 |
นึกว่า 'เกิน' ที่แท้ 'ขาด'
บทวิจารณ์ "กอด" ในหนังสือพิมพ์สยามรัฐ ฉบับวันอังคารที่ 26 กุมภาพันธ์ 2551 ค่ะ
เขียนโดย คุณหนึ่ง ธนาธร
นึกว่า 'เกิน' ที่แท้ 'ขาด'
น่าดีใจที่ประเดิมปีใหม่มาได้ 2 เดือนผมก็ได้หนังไทยที่มีคุณภาพระดับ "เข้าชิงรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยม" ได้เลย 2 เรื่องติดๆกันคือ "รักสยามเท่าฟ้า" และล่าสุดกับผลงานเรื่อง "กอด"
ด้วยพล็อตเรื่องที่ว่าด้วย "ชายหนุ่มผู้มี 3 มือ กับ สาวสวยที่นมโต" ฟังดูน่าจะเป็นหนังอีโรติกเกรดบี ที่ขายความประหลาดที่มากับฉากเซ็กซ์ไร้ระดับ แต่หลังจากที่ได้ดู "เนื้อจริง" ผมบอกได้ว่า
"ถ้าถึงสิ้นปี ไม่มีหนังที่เจ๋งกว่านี้ "กอด" ก็มีสิทธิ์คว้ารางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมแห่งปีได้เลยทีเดียว"
ชื่อ คงเดช จาตุรันต์รัศมี คือชื่อหนึ่งของคนเขียนบทภาพยนตร์ ที่ผมมั่นใจว่า บทหนังที่เขาเขียนจะมี "อะไร" ซ่อนอยู่แน่นอน พิจารณาจากผลงานที่ผ่านมาอย่าง สยิว , เฉิ่ม , เดอะ เลตเตอร์ จดหมายรัก , หนูหิ่น เดอะ มูฟวี่ , Me Myself ขอให้รักจงเจริญ จนมาถึงเรื่องนี้
"กอด" คือผลงาน "ทะลักจุดแตก" ของคงเดช ในแง่ของคุณภาพ ที่หลังจากลองเขียนบทให้ชาวบ้าน ลองกำกับหนังเองบ้างมาแล้วพักหนึ่ง เขาเก็บประสบการณ์ที่ได้มา แล้วจัดการ ขจัดจุดด้อย เน้นจุดเด่น แล้วลงมือปรุงผลงานเรื่อง "กอด" ที่เขารับหน้าที่ทั้ง เขียนบทและกำกับฯ จนออกมาเป็นผลงานที่ "เนียนละเมียด" เหลือเกิน
เรื่องราวของ ขวาน (ตุ้ย-เกียรติกมล) ชายหนุ่มผู้มี 3 แขน ที่เดินทางเข้ากรุงเทพฯ หวังจะไปตัดแขนที่ 3 ทิ้ง เพื่อจะได้เป็นปกติเหมือนชาวบ้านเขา ระหว่างทางเขาได้พบกับ นา (กระแต-ศุภักษร) หญิงสาวที่ถูกผู้ชายลวนลาม ขวาน ช่วยเธอไว้ นา บอกเขาว่าเธอรต้องการที่จะเข้ากรุงเทพฯ เพื่อไปตามหาผัว ทั้งสองตกลงที่จะเดินทางไปด้วยกัน และนั่นคือ การเริ่มต้นเดินทางไปด้วยกัน และ แม้ไม่ได้ตั้งใจจะค้นหา แต่ทั้งสองกลับค้นพบ "บางสิ่งบางอย่าง"ที่หัวใจโหยหามาตลอด
ขวาน ออกเดินทางด้วยค้วยความรู้สึกว่า คำที่แม่เคยพร่ำบอกเขาตลอดว่า "แขนที่ 3 ของเขาคือ "เด็กพิเศษ" ที่แท้จริงแล้วไม่ใช่ เพราะในสายตาคนอื่นเขาคือ "ตัวประหลาด" "ตัวตลก" ที่ทำให้เขารู้สึกอับอาย หลังการจากไปของแม่ เขาดำเนินชีวิตมาได้เรื่อยๆ กระทั่งการจากไปของ "ช่างตัดเสื้อ" ที่เป็นคนเดียวที่ตัด "สามแขน" ให้เขาใส่มาตายอย่างกระทันหันทำให้เขาตัดสินใจเดินทางเข้ากรุงเทพฯเพื่อที่จะ "ตัดแขน" ที่เกินทิ้ง
ระหว่างการเดินทาง ขวาน พบว่า ถึงแม้เขาจะยังคงเป็น "ตัวประหลาด" "ตัวตลก" ไปจนถึงเป็น "ตัวซวย" แต่เขาก็ได้พบ "มุมดีๆ" ของการมี "3 แขน" ที่ทำให้เขาได้ใช้มันเพื่อช่วยเหลือคนอื่นได้หลายครั้งหลายครา เขาเริ่มได้คิดว่า บางทีมันอาจไม่ใช่เรื่องของ "ส่วนเกิน" แต่อย่างใด
เช่นเดียวกับ "นา" ที่รู้สึกอึดอัดมาตลอดกับการที่ผู้คน โดยเฉพาะ "ผู้ชาย" ที่มักจะ "มองนม" เธอมากกว่าที่จะมองที่ตัวตนแท้ๆของเธอ จนกระทั่งมาเจอ "ขวาน" ชายผู้มีบางอย่าง "มากเกินไป" เหมือนเธอ
การได้ร่วมผจญภัยไปด้วยกัน ทำให้ทั้งสองได้เห็นภาพสะท้อนที่ชัดเจนขึ้นว่า
ที่แท้แล้ว มันไม่ใช่เรื่องของ "ส่วนเกิน" แต่ที่แท้มันเป็นเรื่องของ "ส่วนที่ขาด" มากกว่าสิ่งที่ทั้งสองต่างโหยหาก็คือ อ้อมกอดที่ อบอุ่น ปลอดภัย จาก "ใครสักคน" ที่จะทำให้ทั้งสองรู้สึก "มั่นคงในชีวิต"
ขณะที่ "นา" ต้องการอ้อมกอดจาก "ผัว" ที่ทิ้งเธอเข้ากรุงเทพฯ เพื่อตามความฝันที่อยากจะเป็น "นักมายากล" "ขวาน" ก็ต้องการอ้อมกอดจาก "พ่อ" ที่ทิ้งเขาไปเพราะรับไม่ได้ที่เขามี "3 แขน" จาก "แม่" ที่ด่วนมาจากไปอย่างไม่มีวันกลับ
การได้พบกันของ ขวาน กับ นา จึงเป็นการเติมเต็มกันและกัน ด้วยอ้อมกอดของความรัก ที่ต่างโหยหากันมานาน
แต่ยี่ห้อ คงเดช แค่ "สาร" ดังกล่าว มันอาจจะดู น้อยเกินไป ระหว่างการเดินทางของ ขวาน กับ นา คงเดชได้ใช้ตัวละครทั้งสองของเขา พาผู้ชมไป "ทัวร์ประเทศไทย" เพื่อสะท้อนวิถีของสังคมไทยอย่างที่เราๆท่านๆคุ้นเคยกันดี
"ขวาน" เหมือนเป็นตัวแทนของความคิดแบบอนุรักษ์นิยมที่ยึดมั่นตามความเชื่อ วัฒนธรรมประเพณี ค่านิยมตั้งแต่ดั้งเดิม เช่น ผู้หญิงต้องรักนวลสงวนตัว ต้องมีศีลธรรม ไม่ทำบาป ขณะที่ "นา" ก็เป็นตัวแทนของคนรุ่นใหม่ที่ยึดแนว "ทุนนิยม" ที่สะท้อนผ่านพฤติกรรมของทั้งสอง
ดังในฉากที่ ทั้งสองหิวจัดแต่ไม่มีเงิน ขณะเดินผ่านต้นกฐินในงานวัด นายุให้เขาฉกเงินจากต้นกฐิน แต่ขวานไม่ยอม ด้วยเห็นว่าเป็นบาป แต่สุดท้ายนาก็ฉกมาจนได้ โดยให้เหตุผลว่า เงินนั้นเขาตั้งใจนำมาช่วยเหลือทำบุญอยู่แล้ว และตอนนี้เรา 2 คนก็ไม่มีจะกินจึงไม่ถือว่าผิด อีกอย่างเราก็เอามาแค่พอกิน ไม่ได้เอามามากมาย
ระหว่างทาง บทหนังของ คงเดช ยังใช้ตัวละคร ขวาน กับ นา เดินผ่าน "วิถีคนไทย" หลากหลายแง่มุม ทั้งปัญหาเรื่องการเผาป่า ในฉากที่ทั้งสองไปนั่งกินอาหารในร้านต่างจังหวัดแล้วมองเห็นข้างทางถูกไฟเผาป่า , ปัญหาเรื่องชนต่างด้าวที่ทะลักเข้ามาหากินในบ้านเรา , ปัญหาเรื่องการเล่นการพนัน ทั้ง เล่นหวย ใบ้หวย เข้าบ่อน ที่เป็นกิจกรรมที่ฝังเข้าเส้นเลือดคนไทยไปแล้ว ฯลฯ
ขณะเดียวกันก็สะท้อน "ภาพดี" ของสังคมไทย ภาพความมีน้ำใจช่วยเหลือกันของชาวบ้านที่มีต่อ ขวาน และ นา ภาพการทำบุญไหว้พระ
หรือ ฉากที่ นา จะให้ขวาน จูบ แต่ ขวาน กลับบอกว่า "เป็นผู้หญิงต้องรักนวลสงวนตัว"
เหล่านี้เป็น "สาร" ที่ คงเดช ตั้งใจใส่มาให้ผู้ชม ในแบบใครเก็บได้ก็เก็บได้ไป หรือจะพอใจแค่ความสนุก ความประทับใจจากโครงเรื่องหลัก หนังก็มีฉากรักซึ้งๆอึ้งๆ ฉากเรียกน้ำตา เจือด้วยอารมณ์ขันไปตลอดเรื่อง
ซึ่งสิ่งนี้ ทำให้ "กอด" เป็นมากกว่า หนังรักของชายสามแขนกับสาวนมโต แต่เป็น หนังรักสะท้องวิถีไทย ที่งดงาม ละเมียดละไม
ถ้า "รักสยามเท่าฟ้า" ของ ธนิตย์ จิตนุกูล คือ เรื่องเล่าของชายหนุ่มบ้านๆ ที่เล่าเรื่องอย่าง จริงใจ ซื่อใส ตรงไป ตรงมา "กอด" ของ คงเดช จาตุรันต์รัศมี ก็คือ เรื่องเล่าของปัญญาชนที่ที่ต้องการจะบอกเรื่องราวที่ "เขาค้นพบ" หลังการ "เฝ้ามองชีวิต" ที่ผ่านมา ซึ่งเขาอยากจะบอกเล่าให้คนอื่นได้รับรู้
และสิ่งที่ทั้งสองมีเหมือนกันคือ "จิตวิญญาณของความเป็นไทย" ที่ทั้งสองตั้งใจและบรรจงใส่ใส่ไว้ในผลงาน 2 เรื่องนี้ ถ้าเผอิญหนัง 2 เรื่องนี้ เกิดไปโด่งดังในต่างประเทศ นี่ก็จะเป็นผลงาน "ประกาศความเป็นไทย" ที่ งดงาม ได้ใจ ไม่ดัดจริตไม่ปรุงแต่งจนเกินพอดี ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมมองหาใน "หนังไทย" มาตลอด และขอปรบมือดังๆให้ผูกำกับฯทั้ง 2 ท่าน แม้ว่าผมอาจจะยืนปรบมืออยู่คนเดียวก็ตาม
ตุ้ย-เกียรติกมล คือ ตัวแทนของชายไทยรากหญ้าได้สมบูรณ์แบบ ในแบบที่ ศรราม เทพพิทักษ์ ครองตำแหน่งนี้มาก่อนจากผลงานหลายเรื่องของเขา รวมทั้ง "รักสยามเท่าฟ้า"
กระแต-ศุภักษร คือ นักแสดงหญิงนมโต ที่ผมดีใจกับเธอ ที่ "นมโตของเธอ" ไม่อาจทำให้เธอกลายเป็นแค่ "เซ็กซี่สตาร์ไร้สมอง" ที่เอาแต่โชว์นมจากเต้าไปวันๆเพื่อสร้างกระแสข่าว แต่เธอโชคดีที่มีคนมองเห็น "เนื้อดี" ข้างในของเธอ ที่มีมากกว่าแค่ "นมโต" เธอ เป็นนาได้อย่างสวยใส น่ารัก น่าสงสาร และเป็นธรรมชาติมากๆ ทั้งสองเข้าคู่กันได้ลงตัว หนังมาพร้อมงานด้านภาพที่งามหมดจด ตากล้อง "ใส่" กันตั้งแต่ช็อตแรกที่ปรากฎบนจอเลยทีเดียว และก็รักษาคุณภาพความงามไว้เช่นนั้นไปจนตลอดเรื่อง เพลงและดนตรีประกอบที่ไพเราะและมีความหมาย งานกำกับศิลป์ เสื้อผ้าหน้าผมที่ลงตัว
ถ้าจะมีที่น่าติงบ้าง ที่ผมรู้สึกก็คือ คนที่เล่นบท "แม่พระเอก" ดูไม่ "อิน" เท่าที่ควร เธอส่ง "สัญชาตญาณการเป็นแม่" ได้ไม่ชัดเจนนัก เพราะนี่เป็นส่วนที่สำคัญต่อ "การออกเดินทาง" ของ ขวาน
หลังจากที่ปล่อยให้ เป็นเอก รัตนเรือง,นนทรีย์ นิมิบุตร, วิศิษฎ์ ศาสนเที่ยง , ปรัชญา ปิ่นแก้ว โด่งดังไปก่อนในตลาดโลกในฐานะหนังไทยแนวหน้า ที่มาพร้อมผลงานที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่โดดเด่น
"กอด" จะเป็นผลงานที่จะทำให้ชื่อของ คงเดช จาตุรันต์รัศมี ก้าวไปถึงจุดเดียวกับที่จะมาพร้อม ชื่อเสียง การยอมรับ และรางวัลในระดับนานาชาติ
เตรียมเดินสายรับรางวัลได้เลยผมมั่นใจ
จากคุณ :
ชอบดูหนังคุณภาพ
- [
27 ก.พ. 51 01:04:24
A:58.9.186.229 X: TicketID:164801
]
|
|
|
|
|