| เกรด A -> 9-10 คะแนน (151 คน) |
| เกรด B -> 6-8 คะแนน (33 คน) |
| เกรด C -> 3-5 คะแนน (7 คน) |
| เกรด D -> 1-2 คะแนน (25 คน) |
| จำนวนผู้ร่วมโหวตทั้งหมด 216 คน |
ถ้าจะพูดว่าชื่อของ "คงเดช จาตุรันต์รัศมี" ถือเป็นอีกหนึ่งชื่อคุณภาพแห่งวงการหนังไทยของวันนี้ ก็คงไม่ผิดอะไรนักหรอก ...หากก่อนหน้านี้นั้น ในความรู้สึกของผม ก็ยังอาจไม่เต็มปากเต็มคำได้มากเท่าไหร่นัก
แม้ผลงานจากฝีมือการเขียนบทของเขา อย่าง "The Letter" หรือ "เฉิ่ม" จะมีส่วนทำให้ เป็นหนังดีก็จริง หากส่วนตัวผมก็ยังไม่อาจตอบความประทับใจได้ดีเท่าไหร่นัก... หรือกับล่าสุึดใน "Me...Myself" ที่ก็ถือว่ามีเหตุมีผลอะไรที่ลงตัวแล้ว แต่ถ้าจะให้เครดิตมากสุด ที่ทำให้เป็นหนังประทับใจ ผมกลับคิดถึงผู้กำกับ ป๋าอ๊อฟ-พงษ์พัฒน์ ซะมากกว่า
ในส่วนของงานกำกับ จากเรื่องเดียวที่ผมได้ดูอย่าง เฉิ่ม (มี "สยิว" อีกเรื่อง...ที่ไม่ใช่แนวผมซะเท่าไหร่ ...เชื่อมะ?) ...ก็นับว่า ดี ที่สามารถพาอารมณ์คนดูคล้อยตามการกระทำของตัวละครอย่างเรียบง่าย แต่งดงามในความรู้สึก หากก็สุดจะเสียดายของ ที่ต้องมาเจ๊งเอากับฉากหลุดโลกเพียงฉากเดียวเท่านั้น (ใครดูแล้ว คงนึกออกว่าผมหมายถึงฉากไหน)
แม้โดยส่วนตัว(ก่อนหน้าในเวลานี้) อาจจะยังไม่ใคร่ประทับใจกับฝีมือของผู้กำกับ-คนเขียนบทนี้มากมายอะไรนักหนา ...แต่กระนั้น ผมก็ยังนึกรู้สึกอยากจะติดตามงานคนคุณภาพคนนี้ไปเรื่อยๆ และแอบเอาใจช่วย หวังว่าสักวัน งานของเขาที่เข้าตาผมจังๆ จะมาถึงสักที
และแล้วโอกาสนั้นก็มาถึงจนได้ ในหนังที่เป็นทั้งงานกำกับ ควบเขียนบท อีกครั้งหนึ่ง ...กับหนังที่มีชื่อเรียกสั้นๆง่ายๆ หากก็เข้าใจโดยไม่ต้องตีความว่า "กอด"
"กอด" ...ว่าด้วยเรื่องราว สุดสเปเชี่ยน ของคนชื่อ "ขวาน" ...ผู้ชายอีกคนหนึ่ง ที่ดูทั่วๆไป มองผ่านๆก็อาจจะเหมือนว่าธรรมดา ไม่มีอะไรที่พิเศษกว่าชาวบ้านเขาสักเท่าไหร่ หากถ้าความธรรมดานี้ ยังไม่ได้รวมไปถึงแขนข้างซ้ายบนร่างกายของเขา ...ที่มันแปลกประหลาดกว่าชาวบ้าน เมื่อนับเป็นตัวเลขได้ หนึ่ง ..สอง ...เฮ้ย! ขอนับใหม่อีกที หนึ่ง ..สอง
และก็ด้วยความที่มันแปลก(จนกลายเป็นตัว)ประหลาดในสายตาชาวบ้านนี่แหละ ...จึงนำพาให้ความคับแค้นใจระอุถึงขีดสุด และลั่นวาจาจะไปกรุงเทพเพื่อผ่าตัดส่วนเกินที่เกะกะตาพร้อมกับเหตุผลส้นทีนว่า "ไม่มีเสื้อใส่"
ไม่่ว่ามันจะส้นทีนหรือส้นมืออะไรก็ตามแต่ที่ทำให้กล้าเสี่ยง ...แต่เมื่อมันทำเพื่อความสบายตาของเขา และสบายใจของคนรอบข้าง มีหรือถ้าเราเป็นขวาน แล้วจะไม่เลือก
แต่ก็ใช่ว่าภาษาหนังของ คงเดช จะหมายความต้องการบอกกับคนดู ให้เลือกทำตามสิ่งที่ขวานทำเพื่อความสบายของทุกๆฝ่าย... ในทางกลับกันแล้ว กอด เลือกจะพูดในอีกเรื่องที่ส่งผลในด้านลบของใจคนโดยตรงๆ ...ไม่ต้องไปสนเหตุผลส้นตึกอะไรของมันก็ตาม หนังแค่อยากให้เราเห็นว่า สิ่งที่เกิน ไม่ใช่เรื่องที่ต้องทำให้ขาด
แม้ว่าการเลือกกระทำของ ขวาน อาจไม่ใช่เรื่องที่ผิด และมีเหตุมีผลที่สมควร ...หากจนเมื่่อเขาไปทำมันให้ผิดจากความเป็นจริงขึ้นมา สุดท้ายจึงไม่อาจพ้นกับ การหลอกคนอื่น ที่กลับกลายเป็นการหลอกตัวเองในท้ายที่สุด ...และ สุดท้ายแล้วสิ่งที่ขาดหายไป มันก็กลายเป็นส่วนเกินของปมด้อยในจิตใจ ที่เกิดขึ้นเพียงเพราะขวาน ผิดพลาดจะเลือกมองความจริงที่คนอื่นใส่ความเพียงด้านเดียว
จนกว่าที่ ขวาน จะเพิ่งรู้สึกได้ว่าเผลอละเลยความเป็นจริงในด้านของตัวเองไปแล้ว ... ส่วนเกินทางความรู้สึก ในสิ่งที่ขาดหาย ก็กลายเป็นการทำลายตัวตนเนื้อแท้ให้ต้องทนเจ็บปวดอย่างเงียบๆ ...แล้วจนท้ายที่สุด ส่วนเกินนี้ กลับเลือกจะแสดงผลที่ผกผัน มอบความรู้สึกลึกๆว่าเขาก็ยังโดดเดี่ยว ขาดหายซึ่งคนเข้าใจ เมื่อเหตุผลส้นทีนที่เขาเลือกจะทำก็ยังมี คนอยากค่อนขอด ไม่แตกต่างไปจากเดิม
หนังพยายามใส่ใจในรายละเอียดตั้งแต่เริ่มเรื่องมา ...ด้วยการใส่ลักษณะใจคอของ ขวาน ให้เป็นคนๆหนึ่งที่ไม่เคยพอใจในตัวเอง ไม่เป็นปลื้มกับสิ่งที่เขาได้รับมา จากสายตาที่ดูถูกเหยียดหยาม หรือมองเห็นเขาเป็นเพียงตัวตลกน่าหยอกเอิน ...แม้กระทั่งกับคนที่ขวานรักมากที่สุด ก็ไม่แน่ใจว่า ความเป็นผู้ชายธรรมดาๆ(ที่แค่มีอะไรเกิน) อย่าง ขวาน จะทำให้เธอมีความสุขได้ ...คำตอบของความไม่แน่ใจ ก็คือ การที่เขาโดนทอดทิ้ง เพียงเพื่อไปคบกับชายอีกคนที่มีอะไรมากกว่าธรรมดา (ที่ว่ามากกว่าเป็นอะไรไม่แน่ใจ...รู้แต่ว่า มันมาจากอิตาลี อิอิ)
ถ้าสนใจรายละเอียดเพียงเท่านี้ ...นั่นก็คงเพียงพอจะทำให้เรารู้สึกเห็นใจขวาน และอยากสนับสนุนให้เขาไปกรุงเทพฯ โดยไม่ต้องฟังเสียงนกเสียงกาอะไรอีกต่อไปได้แล้ว
หากที่ยังมากไปกว่านั้น ..."กอด" ก็เลือกจะนำเสนอการค้นหาตัวตนของคนๆหนึ่ง จากการเดินทาง และใช้การเดินเรื่องในสไตล์ Road Movie เป็นตัวเก็บประเด็นที่ปล่อยเรี่ยไรเอาไว้ตามทาง เพื่อให้ขวานเดินไปหา และเข้าใจในสิ่งที่เขาเลือกจะเดินทางมา
และ(อาจด้วยเหตุผลทางการตลาด)เพื่อให้เรื่องราวมันมีมากไปกว่า การค้นหาของคนหนึ่งคนแล้ว... "กอด" ก็ยังเลือกจะสร้างตัวละครขึ้นมาอีกตัว เพื่อเป็นคนคู่ขนานที่มีความไม่พอใจเหมือนๆกันกับ ขวาน ...เป็นคาแรกเตอร์ของผู้หญิงใสซื่อคนหนึ่ง ที่มีของบางอย่างเป็นส่วนเกินล้ำหน้าอกหน้าใจ ...และเธอมีชื่อที่สื่อถึงความบ้านนอกว่า "นา"
นา มีความต้องการอยู่หนึ่งอย่าง ที่จะเดินทางไปกรุงเทพ เพื่อตามผัวกลับบ้าน ...ด้วยความที่ไม่เห็นหน้าเห็นตามานานเป็นปี แล้วผู้หญิงคนหนึ่งจะอดรนทนไหวเหรอ ที่ผัวตัวเองไม่เคยได้โทรมา ไม่เคยมีจดหมายมาบอกกล่าวว่าเขาสบายดี ...ฉะนั้นแล้ว สิ่งเดียวที่นาจะทำได้นอกจากทำใจ ก็คือ การเดินทาง
ถ้า ขวาน ถูกกำหนดให้เดินทางมาเพื่อค้นหา ...ส่วนตัว นา ก็เดินทางโดยไม่จำเป็นต้องค้นหาอะไร หากจะไม่ทันได้คาดคิดว่า เธอกลับกลายมาเป็นส่วนหนึ่งที่ขวานกำลังค้นหา...โดยที่ ขวาน ก็ไม่ทันจะรู้ตัว
ถ้าหนังของ คงเดช ที่ชื่อว่า "กอด" มีเรื่องมีราวทั้งหมดอยู่เพียงเท่านี้ ...ก็น่าจะดูเป็นหนังดรามาธรรมดาๆ เรื่องหนึ่ง ที่มีใจความว่ากันแต่การค้นหา เสมือนหนังโรดมูฟวี่ทั่วๆไป...แต่ถ้ามองว่านี่เป็นโรดมูฟวี่แบบไทยๆแล้ว ก็ขอบอกเลยว่า ทำได้ดีมาก และเป็นหนัง Feel Good ที่แฝงสาระ ผสมรวมความน่ารักของตัวหนัง ที่มีทั้งภาพสวยๆ เนื้อหาชิลๆ อีกทั้งความประทับใจซาบซึ้ง ซึ่งไม่ต้องบอกก็รู้ว่าได้อิทธิพลจากความเป็นหนังของ GTH มาเต็มๆ
แต่ที่ ผู้กำกับ-เขียนบท คงเดช ทำให้มันมีมากไปกว่าการเป็นหนังดรามาดีๆอีกเรื่องหนึ่ง ...ก็คือ การสอดใส่ประเด็นเสียดสีสังคมที่ล้ำลึก ควบคู่ไปกับการเดินเรื่องสร้างความประทับใจไปพร้อมๆกัน ...ซึ่งถ้าดูเอาซึ้ง ก็คงได้เพลินกับหนังดูง่ายๆเรื่องหนึ่ง ...แต่ถ้าคิดและตีความตาม มันก็เป็นหนังที่กล้าและแฝงลูกบ้ามากมาย จะทำให้เป็นเรื่องราวที่มีคุณค่ามากไปกว่าความซึ้ง
ความโดดเด่นที่ผมได้เห็นจากการตีความ ...คือ การแฝงสัญลักษณ์ทางภาษาหนังเอาไว้อย่างแอบๆซะมากมาย ...ใครจะไปคาดว่าเนื้อเรื่องที่ดูไม่โดดอะไรไปจากความเป็นหนังดรามาธรรมดาๆอีกเรื่อง กลับสามารถเก็บความลับที่มองผิวเผินก็แทบไม่รู้สึกอะไรไว้ได้อย่างแนบเนียน ...เอาแค่ยกตัวอย่าง ชื่อจริงๆของขวาน "ไตรเทพ" เพียงอย่างเดียว ก็มองเห็นความล้ำลึกในการบ่งชี้แทนลักษณะคาแรกเตอร์ตัวละครชวนให้ทึ่งได้แล้ว ...นี่ถ้าใครสังเกตดีๆ มองกันลึกๆ ก็จะสามารถสนุกไปกับการตามหาจุดลับๆอย่างนี้ ได้เพลินยิ่งไปกว่า การดูเอาความเป็นดรามากันลูกเดียว เสียอีก
แต่ก็อาจด้วยความที่ตัวผม เตรียมตัวเตรียมใจมามองหาความซาบซึ้งเป็นส่วนใหญ่ๆ ด้วยละมั้ง จึงคาดว่า อาจยังมีอีกหลายจุดที่มองไม่เห็น ...หากถ้าเอาแค่ที่ได้มองจากการดูรอบเดียว ก็ชวนให้นึกให้จำจนไม่หวาดไม่ไหวแล้ว
นี่ยังไม่ได้รวมไปถึงการสอดคล้องของเรื่องราวหนังกับการหยอกเอินสังคมที่แทบเป็นเนื้อเดียวกันอีก ...เพราะถ้าดูเอาแบบไม่คิดอะไร ก็อาจไม่รู้เลยว่าหนังต้องการจะสื่อสารอะไรกับมุขๆนี้ ...ซึ่งหากมองเพียงแต่เปลือกนอกของมัน ก็อาจจะยังแค่รู้สึกขำขัน ฮาๆ เป็นอะไรที่ดูเอาหนุกๆซะมาก แต่เมื่อเราลองคิดให้ลึกเกินกว่าเปลือกเข้าไป ก็จะเห็นการเสียดสีอย่างตั้งใจที่ถี่ถ้วน และคิดเหตุการณ์ให้เกิดเป็นมุขที่ชาญฉลาดได้อีก
คนบางคน อาจจะคิดในแง่ที่ดูเอาขำๆ กลับไม่รู้สึกอะไรมากกว่าการเป็นมุขตลกดาดๆ ดูจบฉากแล้วก็ปล่อยให้มัน delete ในความจำอัตโนมัติ ...ส่วนตัวผม กลับรู้สึกว่ามันตรึงใจยังไงไม่รู้ ทั้งบอกให้เก็ทด้วยก็จะพูดไม่ถูกอีกต่างหาก
การแสดงหนังเป็นครั้งแรกของ "ตุ้ย-เกียรติกมล" แห่งบ้าน AF3 ...ถือว่าทำได้ดีเกินกว่าคาด ทั้งยังเข้าถึงตัวตนและจิตใจของ ไอ้ขวาน จนเราเชื่อในบทที่เขาเป็น ...แม้จะเคยเห็นงานละครเรื่องก่อนหน้า หรือตามรายการทีวีต่างๆ เป็นคนที่ดูจะขำขัน มันส์ๆ ร่าเริงได้ตลอด ...แต่กับคาแรกเตอร์ที่ต้องเครียดจริงจังกับชีวิตมันทั้งเรื่อง พี่ตุ้ยเขาก็เอาอยู่ ยังอาจไม่ถึงกับยอดเยี่ยม แต่ก็ต้องยอมรับว่าเขาเก่งรอบด้านจริงๆ
ส่วน "กระแต-ศุภักษร" ...คนนี้ อาจไม่เชื่อสายตาว่าก่อนหน้า เคยเล่นแต่หนังขาย SEX..Y มาตลอด ...แต่กับบทสาวบ้านๆ(ที่อกดันอึ๋ม)อย่าง นา ก็พร้อมจะลบภาพทุกความเซ็ก..ซี่ ทิ้งไป และทดแทนด้วยเสน่ห์ของความเป็นสาวหน้าตาธรรมดาๆ(ค่อนไปทางดี) ที่มีความซื่อ(แต่ไม่บื้อ) และสดใสแก่นๆ(แต่ไม่11รดจนเกินเลย) ซึ่งทำเอาใจหนุ่มๆ ที่กำลังนั่งตาซึมตาเชื่อง แทบจะละลายกันโดยถ้วนหน้า ...อาจจะยกเว้นแต่ว่าหนุ่มคนนั้น ออกแนว เก้ง หรือ กวาง นั่นก็ต้องเป็นอีกเรื่อง (ไม่โดนด่านังชะนีร้องหาผัว...ก็นับว่าโชคดีแล้วล่ะนะ หุหุ)
และที่เกินคาดไปอีกขั้นของ กระแต ...ก็คือ การทำได้ดีมากๆ กับการเล่นหนังดรามาเต็มตัวอย่างนี้ ...เธอสามารถสะกดคนดูให้เชื่อในความรู้สึกของเธอได้อย่างเต็มที่ และอินไปตามธรรมชาติการแสดงที่ไม่พยายามจะขายความอึ๋มเหมือนเช่นเคยเป็นในสมัยอยู่ค่ายเสี่ยเจียง
สุดท้ายแล้ว กอด ก็อาจจะเป็นได้เพียงแค่หนังดรามาดีๆอีกเรื่องหนึ่ง หากท้ายที่สุดแล้ว หนังไม่สามารถทำให้เราเชื่ออย่างพอดีๆจนลึกซึ้งไปถึงหัวใจ ...มันอาจจะเป็นเหมือน The Letter ถ้าเรื่องราวของมันพยายามมากจนเกิน หรือเป็นเช่น เฉิ่ม ที่ขาดความถี่ถ้วนกับบางเรื่องในการบอกเล่า
แต่ในเมื่อ คงเดช จาตุรันต์รัศมี สามารถกลมความเป็นผู้กำกับที่แม่นยำในจังหวะ และคนเขียนบทที่เก่งกาจในการบอกเล่า ได้อย่างลงตัวเป็นที่สุด ...หนังเรื่องล่าสุดของเขา จึงกลายเป็น หนังที่ไม่มีอะไรเกินเลย หรือขาดหาย ...ถึงอาจจะยังไม่ยอดเยี่ยมเป็นที่สุดเมื่อเทียบกับหนังดรามาเอกอุอีกหลายหลากในสต๊อคความจำของผม มันก็ยังพอเพียงจะทำให้ผมประทับใจและรักในหนังเรื่องนี้ ที่มีชื่อเรียกสั้นๆง่ายๆ หากก็เข้าใจโดยไม่ต้องตีความว่า "กอด"
แม้ทว่า "กอด" ของ ขวาน อาจจะไม่อบอุ่นเท่าเดิม เมื่อเขาเลือกจะตัดส่วนที่เกินออก ...แต่ถ้าหากสิ่งที่ขาดไป มันถูกเติมเต็มด้วย 'ความรัก' ที่เต็มไปด้วย 'ความเข้าใจ' แล้ว ไม่ว่าจะปัจจัยอะไรจากภายนอกมาพร่ำบอก ก็มิอาจขวางกั้นให้เขาต้องโดดเดี่ยว อยู่ทนโธ่เป็นตัวประหลาด ได้อีกต่อไป... กับส่วนเกินที่เคยมีและรู้สึกแย่มาตลอด ก็พร้อมจะปล่อยปละเลอะเลือนมันในชั่วขณะ เพียงชั่วพริบเวลาที่ได้ กอด ใครสักคน
นี่แหละ สิ่งที่ "กอด" ทำได้อย่างล้ำลึก มากเกินไปกว่าความรู้สึกจากปาก หรืออวัยวะส่วนอื่นใด จะสามารถแสดงออกได้เทียมเท่า
"กอด" ... นี่คือ หนังของ คงเดช ที่เข้าตาถึงใจผมมากที่สุด ทั้งยังเป็นอีกครั้งของ GTH ที่ทำให้ผม รักคุณเข้าอีกแล้ว ...แม้หน้าหนังอาจจะบอกว่าเป็นหนังรักแอ๊บหวานอีกเรื่องหนึ่งที่เหมาะสำหรับการดูกับแฟน หากความเป็นจริงแล้ว นี่คือหนังที่คนจะโสดหรือไม่โสด สามารถดูกันได้สะดวกใจโดยไม่มีข้อแม้จะไม่อิน ...เพียง ความอบอุ่น ที่คุณจะได้รับ มันก็อาจมากเกินพอจะยกให้หนังเรื่องนี้เป็นอีกหนึ่งหนังดีในใจคุณโดยแน่แท้
ขอแนะนำเป็นอย่างยิ่ง...ครับ
เกรด A
ส่วนที่ขีดเส้นใต้เน้นข้อความ... ซึ่งที่เน้นนั้นจะเป็นที่ผมพูดถึง ส่วน ดูดี-ดูด้อยในหนังครับ ...สำหรับบางคนที่ยังไม่ได้ดูหนัง แล้วอยากจะรู้ว่าหนังมีอะไรดี มีอะไรด้อยบ้าง ก็อ่านเอาจากที่ผมขีดเส้นใต้ไว้ก็ได้เลยครับ ตามแต่สะดวกละกัน
2 หนังเกรด A ว่าที่ออสการ์ ที่ผมเชียร์ให้คุณได้ดู :
เรื่องแรก ...สุดยอดของความเทพ ที่ถ้าออสการ์มองข้ามก็น่าเสียดายยิ่งๆ
"Atonement" ... ยอกย้อน -> เด็ก/ผู้ใหญ่ <- ความแตกต่าง -> ความจริง/ความลวง <- สับสน
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=onceupon&month=18-02-2008&group=2&gblog=112
เรื่องที่สอง ...สุดยอดของความแหวกขนบหนังรางวัล ที่น่ายกขึ้นหิ้ง หนังคลาสสิค (แต่ความอยากให้ได้ออสการ์น้อยกว่าเรื่องแรกนิดนึง) "There Will Be Blood" (ฉายเฉพาะที่ ลิโด ที่เดียวเท่านั้น)
สำหรับทุกคนที่ได้เผลอเข้ามาในกระทู้รีวิวนี้ ...อย่าเพิ่งรีบออกไปนะครับ อยากขอให้ช่วยลงความเห็นของคุณกับความรู้สึกต่อหนังเรื่องนี้ ได้ประทับเก็บไว้ในกระทู้นี้ด้วย... "1 Comment ของคุณ มีค่าเท่ากับ 1 Happy ของ จขกท."
ขอบคุณครับ รักคนอ่าน...
และ... ขอขอบคุณทุกคนที่ช่วยกันโหวตกระทู้นี้ จนติดกระทู้โหวตแนะนำนะครับ... หวังเพียงว่ารีวิวนี้จะเป็นส่วนเล็กที่พอจะช่วยบอกต่อให้กับหนังไม่มากก็น้อย
แก้ไขเมื่อ 28 ก.พ. 51 11:21:31
แก้ไขเมื่อ 22 ก.พ. 51 19:14:25
แก้ไขเมื่อ 22 ก.พ. 51 17:30:30