CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    ดู{หนัง} วิธ มายเซลฟ์ ; "No Country for Old Men" ... คนชั่วยังมีที่ไป แล้วเหตุไฉน.. คนดีไม่มีที่อยู่?

      เกรด A -> 9-10 คะแนน (17 คน)
      เกรด B -> 6-8 คะแนน (3 คน)
      เกรด C -> 3-5 คะแนน (0 คน)
      เกรด D -> 1-2 คะแนน (1 คน)

    จำนวนผู้ร่วมโหวตทั้งหมด 21 คน

     80.95%
     14.29%
     0.00%
     4.76%


    ในเวลานี้ ถ้าจะให้นึกเดาถึงคำถามแรกๆที่คอหนังพันธุ์แท้ มักจะถามถึงกันเป็นมักๆ ก็คงจะเป็น... "เฮ้ย! ได้ดูหนังออสการ์ยอดเยี่ยมหรือยังวะ?"

    ถ้าคำถามนั้นมีคำตอบเป็นคำว่า ดูแล้ว ...คำถามต่อมา ก็คงจะไม่พ้น "เป็นไงบ้าง เจ๋งปะ ชอบมะ..." อะไรทำนองเนี้ย?

    แต่ถ้าคำตอบของคำถามแรก เป็นคำว่า ยังเลย ...คำถามต่อไปก็จะไม่มี เว้นแต่ว่าจะมีคำเชิญชวนให้ลองไปดูซะ หรือว่า(มัดมือชกเข้าหน่อย) เอ็งต้องดูให้ได้นะเฟ้ย ห้ามพลาดยิ่งๆ

    "No Country for Old Men" ...คือ หนังเรื่องนั้นที่ได้ชื่อว่าเป็น หนังออสการ์ยอดเยี่ยมประจำปี 2008 (ทั้งพ่วงอีก 3 รางวัลสาขาสำคัญๆทั้งนั้น) ...และที่มากไปกว่านั้น ก็ยังเป็นหนังที่มีคนหลายต่อหลายคนบอกว่า มันยอดเยี่ยม จนถึงขั้นต้องเป็นอีกหนึ่งงานคลาสสิคที่ในอนาคตต้องจดจำ (อันหลัง จะเว่อร์ไปหรือไม่ อันนี้ยังสรุปไม่ได้)

    "No Country for Old Men" ... เปิดเรื่องด้วยการบ่นพล่ามของบุคคลปริศนาใครคนหนึ่ง (แต่อันนี้ก็ไม่ใช่ปริศนาใดๆ ...สำหรับคนที่รู้เนื้อเรื่องหนังมาล่วงหน้า) ที่บอกเล่าเรื่องราวของการเป็นนายอำเภอ อาชีพที่แสนจะน่าภูมิใจของเขา หากแต่โดยน้ำเสียงที่ผู้ชายคนนี้เล่านั้น มันกลับแฝงนัยความทอดม้วยสร้อยเศร้า ที่เมื่อคิดถึงในวันเก่า แล้วมาเทียบกับในวันนี้ มันเป็นคนละวันที่แตกต่างเพราะพัฒนาการของสังคมช่วยทำให้ต้องเปลี่ยนแปลง

    การก่ออาชญากรรมในวันเก่า กับภาพความจำของผู้ชายคนนี้ ...คือ ความไม่ยากเย็น ทั้งในการกระทำ และความรู้สึก ที่จะสามารถสื่อสารรู้ความคิดอ่านของคนเป็นโจร ได้โดยไม่ซับซ้อน ซ่อนเบื้องลึกเบื้องหลังอะไรนัก ...เมื่ออยากมีตังค์ ก็ไปปล้น เมื่ออยากขึ้นสวรรค์ ก็ไปข่มขืนใครสักคนให้หายอยาก หรือเมื่อแค้นใครนัก ก็หยิบปืนมายิงให้มันดับดิ้นไป ...ก็แค่นั้น

    แต่กับการก่ออาชญากรรมในวันนี้ กับภาพในจินตนาการของผู้ชายคนนั้น ...มันกลับเป็นภาพที่เต็มไปด้วยความลึกลับ ซับซ้อน มีเงื่อนงำ หรือเหตุผลหลายหลาก ที่ยากจะตัดสินชี้ชัดได้เพียงเรื่องใดเรื่องหนึ่งโดยตรง ...เมื่อเปรียบเทียบความคิดอ่านของคนเป็นโจรในวันนี้ แผนการในหัว กระทั่งการแก้ไขสถานการณ์ กลับลึกล้ำ ลึกซึ้ง องอาจพอจะนำหน้าผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ ได้โดยละม่อม

    "No Country for Old Men" ... เปิดคดีด้วยภาพของชายวัยฉกรรจ์คนหนึ่งกำลังเดินล่าสัตว์อยู่ในทะเลทรายอันแห้งแล้ง ในระหว่างนั้นด้วยความบังเอิญ เขาได้ไปพบเจอกับกลุ่มศพที่นอนแน่นิ่งจมบนกองเลือดสดๆ เหมือนมันเพิ่งเกิดเหตุการณ์อะไรร้ายแรงบางอย่างไม่นานมานี้ ...แล้วด้วยความที่เป็นคนช่างสังเกตเสียเหลือเกิน ก็ได้ไปเจอกับยาเสพติดกองใหญ่ และเงินในกระเป๋า ที่ประมาณคร่าวๆได้เป็นหลักล้าน ...และแล้วด้วยจิตสำนึกของความโลภเพียงแค่ชั่ววูบ ก็ได้บังเกิดความคิดให้เขายึดเอาเงินทั้งหมดมาเป็นของตัว หวังจะรวยทางลัดอย่างบังเอิญๆกันเช่นนี้

    แต่แล้ว เรื่องราวทุกอย่างที่น่าจะสุขสงบได้ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น และคงไม่มีใครรู้ไม่มีใครเห็นถึงเงินก้อนนี้ ...ก็บังเกิดเหตุให้ต้องพลิกผัน เปลี่ยนความโชคดีกลายเป็นซวยมหันต์ แค่เพราะจิตสำนึกของความ(อยาก)เป็นคนดีเพียงชั่ววูบเท่านั้น ...

    เมื่อตอนกลางวัน ผู้ชายคนนั้นเลือกจะหยิบเงินมาเปล่าๆ โดยทิ้งผู้ชายหนึ่งคนที่รอดตาย ในสภาพล่อแล่ให้เตรียมตัวตายอย่างโดดเดี่ยวและทรมาน... จนตอนกลางคืน ผู้ชายคนนี้ กลับเพิ่งคิดออกว่าจะต้องตอบแทนอะไรบ้าง ...หากว่ามันก็สายไปเสียแล้ว เมื่อเขาไปถึงที่แห่งนั้น ในเวลาเดียวกับที่ เกมการไล่ล่ากำลังจะต้องเริ่มขึ้น โดยมีหนึ่งอาชญากรสุดอำมหิต กระหายใจจดจ่อที่จะปิดเกมนี้ให้เสร็จโดยสมบูรณ์

    ภารกิจในเกมของอาชญากรนายนี้ มีสองอย่าง คือ การตามหาเงิน และคนที่หยิบมันไป ...ซึ่งในภารกิจแรก เมื่อได้มา ต้องเอาไปคืนผู้ว่าจ้าง ...ส่วนภารกิจที่สอง เมื่อได้เจอ ต้องเอาคืนให้มันตายอย่างสาสม

    เมื่อเกมได้ดำเนินไป ในระหว่างที่คนสองคนต่างกำลังล่า และหนี จนสุดหล้าฟ้าเขียว ...อีกหนึ่งตัวละครที่ถูกชักนำให้ต้องเข้ามาเกี่ยวพันอย่างเลี่ยงไม่ได้ ก็คือ นายอำเภอ ...ผู้เล่าเรื่องในฉากแรก ทั้งยังเป็นจุดศูนย์กลางของหนังเรื่องนี้ตัวจริง

    แม้พลอตที่ถูกวางเอาไว้ในตอนต้น จะว่ากันด้วยเรื่องระทึกขวัญอันเกิดจากเกมไล่ล่าที่มีตัวเอกทั้งสองเป็นแกนกลางของหนัง ...หากเมื่อเราติดตามไปเรื่อยๆ ก็จะเห็นได้ว่า พลอตหลักไม่ได้ต้องการเอาความบันเทิงเป็นสำคัญ แต่มันเป็นเรื่องราวที่พูดถึงก้นบึ้งในใจของผู้ชายคนหนึ่งที่เป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ มาเนิ่นนาน ได้ผ่านสถานการณ์มาหลากหน้าหลายรูปแบบจนเคยชิน แต่ก็ยังไม่สามารถเข้าใจในรูปการณ์อันแท้จริงที่กำลังเป็นไปของอาชญากรรมในวันนี้

    แม้ตัวสองพี่น้อง "ตระกูลโคเอน" อาจจะเคยพ้นผ่านการทำหนังในสไตล์เดียวกัน เรื่องราวแนวครือกัน อย่าง Fargo มาก่อนหน้า ...หากแต่สิ่งที่ต้องการสื่อสารในเรื่องใหม่ มันก็มีจุดที่แตกต่าง และวิเคราะห์ลงไปในแง่มุมความคิดของตัวละครหนึ่งที่กำหนดให้เขาเป็นผู้พิทักษ์กฎหมายในวัยชราใกล้เกษียณ ...เป็นคนที่เคยได้ชื่อว่ามีไฟ หากแต่ในปัจจุบัน ไฟของเขากำลังมอดลงเรื่อยๆ และมันจะต้องหมดลงสักวันที่ชีวิตของเขาได้ไปถึงฝั่งนั้นสักที

    --------------------------------------------------------------------------------

    (ตั้งแต่บรรทัดนี้เป็นต้นไป มีการ SPOILER ในจุดสำคัญของเรื่อง ...ใครที่ยังไม่ได้ดู ควรจะอ่านข้ามไปก่อน)






    นายอำเภอ "เอ็ด เบลล์" เคยเป็นคนที่มีความเชื่อมั่นในการกระทำทุกๆอย่างที่วิเคราะห์และตัดสินได้อย่างแน่ใจ ในทุกคดีอาชญากรรมที่เกิดขึ้นในดินแดนของเขา... ตลอดเวลาที่เขาเป็นนายอำเภอมา เขาคือคนๆเดียวที่ชาวบ้านแน่ใจว่าเขาจะสามารถจัดการทุกเรื่องทุกราวได้อย่างสำเร็จ และนั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้แดนดินถิ่นเท็กซัส มีแต่ความสุขสงบเรื่อยมา ด้วยอุดมการณ์อันยึดมั่นความเป็นระเบียบของเบลล์ที่ไม่เคยสั่นคลอน

    หากในวันนี้ ความเป็นจริงของสังคมอันฟอนเฟะ ได้รบกวนความเป็นระเบียบในแง่ของกฎหมาย ให้แทนที่ด้วยกฎหมู่ ซึ่งคนที่เรียกตัวเองว่า อาชญากร ตัดสินความยุติธรรมกันไปเอง... มันก็เป็นดังเฉกเช่น กับเรื่องราวของการไล่ล่าที่เกิดขึ้นในหนังนั่นแล ที่ผู้ร้ายของหนังคือคนที่ตัดสินความถูกผิดด้วยกฎที่ตัวเองเป็นคนตั้งขึ้นมา (โยนเหรียญ หัว-ก้อย...ทายถูก รอด ผิด ตาย) ไม่เคยสนหัวกฎหมายอะไร และกล้าจะมั่นใจว่าย่อมทำอะไรคนอย่างมันไม่ได้อย่างแน่นอน

    ซึ่งมันก็เป็นความจริง ที่กฎหมายไม่สามารถทำอะไรกับ "อันตอน ชิการ์" อาชญากรที่มั่นใจได้ว่างานทุกอย่างต้องเนี้ยบ ในการกระทำทุกสิ่งมีแววความฉลาดแฝงอยู่นัยน์ตาอันเย็นชา และสามารถนำหน้าคนที่เป็นศัตรู(คือ กฎหมาย)โดยไม่มีพิรุธ ...แม้กระทั่งกับคนที่ได้ชื่อว่า เชี่ยวชาญในการตามกลิ่นชั่วๆที่สุดแห่งเท็กซัส อย่าง นายอำเภอเบลล์ ก็ทำได้แค่ตามรอยเท้าเป็นอย่างเก่ง

    กระนั้นแล้ว ก็ไม่ได้หมายความว่า ชิการ์ ฉลาดเป็นกรด อัจฉริยะแห่งนรกส่งมาเกิดแต่อย่างใด ...เพราะสิ่งที่หนังทำให้เราได้เห็นจริงๆ ก็คือ ภาพที่ นายอำเภอเบลล์ สามารถคาดเดานึกภาพความเป็นไปต่างๆในแผนการของ ชิการ์ ได้ (แถมยังอยู่ในรูปการณ์ที่เข้าท่า และใกล้ความจริงอีกต่างหาก) ...หากแต่เป็นตัวของนายอำเภอเอง ที่เลือกจะไม่ใส่ใจและลงลึกในรายละเอียดไปให้สุดๆ ...เขากลับคิดขอแค่เพียงตามรอยเท้า ส่วนเรื่องที่เหลือขอเพียงให้มีกลิ่นลอยตามมาก็เท่านั้น

    แม้ทว่าสุดท้าย กลิ่นนั้นก็มาได้จริงๆ หากแต่มันก็อยู่ในช่วงเวลาที่สายเกินไป ...สายเกินจะแก้เกมให้ตกมาอยู่ในโอกาสของคนดี และเลือกจะปล่อยให้คนชั่วสามารถลอยนวล (และเฉียดกับตัวเองไปนิ่มๆ) โดยมิทันจะได้เห็นใบหน้าอำมหิตเยือกเย็นตัวจริงที่เอาชนะเขาได้ในท้ายที่สุด

    นั่นจึงเป็นเหตุเป็นผลของสิ่งที่ เบลล์ พูดในฉากแรกของหนัง ...มันคือเรื่องที่เขาไม่เข้าใจตัวเอง ว่าทำไมทุกวันนี้ เขาไม่เคยจะทันความคิดและการกระทำของคนที่เรียกตัวเองว่า อาชญากร ได้เลย

    ความเป็นจริงที่มีเหตุมีผลที่สุด ...ไม่ใช่ เบลล์ ที่ไม่เข้าใจในแผนการของอาชญากรหรอก และควรเป็นเขานี่แหละ คือตัวจริงที่จะฟาดฟันกับผู้ร้ายในหนังได้อย่างสมน้ำสมเนื้อ ...หากแต่วิธีการที่เขาเลือกปฏิบัติ กลับคือการปล่อยวาง และทำได้เพียงแต่บ่นพร่ำกับตัวเองว่าเขาคงแก่เกินไปที่จะเข้าใจเรื่องราวทุกอย่างที่เรียกว่า อาชญากรรม ในวันนี้ได้

    ในระหว่างที่เรากำลังดูหนัง เราอาจจะคาดเดาไม่ออกว่าเรื่องราวมันจะจบลงอย่างไร ...หากเมื่อเราได้ดูจนจบ และกลับมาย้อนคิดอีกสักหน ก็อาจจะพบว่า หนังเรื่องนี้ได้เลือกตอนจบของตัวเองเอาไว้แล้ว ตั้งแต่ต้นๆเรื่อง ที่ นายอำเภอ เบลล์ เลือกจะนั่ง นั่ง และนั่ง ทอดม้วยอยู่กับที่ แล้วมองอนาคตในหัว แบบที่หวังดีปลอดภัยเอาไว้ก่อน ...ซึ่งในความเป็นจริงของวันนี้ อย่าหวังจะได้คิดกันอย่างงั้นเลยเชียว นอกจากจะเป็นการหลอกตัวเอง ยังจะเปลี่ยนจุดจบของเรื่องราวทุกอย่างให้ถึงความงี่เง่าอย่างเป็นที่สุด ...เฉกเช่น ที่ตอนจบของหนังเรื่องนี้เป็น ...คือ ตอนจบที่ชิการ์ ยังคงหลุดรอดลอยนวลไปได้ ทั้งๆที่มีอะไรบางอย่างอุตส่าห์หยุดเขาเอาไว้ได้แล้วเชียว ...หรือถ้าจะไม่หาว่าหักหาญน้ำใจกันเกินไป ก็ลองมองในกรณีของ สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ของเราเป็นตัวอย่างชัดๆก็ยังได้

    ในเมื่อทุกวันนี้ คนที่ได้ชื่อว่าเป็น ผู้พิทักษ์กฎหมาย เลือกจะทำได้แต่เพียงการ นั่ง นั่ง และนั่ง อยู่นิ่งๆกับที่ และสักจะเข้าใจแต่ในความต้องเป็นไปของสำนวน ธรรมะย่อมชนะอธรรม กันอย่างนี้ ...จึงไม่แปลกอะไรที่เหล่าผู้ร้าย ซึ่งเลือก ขยับ ขยับ และขยับ จะสามารถเข้าใจว่าสุดท้ายแล้ว สำนวนอะไรนั่นทำอะไรพวกมันไม่ได้ซะหรอก

    ฉะนั้นแล้ว ชื่อของหนังที่แปลกันตรงๆโต้งๆว่า "ไม่มีดินแดนสำหรับคนแก่" จึงเป็นชื่อที่สอดคล้องกับความเป็นจริงของหนัง รวมไปถึงสังคมในปัจจุบันได้อย่างถูกต้องที่สุด... และถ้าจะเหมารวมเอาชัดเจนกว่านี้ ก็คงจะยังหมายความถึง "คนดี" เข้าไปด้วย

    คนดี ในที่นี้ ...ไม่ได้เหมารวมทุกๆคนที่ได้ชื่อว่าเป็น คนดี ที่ได้เห็นมีตัวตน และเคลื่อนไหวอยู่จริง ...หากแต่ที่ผมและพี่น้องโคเอน คงเข้าใจเหมือนๆกัน ก็คือ คนที่มักจะอยู่ในหลักแหล่งที่ตายตัว อาศัยในซอกหลืบของคำว่า "คนดี" แล้วไม่ขยับเขยื้อนไปไหน เลือกที่จะยัดตัวเองให้ติดกับกรอบทางความคิดที่เชื่อว่า ดี แล้วสุดท้ายทุกอย่างจะต้อง ดี ตามกันไปเอง... นั่นมันเป็นเพียงแค่ ความดี ในอุดมคติ บนโลกใบนี้ และมันย่อมไม่เคยเกิดขึ้นจริง เพียงถ้า คนดี ที่ว่านั้น ไม่เลือกจะทำอะไรที่ว่า ดี อย่างจริงๆจังๆสักที

    อย่างเช่น เรื่องของ สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่มีคนเคยบอกว่าตอนนี้มันกำลังดีขึ้นแล้ว ...มันย่อมจะเห็นผลได้ชัดเจนยิ่งว่า ดีขึ้น ก็ต่อเมื่อคนที่ทำได้แต่นั่ง นั่ง และนั่ง นั้น ลุกขึ้นมาทำอะไรที่จริงๆจังๆสักที ไม่ใช่สักแต่พูดว่ามันกำลังดี โดยที่ความจริงมันคือคำโกหกกันชัดๆ

    ตราบใดที่คนชั่ว ยังคงมีที่ไปในวันนี้ ...ตราบนั้นแล้ว คนดีอย่างท่านๆ ก็คงจะไม่มีที่อยู่เป็นหลักเป็นแหล่ง หรืออย่างดีก็เพียงแต่ลอยไปลอยมา และไม่อาจจะมีใครมองเห็นว่า ท่านเป็นคนดีจริงๆ ในสายตาเราๆได้หรอก ...ข้อความนี้ขอฝากถึงคน(ที่ว่า)ดี ด้วยความหวังดี แม้ความจริงแท้อาจจะเป็นความหวังที่มองไม่เห็นก็ตามทีเถอะ






    (จบการ SPOILER)

    แก้ไขเมื่อ 28 ก.พ. 51 11:11:50

     
     

    จากคุณ : OncE UPoN'-'a MaN - [ 28 ก.พ. 51 11:11:19 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | PanTown.com | BlogGang.com