะมาก และหลายครั้งที่ดูแล้วกลับต้องยิ้มขำพร้อมทั้งพยักหน้าเห็นด้วย เพราะมันเป็นเช่นนั้นจริงๆ ขอชื่นชมว่า คงเดชกล้ามากและซื่อสัตย์ต่อตัวเองอย่างมากที่จะยอมให้หนังของตัวเองแสดงออกแบบนี้ และนั่นคือเสน่ห์และคุณค่าที่หนังเรื่องนี้มีอยู่อย่างเต็มเปี่ยม
พูดถึงเรื่องความโรแมนติก โทนของหนังอาจไม่โรแมนติกหวานแหววรักกันจี๋จ๋าเหมือนที่การตลาดชักนำไปในทางนั้น (อย่าเข้าใจผิดและอย่าคาดหวังแบบนั้นเพราะคุณจะผิดหวังแน่นอน) แต่มันก็อบอุ่นและโรแมนติกอยู่ไม่น้อย เพียงแต่เป็นความโรแมนติกบนพื้นฐานแบบคงเดช พระเอกนางเอกดูแล้วแทบจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันรักกันตอนไหน เพราะมันแทบไม่แสดงความรักต่อกันเลย(มีอยู่หน่อยเดียวจริงๆตอนจะจบน่ะ) แต่รอยยิ้มและแววตาที่ทั้งสองส่งให้กันก็ทำให้เราเชื่อได้ว่าสองคนนี่มันผูกผันกัน แม้ทางกายมันอาจจะแทบไม่ได้แตะต้องกันเลยนอกจากจับมือ (ซึ่งหนุ่มๆที่หวงกระแตคงจะหายห่วง) แต่ทางใจมันสัมผัสกันได้นะ ซึ่งตรงนี้ขอยกเครดิตให้นักแสดงนำทั้งสอง ที่ถือว่าเข้ากันได้ดี เหมาะสมกันมากเลยทีเดียว
ตุ้ยมีแววตาที่สื่ออารมณ์ได้ดีมาก เราชอบแววตาของตุ้ย ตุ้ยมีแววตาที่ดูเป็นคนไม่พอใจในตัวเองอย่างที่คงเดชบอกจริงๆ แต่เวลาที่ตุ้ย(ในบทของขวาน)มองกระแต(ในบทของนา)อย่างอ่อนโยนแล้วยิ้มน้อยๆ กลับดูน่ารักและมีประกายอ่อนหวานเจืออยู่ในนั้น เรารู้สึกว่าผู้ชายคนนี้แววตาพูดได้ และลึกๆภายในเขาไม่ใช่คนแข็งเหมือนรูปลักษณ์ภายนอกที่เห็นครั้งแรก(ตอนแรกขอสารภาพว่าเห็นตุ้ยตอนประกวดเอเอฟ รู้สึกว่าคนนี้ดูน่าหมั่นไส้หน่อยๆ แต่ตอนนี้คิดว่าตุ้ยก็น่ารัก มีเสน่ห์ดีแฮะ) ในความเห็นส่วนตัวของเรา ตุ้ยที่เล่นหนังเป็นครั้งแรกสอบผ่านแบบสบายๆแม้ว่าอาจจะไม่ได้ถึงได้คะแนนเต็มสิบก็ตาม แต่ก็เกือบแล้ว เท่าที่สามารถรับภาระการเป็นตัวดำเนินเรื่องได้ทั้งเรื่อง ทั้งสุขทั้งเศร้า ยิ้มและร้องไห้ โดยที่ไม่ได้เล่นน้อยหรือล้นจนเกินไปก็นับว่าทำได้ดีมากทีเดียว และถ้ามีโอกาส น่าจะพัฒนาได้อีก ถึงเขาจะเข้าวงการมาจากการประกวดร้องเพลง(มั้ง เอเอฟรุ่นตุ้ยเนี่ยจะเรียกว่าประกวดร้องเพลงได้มั้ยเนี่ย ถึงตุ้ยจะร้องดีสุดก็เหอะ) แต่คิดว่าถ้าตุ้ยคิดจะเอาดีด้านการแสดงก็น่าจะไปได้สวยไม่น้อย
ส่วนกระแต ไม่รู้จะพูดอะไรนอกจาก น่ารักมาก ไม่คิดมาก่อนเลยว่ากระแตจะน่ารักได้ขนาดนี้ ขนาดเราเป็นผู้หญิงยังเผลอยิ้มตามกระแตไปหลายที ถ้าเป็นผู้ชายคงจะละลายไปแล้ว ที่ผ่านมาไม่ค่อยชอบกระแตเท่าไหร่ ถึงเธอจะสวยและเซ็กซี่มากก็ตาม แต่กับเรื่องนี้ เหมือนบทนี้เขียนมาเพื่อกระแตชัดๆ กระแตเก่งที่สามารถเปลี่ยนลุคตัวเองได้อย่างกับเป็นคนละคน แต่เป็นคนใหม่ที่น่ารักกว่าเก่ามาก บทของนาออกมาไม่ได้เยอะมาก แต่ทุกครั้งที่ออกมากลับสะกดสายตาได้อย่างมีเสน่ห์มากจริงๆ ถึงพระเจ้าจะใจร้ายให้ขวานเกิดมามีสามแขนผิดมนุษย์มนาชาวบ้านเขา แต่ถ้าส่งนาลงมาเป็นของขวัญให้แพคคู่กันมาแบบนี้ เราว่ามันเกินคุ้มแล้วล่ะ กระแตเล่นหนังมาหลายเรื่องก็จริง แต่เราว่าเรื่องนี้ทอปฟอร์มที่สุด อาจจะทำให้กระแตได้มีโอกาสได้เข้าไปติดโผแคนดิเดทรางวัลใดรางวัลหนึ่งกับเขาบ้างก็ได้นะ ก็ต้องรอดูกันต่อไป
สุดท้ายขอชมเรื่องการถ่ายภาพหน่อย ฉากสวยมาก โลเกชั่นที่ใช้ในเรื่องสวยจริงๆ ชอบมาก ทุ่งหญ้าสีเขียว ผืนน้ำกว้างใหญ่ ชนบทของไทยมันสวยขนาดนี้เลยหรอ เห็นแล้วอยากไปเที่ยว
ชมมาเยอะแล้วสุดท้ายขอตินิดนึงเรื่องหนังยาวไปนิดหน่อย (หนังยาว2ชั่วโมง) อาจทำให้บางคนที่ไม่ชินอาจจะเมื่อยเนื้อเมื่อยตัวบ้างเล็กน้อย แต่ก็เข้าใจว่าผู้กำกับต้องการใส่อะไรลงไปเยอะ นี่ขนาดเห็นว่าตัดออกไปเยอะแล้วนะเนี่ย แต่ขืนใส่ทั้งหมดสมองอาจจะบวมได้ ไว้รอดูในdvdแล้วกัน ใครไปดูขอแนะนำให้นั่งเก้าอี้ที่สบายๆหน่อย หลังๆหน่อยก็ดี แล้วก็ไปเข้าห้องน้ำซะก่อนจะเข้าไปดู จะได้มีสมาธิซึบซับสิ่งที่หนังต้องการจะสื่อได้แบบเต็มที่
แต่โดยสรุป เราชอบมาก และอยากแนะนำให้ไปดูกัน (ไม่ได้เป็นหน้าม้า เพราะไม่ได้เงินซักกะบาท แต่จริงๆถ้าได้ก็ดีนะ กำลังหิวเลย แต่ไม่อยากฉกเงินจากกองผ้าป่าน่ะ) แต่อยากเชียร์ให้ไปดูจริงๆนะคะ เพราะนานๆหนังไทยที่มีแง่คิดเยอะๆแบบนี้จะมีมาให้เห็นซักเรื่องนึง คิดว่าใครที่ไปดูแบบตั้งใจเข้าไปซึมซับจะได้อะไรดีๆกลับมาด้วยแน่นอน แต่ถ้าใครคิดจะดูแค่เพื่อความบันเทิง เราก็ว่าหนังให้ได้แบบสบายๆเช่นกัน
อยากเป็นกำลังใจให้คนทำหนังดีๆแบบนี้ออกมาได้มีแรงทำต่อไป นายทุนจะได้มาลงทุนกับหนังมีคุณค่าแบบนี้เยอะขึ้น ดีกว่าที่เมืองไทยจะมีแต่หนังผีวิ่งกันไปวิ่งกันมาหรือหนังกระเทยด่าหยาบๆกันไปเรื่อยๆ อย่ารอจนถึงวันที่หนังออกจากโรงแล้ว ไปได้รับคำชมมาจากต่างประเทศ ไปกวาดรางวัลต่างๆมาโดยที่เราต้องมานั่งเสียดายทีหลังว่ารู้งี้ตรูไปดูในโรงซะก็ดีเลยค่ะ
จากคุณ :
ทรายสีขาว ลมหนาว และดาวเต็มฟ้า
- [
20 ก.พ. 51 20:22:36
]
|
|
|
|
|