CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    <<<<<<<<<< ดูแล้วมาคุยกัน ... กอด , เพราะ การกอด ทำให้รู้ว่า เราไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวในโลก >>>>>>>>>>

      ชอบมาก ห้ามพลาด (102 คน)
      ชอบ (31 คน)
      เฉยๆ (8 คน)
      ไม่ชอบ (6 คน)
      ไม่ชอบมาก เสียดายตังค์ (11 คน)

    จำนวนผู้ร่วมโหวตทั้งหมด 158 คน

     64.56%
     19.62%
     5.06%
     3.80%
     6.96%


    เลือกอ่านบทความนี้พร้อมรูป อ่านความเห็นอื่นๆ และ ชวนมาแสดงความเห็นเพิ่มเติมที่ http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=aorta&month=27-02-2008&group=14&gblog=75


    ... อ่านเจอมาว่า แรกเริ่มเดิมที ผู้กำกับคงเดช ไม่ได้ตั้งต้นที่จะใช้ชื่อหนังเรื่องนี้ว่า กอด

    เมื่อดูหนังจบ ผมยินดีที่หนังเรื่องนี้ชื่อ กอด เพราะ กอด คือชื่อที่เหมาะสม และ คำว่า กอด เองก็เป็นกริยาที่ผมรู้สึกว่าสวยงาม ใช้ได้กับทุกคนไม่จำกัดใช้เฉพาะกับคู่รัก


    ปลอบพ่อแม่กอดลูก เพื่อ ปลอบประโลมใจให้ความอบอุ่น

    เพื่อนกอดกัน เพื่อ ยืนยันความสมัครสมานกลมเกลียว

    คนรักกอดกัน เพื่อ ให้รู้ว่าเธอยังมีฉันอยู่ข้างกาย

    คนที่จากลากอดกัน เพื่อ บอกให้รู้ว่าจะจดจำความรู้สึกนี้ไว้ตลอดไป

    เรากอดตัวเองได้ในวันที่ไม่มีใคร เพื่อให้อย่างน้อยรู้ว่า เรายังรักตัวเอง และ การที่มีใครมากอดเรา ก็ทำให้อย่างน้อยรู้ได้รู้ว่า วินาทีนั้นเราไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวในโลก




    ... กอด คือ เรื่องราวชีวิตของ ขวาน กับ นา คนสองคนที่มีบางสิ่งเกินมาในชีวิต และ ก็มีบางอย่างที่ชีวิตนั้นขาดหายไป

    ...ขวาน เกิดมามี 3 แขน มีคนล้อมีคนมองเป็นตัวประหลาด นา เกิดมาหน้าอกโต มีแต่ผู้ชายจ้องสนใจแต่นมกับข่มขืน

    ...ขวาน ขาด คนที่เข้าใจและยอมรับ นา ขาด คนที่จะรักและห่วงใย


    ... ความแตกต่างในการมีส่วนเกินของทั้งคู่ อยู่ที่ ขวาน ไม่ชอบสิ่งที่ตัวเองมีและต้องการกำจัดมันออกไป ส่วน นา ถึงจะไม่ชอบให้คนสนใจแต่นม นาก็ไม่เคยคิดจะไปจัดการให้นมเล็กลง

    ดังนั้น การเดินทางเข้ากรุงของสองคนนี้ มีความต่างกันก็ตรง คนหนึ่ง เป็นคนที่ไม่สามารถยอมรับสิ่งที่ตัวเองเป็น และเดินทางเพื่อหวังเปลี่ยนแปลงตัวเองให้คนรอบข้างยอมรับ ขณะที่ อีกคน สามารถยอมรับสิ่งที่ตัวเองเป็น และเดินทางเพื่อตามหาคนที่เคยรัก

    ชีวิตของ ขวาน กับ นา อาจดูห่างไกลเกินชีวิตของคนดูอยางเราๆ แขนที่สามอาจเป็นอะไรที่ดูสุดโต่งไกลตัว แต่ หากนั่งคิดดีๆ เราจะพบว่า ความเป็นขวานและนา อยู่ในตัวเราทุกคนไม่มากก็น้อยในแต่ละวัน


    ...เมื่อมองโลกผ่านสายตาของ manขวาน ก็ทำให้เราได้เห็น การมองตัวเอง

    ขวาน เป็น ตัวแทนของการมองตัวเอง ที่มักจะผ่านสายตาเอ็กซเรย์ที่ส่องหาข้อบกพร่อง เช่น อ้วนเกินไป ดำมากไป แล้วพอเห็นจุดด้อยก็คอยแต่จะตำหนิ ฉันมันแย่ ฉันมันน่ารังเกียจ ทั้งที่ส่วนเกินที่เห็น มันเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของเราตลอดมา และ มันก็มีส่วนช่วยให้เราเติบโตจนถึงทุกวันนี้ เช่น แขนที่สามของขวาน เคยช่วยชีวิตเด็กให้รอดตาย เคยช่วยเขาทำงานหาเงินได้ในและวัน


    แขนที่สามของขวาน ก็เหมือนกับขาที่โก่ง แขนที่โต ซึ่งเรามองว่าอัปลักษณ์ โดยลืมนึกไปว่า ขาที่โก่งก็ช่วยให้เราหยัดยืนและเดินทางมาจนถึงทุกวันนี้ เช่นเดียวกับแขนที่โตก็ช่วยเราหาข้าวหาปลา เลี้ยงพ่อแม่เลี้ยงลูกมาถึงปัจจุบัน

    แขนที่สามของขวาน ก็เหมือนกับสิวฝ้า เหมือนพุง เหมือนรอยตีนกา ที่มนุษย์มัวแต่หมกมุ่นและเอาคุณค่าในตัวเองไปแขวนไว้กับสิ่งเหล่านั้น ทั้งที่จริงต่อให้ รักษาสิว ลดพุง ฉีดโบท๊อกซ์ แต่ทำตัวไม่น่ารัก ทำตัวน่ารังเกียจ คุณค่าในตัวเองก็ไม่ได้มีสูงขึ้นแต่อย่างใด


    ... เมื่อมองโลกผ่านสายตาของ womanนา ก็ทำให้เราได้โอกาสสังเกตตัวเองใน การมองคนอื่น

    นา เป็น ตัวแทนของการมองคนอื่น ที่เราเคยชินกับการมองรูปลักษณ์ภายนอกจนละเลยภายใน การเลือกกระแตมารับบทนี้เป็นความฉลาดสองต่อ เพราะ หนึ่ง คนส่วนใหญ่ก็เห็นกระแต แค่ เสื้อผ้าหน้าหุ่นกับอกอึ๋มๆที่ล่วงหน้ามาก่อน ตรงตามวัตถุประสงค์ของหนังต้องการให้รู้สึกกับนา และ สอง กระแตก็พิสูจน์ตัวเองให้คนดูได้เห็นว่า ตัวเองมีความสามารถในการแสดงจริงๆ เหมือน นาพิสูจน์ให้ขวานได้รู้ว่า หน้าอกใหญ่มีข้อดีแต่สิ่งที่ดีกว่าอยู่ข้างในหน้าอกคู่นั้น

    ... หน้าอกของนาที่ใช้โบกรถได้ ก็เหมือนสังคมที่ให้คุณค่า กับ รูปร่างหน้าตา , ระบบเส้นสาย , ทรัพย์สินศักดินา โดยไม่ได้มอง คุณค่าหรือความสามารถภายในตัวคน


    ... เมื่อการเดินทางได้มาถึงที่หมาย ทั้งสองคนสมหวัง ขวานได้ตัดแขน นาได้เจอสามี แต่ทั้งคู่ก็หาได้ มี ความสุข  ดั่งที่หวัง ทั้งคู่ต้องใช้เวลาอยู่พักใหญ่ๆกว่าที่จะค้นพบ สิ่งที่ตัวเองค้นหาที่แท้จริง

    นา สมหวังที่ตามหาผัวจนเจอ ได้เห็นด้วยตาว่าสามีของเธอหนีตามความฝันไปเป็นนักมายากลได้สำเร็จ และ แววตาที่เธอมองเขาเหมือนกับรู้ได้ในวินาทีนั้นว่า ภาพผู้ชายตรงหน้ามีความสุขในชีวิตเพียงพอแล้วโดยไม่ต้องมีเธอ และ หากเธอก้าวไปหาเขา เธอก็จะกลายเป็นส่วนเกิน

    สิ่งที่เธอตามหาในวันนี้ไม่ใช่ สามี แต่ คือ คนที่รักและเห็นคุณค่า คนที่ต้องการมีเธออยู่ข้างกาย


    ...ส่วน ขวาน หลังจากสมหวังที่ได้ตัดแขนที่สามทิ้ง แต่ขวานกลับยังสับสน ไม่รู้ว่าตัวตนนั้นกำลังต้องการอะไร

    ลองย้อนกลับไปตอนต้นเรื่อง หนังเปิดฉากที่ การตายของช่างตัดเสื้อ ซึ่งดูไม่สลักสำคัญอะไรในโลกที่กว้างใหญ่ใบนี้ แต่ สำหรับ ขวาน หลังจากแม่จากไป ช่างตัดเสื้อคือ คนสุดท้ายในโลกที่มองแขนที่สามในตัวเขาอย่างเข้าใจ ไม่รังเกียจ ไม่เห็นเป็นของประหลาดเหมือนคนรอบข้างที่เขาเจอ

    ดังนั้น เมื่อขวานไม่เหลือใครที่มองเขาเป็นคนพิเศษจากภายใน ไม่เหลือใครที่มองรูปลักษณ์ภายนอกเขาเหมือนคนธรรมดา จิตใต้สำนึกจึงส่งให้เขาออกเดินทาง เพราะคิดว่า การตัดแขนจะให้เป็นคนธรรมดา และ ทำให้คนอื่นๆหันมามองเขาอย่างคนปกติทั่วไป


    question แต่ แขน เป็น ปัญหาของ ขวาน จริงหรือ

    สายตาคนอื่น คือ ต้นเหตุของความทุกข์ จริงหรือ




    ...เมื่อ ขวาน พบคำตอบของคำถามข้างต้น ก็จะพบว่า ปัญหาที่ขวานต้องแก้ไข ไม่ใช่ แก้การมองของคนอื่น เพราะ เราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงความคิดคนทั้งโลกให้มองอย่างที่ใจเราคิด แต่เมื่อใดก็ตามที่เราเปลี่ยนโลกทัศน์ของตัวเอง เราจะสามารถมีความสุขในสังคมที่ไม่เป็นดั่งใจ

    เช่นเดียวกัน เมื่อใดที่เรายิ่งกระหน่ำซ้ำเติม ยิ่งตำหนิ ยิ่งดูถูกยิ่งต่อว่าตัวเอง มันจะยิ่งทำให้ตัวเรานั้นห่างไกลจากสิ่งที่ตามหามากขึ้นเรื่อยๆ เพราะจะกลายเป็นว่า


    เราวิ่งไขว่คว้าหาความสุขจากคนอื่นๆ แต่เรากลับสร้างความทุกข์ใจภายในให้ตัวเองไม่เว้นแต่ละวัน


    ...สิ่งที่ ขวานและหลายคนๆ ควรเริ่มต้นทำก่อนเรื่องอื่นใด ไม่ใช่ การหาอ้อมกอดจากคนอื่น แต่ต้องรู้จัก กอดตัวเองให้เป็น เรียนรู้ที่จะยอมรับ และ รักตัวเองในสิ่งที่ตัวเองเป็นอยู่ เรียนรู้ที่จะ Handle me with care เช่นชื่อหนังภาษาฝรั่งที่ตั้งไว้


    ..กว่าที่ ขวาน จะเรียนรู้ว่าไม่จำเป็นเลยที่จะต้องตัดแขนไป ก็สายเกินที่เขาจะรักษาแขนไว้ได้ทัน แต่ การสูญเสียครั้งนี้แลกกับการได้พบคำตอบที่แท้จริงในชีวิตก็อาจจะคุ้มค่า

    เหมือนเช่นขวาน เมื่อเขาเรียนรู้ที่จะยอมรับตัวเอง สายตาเขาก็จะมองเห็นโลกได้กว้างขึ้น มองเห็นความรักได้ชัดเจนขึ้น และ พบว่า เราต่างก็เหมือน ต้นไม้ประหลาด กับนิทานที่ ขวานคุยกับนา

    เราแต่ละคนก็เป็นต้นไม้ที่ไม่สมบูรณ์ ต้นไม้ที่ไม่เหมือนใคร ต้นไม้ที่อาจจะมีกิ่งก้านผิดปกติ มีผลเสียๆเน่าๆ มีใบวิ่นๆแหว่งๆ บางคนอาจเป็นต้นที่แปลกว่าชาวบ้านไปหน่อย แต่ไม่ได้แปลว่า เราเป็นต้นไม้ประหลาดที่หยั่งรากฝังลึกอยู่ต้นเดียวในโลก

    ยังมีต้นไม้อีกมากมายที่เป็นเหมือนๆกับเรา การที่เราแตกต่างไม่ได้แปลว่าเราจะแปลกแยก การที่เราอยู่คนเดียวไม่ได้แปลว่าเป็นที่น่ารังเกียจ เพียงแค่ เราอาจจะอยู่ระหว่างการเดินทางของชีวิตที่ยังไม่พบเพื่อนร่วมเดินทางที่จะมาอยู่เคียงข้างเท่านั้นเอง


    ...ดังนั้น กอด จึงไม่ใช่ หนังรักโรแมนติกกุ๊กกิ๊กหวานชื่น แต่เป็น หนัง road movie ที่เล่าเรื่องการเดินทางของคนสองคน ที่บังเอิญได้มาพบกัน และ กลายเป็นจิ๊กซอว์ที่ต่อเติมในส่วนที่แต่ละคนขาดหายไป

    ขวานเข้าใจสิ่งที่ตัวเองโหยหา ได้พบคนที่เข้าใจและยอมรับ ส่วน นาได้ปล่อยวางรักในอดีตให้ทิ้งไป และพบคนที่รักและพร้อมอยู่เคียงข้างในปัจจุบัน


    ... ที่ผมเกริ่นไว้ตอนต้นว่า ชอบที่หนังเรื่องนี้ตั้งชื่อว่า กอด จะด้วยความบังเอิญหรือตั้งใจก็ตามที เพราะถ้า กอด เป็น สัญลักษณ์ของการเติมเต็ม

    การเดินทางของคนที่มีส่วนเกินส่วนล้นสองคน คือ การค่อยๆโอบกอดให้แก่กันและกันได้ในที่สุด เมื่อพวกเขาค้นพบสิ่งที่ค้นหาจากการเดินทาง ภายใต้ช่วงเวลาสองชั่วโมงในหนังของคงเดช




    (มีต่อ)

    แก้ไขเมื่อ 29 ก.พ. 51 10:35:38

    จากคุณ : "ผมอยู่ข้างหลังคุณ" - [ 29 ก.พ. 51 10:30:50 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | PanTown.com | BlogGang.com