CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    <<<<<<< ดูแล้วมาคุยกัน ... Rambo 4 (+3+2+1) , เปิดตำนานจาก 'พี่โบ้' สู่ 'ลุงโบ้' (โอ้มายก๊อด ลุงบึกตายยาก) >>>>>>>

      ชอบมาก ห้ามพลาด (11 คน)
      ชอบ (9 คน)
      เฉยๆ (5 คน)
      ไม่ชอบ (1 คน)
      ไม่ชอบมาก เสียดายตังค์ (3 คน)

    จำนวนผู้ร่วมโหวตทั้งหมด 29 คน

     37.93%
     31.03%
     17.24%
     3.45%
     10.34%


    เลือกอ่านบทความนี้พร้อมรูป และ อ่านความเห็นอื่นๆ และ เชิญชวนมาแสดงความเห็นต่อที่ http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=aorta&month=17-03-2008&group=14&gblog=80


    ...เมื่อมีปัญหาก่อการร้ายในเมืองใหญ่ โปรดเรียกใช้ แจ๊ค บาวเออร์

    เมื่อมีปัญหาโจรฉลาดๆวางแผนอาละวาดระเบิดเมือง โปรดตาม จอห์น แมคเคลน

    แต่

    หากมีสงครามในป่าในเขา ต้องเข้าช่วยคนที่ถูกทหารทั้งกองทัพกักขังไว้ หรือ ต้องการตะลุยเหล่าร้ายประเภทชอบระเบิดภูเขาเผากระท่อมตามหนังของลุงฉลอง โปรดจองตัว จอห์น แรมโบ้



    หนุ่มน้อยปะแป้งปี 1982


    ...ผู้กำกับชื่อแปลก Ted Kotcheff แนะนำให้คนดูรู้จักกับ พี่โบ้ ผ่านหนังชื่อ First Blood อันมีที่มาจากประโยคสนทนาที่ พี่โบ้บอกว่า “ก็พวกมันเป็นคนเริ่มหลั่งเลือด (First Blood ) ก่อน”

    ทั้งที่ พี่โบ้ เองเพิ่งกลับจากสงครามเวียดนาม แล้วแวะไปเยี่ยมเพื่อนในเมืองเล็กๆ เพียงเพราะพี่โบ้ใส่ชุดโทรมๆเสื่อมๆเลยถูกนายอำเภอไล่ออกจากเมือง พอพี่โบ้ไม่ยอม ก็เลยถูกจับแล้วรุมสะกรำโดยเจ้าหน้าที่คนอื่นๆโดยไม่ฟังอีร้าคารมหรือเหตุผลใดๆ ภาพที่โดนทำร้ายซ้อนทับสมัยทำสงครามทำให้ พี่โบ้คลั่ง โต้ตอบกลับแล้วหนีเข้าเขตป่าใกล้ๆเมือง

    ฝั่งเจ้าหน้าที่อยู่ดีไม่ว่าดี ยังอยากลองของ ก็ตามเข้าป่าไล่ล่าพี่โบ้

    แน่นอน เมื่อเข้าป่า ก็เท่ากับ พี่โบ้ คืนถิ่น เมื่อเหล่าตำรวจตามมารังควาน จึงต้องเสร็จพี่โบ้อย่างแน่นอน



    ชีวิตของพี่โบ้ในภาคนี้ สะท้อนภาพวีรบุรุษสงคราม ที่ ความเป็นวีรบุรุษ แทบไม่มีความหมายใดๆ เมื่อ สงครามสงบ และ ตัวสงครามก็ทำลายความเป็นคนในตัวจนหมดสิ้น ครั้นกลับมาใช้ชีวิตปกติเฉกเช่นคนธรรมดา ก็ยังตามถูกรุมยำโดยกฎหมู่ของผู้มีอำนาจในมือ

    พอจะกล่าวได้ว่า พี่โบ้ โดนกระทำจากสงคราม และ โดนกระทำชำเราซ้ำจากทางรัฐและสังคมที่มองเขาเป็นแค่หมากตัวหนึ่งในสงครามเวียดนาม

    ความรู้สึกพี่โบ้ในภาคนี้เจ็บปวดจับใจ เมื่อเขาเปลือยความรู้สึกให้ฟังว่า ตอนอยู่ในสงครามเขาเป็นได้ทุกอย่าง ทำได้ทุกอย่าง มีเพื่อนพ้อง ขับรถถัง คุมอาวุธยุทโธปกรณ์ราคาเป็นล้าน แต่พอกลับมาสู่สังคมปกติกลับทำไม่ได้แม้แต่ล้างรถ

    ตอนท้ายภาคแรกพี่โบ้มีดราม่าน้ำตากระจายใกล้เคียงนิยายชีวิตรันทด จึงทำให้ ภาคนี้เป็นจุดเริ่มต้นของหนังดราม่าแอคชั่นสะท้อนสังคม ที่ดูกี่ครั้งก็ยังสนุก จะดูซ้ำในตอนนี้ก็ยังไม่รู้สึกว่าเชย



    เด็กชายปี 1985


    ...ชีวิตพี่โบ้อยู่ในมือผู้กำกับคนใหม่ George P. Cosmatos ซึ่งได้กำกับลุงสไลใน Cobra ไม่กี่ปีถัดมา และ เคยได้รับการยกย่องชื่นชมในหนังคาวบอยเรื่อง Tombstone

    ภาคนี้ พี่โบ้ ออกมาจากคุกหลังไปพังเมืองเละเทะในภาคแรก เขาได้รับมอบหมายไปถ่ายรูปค่ายที่อาจกักกันทหารอเมริกัน แต่ชะรอยว่า พี่โบ้ จะไม่ได้เกิดมาเพื่อถ่ายรูป แต่ พระเจ้า จอร์จ พี่โบ้เกิดมาเพื่อสิ่งนี้ นั่นคือ สงคราม

    ทำให้แทนที่จะถ่ายรูปดีๆพี่โบ้ดันทะลึ่งตกเครื่องบิน สุดท้ายเลยได้ไปลุยที่เวียดนามช่วยเชลยศึกสมความปรารถนา


    พี่โบ้ในภาคนี้มีนางเอก แถมมี first kiss ให้ฉ่ำชื่นหัวใจ แต่มีไปก็เท่านั้น สุดท้าย พี่โบ้ถูกกระทำย่ำยีซ้ำจากรัฐบาล ซึ่งศัตรูคนไหนก็ไม่ทำให้เสียอารมณ์เท่าพวกเดียวกันที่มาแทงข้างหลังทะลุถึงหัวใจ

    จนทำให้เขากลั้นใจประกาศวาทะดีๆให้ท่านผู้พันผู้เสมือนพ่อคนเดียวให้ฟัง ด้วยอารมณ์เจ็บปวดเสียใจราวกับต้องการประกาศให้คนในชาติได้ยิน กับประโยคดีๆที่ผมชอบมากเมื่อออกจากปากพี่โบ้ว่า

    “ขอแค่ให้ประเทศชาติรักเรา เหมือนที่เรารักชาติบ้างจะได้ไหม”




    manปี 1988


    ... Peter MacDonald มาจากไหนไม่มีใครรู้ รู้แต่พอพี่แกมากำกับพี่โบ้ภาคนี้แล้วอนาคตบนจอใหญ่ก็ดับวูบไปเลย

    ในภาคนี้ พี่โบ้หนีมาพึ่งทางธรรม อยู่เมืองไทยช่วยสร้างวัดสร้างเจดีย์ แล้ว ท่านผู้พันก็มาชวนให้ไปช่วยรบที่อัฟกานิสถาน พี่โบ้ บอกผ่านเพราะคิดจากลาการฆ่าฟัน แต่ท่านผู้พันบอกว่า คนเราหนีสิ่งที่ตัวเองเป็นไม่พ้น พี่โบ้ทำหน้าเหมือนคิดว่า โอ้มันช่างเป็นปรัชญาเซนเหลือเกิน แต่ก็ยังนั่งโบกปูนต่อไป

    ต่อมา ท่านผู้พันดันทำซวยเพราะโดนจับ พี่โบ้จึงต้องกลับเข้าสู่สมรภูมิ


    ภาคนี้มีส่วนสำคัญในการสร้าง แบรนด์ 'แรมโบ้' ให้เป็นตัวละครบ้าระห่ำในหนังแอคชั่นบ้าดีเดือด เพราะ ตัวหนัง ไม่มีอะไรมากไปกว่าการระเบิดภูเขาเผากระท่อม และทำให้คนดูรุ่นใหม่ที่มาดูหนังภาคนี้ อาจเข้าใจผิดว่า หนังพี่โบ้ คือ หนังไมเคิล เบย์แบบเชยๆ

    ฉากเด็ดๆที่ทำให้พี่โบ้ยังคงความเป็นพี่โบ้ นอกจากช็อตเด็ดเอาผ้าคาดหัว คือตอนที่ พี่โบ้กับท่านผู้พันหนีมาเจอกองทัพอัฟกานิสถานนับร้อย ท่านผู้พันถามพี่โบ้ ว่าเอาไงดี พี่โบ้ตอบว่า “เราตีล้อมพวกมันดีกว่า” ท่านผู้พันบอกว่า “ฮาฮาฮา ขำผิดเวลาเว้ย”

    พี่โบ้เลยเปลี่ยนคำตอบว่า “ยิงแม่มมมมเลย” แล้วก็ทำตามนั้น ลุยถั่วเข้าไป สองต่อร้อย ทำไปได้



    นกฮูก20 ปีต่อมา (2008)


    ... พี่โบ้ ย่อมหนีสังขารไม่พ้น เพราะไม่ยอมเปลี่ยนคนเล่น ครั้งนี้จึงต้องกลายมาเป็น ลุงโบ้ อีกทั้ง ลุงโบ้ คงคิดว่าตัวเองผ่านร้อนผ่านหนาวมามาก ลุงโบ้เลยกำกับตัวเองเสียเลย น่าเสียดายที่ ภาคนี้ไม่มีท่านผู้พัน เพราะท่านขึ้นสวรรค์ไปเมื่อห้าหกปีก่อน ตัวละครเก่าๆจึงเหลือลุงโบ้คนเดียว

    ลุงโบ้ หนีมาต่อเรือจับงูเห่าอยู่บนเขา มีกลุ่มมิชชันนารีหวังให้ลุงโบ้ขับเรือพาไปส่งแนวชายแดนพม่าที่ใกล้หมู่บ้านในช่วงเวลาที่แผ่นดินพม่าร้อนเป็นไฟ พวกเขาตั้งใจไปช่วยกะเหรี่ยงชาวบ้าน แต่ ลุงโบ้ไม่ใช่คนที่กล่อมง่ายๆเขาย้อนให้กลุ่มมิชชันนารีกลับบ้านไปเสียเถิด เพราะ เข้าไปแบบไม่มีอาวุธ มันไม่สามารถเปลี่ยนอะไรได้หรอก

    แต่ กลุ่มมิชชันนารีไม่ฟัง เลยหาทางกล่อมลุงโบ้ตามสูตร วัวแก่เคี้ยวหญ้าอ่อน นั่นคือ สาวงามในกลุ่มเข้ามาอ้อนลุงโบ้ พยายามเปลี่ยนการมองโลกของลุงโบ้ เราจึงจะได้เห็น การมีชีวิตที่มองโลกแตกต่างกัน


    ระหว่างลุงโบ้ ที่มอง มนุษย์เป็นสีดำอยางไร้ความหวัง อยู่ในโลกที่สิ้นศรัทธา ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจหากมองย้อนไปในสิ่งที่เขาโดนกระทำจากผู้คนตั้งแต่ภาคแรก ครั้นเมื่อ คนสวยถามว่าไม่เคยคิดกลับบ้านเลยหรือ ไม่แปลกเลยถ้าเธอเคยดู แรมโบ้ ภาคแรก ที่แค่กลับมาเยี่ยมเพื่อนยังโดนต้อนเข้าป่าขนาดนั้น

    อีกมุมหนึ่งคือ การมองโลกของสาวงามและพวกพ้องที่เชื่อมั่นว่า โลกนี้เปลี่ยนแปลงได้และไม่จำเป็นต้องใช้ความรุนแรง แถมคนในกลุ่มยังทะเร่อทะร่าโวยวายตอนลุงโบ้ช่วยฆ่าโจร แถมยังจะบอกว่าจะไปฟ้องตำรวจเพราะพี่โบ้ทำผิดกฎหมาย

    ...ภาพตัวละครทั้งสองฝั่งเหมือนอาศัยอยู่ในโลกอุดมคติสีขาวกับดำ ซึ่งสุดท้ายทั้งสองฝั่งก็พบว่า ในความเป็นจริง ไม่มีสีขาวล้วนหรือดำสนิท โลกยังเปลี่ยนแปลงได้ มนุษย์ยังเปลี่ยนแปลงได้ หากเรามีความเชื่อมั่นและมองจากความเป็นจริงมิใช่ฝังตัวเองในความเป็นอุดมคติจนเกินไป




    ...ต้องเข้าใจตรงกันก่อนว่า แรมโบ้ ไม่ใช่หนังแอคชั่นประเภท 'ลับสมองประลองปัญญา' จึงอย่าคาดหวังการหักเหลี่ยมเฉือนคม

    ลุงโบ้ ไม่ได้โด่งดังมาจากหนังแอคชั่นประเภทระเบิดตูมตาม เพราะภาคแรก แทบจะไม่ได้มีระเบิดมากมายอะไร และ สาระสำคัญก็สะท้อนภาพสังคมที่ไล่ต้อนคนนอกให้เข้ามุมอับ การใช้งานคนเป็นแค่เครื่องมือของหน่วยงานรัฐ และ เปิดประเด็นภาพความโหดร้ายที่รัฐบาลสร้างให้คนธรรมดา กลายเป็น วีรบุรุษ ที่ไม่มีแผ่นดินให้หยัดยืน

    เสียตรงภาคสองกับภาคสาม พี่โบ้ ออกแนว แอคชั่นโม้แหลก จนหาสาระไม่ค่อยเจอ คนเลยติดตาจากสองภาคหลัง

    ...ภาคนี้ ถือเป็นการกลับมาที่ทำได้ดี มีกลิ่นอายของทั้งสามภาคมายำรวมกัน บทหนังมีแง่มุมให้ขบคิดเล็กๆน้อยๆไม่ใช่ปล่อยทหารมายิงกันอย่างเดียว ส่วน 'ฉากโชว์ความเป็นแรมโบ้' ก็ไม่ทำให้แฟนเก่าต้องผิดหวัง อาทิเช่น ฉากโผล่มาข้างหลังช้าๆแล้วจับภาพนิ่งก่อนเชือด และ ฉากแอคชั่นประเภทม้ามกระจายไตกระจุย สาแก่ใจคอหนังแอคชั่นที่โหยหาความมันส์เหมือนสมัยก่อน

    ฉากแอคชั่นทำได้ดีทีเดียว ไม่ทันสมัยวูบวาบเกินเหตุเหมือนหนังสมัยใหม่และก็ไม่ได้เชยสะบัดชวนหน่ายหนี อีกทั้งการสร้างภาพเหล่าทหารพม่าก็ทำได้เลวร้ายต่ำทราม เช่นเดียวกับ บรรยากาศในพม่าที่โหดเหี้ยมเหมือนแอฟริกาใน Blood diamond จนไม่แปลกใจหากพม่าจะเลือกแบนหนังเรื่องนี้

    ...คงต้องชม ลุงสไลที่กลับมากำกับหนังตัวเองทั้งสองเรื่องไม่ว่าจะเป็นเรื่องของนักมวยหรือนักรบได้ดีพอสมควร ในฐานะแฟนพี่โบ้คนหนึ่ง ถือว่า เป็นการกลับมาที่น่าพึงพอใจ ส่วนตัวแล้วชอบที่สุดรองจากภาคแรก (และแปลกแต่จริงที่ แรมโบ้ภาคแรกไม่ได้มีชื่อหนังว่า Rambo แต่ชื่อนี้คือชื่อของภาค 4 ที่กำลังฉายอยู่ เพราะภาคแรกหนังใช้ชื่อว่า First Blood แต่บังเอิญชื่อตัวละครกลับดังเกินชื่อหนัง)



    สรุป ... จอห์น แมคเคลน กลับมาแล้ว น่าประทับใจ

    จอห์น แรมโบ้ ก็กลับมา ไม่น่าผิดหวัง

    เหลือคนเดียว ที่ปีนี้คนดูหนังส่วนรอได้พิสูจน์ว่า ปู่อินดี้ จะกลับมาเหวี่ยงแส้ได้พ้นตัวหรือเปล่า




    ป.ล. smile จขกท.ขอเชิญชวนเพื่อนผู้อ่านในกระทู้ ใน Blog และ ใน Book มาเยี่ยมเยือนพูดคุยและบังคับรับลายเซ็น ที่ บูธซีเอ็ด ใน งานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ วันอาทิตย์ที่ 6 เมษายน เที่ยงครึ่งถึงบ่ายสองโมง จ้า (อย่าปล่อยข้าพเจ้านั่งหง่าวเพียงลำพังเลย)

    แก้ไขเมื่อ 19 มี.ค. 51 15:36:36

    จากคุณ : "ผมอยู่ข้างหลังคุณ" - [ 19 มี.ค. 51 15:29:04 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom