ความคิดเห็นที่ 43
ความเป็นจริงของคนทำหนังคือ รายของหนังได้ครับ หนังเป็นงานศิลปที่แพงที่สุดในบรรดางานศิลปทั้งหมด อย่างถูกที่สุดก็มากกว่ารายได้ของตนส่วนใหญ่ที่หามาได้ตลอดชีงวิต นั่นเพียงแต่หนังเล็กๆนะครับ เพราะฉนั้นนายทุนจะมองเพียงแต่ว่าหนังจะทำเงินหรือเปล่า ก่อนที่เขาจะไฟเขียว เขาต้องมองเห็นว่าหนังเรื่องนั้นจะโดน "แง่ตาเถร" หรือเปล่า คำว่าแง่ตาเถรมีความเป็นมาอย่างไรผมไม่รู้ แต่ในวงการหมายถึงหนังที่ถูกใจคนดู ก่อนนี้นายทุนจะมีคาถาอยู่สี่ข้อที่พวกเขาแน่ใจว่าหนังจะทำเงิน นั่นคือ มิตร, เพชรา, แก้วฟ้า, บางกอก คือนำแสดงโดยมิตร กับ เพชรา ออกเป็นละครวิทยุโดยคณะแก้วฟ้า และเรื่องลงในหนังสือบางกอก จะทำเงินหรือไม่ทำเงนแต่ถ้ามีสี่อย่างนี่ครบก็ไฟเขียวให้ทำครับ สวมัยนี้คงจะเป็นหนังตลก, หนังผีเป็นหลัก ถ้าเป็นหนังตลกหรือหนังผีโอกาสที่จะได้ทำมีมาก หาเรื่องตลก(พื้นๆ) ใช้ดาราตลกที่อยู่ในความนิยมแล้วให้ว่งหนีผี รับประกันนายทุนผ่านไฟเขียว ถ้าหนังได้เงิน เรื่องต่อไปค่อยทำหนังตามที่ใจรัก นี่เป็นคำแนะนำของนักทำหนังที่เก่าที่สุดในวงการครับ ในวงการนี้ จะทำหนังได้ต่อเมื่อมีผลงาน จะมีผลงานได้ต่อเมื่อได้ทำหนัง เขาเรียกว่า Catch 22 ครับ ขอให้โชคดี
จากคุณ :
Cinephile
- [
19 มี.ค. 51 11:22:46
]
|
|
|